Whizdom The Forestias

James Marston Fitch สถาปนิก นักประวัติศาสตร์และนักอนุรักษ์ชาวอเมริกัน เคยพูดเอาไว้น่าสนใจเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ เมืองและธรรมชาติ ว่า “𝐂𝐢𝐭𝐢𝐞𝐬 𝐧𝐞𝐞𝐝 𝐭𝐫𝐞𝐞𝐬, 𝐧𝐨𝐭 𝐣𝐮𝐬𝐭 𝐭𝐨 𝐥𝐨𝐨𝐤 𝐚𝐭 𝐛𝐮𝐭 𝐭𝐨 𝐥𝐢𝐯𝐞 𝐰𝐢𝐭𝐡.” ชี้ให้เห็นว่า ต้นไม้เป็นส่วนสำคัญของชีวิตในเมือง ไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามแต่ต้องเข้าถึงในทุกการอยู่อาศัย

.

คุณค่าของต้นไม้ยังมีส่วนช่วยในสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ทั้งช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศด้วยการกรองมลพิษ ลดผลกระทบจากปรากฏการณ์คลื่นความร้อนในเมืองด้วยการให้ร่มเงา ให้เรารู้สึกเย็นสบาย การเข้าถึงพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ ช่วยให้เราลดความเครียดลงได้ การได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางต้นไม่้น้อยใหญ่ จึงเป็นเรื่องสำคัญในฐานะคนเมืองที่เราควรให้ความสำคัญ

.

กานต์ได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายรูปเพื่อทำสื่อโฆษณาให้กับโครงการ Whizdom The Forestias มาครับ เป็นการเยือนในครั้งที่ 2 ห่างไปประมาณ 4 ปี เราจึงได้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน ต้นไม้โตขึ้นเยอะมาก กลายเป็นป่ากว้าง ดูเขียวชอุ่ม อิ่มเอมใจ มองไปทางไหนก็สดชื่นจนลืมไปว่าเราอยู่กันที่ย่านบางนานี่เองครับ

.

รีวิวนี้เรามีด้วยกัน 2 พาร์ท ครับ เริ่มจากรีวิวก่อนหน้า เราพาไปชมอาคารที่พักอาศัยของโครงการ Whizdom The Forestias Petopia กันมาแล้ว กานต์ว่าคนรักสัตว์เลี้ยงน้องหมา น้องแมวจะต้องชอบมากแน่นอน

.

ส่วนพาร์ทนี้จะพาไปชมอีก 2 อาคารคือ Mytopia คอนเซปต์เหมาะสำหรับกานต์มากครับคือออกแบบมาสำหรับคนโสดหรือคู่รักที่สามารถมีไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเองได้เต็มที่ ชีวิตได้เหมือนอยู่ใจกลางเมือง จากห้องจะมองเห็นวิวป่าสีเขียวกว้างใหญ่ได้อย่างเต็มตา ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนถูกผืนป่าอันร่มรื่นโอบล้อมอยู่ในทุกวัน ตื่นมาตอนเช้าเราจะได้ยินเสียงนกร้องปลุกและมีเสียงจักจั่นร้องเรไรในยามค่ำคืน ราวกับเป็นเสียงเพลงที่ช่วยขับกล่อมในทุกช่วงเวลาที่เราอาศัยอยู่ในบ้าน

.

Destinia ก็น่าอยู่เช่นกัน เหมาะสำหรับคนมีครอบครัว เพราะได้มีเวลาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย สามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างเต็มที่พร้อมกับเทควิวสีเขียวของป่าได้ตลอดเวลา

.

นอกจากการมุ่งมั่นสร้างคุณภาพที่ดีในการอยู่อาศัยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจในทุกโครงการจาก MQDC รวมถึง Whizdom The Forestias ที่กานต์ประทับใจคือ MQDC 30-YEAR WARRANTY* เป็นการรับประกันนานถึง 30 ปี ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับเราในอยู่อาศัย สะท้อนไปถึงมาตรฐานการก่อสร้างโครงการที่อยู่ในระดับสูงถึงกล้าการันตีเช่นนี้

ติดตามอ่านเรื่องราวในแต่ละแคปชั่นและชมภาพถ่ายที่กานต์กดชัตเตอร์มาฝากกันนะครับกับบรรยากาศของโครงการ Whizdom The Forestias Destinia & Mytopia

.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1265

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

Whizdom The Forestias เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ภายใต้แนวคิด Live it all การใช้ชีวิตท่ามกลางผืนป่า 30 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Forestias by MQDC โครงการเมืองแห่งความสุขบนที่พักอาศัยท่ามกลางผืนป่าบนเนื้อที่ 398 ไร่ เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางชีวภาพ หรือ Biodiversity โดยมีแนวทางการพัฒนาโครงการด้วยการนำความมหัศจรรย์ของธรรมชาติกับมนุษย์มาอยู่ร่วมกัน ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพ เอื้อประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตที่ดี ผสานกับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมเพื่อความสุขที่ยั่งยืนในการอยู่อาศัย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ระบบนิเวศ 
ในโครงการ The Forestias by MQDC ประกอบไปด้วยอาคารที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้ง คอนโดมิเนียม วิลล่า ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งโรงแรม 6 ดาว พื้นที่สำนักงานพร้อมวิวธรรมชาติ, ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เพื่อเป็นจุดหมายแห่งใหม่ของความสุขเหนือจินตนาการ เต็มไปด้วยประสบการณ์พิเศษต่างๆ มากมาย ทั้งโชว์สุดยิ่งใหญ่, โรงละคร, Sunday Market, Immersive Experience ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชั่น
โครงการตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.7 ซึ่งเป็นทำเลที่ความเป็นเมืองเริ่มขยายตัวออกมา มี Mega Project เกิดขึ้นมากมาย The Forestias by MQDC ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สำคัญคือการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะแผนพัฒนาเรื่องระบบการขนส่งในอนาคตอันใกล้ที่จะทำให้ทำเลบางนามีความน่าสนใจและเติบโตมากยิ่งขึ้น
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างอยู่ภายในโครงการทำให้เราไม่อยากออกไปไหนแล้ว รอบๆ โครงการยังมีตัวเลือกอีกเยอะมาก
มีโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล อาทิ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลไทยนครินทร์, โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ตลอดจนสถาบันการศึกษาและโรงเรียนนานาชาติระดับคุณภาพที่อยู่รอบๆ โครงการ ได้แก่ Concordian International school, โรงเรียนนานาชาติ Thai-Singapore, โรงเรียนบางกอกพัฒนา, International Community School, โรงเรียนราฟเฟิล อเมริกัน, Berkeley International School, St. Andrews International School, Wells International School เป็นต้น 
คอนโดมิเนียม Whizdom The Forestias เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Forestias by MQDC ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย 3 อาคารที่มีคอนเซปต์แตกต่างกันไป ได้แก่ อาคาร Destinia ความสูง 50 ชั้น จำนวน 465 ยูนิต และ Mytopia ความสูง 42 ชั้น จำนวน 360 ยูนิต ออกแบบให้เป็น 2 อาคารที่เชื่อมต่อกันด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ หลากหลายฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งจะตอบโจทย์หนุ่มสาวโสดที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง คู่รักหรือครอบครัวที่มีลูกเล็ก เพราะมีพื้นที่ธรรมชาติที่เติมพัฒนาการของเด็กมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรมในครอบครัว อีกหนึ่งอาคารที่แยกตัวออกไปคือ Petopia ความสูง 43 ชั้น จำนวน 294 ยูนิต เป็นอาคารที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับคนที่รักสัตว์เลี้ยง ซึ่งแยกฟังก์ชันการใช้งานและพื้นที่ส่วนกลางออกไปจากอีก 2 อาคารอย่างชัดเจน กานต์พาไปรีวิวมาแล้วในโพสต์ก่อนหน้านี้ 
พาร์ทนี้กานต์จึงจะพาไปชมบรรยากาศของอาคาร Destinia และ Mytopia กันบ้างครับ 
เมื่อมาถึงโครงการเราจะพบกับวงเวียนบ่อน้ำ มีฉากหลังเป็น 2 อาคารเชื่อมต่อกันตรงกลางที่บริเวณชั้นล่างและพื้นที่ส่วนกลางชั้น 7 มองตรงเข้าไปด้านในจะเป็น Arrival Courtyard 
เราเดินมาชมอาคารทางซ้ายคือ Destinia ที่ออกแบบมาสำหรับคู่รักและครอบครัว การออกแบบและตกแต่งจึงเน่้นสีเอิร์ธโทนให้ความอบอุ่น เป็นกันเอง ประดับด้วยต้นไม้ให้ความรู้สึกสดชื่น สบายตา สบายใจ 
บริเวณชั้นหนึ่งจะเป็น Forest Lobby ที่แยกฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย เริ่มจากเคาน์เตอร์ให้บริการของเจ้าหน้าที่โครงการ ซึ่งในอนาคตสามารถปรับเป็นบาร์สำหรับดื่มชา กาแฟวางเก้าอี้สตูลทรงสูงนั่งสบายๆ ที่มุมนี้ได้ บริเวณนี้จัดวางชุดเก้าอี้ที่นั่งสีน้ำตาล เทา เขียว บุด้วยผ้าและหนังกลับ โต๊ะกลางทำจากไม้ ให้ฟีลลิ่งถึงความเป็นธรรมชาติ เป็นหนึ่งเดียวกับกับวิวสีเขียวของต้นไม้ด้านนอก ที่ส่องแสงผ่านกระจกใสบานใหญ่ ทำให้ Lobby ดูโปร่ง โล่ง อยู่สบาย เหมาะเป็นมุมพักผ่อนและต้อนรับแขก 
ถัดเข้าไปด้านในมี Waiting lounge ห้องพักคอยสำหรับนั่งรอรถยนต์ของเราที่กำลังลงมาพร้อมจอบอกสถานะ 
โครงการ Whizdom The Forestias ให้ที่จอดรถ 100% (Conventional & Automatic Parking) ถือเป็นไม่กี่โครงการให้จัดเต็มให้มากขนาดนี้ โครงการยังได้จัดให้มีจุดบริการ EV Charging Station รองรับสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วย 
อีกด้านนอกจากจะมีชุดโซฟาจัดเอาไว้ให้นั่งแล้วยังมีโต๊ะยาวเพื่อใช้เป็น Co-working Space สำหรับนั่งทำงาน อ่านหนังสือหรือพักผ่อนในวันสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียวเบื้องหน้า 
ด้านในยังจัดให้มีพื้นที่นั่งสำหรับพักผ่อนชมวิวสวนส่วนกลางพร้อมที่นั่งริมระเบียง สำหรับสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า 
“The early morning hour should be dedicated to two things: one’s cup of coffee and one’s quiet time in nature.”

— Terri Guillemets, The Quote Garden 
พื้นที่ส่วนกลางของทั้ง 2 อาคารจะเชื่อมต่อกันที่ชั้น 7 ชั้น 8 และชั้น 9 เราสามารถกดลิฟต์ขึ้นมาได้เลยครับ จะมีลิฟต์แยกในแต่ละอาคารเพื่อความสะดวกรวดเร็ว โถงกลางจะเป็น Social Lounge 
ภายในจัดวางที่นั่งกระจายกันไปในหลายจุดเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนของลูกบ้านเมื่อยามมานั่งพักผ่อนหรือนัดหมายแขกให้มาพูดคุยธุระกัน พร้อมโต๊ะกลางขนาดใหญ่สำหรับนั่งประชุม คุยงาน อ่านหนังสือ บรรยากาศภายในค่อนข้างสบาย นั่งนานๆ ได้ไม่อึดอัด มีความสูงโปร่งเปิดช่องแสงผ่านกระจกทรงสูงโดยรอบให้ความรู้สึกหรูหรา โอ่อ่า ผ่อนคลาย 
พื้นที่ส่วนกลางยังออกแบบให้เป็นพื้นที่สันทนาการสำหรับเด็ก นั่นคือ Kids Learning Space ประกอบด้วย Kid’s Club และ Kid’s Gym เป็นพื้นที่ที่ดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ เพื่อให้เติบโตกับสิ่งแวดล้อมที่ดีในทุกๆวัน
โดยทางโครงการได้จัดเตรียมของเล่นเสริมพัฒนาการ นิทานสำหรับเด็ก จัดวางกระจายกันไปในหลายมุม ทั้งยังได้พักผ่อน
มีพื้นที่สำหรับเล่นสนุกสนาน ทั้งสไลเดอร์ บ่อบอล ปีนผาจำลอง ห้องต่อเลโก้ โดยมีหลักในการออกแบบคือคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสำคัญ
ส่วนด้านในออกแบบให้มีห้องสันทนาการ สำหรับใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน โครงการจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่เอาไว้ด้านในให้นั่งพูดคุยกันพร้อมกับการชมวิวสวยๆ และมีโต๊ะพูลขนาดใหญ่เอาไว้ให้สนุกสนานผ่อนคลายไปด้วยกัน
ส่วนด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ Infinite Edge Pool ออกแบบให้มีทั้งโซนที่อยู่กลางแจ้งและในร่ม
เราสามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงเพราะ Main Lab มีความยาวถึง 30 เมตร หรือจะแช่ตัวสบายๆ ไปพร้อมกับการชมวิวป่าสีเขียวเพื่อความผ่อนคลายก็ได้
โครงการจัดให้มีสระเด็กแยกเอาไว้ มีเดย์เบดให้นั่งเล่นรับลมเย็นสบายก็ได้ฟีล Happy มีความสุขมากแล้วครับ
ชั้น 8 เปฺ็นพื้นที่ส่วนกลางเช่นกัน ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยช่องเปิดทรงกระบอกที่ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เอาไว้ภายในอาคารเพื่อให้สัมพันธ์กับบริบทโดยรอบโครงการและสร้างความสดชื่น เปิดรับแสงจาก Sky Light ชั้น 9 ลงมาเพื่อให้เรารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ
ชั้นนี้เป็นฟิตเนสขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายสุดไฮเทคของ Technogym ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine ที่จะมอบประสบการณ์เหนือระดับกับการออกกำลังกายในแบบ Luxury ให้กับเรา แต่ที่ชอบคือการจัดวางลู่วิ่งสำหรับคาร์ดิโอไว้ริมผนังกระจกใส ให้เราออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวป่าสีเขียวของ The Forestias ในมุมสูง พื้นที่สีเขียวมองไปสุดลูกหูลูกตา แอบเห็นยอดไม้โบกมือทักทายให้กำลังใจเราเพื่อก้าวสู่ความฟิตแอนด์เฟิร์ม อยากแนะนำว่า หากต้องการเพิ่มความคึกคักเติมเอนเนอจี้ แนะนำให้ใส่หูฟังแล้วเปิดจังหวะ EDM หรือเพลงที่มีบีทสนุกๆ ระหว่างออกกำลังกายไปด้วย จะช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่าให้เราได้ดี ขณะที่อีกด้านจัดให้มีโซนฟรีเวทให้เราออกกำลังเพื่อสุขภาพได้ตามใจ บรรยากาศแบบโปร่งสบาย ออกกำลังกายได้ไม่อึดอัด แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อย แนะนำให้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างชมวิวสีเขียว เพียงเท่านี้ก็ได้ Reboost ตัวเองขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าได้ระดับหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีห้อง Hydrotherapy อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ดูแลสุขภาพ เป็นการให้เราได้ฝึกเคลื่อนไหวต้านน้ำได้ง่ายทำให้เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เป็นการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ มีล็อคเกอร์สำหรับเก็บของและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ใกล้ๆ กัน ยังมีห้องซาวน่า เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและเติมเต็มสุขภาพที่ดีหลังจากการออกกำลังเอาไว้ให้บริการลูกบ้านในบริเวณเดียวกันนี้ด้วยครับ 
ติดกันมี Yoga & Exercise Studio เป็นห้องโล่งๆ มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาได้เช่นกัน มาพร้อมอุปกรณ์ช่วยในการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ภายในห้องติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่ อีกด้้านเป็นผนังบุนวมเพื่อเก็บเสียง กรณีที่เราต้องการออกกำลังกายแบบแอโรบิคประกอบเพลง 
อาคาร Destinia และ Mytopia เชื่อมต่อกันด้วยพื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 7 และชั้น 8 ส่วนชั้น 9 จะเป็นลานกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กๆ และ BBQ Pit ทั้งนี้ เราสามารถเดินเชื่อมต่อมายังอีกอาคารเพื่อชมบรรยากาศและมองวิวสวนป่าสีเขียวจากอาคาร Mytopia กันบ้าง

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า Mytopia จะออกแบบให้ดูเรียบนิ่ง โดยใช้สีโทนเข้มเข้ามาช่วย เสริมด้วยวัสดุจากธรรมชาติอย่างหินและไม้เข้ามาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้สัมผัสถึงการอยู่ร่วมกันของคน เมืองและธรรมชาติ
ชั้น G จะเป็นพื้นที่ของ Forest Lobby ซึ่ง Mytopia ก็มองเห็นวิวสวนสีเขียวฝั่งด้านหน้าอาคารเช่นกัน ด้านในมีพื้นที่ที่ออกแบบมาคล้ายกับอาคาร Destinia คือบริเวณโถงทางเข้ามาเคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำขนาดใหญ่ประดับด้วยโคมไฟที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนต้นไม่้ในช่วงหัวค่ำ ด้านในจะเป็น Breakfast Lounge พื้นที่สำหรับนั่งรับประทานอาหารเช้าเช่นกัน
เดินย้อนกลับมาอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นบริเวณ Lobby ฟีลดีมากเลยครับ ด้วยความที่กระจกสูงโปร่ง เปิดรับแสงแดดยามเช้าเข้ามาทำให้รู้สึกว่าสดชื่นสบายใจ

ถัดเข้าไปด้านในเป็น Waiting Lounge สำหรับนั่งรอรถยนต์ของเราเช่นกัน ข้อดีก็คือการแยกฟังก์ชันจอดรถออกเป็นแต่ละอาคาร จะทำให้ช่วยกระจายความหนาแน่นจากการใช้งานและเราจะได้ไม่ต้องรอรับรถนานเกินไปครับ
เราพาไปชมห้องตัวอย่างกันบ้างครับ เป็น Room Type 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 65.37 ตร.ม. ซึ่งกานต์ชอบมาก เพราะทำเลของห้องจะเป็นห้องมุมของแต่ละชั้น ทำให้ได้มุมมองที่กว้างและหลากหลายกว่า พื้นที่ภายในห้องออกแบบสเปซได้ดี มีการแบ่งสัดส่วนการใช้สอยครบทั้ง Common Area มุมรับประทานอาหารและครัว ตลอดจนห้องนอนทั้ง 2 ห้อง
ห้องตัวอย่างออกแบบตกแต่งโดยให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวนักเดินทางเที่ยวรอบโลก โครงการเลือกใช้สีเอิร์ธโทนที่โดดเด่นทว่าเรียบง่าย Mood & Tone โดยภาพรวมจะเน้นโทนสีน้ำตาลซึ่งวัสดุหลักเป็นไม้สีน้ำตาลทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย เวลาที่มีต้นไม้ปลูกอยู่ในบ้านจะทำให้ดูโดดเด่นมาก มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่ที่ช่วยเรื่องการเปิดรับแสงธรรมชาติที่จะส่องผ่านเข้ามาในตัวห้องภายใน ที่สำคัญเมื่อมองจากห้องนั่งเล่นก็จะเห็นวิวของสวนป่าสีเขียวของ The Forestias แบบเต็มๆ เลยครับ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเราจะพบกับภาพมุมกว้างของ Common Area ที่เปิดรับแสงธรรมชาติจากประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 ด้านมาพร้อมระเบียงซึ่งจุดนี้เป็นไฮไลท์เลยนะครับ ลองจินตนาการไปถึงยามเช้า เราจะได้เสียงนกร้องเบาๆ คอยปลุกเราจากริมหน้าต่าง ชมโชว์จากกระรอกที่วิ่งไปมาและมีลมจากใบไม้ต้นไม้ที่พัดไหวตลอดทั้งวันโดยเราแทบไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเลยครับ

ด้านซ้ายมือเป็นมุมนั่งเล่นที่ได้วิวเปิดโล่งแบบเข้ามุม 2 ฝั่ง ห้องตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาสีน้ำตาลอ่อนเอาไว้ให้เราได้นั่งเล่นพักผ่อนกันได้อย่างสบายใจ สามารถเปิดม่านออกจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่เพิ่มความสว่างให้กับห้องได้โดยแทบไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน อีกทั้งยังช่วยให้ห้องดูโปร่งสบายด้วยกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานมองเห็นวิวสวนป่าขนาดใหญ่ได้สุดลูกหูลูกตาในทุกช่วงเวลา
เช้าๆ เราอาจจะชงกาแฟสักแก้วแล้วมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อัพเดทข่าวสารที่บนโซฟา ตอนบ่ายนั่งดูซีรีย์เรื่องโปรดพร้อมกันทั้งครอบครัว หรือว่าตอนเย็นหลังเลิกงานเปลี่ยนจังหวะมาเป็นเพลงคลาสสิคเบาๆ พร้อมกับจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องของโครงการได้ติดตั้งเครื่อง ERV (Energy Recovery Ventilator) มาให้แล้ว ช่วยในการหมุนเวียนอากาศภายในกับภายนอกเพื่อปรับสมดุลอากาศให้เหมาะสม รวมถึงมีฟิลเตอร์ช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ติดตั้งไว้ให้และยังมีระบบ Home Automation เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านด้วยครับ
ส่วนอีกด้านเป็นครัวแบบปิดที่เชื่อมต่อกับ Living Area ผ่านกระจกใส สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ภายในบ้านได้อย่างน่าสนใจ ครัวติดตั้งเครื่องดูดควันเหนือฝ้าเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ดูดกลิ่นขณะทำอาหารออกไปยังด้านนอกอาคาร เป็นการระบายกลิ่นได้ดี ออกแบบพื้นที่ครัวให้เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ซึ่งสามารถใช้งานเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ไปในตัว
ส่วนด้านขวามือเป็นห้องนอนรองที่สามารถปรับเป็นห้องทำงานหรือห้องดูหนังฟังเพลงได้ ตามความต้องการของสมาชิกในครอบครัว
ด้านในเป็น Master Bedroom เป็นห้องที่กานต์ชอบมาก ผนังเป็นกระจก Insulted Glass Unit (IGU) ช่วยกันความร้อนจากภายนอกและกันเสียงได้ด้วย มองผ่านหน้าต่างบานใหญ่ออกไปเราจะเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ให้สัมผัสของธรรมชาติตั้งแต่ตื่นนอน ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ชิดผนัง พร้อมกับมีพื้นที่ด้านข้างเตียงเหลือให้เดินรอบได้สบายเลย ส่วนของหัวนอนจัดวางโต๊ะพร้อมกับโคมไฟพร้อมของประดับตกแต่งที่ให้ความเรียบง่าย อบอุ่น อยู่แล้วเหมือนได้พักผ่อนอยู่ใจกลาง New York Park
ด้านในเป็นพื้นที่ของมุมแต่งตัว ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบ Walk-in Closet บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ ทำให้สะดวกในการใช้งานอย่างต่อเนื่องมากๆ เลยครับ กานต์ชอบรายละเอียดของการออกแบบให้ตู้เสื้อผ้ามีความลึก 70 ซม. เกินกว่าตู้มาตรฐานทั่วไป ทำให้เรามีปริมาตรในการเก็บของเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่อย่างกระเป๋าเดินทาง เป็นการลงดีเทลที่ดีมาก ห้องน้ำมาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่กานต์มองว่าน่าสนใจ สร้างความมั่นใจและตอบโจทย์ให้กับผู้พักอาศัยได้ดีก็คือ MQDC 30-Year Warranty* นั่นหมายความว่า ลูกบ้านในทุกโครงการของ MQDC รวมถึง Whizdom The Forestias จะได้หลักรับประกันความแข็งแรงของโครงการสร้างอาคาร การรั่วซึมของหลังคาและอาคารจากน้ำฝน การชำรุดของท่อน้ำและสายไฟ การใช้งานประตูหน้าต่างยาว ครอบคลุมยาวนานถึง 30 ปี โดยมีทีมงาน Premium Care คอยดูแลแก้ไขให้ ซึ่งจุดนี้น่าจะสร้างความอุ่นใจให้กับผู้พักอาศัยได้ดีมาก
ด้านในของอาคารเป็นสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาสำหรับลูกบ้านของอาคาร Destinia และ Mytopia โดยเฉพาะ ออกแบบบรรยากาศและธรรมชาติแวดล้อมให้เชื่อมต่อกับผืนป่าด้านใน
ทำให้เรารู้สึกได้ถึงพื้นที่สีเขียวอันกว้างใหญ่ ตั้งแต่บันไดทางลงไปจนถึงสวน ออกแบบ Landscape ให้ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ราวกับมีสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ที่มีทั้งศาลานั่งพักใจในวันสบายๆ มองดูต้นไม้ธรรมชาติสีเขียวก็ฮีลใจได้แล้ว มีไม้พุ่ม ไม้ดอกปลูกสลับกับไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่นับวันจะโตขึ้นเรื่อยๆ จนยอดไม้โบกทักทายเราถึงระเบียงห้อง มีบ่อน้ำเพื่อให้เราได้สัมผัสไอเย็นเหมือนนั่งเล่นในสวนหลังบ้านจริงๆ และยังมี Tree House ที่ออกแบบคล้ายรังนกขนาดใหญ่เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกับบริบทของพื้นที่ ให้เด็กได้ปีนป่าย ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เป็นไอเดียที่น่ารักดีและทำออกมาได้น่าอยู่มากๆ ครับ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อยากเล่าให้ฟังถึงโครงการ The Forestias by MQDC ก็คือ สวนป่าขนาดใหญ่ภายในโครงการครับ ซึ่งเชื่อมต่อกับอาคารทั้ง 3 ของ Whizdom The Forestias ด้วย ถือเป็นจุดเด่นที่เติมเต็มคุณภาพชีวิตของคนเมืองแบบเราให้สมบูรณ์แบบด้วยการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว มีต้นไม้น้อยใหญ่และระบบนิเวศน์วิทยาดีมาก อยากตื่นขึ้นมาในทุกเช้าแล้วเราได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ของป่าใจกลางเมืองจากระเบียงห้องนอนที่คอนโดในทุกวัน
ที่นี่ได้นำแนวคิดการปลูกป่ามิยาวากิ (Miyawaki’ forests) โดย ศ.ดร.อาคิระ มิยาวากิ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นนักพฤษศาสตร์ที่คิดวิธีปลูกป่าโดยเฉพาะการสร้างป่าในเมือง (Urban Forests) แนวคิดการปลูกป่ามิยาวากิ ถูกนำมาใช้ในการปลูกป่าภายในโครงการ เพื่อให้ได้ป่าธรรมชาติโดยใช้ระยะเวลาอันสั้น มีความสมบูรณ์ของต้นไม้ที่ไล่ระดับสูงต่ำและสัมพันธ์เกื้อกูลกัน และยังได้นำ “พันธ์ุไม้ท้องถิ่น” จากธรรมชาติของพื้นที่มาร่วมสร้างระบบนิเวศที่สมดุลอีกด้วย ความหนาแน่นของต้นไม้จะอยู่ที่ 4 ต้นต่อ 1 ตารางเมตร โดยจะใช้แนวคิดการปลูกป่ามิยาวากิ เป็นป่าที่มนุษย์สร้างขึ้นเลียนแบบโครงสร้างของป่าธรรมชาติ เพื่อให้ได้ป่าภายในระยะเวลาอันสั้น
ในพื้นที่ 1 ตร.ม. จะประกอบด้วยพรรณไม้ 4 ชั้นเรือนยอดคือพันธุ์ไม้ชั้นเรือนยอดสูงสุด (Tree1) พันธุ์ไม้ชั้นรอง (Tree2) ไม้พุ่ม (Shrub) และไม้คลุมดิน (Herb) ซึ่งเป็นลำดับชั้นตามโครงสร้างป่าธรรมชาติ เพื่อให้ต้นไม้สามารถพึ่งพาอาศัยอยู่ด้วยกันได้ กระบวนการนี้เป็นการสร้างความสมบูรณ์ของต้นไม้ที่ไม่เป็นระเบียบแบบแผน ดูแล้วไม่เป็นแถวเป็นแนวแต่กลับให้ความร่มรื่นร่มเย็นในแบบที่ป่าจะมอบกลับคืนมาให้เรา ตลอดจนเกิดเป็นความสัมพันธ์ของคนและสัตว์ เพื่อเติมเต็มวิถีชีวิตของกันและกันให้มีความสมบูรณ์

ดังนั้น เพื่อให้สัตว์ไม่ถูกรบกวนการอยู่อาศัย จึงได้มีการศึกษาทฤษฎีพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ โดยได้ออกแบบป่าลึกให้มีระยะถอยห่างประมาณ 30 เมตรจากบริเวณที่คนอยู่อาศัย จึงกลายเป็นที่มาของการปลูกป่าลึก โดยจะไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเดินเข้าไปในบริเวณนี้ 
อย่างไรก็ตาม ทางโครงการ Whizdom The Forestias ได้ออกแบบให้มี Canopy Walk สะพานไม้ที่เชื่อมต่อเป็นทางเดินยาวเพื่อให้เราได้เดินชมบรรยากาศของป่าไม้ ให้ทุกคนได้เชื่อมต่อและสัมผัสกับธรรมชาติทุกวัน 
ส่วนตัวกานต์ชอบไอเดียที่มีรูปปั้นช้างขนาดใหญ่เดินก้าวออกมาจากป่า ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเป็นฟีลธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก 
ใกล้ๆ กันยังมี Forest Pavilion ออกแบบให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน ได้รับแรงบันดาลใจในการสื่อถึงความยั่งยืนของธรรมชาติ และสุขภาวะที่ดี มีความโดดเด่นจากส่วนบนของอาคารที่ยื่นมาสะกดทุกสายตา พร้อมกับพื้นที่สีเขียวครอบคลุมทุกอาณาบริเวณ 
#โดยสรุป Whizdom The Forestias เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อทุกคนและทุกความสัมพันธ์ ไม่เพียงแต่กับมนุษย์ด้วยกัน แต่ยังรวมไปถึงการอยู่อาศัยร่วมกันกับธรรมชาติด้วยครับ เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติและระบบนิเวศที่ดีเพื่อนำไปสู่ Live it all การใช้ชีวิตท่ามกลางผืนป่า 30 ไร่ เพราะพื้นที่เเห่งนี้เราสามารถ “LIVE IT ALL” ได้ทั้งหมด

โครงการ Whizdom The Forestias จึงตอบโจทย์ทุกพื้นที่ใช้ชีวิต..ให้ใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นการย้อนกลับไปใช้ชีวิตที่คืนสู่ธรรมชาติที่แท้ทรู แต่ยังคงความหรูหราและมีระดับเอาไว้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ส่วนกลางและบริการต่างๆ มากมาย

Whizdom The Forestias ตอบโจทย์ทุกพื้นที่ใช้ชีวิต ให้ใกล้ชิดธรรมชาติ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1265 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน