VANA Residence, Rama 9 – Srinakarin

“VANA (วนา) แปลว่า ป่าครับ โครงการของเรามีต้นไม้ในโครงการมากถึง 300 ต้น เพราะต้องการให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่เงียบสงบ แต่ยังคงวิถีของความเป็นเมืองอยู่ มีความหรูหราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกครับ”

คุณโทนี่-ศุภโชค ปัญจทรัพย์ CEO ของ AssetFive เล่าให้ผมฟังในวันที่เข้าไปถ่ายภาพรีวิวโครงการ

ผมสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เข้ามาในโครงการเลยครับว่า ที่ VANA Residence ปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก ตลอดสองข้างทางระหว่างขับรถเข้ามาชมบ้านตัวอย่างในเฟสใหม่ ให้ความรู้สึกร่มรื่น สบายตา และยังอาศัยต้นไม้เป็นรั้วธรรมชาติเพื่อความเป็นส่วนตัวได้อีกทางครับ

จุดแรกที่ผมชอบคือการวางผังโครงการครับ ขนาดของโครงการมีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ที่ดินเป็นแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวคือ เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวลึกเข้าไป ทำให้ตรงกับแนวคิด “A New Definition of Luxury Urban Home” ที่คุณโทนี่วางไว้ตั้งแต่แรก คือลูกบ้านจะต้องได้รับความเป็นส่วนตัว ยิ่งเข้าไปลึกจากด้านหน้าโครงการเท่าไร ด้านในยิ่งเงียบสงบมาก ราวกับป่าในเมืองเลยครับ บ้านเกือบๆ ทุกหลังของโครงการจะหันหน้าบ้านและหลังบ้าน ไว้ทางทิศเหนือ-ใต้จึงทำให้ไม่แดดไม่ส่องเข้าบ้านตรงๆ ช่วยให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น แต่ละ Cluster จะมีบ้านเพียงแค่ 4 ยูนิต รวมทั้งโครงการมีเพียง 69 ยูนิตเท่านั้น จึงเป็นโครงการบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวมากครับ

ภายในโครงการจัดการเอาเสาไฟฟ้าลงใต้ดินไว้แล้ว เช่นเดียวกับงานระบบสายเคเบิ้ล Fiber Optic ต่างๆ ก็อยู่ใต้ดินเช่นกัน มันจึงทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามในการพักอาศัย

ตอนนี้ทางโครงการเปิดขาย Zone ใหม่ บ้านที่กานต์เข้ามาถ่ายรูปรีวิว คือบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งภายในใหม่ครับ

VANA Residence เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury มีหน้าบ้านกว้างจอดรถได้ถึง 4 คัน พื้นที่ใช้สอยภายในเยอะมาก ออกแบบมาเพื่อรองรับครอบครัวที่อยู่อาศัยกันถึง 3 Gen เน้นความเป็นส่วนตัวของสมาชิกภายในบ้านและเสริมฟังก์ชันของการใช้งานร่วมกันอย่าง Living Room ที่ยกขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 เพื่อความเป็นส่วนตัวของทุกคนในครอบครัวเท่านั้นครับ

ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งสวยมาก กานต์ถ่ายภาพมาฝากกันเยอะเลยครับ ชอบที่มีสวนส่วนตัวพร้อมสระว่ายน้ำ ส่วน Facade ด้านหน้าลวดลายสวยดี แถมยังเปิด-ปิดได้ให้ความเป็นส่วนตัว แต่ที่ชอบ ที่สุดคือ Living Area ครับ เหมาะสำหรับทุกคนในบ้านใช้งานร่วมกัน ออกแบบตกแต่งภายในได้สวยสง่า เรียบหรู ดู Classy มีรสนิยมในการใช้ชีวิตมากครับ

Zone สุดท้ายนี้ ราคา 35-50 ล้าน ส่วนบ้านตัวอย่างหลังนี้ จะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ครับ

VANA Residence พระราม 9-ศรีนครินทร์

ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ http://vanaresidence.com/th/

หรือโทร 083-954-9499 | LINE @ASSETFIVE

VANA Residence พระราม 9-ศรีนครินทร์

ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษได้ที่ http://vanaresidence.com/th/

หรือโทร 083-954-9499
LINE @ASSETFIVE

VANA Residence พระราม 9-ศรีนครินทร์

“A New Definition of Luxury Urban Home”

Welcome to a collection of 69 single houses on a lush 19-rai land, where urban families can truly live for a lifetime. Escape from the city’s bustling scene to find peace and privacy, with over 300 trees just on the main road and only 4 houses per Soi. The 3-storey houses at Vana Residence can accommodate the lifestyle of modern 3-generation families and embrace natural elements of light and wind.

With a strong emphasis on functionality, timeless design, and a long list of facilities, Vana Residence is the homes for the visionaries.

VANA Residence ตั้งอยู่บนทำเลทองคือถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า หรือที่เราเรียกว่า กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก ออกต่างจังหวัดไปทางมอเตอร์เวย์ก็ได้ หรือจะเข้าเมืองโดยใช้ทางด่วนพระราม 9-ศรีนครินทร์ก็สะดวกมากครับ

ย่านนี้ถือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้กันเป็นโรงเรียนนานาชาติ Brighton College ห่างกันแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเองครับ บ้านไหนมีลูกเข้าเรียนที่นี่ ถือว่าสบายเลยไม่ต้องรีบตื่นเช้า ในย่านนี้มีตลาด ร้านค้า Community Mall โดยเฉพาะ Market Place กรุงเทพกรีฑา ที่อยู่ก่อนถึงโครงการประมาณ 100 เมตร กำลังจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้แล้วครับ ขยับออกไปอีกนิดจะเจอโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ครับ นับเป็นทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยจริงๆ

ผมขับเข้ามาด้านในสุดจะเป็น Zone 3 ชื่อ Private Zone ซึ่งก็เงียบสงบสมชื่อ ไม่ได้ยินเสียงรถราวิ่งผ่านไปมาหรือว่าเสียงความวุ่นวายใดๆ เลยครับ มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวของต้นไม้ สบายตาสบายใจ นับเป็นคุณภาพชีวิตในการพักอาศัยที่ดีมาก 

ขับเข้ามาจอดรถในบ้านซึ่งสามารถจอดได้มากถึง 4 คัน โดย 2 ช่องทางซ้ายของบ้านจะเป็นแบบกว้างพิเศษ ซึ่งเราสามารถจอดรถขนาดใหญ่อย่างรถตู้แบบครอบครัวเวลาเดินทางไกลๆ หรือ Super Car ก็สบายมากครับ ทางโครงการยังได้ติดตั้ง EV Charger สำหรับบ้านที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ

ก่อนเข้าบ้าน มองออกไปจะเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าอยู่ภายในบ้าน ท่ามกลางสวนและต้นไม้สีเขียว มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาล ทุกองค์ประกอบล้วนเข้ากันได้ดีครับ

ผมว่าสวนและสระว่ายน้ำ น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนแน่นอน

เมื่อเข้ามาในบ้าน จะสามารถเข้าได้ทั้งประตูหลักและประตูของห้องเอนกประสงค์ชั้นล่าง เชื่อมต่อกับสวนและสระว่ายน้ำ เราสามารถปรับเป็นห้องต่างๆ ได้ตามการใช้งานของสมาชิก ซึ่งบ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นห้องทำงาน อ่านหนังสือ หรือเอาไว้รับรองแขกจร ที่เราไม่ต้องการให้ขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน อีกทั้งภายในห้องนี้ยังมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ

ส่วนตรงกลางจะเป็น Waiting Area โถงทางเดินติดกับบันได มีโต๊ะเล็กๆ ไว้สำหรับวางของ ด้านขวาจะเป็นบันไดและลิฟต์ครับ เพื่อที่จะขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของ Living Area

ส่วนด้านในสุดจะเป็นพื้นที่ทำงานของแม่บ้าน และสามารถปรับเพิ่มพื้นที่เป็นครัวไทยด้านนอกได้อีกด้วยครับ

ในส่วนของห้องเอนกประสงค์ ผมต้องชมทางโครงการว่าวางผังได้ดีมาก จากโจทย์คือเป็นบ้านที่มีหลายเจนเนอเรชั่น ดังนั้น การออกแบบจึงต้อง “เผื่อ” ไปถึงการใช้งานจริงของสมาชิกภายในบ้านแต่ละหลังที่มีความต้องการไม่เหมือนกันด้วยครับ

จะเห็นว่าในส่วนของบ้านตัวอย่างนั้น ออกแบบให้เป็นห้องทำงาน อ่านหนังสือ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวสามารถอาบน้ำได้ด้วยเพราะติดตั้ง Shower Box มาให้แล้วพร้อมพื้นที่แยกส่วนเปียกแห้งตามการใช้งานครับ ตรงนี้เราสามารถปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้สบายเลย แล้วแต่ความต้องการของแต่ละบ้าน โดยทางโครงการได้ออกแบบอย่างละเอียด เพื่อรองรับวัตถุประสงค์การใช้งานเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ขนาดพื้นที่ภายในห้องที่กว้างขวางสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ และยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สบายเลยครับ ประตูเป็นกระจกสองด้าน สามารถชมสวน ชมวิวได้สบายตาในยามเช้าๆ ซึ่งผู้สูงอายุมักจะตื่นก่อน เพียงแค่เปิดประตูออกไปก็สามารถรับไออุ่นยามเช้าได้เลยทันที

นอกจากนี้ ยังออกแบบประตูที่กว้างเผื่อการใช้งานวีลแชร์ หรือแม้แต่เกิดเหตุฉุกเฉิน ก็สามารถนำพาไปขึ้นรถออกไปได้ทันทีเพราะห้องอยู่ติดกับที่จอดรถด้านหน้าบ้าน นับเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดและคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยจริงๆ ครับ

ผมขึ้นมาบนชั้น 2 โดยใช้ลิฟต์ครับ ทางโครงการติดตั้งให้ในบ้านทุกหลังเพื่ออำนวยความสะดวก

ชั้นนี้จะมี Common Area เป็นหัวใจหลักของบ้านเลยครับ ไม่ว่าเราจะขึ้นลิฟต์หรือขึ้นบันไดมา เราก็จะเจอกับประตูกระจกบานหมุนได้ ภายในเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่างออกแบบไว้สำหรับ 8 ที่นั่ง เราสามารถปรับให้มากกว่านั้นได้ครับเพราะมีพื้นที่เพียงพอเลย

จริงๆ ห้องนี้เป็นพื้นที่เปิดโล่งเอาไว้ด้วยความสูง 3.1 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง สบาย เป็นพื้นที่ใช้สอยสำหรับครอบครัวขนาดกลางที่ดูแล้วไม่แออัดเลยครับ

Common Area

นอกจากมุม Dining แล้ว ด้านซ้ายยังมี เคาท์เตอร์บาร์ซึ่งทำหน้าที่เป็น Island สำหรับจัดเตรียมอาหารไปด้วยในตัว ผนังด้านข้างติดตั้งเคาท์เตอร์และตู้ Built-In ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนด้านในเป็นครัวขนาดใหญ่และมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ

ทอดอารมณ์ไปกับมุมโปรดส่วนตัวที่ยังคงสามารถเชื่อมต่อกันได้กับสมาชิกในบ้านได้

โดยตัวเคาน์เตอร์จะมีติดตั้งเตาไฟฟ้าขนาด 4 หัว มีเครื่องดูดควัน และ Microwave/Oven มาให้พร้อมสรรพ

โซนด้านหน้าจะเป็นระเบียงในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกันยาวไปทั้งชั้นในบริเวณด้านหน้าประมาณ 14 เมตรได้ พร้อมกับ Facade ที่ช่วยบังสายตาสามารถเปิดออกได้เฉียงเล็กน้อยครับ เมื่อกระทบกับแสงจะเกิดเป็นลวดลายคล้ายเงาของร่มไม้ ซึ่งผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของบ้าน VANA มากเลยครับ

อีกด้านเป็น Living Area ที่ผมชอบการตกแต่งมุมนี้เป็นพิเศษ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์ม ดูสบายตา เลือกสีโทนเย็นที่นุ่มนวล ตัดกับสีครีมและน้ำตาลอ่อนทำให้มุมนี้ของบ้านดู Cozy มากครับ เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว

The living room should be a place where we feel totally at ease – temple of the soul.

เป็นมุมนั่งเล่นที่มีพื้นที่มากสำหรับรองรับสมาชิกทุกคนภายในบ้านที่มีด้วยกันหลายเจนเนอเรชั่น

Living -Dining-Kitchen เชื่อมต่อ 3 ฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว

บริเวณชั้น 2 ฝั่งด้านขวา ออกแบบให้มีห้องนอน 1 ห้องครับ แยกตัวออกมาจาก Common Area

บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้ใหญ่ ตกแต่งได้ Classic ดีครับ ภายในห้องมีพื้นที่กว้างพอที่จะวางเตียง King Size ได้เลยครับ ปลายเตียงสามารถวางตู้หรือชั้นทีวีได้ด้วย พร้อมกับด้านในจะมี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว สามารถปฏิบัติภารกิจส่วนตัวได้เรียบร้อยภายในห้องนี้ได้เลย สะดวกมากครับ

นอกจากนี้ยังมีระเบียงด้านข้าง พร้อมกับประตูกระจกบานใหญ่เพื่อเปิดช่องแสงเอาไว้ มองออกไปจะเห็นต้นไม้และวิวของสระว่ายน้ำบริเวณชั้นล่าง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

ผมชอบการตกแต่งภายในของห้องนี้ นอกจากจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนแล้วยังให้อารมณ์ Nostalgia ด้วย

พาเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 กันบ้างครับ ซึ่งจะเป็นโซนพักผ่อนทั้งหมด มีด้วยกัน 3 ห้องนอน

ภาพจากมุมนี้จะเป็นการถ่ายจากชานพักบันไดซึ่งมีช่องแสงธรรมชาติ ส่องจากภายนอกเข้ามาภายในบ้าน ทำให้มีความสว่างเพิ่มเข้ามา ช่วยให้บ้านดูไม่ทึบ ไม่อึดอัด

มุมนี้มองจากห้องนอนด้านหลังจะเห็นโถงทางเดินตรงเข้ามายังห้องของตัวเอง ความสูงของชั้น 3 จากพื้นจรดฝ้าเพดานจะอยู่ที่ประมาณ 2.90 เมตร ซึ่งถือว่าสูงพอสมควรครับ

มุมด้านในสุดของบ้านจะเป็นลิฟต์ครับ มีการตกแต่งโต๊ะวางของไว้ด้านหน้า เมื่อเดินตามโถงทางเดินมาจะเจอห้องแรกคือ Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่ไปเดินครึ่งของชั้นบน

Master Bedroom กว้างและตกแต่งภายในสวยมาก แต่สไตล์ที่ผมชอบเลยคือเรียบหรู ไม่ดูหลุยส์ๆ ทองๆ จนเกินงาม มีความธรรมชาติจากวัสดุที่ใช้เช่น เส้นด้ายจากคอตตอน หมอนและผ้าปูเป็นไหมให้ความรู้สึกเรียบลื่น นอนกลางคืนคงจะเย็นสบายน่าดู

ภายในห้องประดับด้วยงานศิลปะแบบนามธรรม (Abstract) เน้นการคุมโทนสีเบจ น้ำตาล ฟ้าอ่อน อาจจะมีเหลืองจากนีออนเข้ามาช่วยเพิ่มมิติของตัวห้องได้บ้างครับ

มุมเตียงนอนค่อนข้างกว้าง ปลายเตียง Built-In ตู้เก็บของจากพื้นจนเต็มเพดาน พร้อมติดตั้งชั้นวางทีวี จริงๆ ถ้าเป็นผมจะเลือกจอใหญ่ๆ ไว้นอนดูซีรีย์ให้สาแก่ใจ เพราะเป็นห้องที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นส่วนตัวสูงมาก

ส่วนด้านข้างเตียงเป็นประตูกระจกขนาดใหญ่ เปิดเลื่อนเพื่อออกไปยังระเบียงได้ ซึ่งมีขนาดใหญ่เช่นกันครับ

เดินเข้ามาด้านในจะเป็นมุมแต่งตัวที่มี Walk-in Closet ที่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับใครที่รักในการแต่งตัว สนุกกับการเลือกชุดเสื้อผ้า เพราะว่ามีพื้นที่จัดเก็บค่อนข้างมาก พร้อม Island ตรงกลาง ถ้าเป็นคู่รักก็ยิ่งถือว่าสะดวก เพราะแบ่งกันเลยคนละฝั่ง ตอนเช้าๆ ช่วงรีบๆ ออกไปทำงานจะได้ไปต้องชนกัน

แต่เห็นทีบางบ้าน คุณผู้ชายอาจจะได้พื้นที่ส่วนตัวประมาณ 1 ใน 4 เพราะที่เหลือคุณผู้หญิงจองแล้ว ใช่ไหมล่ะครับ

Walk-in Closet

ถัดจากโต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นห้องน้ำ จะเรียกว่าเป็น Master Bathroom เลยก็ว่าได้เพราะดีไซน์ออกมากว้างขวางเช่นกัน ผมชอบการเลือกใช้สีดำในห้องน้ำ ดูลึกลับดี ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้ายาวตลอดแนวผนังแบบ His & Her แยกระหว่างคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงใช้งานกันคนละมุม ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่างอาบน้ำำ Kasch พร้อมกับห้องอาบน้ำและห้องสุขาแยกกัน บริเวณห้องน้ำจะมีระเบียงเล็กๆ เปิดออกไปด้านนอกได้ ประโยชน์ของมันก็คือ จะช่วยระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำออกไปได้ดีเลยครับ อ่อ!! อย่าลืมหาม่านมาติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนนะครับ

มาดูห้องนอนเล็กฝั่งหน้าบ้านกันบ้างครับ เป็นห้องที่ถูกใจขาร็อควัยรุ่นแบบผมเสียจริงๆ ออกแบบได้เท่โดนใจมากเลยครับ

เข้าไปด้านในจะเจอกับโซนพักผ่อน เตียงนอนของบ้านตัวอย่างสวยมาก อยากได้เลยครับ ห้องค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงสามารถวางเตียงขนาดใหญ่และยังมีพื้นที่โดยรอบให้เดินหรือวางของประดับห้องได้สบายเลย ส่วนชายหนุ่มผู้มีดนตรีในหัวในแบบเราก็ต้องวางกีต้าร์คู่ใจไว้บนหัวนอน พร้อมกับแอมป์หนึ่งตัว ส่วนปลายเตียงสามารถวางตู้หรือชั้นวางทีวีได้

ผังภายในห้องออกแบบเป็นรูปตัวแอล เข้าประตูมาจะเจอกับห้องน้ำด้านหน้า พร้อมกับมุมทำงาน ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านข้างสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้

ห้องนี้มีระเบียงขนาดใหญ่ มองออกไปจากบ้านจะเห็นโรงเรียนนานาชาติ Brighton College ซึ่งอยู่ไม่ไกลเลยครับ ได้อารมณ์คนบ้านใกล้โรงเรียน เอาไว้ ใกล้ๆ เสียงเตือนเพลงชาติดังค่อยออกจากบ้าน ประมาณนั้น

ถือว่าสะดวกมาก หากใครอยู่บ้าน VANA แล้วให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ Brighton College หรือ Wellington College International School Bangkok ก็อยู่ใกล้ๆ กันนะครับ ส่วนมหาวิทยาลัยในโซนนี้ก็คือที่ ABAC เรียกว่าครบสูตรเลยครับ

ส่วนห้องนอนอีกห้องเป็นของสาวๆ ครับ จะอยู่ฝั่งด้านหลังของบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก บ้านตัวอย่างออกแบบมาเก๋ไก๋ สะท้อนไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

ส่วนห้องนอนอีกห้องเป็นของสาวๆ ครับ จะอยู่ฝั่งด้านหลังของบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมาก บ้านตัวอย่างออกแบบมาเก๋ไก๋ สะท้อนไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

อย่างห้องนี้จะมีความเป็น Fashionable นิดๆ ดูเป็นสาววัยรุ่น ชอบแต่งตัว ชอบเรื่องดีไซน์ ตัวห้องกว้างขวางพอสมควรเลยครับ ผมสังเกตว่า VANA Residence เป็นบ้านที่ให้น้ำหนักกับห้องนอน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัวมากพอสมควรเลยครับ แต่ละห้องคือพื้นที่กว้างเพื่อสอดรับการใช้งานภายในได้อย่างเต็มที่ อย่างห้องนี้ก็สามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายๆ มาพร้อมกับ Walk-in Closet ด้านในและห้องน้ำในตัว

“Fashion is not something that exists in dresses only. Fashion is in the sky, in the street, fashion has to do with ideas, the way we live, what is happening.”

― Coco Chanel

พื้นที่ส่วนกลาง Clubhouse จะอยู่ที่ Zone 2 นะครับ มาพร้อมกับสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาว 25 เมตร พร้อมปลูกต้นไม้ ไม้ซุ้มและไม้เลื้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวสบายตา มีสนามเด็กเล่น บ้านต้นไม้ สไลเดอร์ให้เด็กๆ ได้ปีนป่ายอยู่กับธรรมชาติ ส่วนคุณพ่อก็ต้องไปใช้บริการที่ฟิตเนสครับ ถือว่าใหญ่มีทั้งฟรีเวทและแมชชีน เพียงพอที่จะรองรับลูกบ้านทั้ง 69 ยูนิตได้สบายเลย

ตลอดจนทางโครงการได้จัดเตรียมห้องประชุมเอาไว้ให้ลูกบ้านด้วยครับ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวมีต้นไม้ใหญ่ปลูกรอบโครงการให้สมกับชื่อวณา (VANA) ซึ่งมีความหมายว่าป่า คุยงานเครียดๆ เงยหน้ามาเจอสีเขียวสบายตาก็ทำให้ไอเดียไหลลื่นดีไม่มีสะดุดครับ

สระว่ายน้ำที่รายล้อมด้วยสีเขียวของต้นไม้ให้ความสดชื่น ทำให้ทุกวันเหมือนเป็นวันพักผ่อน

ห้องออกกำลังกาย

#โดยสรุป VANA Residence เป็นอีกโครงการที่น่าสนใจหากใครกำลังมองหาบ้านสำหรับครอบครัวขนาดกลาง ออกแบบโดยคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของคนหลายเจนเนอเรชั่น และฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว

ส่วนตัวผมชอบ Living Area ที่ทุกคนสามารถมาใช้เวลาร่วมกันในห้องนี้ได้ แม้ว่าจะมีกิจกรรมหรือความชอบที่หลากหลาย แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ท่ามกลางคุณภาพชีวิตที่ดี มีการนำพื้นที่สีเขียวเข้ามาในโครงการตามชื่อวนา ที่แปลว่าป่า เป็นโครงการที่บูทีคในการออกแบบมาก โดยเฉพาะ Zone ใหม่ที่เพิ่งเปิดขายอย่าง Private Zone ให้ความรู้สึกที่เงียบสงบมากราวกับอยู่ในป่าทว่าเป็นป่ากลางกรุงนี่เองครับ นับเป็นการออกแบบที่คำนึงที่ผู้พักอาศัยเป็นสำคัญ

บ้านตัวอย่างเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 083-954-9499

LINE @ASSETFIVE

ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษได้ที่
http://vanaresidence.com/th/

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน