#โคเปนเฮเกนสร้างเมืองให้เป็นมิตรกับจักรยานได้ยังไง
.
กว่าสัปดาห์ของการมาอยู่ที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก เราได้เห็นผู้คนจำนวนมากสัญจรโดยใช้จักรยานเป็นหลัก สร้างความตื่นเต้นตั้งแต่นั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง ที่นั่งในโบกี้ถูกถอดออกให้เป็นที่จอดจักรยาน ผ่านประตูที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ
.
วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ได้รับการออกแบบให้สะดวกต่อการปั่นจักรยาน การเดินเท้า ใช้รถสาธารณะ ชาวโคเปนเฮเกนเกินกว่าครึ่งปั่นจักรยานไปทำงาน ไปโรงเรียน
.
อยู่ที่นี่ แม้ไม่ได้ปั่นจักรยาน แต่เราเน้นการเดินเป็นหลัก แท๊กซี่ไม่ค่อยได้กินตังค์ผมหรอก เพราะว่ามันแพง โคเปนเฮเกน เป็นเมืองที่แพงมาก ทั้งการกิน การอยู่ การเดินทาง ภาษีที่จัดเก็บคือสูง ด้วยความเป็นรัฐสวัสดิการที่นำกลับมาพัฒนาเมืองและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่
.
บ่ายๆ เราได้เห็นพ่อแม่ปั่นจักรยานแบบที่มีล้อเข็นด้านหน้า หรือว่าพ่วงที่นั่งด้านหลังไปรับลูกกลับจากโรงเรียน ที่นี่จะเรียกจักรยานแบบนี้ว่าคาร์โก้ มี 2 ยี่ห้อที่คนนิยมใช้คือ Nihola และ Christiania Bike ใช้ขนของแทนรถยนต์ได้เลยครับ เป็นอีกมิติของการปั่นจักรยานที่มากกว่าแค่เรื่องปั่นเพื่อสุขภาพแล้ว
.
ประมาณ 4 โมงเย็น พนักงานออฟฟิศแถวนี้เลิกงานไวแต่ยังไม่กลับบ้าน ปั่นจักรยานไปนั่งชิลล์กันตามพื้นที่สาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Black Diamond ห้องสมุดประจำเมืองที่วิวสวยมาก Superkilen Park พื้นที่สร้างสรรค์แห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม นั่งหรือบ้างก็ทิ้งตัวนอนกันดื้อๆ บนพื้นไม้ริมแม่น้ำ
.
ก่อนมาเคยเห็นยูทูบของฟาโรส เห็นท่านส.ส.ผู้ทรงเกียรติปั่นจักรยานมาทำงานที่รัฐสภา ผมไปเดินเล่นละแวกนั้นก็พบว่า เฮ้ย!! ของจริงมันเจ๋งมาก ไม่เห็นต้องมีรถนำขบวนอะไรให้วุ่นวาย
.
การขับเคลื่อนเรื่องจักรยานในโคเปนเฮเกน จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ย้อนกลับไปในปี 73 เดนมาร์กเจอวิกฤติน้ำมันแพงจากการประท้วงของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลาง ผู้คนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ จากนั้นในปี 80 เดนมาร์กรวมกระทรวงที่ดูแลเรื่องถนนและสวนสาธารณะเข้าไว้ด้วยกัน เชื่อมโยงกับกฎหมายนโยบายสถาปัตยกรรม เพื่อให้การออกแบบที่ดีทำหน้าที่ของตัวเองในการรับใช้สาธารณะ
.
ต่อมา ก็มีการตั้งหน่วยงานอย่าง DCF : Danish Cycling Frderation ที่ดูแลเรื่องจักรยานโดยตรง ทำหน้าที่องค์กรอิสระในการส่งเสริมการใช้จักรยานของผู้คน ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำให้คนเห็นความสำคัญของการใช้จักรยาน
.
ผู้คนมีความรู้สึกปลอดภัยจากการปั่นจักรยานเพิ่มขึ้นเป็น 76% แต่สภาเมืองต้องการให้เพิ่มขึ้นเป็น 90% ภายในอีก 2 ปีข้างหน้าพร้อมๆ กับการเป็นเมืองปลอดคาร์บอน
.
โครงสร้างพื้นฐานคือสิ่งสำคัญ การออกแบบเมืองต้องเอื้อต่อการใช้งาน จักรยานมีเลนเป็นของตัวเองแยกออกไปจากถนนและทางเท้า การเชื่อมต่อเลนเข้ากับสะพานลัดเลาะไปเรื่อยทำให้การปั่นจักรยานช่วยย่นระยะเวลาได้ดีมาก
.
ดังนั้น เราจะเห็นว่า ภาพลักษณ์ของความเป็นเมืองจักรยานของโคเปนเฮเกนเกิดขึ้นอย่างมีระบบมานาน ผ่านกระบวนการคิด รับมือกับความเปลี่ยนแปลง แรงสนับสนุนและการต่อต้าน ผมว่าเหงื่อตกเหมือนกันนะ กว่าจะปรับให้ผู้คนเกิดภาพแบบเดียวกัน เหมือนทุกวันนี้
.
นอกเหนือจากประโยชน์ในทางปฏิบัติแล้ว วัฒนธรรมจักรยานของโคเปนเฮเกนยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของเมืองเพื่อความยั่งยืนและสุขภาพที่ดี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการปั่นจักรยานของเมืองนี้ไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและความแออัดของการจราจรเท่านั้น แต่ยังทำให้สาธารณสุขและคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นอีกด้วย
