กานต์ไปพักผ่อนที่โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส (The St. Regis Bangkok) มาครับ เป็นโรงแรม Top Tier ในเครือ Marriott อยู่ตรง BTS ราชดำริ ฝั่งตรงข้ามราชกรีฑาสโมสรครับ
กว่า 116 ปีของโรงแรม The St. Regis ที่มีจุดเริ่มต้นของการเป็นโรงแรมหรู บนหัวมุมถนน Fifth Avenue ซึ่งอยู่ในย่านหรูที่สุดของ New York ในเวลานั้น ตั้งใจให้เป็นสถานที่สำหรับการพบปะกันของผู้คนในสังคมชนชั้นสูงเซเลปคนดังของอเมริกา เพื่อมาทำความรู้จักสังสรรกัน The St. Regis จึงเป็นเบอร์ต้นๆ ของโรงแรมระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและราคาที่สูงมาก
การออกแบบทั้งภายนอกและภายในห้องพักทำได้อย่างปราณีต หรูหรามีระดับ มาพร้อมกับชื่อเสียงของ The St. Regis ที่คงไม่ต้องอธิบายเรื่องความเนี๊ยบ ทว่าเป็น “อีกระดับของการบริการ” ที่เหนือกว่าครับ โดยเฉพาะ St. Regis Butler เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไหนจะ Unpacking กระเป๋า เตรียมอ่าง Bubble Bath จัด Breakfast มาเสิร์ฟให้ถึงเตียง
ส่วนตัวห้องพักคือตกแต่งอย่างหรูหรา มีระดับ สมกับที่เป็นโรงแรมชั้นนำโลก ห้องที่กานต์พักคือ Caroline Astor Suite ตั้งชื่อตามแม่ของผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นคนที่ได้รับการกล่าวขนานนามว่าเป็น “ท่านผู้หญิงแห่งอเมริกา” ห้องนี้จึงเป็น Rare Item ที่จองยากเพราะเป็นห้องมุมที่วิวสวยมากกกกกก เห็นวิวสองด้านทั้งสนามม้า และตึกน้อยใหญ่ใจกลางกรุงเทพ
กานต์ชอบที่ได้นั่งดูบรรยากาศตอนเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ที่กรุงเทพฯ จะดูโล่งๆ สบายๆ ไม่มีรถติด
แวะไปจิบ Siam Mary ซึ่งเป็น Signature Cocktail ที่ The St. Regis Bar มาด้วย พร้อมกับ Afternoon Tea แนะนำว่าเลือกเป็นชา St. Regis Blend ด้วยกลิ่นที่หอมอันเป็นเอกลักษณ์หาดื่มจากที่อื่นไม่ได้ ขนมหวานก็อร่อย แต่เยอะไปหน่อย ควรชวนเพื่อนๆ มาทานแล้วเม้าท์กัน สมแล้วที่ใครต่อใครยกให้ The St. Regis Bar เป็นห้องจิบน้ำชาที่ดีที่สุดในกรุงเทพ
ตอนเย็นมี Sabering Ritual ที่ The St. Regis Bar Terrace การเปิดแชมเปญด้วยดาบเป็นพิธีเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยนโปเลียน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะด้วยการดื่มแชมเปญ เป็นเอกลักษณ์ที่ The St. Regis นิยมทำกันในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านของช่วงเวลา
“Champagne: in victory, one deserves it; in defeat, one needs it.” -NAPOLEON
จิบแชมเปญกันเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินในวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ก่อนจะไปดินเนอร์กันต่อที่ห้องอาหาร Viu ดูเหมือนคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่ความประทับใจไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ครับ สำหรับ The St. Regis Bangkok
โรงแรมจะเปิดให้บริการอีกครั้งหลังโควิดในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้แล้วครับ
#KANT#KΔNT#leisuretravel#hotellifestyle
#journalisttravel#luxurytravel
#ท่องเที่ยวพักผ่อน#ชอบนอนโรงแรมสวย
—
The St. Regis Bangkok เปิดให้บริการมาเป็นเวลา 8 ปีแล้วครับ อยู่ตรงซอยมหาดเล็ก ตรงสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ มีทางเชื่อมเข้าสู่โรงแรมโดยตรง ท่ามกลางตึกสูงน้อยใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีวิวฝั่งตรงข้ามโรงแรมเป็นราชกรีฑาสโมสร
The St. Regis ตั้งชื่อตามทะเลสาบที่อยู่ในเมือง Adirondacks ตอนบนของนิวยอร์ก เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงนักบุญชาวฝรั่งเศสนามว่า John Francis Regis ผู้ที่คนรู้จักกันทั่วไปว่ามีมิตรไมตรี ต้อนรับขับสู้นักเดินทางผู้มาเยือนเป็นอย่างดี ดังนั้น The St. Regis Bangkok จึงเป็นโรงแรมหรูที่มีไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญที่เดินทางจากทั่วโลกมายังเมืองไทย
The St. Regis ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่มีความประณีตที่สุดในโลก ส่วน The St. Regis Bangkok ก็มีความโดดเด่นมากจนได้รับรางวัล Forbes Travel Guide Five-Star Awards สำหรับโรงแรม 5 ดาวมาครอง
ห้องที่กานต์พักชื่อ Caroline Astor Suite เป็นชื่อคุณแม่ของท่าน John Jabob Astor ที่ 4 ผู้ก่อตั้งโรงแรม The St. Regis โดยมีแรงบันดาลใจในการออกแบบตามความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ของ Mrs.Astor พร้อมทั้งยกระดับในด้านการบริการด้วยอาหารเช้าเสิร์ฟถึงเตียงนอนกันเลยทีเดียว
จุดเด่นของห้องพัก Caroline Astor Suite นอกเหนือไปจากการตกแต่งที่หรูหราทว่าคลาสสิคแล้ว ยังมีวิวที่เรามองเห็นได้จากเตียงนอนตอนเช้าตลอดการเข้าพักวิวนี้ ดูแกรนด์มากๆ ครับ มีทั้งตึกน้อยใหญ่และพื้นที่สีเขียวแบบโล่งกว้าง ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางของอาคันตุกะจากทั่วโลกเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ
ส่วนการตกแต่งภายในตั้งแต่ Lobby ห้องอาหาร ส่วน Outlets ต่างๆ ไปจนถึงห้องพัก จะเน้นความหรูหราเป็นหลัก เพื่อแสดงความเป็น เอกลักษณ์ของเครือ The St. Regis และเพื่อให้เหมาะสมกับทำเลที่ตั้งของโครงการเนื่องจากที่ดินย่านดำริถือว่าเป็นทำเลทองที่มีราคาสูง
ผมชอบแสงสีทองของอาทิตย์ยามเย็นที่ Lobby รูปนี้ครับ
เช็คอินกันก่อน ที่ชั้น 12 ซึ่งเป็น Lobby Lounge และห้องอาหาร ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 229 ห้อง รวมทั้งห้องสวีทและห้องชุดพักอาศัย จากนั้น St. Regis Butler ซึ่งเป็นบริการแบบเฉพาะบุคคล จะรับหน้าที่คอยดูแลผมต่อตลอดการเข้าพักด้วยบริการที่เหนือความคาดหมายและประณีตในทุกขั้นตอน
ก่อนหน้านี้ The St. Regis อยู่ในเครือ Starwood ก่อนที่จะเข้าสู่ชายคาของ Marriott ซึ่งเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีโรงแรมมากกว่า 5,700 แห่งใน 110 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง The St. Regis จัดอยู่ใน Top Tier ของเครือนี้ครับ
ความเซอร์ไพรส์ในการเข้าพักที่ The St. Regis Bangkok มีตลอดเวลา เปิดประตูเข้าห้องพักมา บนโต๊ะจัดวาง Chocolate เป็น Welcome ไว้ให้ พร้อมรูปของกานต์เองครับ กำลังนั่งพักผ่อนสบายๆ ริมทะเล ความเก๋คือกรอบรูปก็ทำจาก Chocolate เช่นกัน พร้อมการ์ดต้อนรับจาก GM โรงแรมวางไว้ให้
ห้องพัก Caroline Astor Suite ตกแต่งได้อย่างสวยงามมีระดับ จัดวางฟังก์ชั่นคล้ายกับบ้านหรูของ Ms.Astor ที่มีทั้งห้องรับแขก ที่เลือกใช้โซฟาสีเรียบ แต่โดดเด่นด้วยการตกแต่งและการจัดวาง มีมุมโต๊ะทำงาน มีมินิบาร์ พร้อมกับเทควิวกรุงเทพ ได้อย่างสบายใจ
โต๊ะทำงานไม้ขนาดใหญ่ที่สุดแสนคลาสสิค ของวางกล้อง Leica คู่ใจไว้บนโต๊ะครับ เพราะเป็นอุปกรณ์หลักในการทำมาหากินของผมเอง
ด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งออกแบบได้เรียบหรูเช่นกัน เป็นเตียงสีดำขนาดใหญ่พร้อมโคมไฟและลำโพงแบบบลูทูทที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศของความหรูหราในการพักผ่อน ความน่ารักคือแม่บ้านพับผ้าเป็นตุ๊กตาช้าง เก่งมาก ครับ ส่วนเรื่องสัมภาระต่างๆ St. Regis Butler ได้จัดวางพร้อม Unpack กระเป๋าไว้ให้เรียบร้อยแล้วใน Walk in Closet ด้านใน ส่วนเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางแล้วยับจะถูกนำไปรีดใหม่ พร้อมทั้งบริการขัดรองเท้าให้ด้วยครับ
ช่างรู้ใจจริงๆ
เราลงไปชั้น 12 กันก่อนครับ เพราะเป็นช่วงบ่ายกับ Afternoon Tea ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เป็นธรรมเนียมของชนชั้นสูงที่ปัจจุบันได้รับความนิยมกันมาก แต่ที่ The St. Regis Bangkok ถือเป็นหนึ่งใน Afternoon Tea ที่ดีและหรูหราที่สุดในประเทศไทย แถมวิวยังเป็นหนึ่งเดียวเพราะมองเห็นสนามม้าสีเขียวฝั่งตรงข้าม ยามบ่ายอาจจะแดดร้อนไปสักนิด แขกจะแน่นช่วงบ่ายแก่ๆ จนถึงเย็น เพราะพระอาทิตย์เริ่มตกดิน แสงของ The St. Regis Bar จะเปลี่ยนเป็นสีทองสวยงามครับ
Set ของหวานจะเปลี่ยนไปทุก 2-3 เดือนครับ แต่รับประกันได้ว่า อร่อยทุกชิ้น เหมาะสำหรับนั่งจิบชาแล้วมาพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ครอบครัวและคนรู้ใจ
กานต์อยากให้ลอง Signature อีกตัวเป็น Siam Mary ที่เบลนด์ความเป็นไทยใส่เข้าไปในเครื่องดื่ม แถมยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจด้วย โดยในปี 1934 บาร์เทนเดอร์ของ The St.Regis Fifth Avenue คือ Fernand Petiot ได้ผสมเครื่องดื่มค็อกเทลสูตรใหม่ขึ้นมา โดยให้ชื่อว่า “Red Snapper” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Blood Mary” ในสูตรประกอบด้วย วอดก้า น้ำมะเขือเทศ เกลือ ขึ้นฉ่าย และซอส Tabasco เล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยก้านขึ้นฉ่ายแทนไม้คน Cocktail
ขณะที่ The St.Regis Bangkok ก็มี Cocktail สูตรพิเศษนี้เช่นกันซึ่งก็คือ “Siam Mary” ที่เพิ่มความเป็นไทยเข้ามาด้วยโหระพา มะนาว ตะไคร้ จนกลายเป็น Signature Drink แก้วนี้ครับ
แม้ขนมจะเปลี่ยนไปในช่วง 2-3 เดือน แต่เบสิคอย่าง Scone พร้อมครีมนุ่นเนียนและแยมแบบคลาสสิคยังคงต้องมีไว้ ผมว่าเป็นขนมที่ทานคู่กับชา St. Regis Blend แล้วเข้ากันได้ดีครับ แม้ไม่ได้พักที่นี่แต่ก็อยากชวนมาลอง Afternoon Tea กัน
ช่วงนี้เห็นทางโรงแรมมีขายบัตรกำนัลพร้อมโบนัสสุดคุ้มสำหรับการเข้าพัก หรือรับประทานอาหารในโรงแรมด้วย ดูรายละเอียดที่นี่ครับ bit.ly/TheStRegisBangkokGiftVoucherF
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-207-7777
กลับจาก Afternoon Tea มีเวลาสักพัก ให้ผ่อนคลาย St. Regis Butler เตรียม Bathtub พร้อมกับตีฟองโฟมนุ่มๆ ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนผมก็มีหน้าที่แค่ลงไปแช่อ่างในช่วงเย็น พร้อมกับจิบแชมเปญเบาๆ ก่อนจะเข้าสู่พิธีสำคัญของ The St. Regis ในช่วงเวลา 18.00 น.ครับ
พิธี Champagne Sabering เป็นการเปิดแชมเปญด้วยดาบ ซึ่งมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับทหารม้าฝรั่งเศสในยุคจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต ที่มีดาบเซเบอร์เป็นอาวุธประจำกาย เป็นประเพณีที่ The St. Regis ทำตามแบบฉบับดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตก อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน
นโปเลียน เป็นผู้ที่ชื่นชอบแชมเปญมาก ทหารของนโปเลียนจึงนิยมเฉลิมฉลองชัยชนะด้วยการดื่มแชมเปญ และใช้มีดดาบของตนเองฟันปากขวด จนมีคำกล่าวว่า “Champagne: in victory, one deserves it; in defeat, one needs it.” และประเพณีฉลองชัยของกองทัพแห่งนโปเลียนด้วยการ Sabrage หรือ Champagne Sabering ก็กลายมาเป็นประเพณีคลาสสิกอย่างหนึ่งของการเปิดไวน์เฉลิมฉลองมาจนถึงทุกวันนี้
ค่ำนี้เรามีนัดทานดินเนอร์ที่ ห้องอาหาร Viu ครับ เป็นบุฟเฟ่ต์ที่โดดเด่นด้วยเมนูจาก Lobster
ชวนคุณกาญจนา ผู้ประกาศสาวสวยจาก TNN ช่อง 16 มาดินเนอร์ด้วยกัน แม้จะอยู่กรุงเทพเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่การงานที่แต่ละคนมี และเวลาที่รัดตัว จึงต้องใช้ช่วงเวลาดินเนอร์นี่แหละในการพูดคุยถามไถ่กัน
ถ่ายกับวิวจาก Living Room มองไปเห็นตึกสูงย่านใจกลางกรุงเทพยามค่ำคืนตัดสลับกับแสงไฟ
ผมอยู่กรุงเทพมานานแต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เห็นกรุงเทพยามเช้าตรู่ โดยเฉพาะเช้าวันอาทิตย์ที่รถไม่ค่อยติดแบบนี้ เป็นมุมมองภาพที่แปลกตาดีครับ จึงเก็บรูปมาฝากกัน
Good Morning Bangkok
จากนั้น St. Regis Butler จะนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงบนเตียงเป็น Beakfast in Bed
เช้านี้กับกาแฟหอมๆ เสิร์ฟพร้อมวิวดีๆ และบรรยากาศแบบส่วนตัวที่แสนประทับใจ ช่วยเติมเต็มวันพักผ่อนสบายๆ ใจกลางกรุงเทพได้เป็นอย่างดี
หลังจากดินเนอร์เสร็จสายๆ ก็ไปออกกำลังกายกันที่สระว่ายน้ำใจกลางกรุงเทพ ที่เทควิวได้เต็มตาครับ
สระว่ายน้ำของ The St. Regis Bangkok บนชั้น 14 ถือเป็นวิวที่สวยที่สุดและสดชื่นดีครับ สระสีฟ้า ปูพื้นด้วยหินแกรนิตสีดำ ช่วยเพิ่มความคลาสสิคให้กับตัวสระว่ายน้ำพร้อมกับการชมวิวกรุงเทพ ตรงสระว่ายน้ำจะมีบาร์ด้วย สามารถสั่งเครื่องดื่มมาจิบได้ แนะนำว่าต้องเป็นน้ำมะพร้าวสักลูกครับ จะชื่นใจหายเหนื่อย
พักกายสักแปบ
ชั้น 14 ยังมีพื้นที่ของ Gym และมีกิจกรรมต่อยมวยมาก ผมนี่ชอบเลย เป็นกิจกรรมที่ได้ออกแรง แถมยังสนุกเพราะมีครูฝึกช่วยเทรนให้ ได้เหงื่อพอสมควรครับ
จากนั้น ผมไปต่อที่ Elemis Spa สปาสุดหรูระดับโลกที่ตั้งอยู่ที่ The St. Regis Bangkok ผมไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เพื่อที่จะได้เผื่อเวลาในการให้ข้อมูลเทอราพิสก่อนนวด จากนั้นก็เดินเล่นนิดหน่อย เพราะสปาที่นี่สวยจริงๆ ใครสนใจผลิตภัณฑ์ของ Elemis ก็ซื้อติดกลับไปได้ครับ เพราะ Elemis ถือเป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ผสานเข้ากับส่วนผสมจากธรรมชาติในการบำรุงผิวของเรา
Sunday is a day for the spa. Relax, indulge, enjoy, and love yourself, too.
วิวที่มองจากสปาครับ เห็นสีเขียวๆ ก็สดชื่นหายเหนื่อย
ผมเลือกนวดน้ำมัน เน้นไหล่และหลัง เพราะเมื่อยล้าเป็นพิเศษ Aroma ของ Elemis Spa นี่กลิ่นดีจริงๆ พี่ต๋อยเทอราพิสคนสวย ผู้มากด้วยประสบการณ์ก็นวดดีมากครับ จับถูกทุกจุดเลย สบายตัวมาก
จากนั้น ก็ไปเข้า Relaxing Room ซึ่งจะมี Jacuzzi ขนาดใหญ่ ที่มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ไว้ให้บริการผ่อนคลายหลังนวด แต่ผมถามเทอราพิส จะแช่ก่อนหรือหลังนวดก็ได้ครับ ผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน
ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่แท้ทรู
หลังจากสปา เสร็จก็ได้เวลากลับขึ้นห้องพัก เพื่อเตรียมเช็คเอ้าท์ครับ
ก่อนกลับผมไปทานเบอร์เกอร์ Lobster and Burger at The Lounge เหมาะสำหรับมื้อกลางวัน หรือใครที่อยากนัดคุยธุรกิจพร้อมกับทานอาหารไปด้วยก็แนะนำที่นี่เลยครับ
Signature Dish of Lobster and Burger at The Lounge
#โดยสรุป The St. Regis Bangkok เป็นอีกโรงแรมที่ผมชอบมากครับ จริงๆ ก็เป็นแฟน The St. Regis อยู่แล้ว เพราะหลงใหลในเสน่ห์ของการบริการที่เหนือระดับ การออกแบบตกแต่งที่ทำได้อย่างหรูหรา เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหรือเจรจาธุรกิจ แต่ช่วงนี้โควิด เดินทางไปต่างประเทศยังไม่ได้ ถ้าคิดถึง Signature สไตล์ The St. Regis แนะนำให้มาเปิดประสบการณ์ที่นี่กันครับ
ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษด้วย กับการซื้อบัตรกำนัลพร้อมโบนัส สามารถดูรายละเอียดที่นี่ครับ bit.ly/TheStRegisBangkokGiftVoucherF
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-207-7777