THE ESSE Sukhumvit 36

ครั้งแรกที่ได้เห็นภาพตึกเสร็จของโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 กานต์ก็รู้สึกทึ่งกับความใจกล้า ที่ใส่ดีไซน์ความเป็นไทยเข้ามาผสมผสานกับงานศิลปะร่วมสมัยแบบสากล ต้องชมว่า SOM บริษัทสถาปนิกระดับโลก ออกแบบอาคารนี้ได้สะท้อนตัวตนของสิงห์ เอสเตท และคู่พันธมิตร คือ ฮ่องกงแลนด์ เจ้าของโครงการเป็นอย่างดีครับ

“A Harmony of Contrast” หรือ “สมดุลแห่งความต่าง” เป็นคอนเซ็ปต์ของการออกแบบโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่อยู่อาศัยใจกลางกรุงเทพฯ ย่านทองหล่อครับ ซึ่งทำเลถือเป็นจุดขายที่หนึ่ง เราสามารถเดินจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อได้ไม่ถึงเสี้ยวนาที

ดีเทลของดีไซน์ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งฟังก์ชั่นและแฟชั่น เป็นหมัดอัพเปอร์คัทที่ผมชอบเช่นกันครับ การวางผังอาคารตามทิศทางลมด้านเหนือใต้ทำให้ลมผ่านเข้าออกได้ทุกชั้นตลอดเวลา การผสานศาสตร์ฮวงจุ้ยเรื่องน้ำเข้ามาในอาคารเพื่อการอยู่อาศัยที่ร่มเย็น เป็นสไตล์ไทยที่เข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยสไตล์ Urban ได้ดี ผมชอบงานภูมิทัศน์สถาปัตย์ของโครงการนี้ เพราะมีแรงบันดาลใจมาจากภูมิประเทศแถบชนบทของไทย เช่น ทุ่งข้าวและเนินเขา เอามาเป็นต้นแบบครับ

พื้นที่ส่วนกลางที่อัดแน่นเข้ามาเพื่อลูกบ้าน ก็กลายเป็นหมัดฮุกหมัดเด็ดของโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่เห็นวิวกรุงเทพสวยงาม, Sky Theatre, Private Dining Room, บาร์บีคิวกลางแจ้ง, นวัตกรรมที่จอดรถระบบ Automated Parking, บ่อออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแยกชาย-หญิงใหญ่ที่สุดในย่านทองหล่อ, ห้องฟิตเนส, เวอร์ชวลไบค์, กอล์ฟซิมูเลเตอร์, ห้องสปา, ห้องอบไอน้ำ Sky Lounge และสวนส่วนกลางในหลายจุด

ตามเข้ามาดูความงดงามของศิลปะไทยร่วมสมัยและฟังก์ชันการอยู่อาศัยในโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่กานต์เก็บภาพมาฝากกันด้านในดีกว่าครับ

THE ESSE Sukhumvit 36 อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ “ทองหล่อ” ทำเลทองของกรุงเทพฯ จากสิงห์ เอสเตท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1221
หรือคลิก https://bit.ly/3rttpot

ที่ตั้งติดถนนใหญ่ ตึกสูง วิวสวย มองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาที่งดงามสลับกับความเป็นเมืองใหญ่ ที่สำคัญไม่มีบล็อกวิว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1221
หรือคลิก https://bit.ly/3rttpot

“All great art is born of the metropolis.”

— Ezra Pound

•ทองหล่อคือที่สุดแห่งทำเลของกรุงเทพฯ

ที่ตั้งของโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 อยู่ติดถนนสุขุมวิทปากซอย 36 ครับ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสมองหล่อ ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือซอยสุขุมวิท 55 หรือว่าซอยทองหล่อนั่นเอง

ไลฟ์สไตล์ทองหล่อจึงเป็นเรื่องที่ผมอยากหยิบมาเล่าก่อน หลายคนเรียกทองหล่อว่า เบเวอรี่ฮิลล์เมืองไทย เพราะทองหล่อเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์เก๋ๆ กิน-ดื่ม-เที่ยว-ช้อป ระดับไฮเอนด์ มีคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่งกระจายไปทั่วซอย ไม่ว่าจะเป็น เดอะ คอมมอน เจ-อเวนิว ดิเอท ฯลฯ

ทองหล่อยังเป็นทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาลระดับอินเตอร์ที่อยู่ในรัศมีโดยรอบ องค์ประกอบเหล่านี้ ทำให้ย่านทองหล่อเป็นชุมชนแห่งการอยู่อาศัยชั้นดี ถือเป็นทำเลที่ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปีครับ

ย่านนี้ มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะมากครับ ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนญี่ปุ่นครองทำเลนี้ จนถึงปัจจุบันก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากมาย ห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นอย่างดองกิ ดองกิ และ UFM Fuji ที่บินลัดฟ้ามาเปิดใจกลางทองหล่อ

ดังนั้น ทองหล่อจึงเป็นที่สุดของทำเลที่น่าสนใจในกรุงเทพมหานคร และทำให้ THE ESSE Sukhumvit 36 เป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่น่าจับตามองครับ

นอกจาก ด้านหน้าโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 จะเป็นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อแล้ว การเดินทางโดยรถยนต์ก็ถือว่าสะดวกมากครับ ผมลงทางด่วนตรงทางออกอาจณรงค์ ขับรถตรงมาอีกนิดก็ถึงซอยสุขุมวิท 36 ครับ

สัมผัสแรกคือความร่มรื่นของสวนขนาดใหญ่ด้านหน้า มีการจัดวางที่นั่งกระจายกันไปทั้งภายนอกและเล้าจน์ภายในอาคารด้านหน้า ผมมองเห็นสวนหย่อมมีการจัดวางงานศิลปะแบบ Installation Arts เอาไว้ในหลายจุด เป็น Urban Lifestyle ที่ดีงามมาก สวนด้านหน้ายังช่วยเป็น Buffer Zone กันความวุ่นวายจากภายนอกเข้ามาได้ดี

จากนั้น จะเข้าไปยังจุดจอดรถแบบ Automated Parking แยกกันระหว่างรถแบบ Sedan กับ SUV เป็นนวัตกรรมที่ดีสำหรับคนเมือง ที่จอดรถของโครงการนี้รวมทั้งหมด 100% เต็ม สามารถนั่งรอรถได้ที่ Lobby ด้วยระยะรอคอยเพียงไม่ถึง 5 นาทีครับ

ภายใน Lobby โอ่โถงด้วยเพดานสูงโปร่ง จัดวางโซฟาและเก้าอี้นั่งไว้แบบหลวมๆ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด ผมชอบการตกแต่ง Lobby ที่มีกิมมิคแบบไทยๆ คือการนำเส้นใยทองเหลืองมาถักเป็น Sculpture เหมือนรังไหมสีทอง ประกอบกับฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ยิ่งให้มีความหรูหราอลังการมากขึ้น

ผมมองเห็นกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่ด้านใน Lobby ราวกับสวนในร่ม ผมได้คำตอบว่าเป็นต้นไม้กระถางที่สิงห์ เอสเตท จัดมาให้ลูกบ้านได้เลือกเพื่อนำไปปลูกประดับไว้ในห้องของตัวเอง เพื่อช่วยฟอกมลพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ เป็นนวัตกรรมธรรมชาติที่เข้าท่าเลยทีเดียวครับ 

มาชมห้องตัวอย่างกันก่อนครับ เริ่มจากแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ซึ่งผมชอบมาก เพราะทำเลของห้องจะเป็นห้องหัวมุมของแต่ละชั้น ทำให้ได้มุมมองที่กว้างและหลากหลายกว่า เมื่อเปิดประตูเข้ามา ผมสังเกตว่า ไฟ Welcome Light ถูกเปิดโดยอัตโนมัติ ตรงนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่ตั้งใจ เพื่อให้ลูกบ้านไม่ต้องควานหาสวิชต์ไฟเวลากลับมาถึงห้อง นับว่าสะดวกมากครับ

ผังห้องนี้ออกแบบ Common Area ให้เป็นแนวลึกเชื่อมต่อระหว่างครัวกับ Living Area และเมื่อเลี้ยวเข้าไปด้านในถึงจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ครับ เพื่อแยกระหว่างส่วนพักอาศัยกับพื้นที่พักผ่อนออกจากกันเป็น Private Zone ที่แท้จริง

ห้องตัวอย่างมีทั้งแบบห้องเปล่าที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวให้ดู เพื่อให้เห็นกันชัดเจนไปเลยว่าถ้าคุณซื้อห้องที่นี่ จะมีหน้าตาอย่างไร กับอีกแบบที่ตกแต่งเพิ่มเติมเป็นไอเดียของการพักอาศัยให้น่าอยู่มากขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่ผมชอบคือการตกแต่งภายในชั้นเยี่ยมให้กับลูกค้า ชนิดที่ว่าเพียงหิ้วกระเป๋าแล้วก็เข้ามาอยู่ได้เลยครับ อาจจะซื้อโซฟา ทีวี ที่นอน อะไรมาเพิ่มอีกเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพราะหลักๆ ภายในห้องเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของในโซนครัว เคาท์เตอร์ครัวและ island ตรงกลาง มูลี่หน้าต่างพร้อมม่านไฟฟ้า ส่วนประตูกระจกนั้น กั้นหนาถึง 3 ชั้น เราจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนจากด้านนอกเลยครับแม้จะอยู่ฝั่งด้านหน้ารถไฟฟ้าก็ตาม

ห้องตัวอย่างตกแต่งเน้นสีโทนดำ เทาและทอง ดูหรูหราทว่าลึกลับ ดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากๆ ครับ

ห้องนอนใหญ่ถูกจัดวางตรงมุมห้องซึ่งจะได้กระจกแบบเข้ามุม เปิดวิวได้กว้างกว่า ภายในห้องนอนสามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายๆ พร้อมพื้นที่ปลายเตียงให้วางทีวีได้ ตรงกลางจะกั้นด้วยตู้เสื้อผ้ายาวมาตั้งแต่ Corridor ทางเข้าห้อง เพื่อออกแบบให้เป็น Walk-through closet ได้ ก่อนจะแยกออกไปเป็นห้องน้ำในฝั่งตรงข้าม แบ่งสัดส่วนได้ชัดเจนดีครับ

ส่วนห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำด้านนอกครับ ทว่าจะได้มีพื้นที่ภายในห้องที่กว้างขวาง สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ และยังมีพื้นที่เดินได้โดยรอบ

ความมีอัตลักษณ์ไม่เพียงแต่การออกแบบเท่านั้น แต่ยังลงรายละเอียดไปถึงวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ประดับราวกับอัญมณีชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็น พื้นไม้เอนจิเนียร์วางแบบ Herring Bone Pattern หรือแบบก้างปลา ผ้าม่านและวอลล์เปเปอร์ออกแบบลายพิเศษเฉพาะโครงการโดย Jim Thompson ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจาก Kuppersbusch แต่ที่ผมชอบคือผนังหลังทีวีที่กรุด้วยหินอ่อนแท้นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งห้องแต่ละ type จะได้ลวดลายที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือหรูหรามีระดับ สมราคาค่าตัวมากครับ

ห้องน้ำภายในห้อง Master Bedroom เป็นอีกจุดที่ผมชอบ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำของคอนโดทั่วไป โครงการติดตั้งอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยครับ อาบน้ำไปพร้อมกับวิวสวยๆ ของกรุงเทพได้เลย

มาดูห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนกันบ้างครับ โดยตำแหน่งของห้องแบบนี้มักจะอยู่บริเวณโซนกลางของอาคาร ออกแบบผังห้องให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส แบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานได้เป็นสัดส่วนชัดเจนดี โดยที่ห้องนอนจะมีเนื้อที่ครึ่งหนึ่งของห้อง ส่วนอีกครึ่งจะเป็น Living Area ครับ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านหน้าจะเป็นตู้ Built-in สำหรับเก็บของและวางรองเท้า สูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน จากนั้นถึงจะเป็นครัวสไตล์คนเมืองครับ มาพร้อมกับเค้าท์เตอร์ขนาดไม่ใหญ่นัก สมส่วนกับตัวห้อง ติดกันเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน

ชุดครัวที่ติดตั้งมาให้ จะได้เป็นของ Kuppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์ดังจากเยอรมันครับ

ถัดจากมุมรับประทานอาหารจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ที่ตกแต่งได้อย่างหรูหรา เน้นสีชมพู ดำ ทำให้สะท้อนคาแรกเตอร์ของหญิงสาวที่มีไลฟสไตล์ในแบบทองหล่อ ดูเก๋ๆ ชิคๆ

ไฮไลท์ที่ผมชอบอีกอย่างคือ การออกแบบผนังส่วนด้านหลังทีวีกรุเป็นหินอ่อนนำแท้เข้าจากต่างประเทศเป็นลาย White Marmara ดูหรูหรามากครับ ห้องอื่นก็อาจจะได้ลวดลายอื่นแตกต่างกันไป ลองสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ขายดูอีกที และเช่นกันครับ ทางโครงการได้ให้วอลล์เปเปอร์เป็นลายพิเศษที่ออกแบบเฉพาะโครงการ จากทาง Jim Thompson ติดตั้งไว้ให้

ตัวห้องออกแบบให้มีความโปร่งโล่งและกว้างขวางดีด้วยฝ้าที่ยกสูงถึง 3 เมตร ภายในจัดวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดไม่ใหญ่ นัยว่าพอดีกับจำนวนผู้พักอาศัยที่ไม่น่าจะอยู่กันเกิน 2 คน สบายๆ

ส่วนภายในห้องนอนจะกั้นด้วยประตูปิดทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว อย่างที่บอกไปว่าห้องนอนมีขนาดใหญ่มาก สามารถวางเตียง King Size ได้สบายแถมยังมีพื้นที่รอบเตียงเดินได้เหลือๆ ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนัง ให้เรานอนดูหนังจาก Netflix ได้เลย

ส่วนด้านข้างสามารถจัดโต๊ะเครื่องแป้ง รวมทั้งวางตู้โชว์ต่างๆ เพิ่มเติมได้ตามใจ

ด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-through closet เป็นสัดส่วนดี ก่อนที่ด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำที่ติดตั้งอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยครับ

มาดูดีเทลภายนอกห้องกันบ้างครับ อย่างที่บอกไปว่าโครงการลงรายละเอียดปลีกย่อยในงานออกแบบเยอะมาก เป็นความท้าทายที่ทางสิงห์ เอสเตทและฮ่องกง แลนด์ มอบให้กับ SOM (Skidmore,Owings & Merrill LLP), ตกแต่งภายในโดยใช้ DWP (Design Worldwide Partnership) และงานแลนด์สเคปโดย SHMA ร่วมกันตีโจทย์ใหญ่นี้ออกมาได้อย่างลงตัว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางผังแนวอาคารทางด้านเหนือใต้ ซึ่งคำนวนทิศทางลมไว้เป็นอย่างดี คอนโดนี้จะมีลมผ่านเข้าออกการเป็นการเปิดรับพลังงานที่ดีมีความไหลเวียนและถ่ายเทภายใน ซึ่งถ้ามองตามหลักการออกแบบอาคารทั่วไป ก็คือการเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าไปภายในอาคารโดยตรงนั่นเอง 

ภายในอาคารยังออกแบบให้มีน้ำในหลายจุดเพื่อความมีชีวิตชีวาและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งดีไซน์ออกมาได้อาร์ตดีครับ เหมือนงานศิลปะเลย

ผมชอบมานั่งเล่นที่ชั้นสันทนาการที่มีคิดส์คลับ สระว่ายน้ำ สปา ออนเซ็น ฟิตเนสอยู่ด้วยกันจึงเป็นการรวมพลังที่หลากหลาย การได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ อยู่เสมอ มีสีเขียวของต้นไม้ ก็ทำให้เกิดอารมณ์ที่ผ่อนคลาย สดชื่น สดใส ในทันที

นอกจากนี้ งานออกแบบที่คงเอกลักษณ์ไทยยังพบเห็นได้ในหลายจุด ทั้งลวดลาย โทนสี แต่ที่ผมยกนิ้วให้คือการออกแบบให้ Facade ของโครงการ มีส่วนโค้งเหมือนคลื่นแนวนอนคล้ายกับหลังคาเรือนไทย เป็นอะไรที่เก็๋มากครับ

Kids Club

SPA

ONSEN แยกชายหญิง เป็นไฮไลท์อีกจุดที่โครงการนำมามัดใจลูกบ้านครับ เป็น ONSEN สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ตกแต่งสไตล์ ZEN มีด้วยกัน 2 บ่อแยกตามอุณหภูมิน้ำ คือ 38 องศา และ 42 องศา ที่โครงการเคลมว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาคอนโดย่านนี้

ออนเซ็นของที่นี่ มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องอาบน้ำ มีแบบนั่งอาบสไตล์ญี่ปุ่นด้วย ฟีลดีมากๆ ครับ

นอกจากนี้ ยังมีบริการตู้ล็อคเกอร์ ห้องอบไอน้ำ เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านอีกด้วยครับ

มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกภายในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดกันบ้างครับ เริ่มจากฟิตเนสที่วิวสวยมาก

ฟิตเนสที่นี่กว้างขวางดีมาก มีอุปกรณ์ทั้งแมชชีนและฟรีเวท เตรียมไว้ให้บริการ นอกจากนี้ยังมีห้อง Visual Bike ปั่นจักรยานกันอย่างสนุกสนานและได้เหงื่อด้วย

GOLF SIMULATOR

SKY LOUNGE ที่มองเห็นทั้งวิวกรุงเทพแบบ City Life และมองไปทางทิศใต้จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สวยงามมากครับ

Private Dining Room

เมื่อทาน Dinner ในห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว อยากแนะนำให้มาชมภาพยนตร์ที่ Sky Theatre ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ผมชอบมากอีกเช่นกันครับ กับการได้รับชมภาพยนตร์ในวิวลอยฟ้า เห็นกรุงเทพมหานครในมุมสูง น่าสนใจไม่แพ้ภาพยนตร์ที่เรามานั่งชมเลยครับ ห้องนี้จัดมาให้เฉพาะลูกบ้านโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 เท่านั้น เราสามารถจองเพื่อชมภาพยนตร์ในแบบส่วนตัวกับเพื่อนรู้ใจหรือคนในครอบครัวได้อีกด้วยครับ นับเป็นบรรยากาศที่งดงามสำหรับการสร้างช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังมีที่นั่งแบบเปิดโล่งเพื่อรับลมเย็นสบาย ในบรรยากาศของสวนสวยและวิวกรุงเทพฯ มุมสูง พร้อมกันนี้ ทางโครงการได้จัดเตรียมพื้นที่ในการจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ไว้ให้อีกด้วยครับ

มุมที่นั่งด้านนอกฝั่งทิศใต้ เป็นอีกจุดที่ผมชอบมากครับ อยากจะมานั่งรับลมชมวิวแม่น้ำอยู่ตรงนี้ทุกๆ วัน เป็นการสร้างสรรคุณภาพชีวิตที่ดีและสมบูรณ์แบบมาก

“Happiness is like a butterfly; the more you chase it, the more it will elude you, but if you turn your attention to other things, it will come and sit softly on your shoulder.”

— Henry David Thoreau

#โดยสรุป THE ESSE Sukhumvit 36 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจบนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร นั่นก็คือย่านทองหล่อครับ แม้ไม่ได้อยู่ในซอยทองหล่อ แต่การทืี่อยู่ติดถนนใหญ่อย่างสุขุมวิท ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งการใช่้รถยนต์และระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอส เพียง 1 ก้าวเท่านั้น

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของ THE ESSE Sukhumvit 36 ในทุกโครงการคือการผสานงานออกแบบให้มีความเป็น “หัวใจไทย” เข้าไปได้อย่างกลมกลืน และไม่ลืมที่จะทำให้หัวใจหลักคือฟังก์ชันการใช้สอยในพื้นที่อยู่อาศัย เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ทั้งภายในห้องและพื้นที่ส่วนกลางภายนอก แต่ที่เหนือไปกว่านั้นของโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 คือการจัดเต็มวัสดุและการตกแต่งที่ Customize มาเพื่อให้เป็นอัตลักษณ์ของโครงการนี้โดยเฉพาะ เหมาะสมกับคอนเซ็ปต์ The Harmony of Contrast เป็นความแตกต่างอย่างลงตัวในการพักอาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ร่มรื่น สบายใจ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1221
หรือคลิก https://bit.ly/3rttpot

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน