The City, Sukhumvit-Onnut 2

ในหนังสือชื่อ “𝐓𝐡𝐞 𝐏𝐫𝐚𝐜𝐭𝐢𝐜𝐞 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐖𝐢𝐥𝐝” ของ Gary Snyder กวีและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวอเมริกัน เคยเขียนไว้ว่า “𝑵𝒂𝒕𝒖𝒓𝒆 𝒊𝒔 𝒏𝒐𝒕 𝒂 𝒑𝒍𝒂𝒄𝒆 𝒕𝒐 𝒗𝒊𝒔𝒊𝒕. 𝑰𝒕 𝒊𝒔 𝒉𝒐𝒎𝒆.” – ธรรมชาติไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว … แต่เป็นบ้าน

.

กานต์อ่านแล้วประทับใจมากถึงขั้นจดไว้ในสมุดบันทึก เป็นถ้อยความสั้นๆ แต่ทรงพลังมากเลยครับ

.

เชื่อว่าธรรมชาติไม่ใช่แค่สถานที่ที่เราแวะไปเยี่ยมชมได้ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากไป แต่จริงๆ แล้วมันคือบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตความเป็นอยู่ของเรา เพราะทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

.

คำพูดของ Snyder บอกเป็นนัยว่าเราควรปฏิบัติต่อธรรมชาติด้วยความเคารพและเอาใจใส่ เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อบ้านของเราเอง เราจึงจะเห็นคุณค่าและปกป้องธรรมชาติมากขึ้น ที่สำคัญกานต์ว่าควรใช้ชีวิตให้กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ โดยตระหนักว่าต่างเชื่อมโยงพึ่งพากัน เพื่อความอยู่รอดและความเป็นอยู่ที่ดี

.

การได้มีบ้านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ จึงเป็นสภาวะแวดล้อมของที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบมากเลยนะครับ

.

ยิ่งเป็นเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครด้วยแล้ว การได้ตื่นเช้าๆ ให้พระอาทิตย์ทำหน้าที่นาฬิกาปลุก มีสายลมอ่อนๆ พัดไหวรอทักทายเราอยู่หน้าระเบียง ได้ยินเสียงนกร้องเบาๆ มองออกไปจากเตียงเห็นต้นไม้สีเขียวๆ สดชื่นสบายตา กานต์ว่ามันช่วยฮีลจิตใจได้ดีมาก

.

หากใครชอบบรรยากาศแบบนี้ แนะนำให้ไปชมที่โครงการ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 ได้เลยครับ บ้านหลังใหญ่ในบรรยากาศธรรมชาติ ผมไปนอนเล่นอ่านหนังสืออยู่บนสนามหญ้าในสวนดอกไม้มา ประทับใจมาก อยากนำมาเล่าต่อ

.

จุดเด่นอีกอย่างคือ การออกแบบที่มุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับธรรมชาติใจกลางกรุงฯ มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งมากมาย โดยเฉพาะภายในบ้านซึ่งมีไฮไลท์คือโถงนั่งเล่นแบบ Double Volume ดึงดูดใจสำหรับใครที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่โปร่ง สบาย เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ

.

ทำเลอ่อนนุชเป็นย่านชุมชนมีผู้คนอยู่อาศัยมากมาย เพราะการเดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อถนนหลายสาย รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เรียกได้ว่ามาช่วยเติมสีสันของชีวิตให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นครับ

.

อยากชวนให้ไปชมภาพถ่ายและอ่านเรื่องราวของ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 ต่อในแคปชั่นได้เลยครับ

.

สามารถลงทะเบียนเพื่อเยี่ยมชมโครงการและรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://lin.ee/Lv2cUx9

โครงการ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 ได้รับการออกแบบและพัฒนามาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย งานดีไซน์ผสมผสานความเรียบง่าย ทว่าเต็มไปด้วยความหรูหราและโมเดิร์น

ด้วยการออกแบบเส้นสายที่สะอาดตา เรียบนิ่ง เน้นการใช้สีขาวและสีเทาเป็นหลัก โดยมีสีเขียวที่ได้จากต้นไม้และธรรมชาติ สีฟ้าจากท้องฟ้าที่เปลี่ยนเฉดสีได้ในทุกช่วงเวลา

ด้วยการออกแบบเส้นสายที่สะอาดตา เรียบนิ่ง เน้นการใช้สีขาวและสีเทาเป็นหลัก โดยมีสีเขียวที่ได้จากต้นไม้และธรรมชาติ สีฟ้าจากท้องฟ้าที่เปลี่ยนเฉดสีได้ในทุกช่วงเวลา

The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 เป็นโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เป็นทำเลที่ร้อนแรงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายในทุกพื้นที่ เพียง 10 นาทีก็ถึงใจกลางเมืองแล้ว เชื่อมต่อถนนสายหลักหลายสาย เช่น ถนนสุขุมวิท ทางพิเศษระหว่างเมืองกรุงเทพ-ชลบุรี และถนนวงแหวนรอบนอก สะดวกต่อการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและพื้นที่อื่นๆ

ทั้งยังใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชตลอดจนรถไฟฟ้าสายเสีเหลืองในอนาคตอีกด้วย ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงส่วนอื่นๆ ของเมืองได้อย่างง่ายดาย

รวมถึงย่านศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ Co-Working Space สถานบันเทิงยอดนิยม มีห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง เช่น Seacon Square, Paradise Park, Mega Bangna, Central Bangna, Lotus และ Big C ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถไปทำธุระและจับจ่ายซื้อของได้สะดวก

The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 เข้าซอยอ่อนนุช 70/1 มาเล็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยโครงการของ APThai เป็นเครื่องการันตีว่าทำเลนี้ฮอตจริง มีผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมาก ดีมานด์ไม่เคยตกเลยครับ จึงนับว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายด้วยการเข้าถึงถนนเส้นหลักและตัวเลือกการขนส่งสาธารณะต่างๆ ได้ง่าย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย

นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งและโรงพยาบาลชั้นนำ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก และบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและการดูแลสุขภาพ อาทิ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep, โรงเรียนนานาชาติเอกมัย, โรงเรียนนานาชาติ St. Andrews และโรงเรียนบางกอกพัฒนา เป็นต้น

ใกล้กับโรงพยาบาลและสถานพยาบาลหลายแห่ง ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่าย โรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์, โรงพยาบาลศิครินทร์, โรงพยาบาลไทยนครินทร์, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ฯลฯ

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 เป็นโครงการที่น่าอยู่และสะดวกสบาย

ทางเข้าโครงการป้อมรักษาความปลอดภัยเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Katsan ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ APThai รังสรรค์ขึ้น สามารถเชื่อมต่อกับ Application ทางมือถือได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในหลายเรื่องให้กับลูกบ้าน เสริมทัพด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัย ระบบกล้อง CCTV ติดตั้งรอบโครงการเพื่อสร้างความอุ่นใจ

การออกแบบทางเข้าด้านหน้าเป็น Facade สีแดงเข้มซึ่งเป็นสีที่บ่งบอกตัวตนของ APThai ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ ภาพรวมโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้และหิน ตลอดจน กระจกและเหล็ก เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่น สะดวกสบายและทันสมัย

ด้านหน้าประดับด้วยรูปปั้นม้าขนาดใหญ่ 3 ตัว ราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันเพื่อสื่อนัยยะของความรัก ความผูกพัน ความมั่นคงของทั้ง 64 ครอบครัวที่จะมาเติมเต็มให้โครงการนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

แบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในวันนี้คือ แบบบ้าน MILANA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 100.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 425 ตร.ม. มาพร้อมไฮไลท์โถงสูงแบบ Double Volume ฟังก์ชันบ้านขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ มุมพักผ่อน 3 จุด ห้องพระ และห้องแม่บ้าน หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน

โครงการออกแบบ Exterior ได้ดูโมเดิร์นดีมาก เลือกใช้โทนสีเบจกับสีเทาไล่เฉดทำให้บ้านดูเรียบหรูโก้ จุดเด่นเลยก็คือเป็นบ้านที่มีขนาดที่ดินใหญ่ ออกแบบให้ใช้สอยได้เต็มพื้นที่

ลานจอดรถเป็นคอนกรีตแสตมป์ โครงสร้างเป็นแบบ On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้ ติดกล้อง CCTV มาให้ 2 จุดภายในบ้านและโรงรถ ออกแบบให้มีปลั๊กไฟและ Junction ของงานระบบเพื่อรองรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้ว ด้านข้างมีตู้เก็บของขนาดใหญ่สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวน ถุงกอล์ฟ หรือจักรยานได้

ส่วนประตูทางเข้าบ้านมี 2 จุด หนึ่งคือสามารถเข้าจากลานจอดรถได้ทันที ทำให้สะดวกดีเวลาซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าบ้านไม่ต้องผ่านมุมรับแขกด้านหน้า จะได้ไม่เป็นการรบกวนเวลามีแขกมาเยี่ยมบ้าน

ทางเดินจากลานจอดรถมีชายคาสำหรับใช้เดินเข้าทางประตูใหญ่หน้าบ้านได้ เป็นประตูบานไม้ทึบสีน้ำตาลธรรมชาติเป็นแบบ Over Size 2 บาน ด้านขวาบานใหญ่กว้างราว 1 เมตรและมีประตูบานเล็กทางซ้ายอีก 40 เซนติเมตร สามารถเปิดออกพร้อมกันได้เพื่อขนของชิ้นใหญ่เข้าบ้าน

ภายในจัดวางฟังก์ชั่นบ้านแบบ Open Plan เน้นเปิดโล่งกว่า โดยมีผนังและฉากกั้นระหว่างห้องน้อยลง ทำให้รู้สึกได้ถึงความกว้างขวางและทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติด้วยหน้าต่างบานใหญ่ในบรรยากาศที่เปิดโล่งด้วยห้องรับแขกแบบ Double Volume ซึ่งเป็นไฮไลท์ของแบบบ้านนี้

สัมผัสแรกที่เรามองเห็นเมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะเป็นมุมมองนี้ครับ ซึ่งสังเกตว่าจะแตกต่างจากบ้านเดี่ยวทั่วไป เพราะมีไฮไลท์คือโถงสูงจากพื้นจรดฝ้าชั้นสองแบบ Double Volume พร้อมช่องแสงทรงสูงโดยรอบทำให้บ้านดูสูงโปร่ง สว่างและเปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไป มีความอลังการงานสร้างมากเลยครับ

ก้าวเข้ามาภายในเป็น Common Area ขนาดใหญ่แบบ Open Space ให้เราตกแต่งได้ตามไลฟ์สไตล์ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตแผ่นใหญ่ทำให้ดูแกรนด์มาก บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่และเก้าอี้ดีไซน์สวย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ พร้อมทีวีติดผนัง

มุมนี้สำหรับต้อนรับแขก โดยมีประตูกระจกด้านข้างเพื่อเชื่อมมุมมองออกไปยังสวนข้างบ้านได้ซึ่งทำเป็นคอร์ดตรงกลางระหว่าง 2 ห้อง

โดยความตั้งใจคืออยากให้เป็นมุมเปิดโล่งเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกคนอื่นภายในบ้านที่นั่งทำกิจกรรมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ตรงข้ามกัน

อีกหนึ่งข้อดีก็คือ เราสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านช่องแสงขนาดใหญ่เข้ามา ทำให้บ้านในมุมนี้ดูโปร่ง โล่ง สว่าง อยู่สบายไม่อึดอัดบรรยากาศโดยรวมของบ้านชั้นล่างดูสวยและปรับฟังก์ชั่นได้หลากหลายดีครับ รองรับทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการ

Common Area ถัดจากมุมรับแขกเข้าไปเชื่อมต่อในส่วนของ Living Dining และครัวเข้าไว้ด้วยกัน ด้านในจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่ง ซึ่งผมว่าเราสามารถปรับเพิ่มได้ครับเพราะพื้นที่เหลือค่อนข้างมาก

บริเวณด้านหลังเป็นหน้าต่างกระจกที่เลื่อนเปิดออกได้ สามารถชมวิวบรรยากาศดีๆ ของสวนรอบบ้านระหว่างที่รับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งเป็นข้อดีที่ผมย้ำบ่อยมากของโครงการ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 ก็คือการมีช่องแสงที่เปิดกว้างและหลายทาง ทำให้บ้านรับแสงสว่างได้ตลอดเวลา สามารถเปิดออกเพื่อรับลมและระบายอากาศได้

นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่ม สำหรับจิบเบาๆ ก่อนเริ่มมื้ออาหาร พร้อมกับทำเป็นพื้นที่ครัวยุโรปแบบเปิดไว้ได้ด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่กานต์ว่าน่าสนใจคือ การมีห้องเอนกประสงค์ที่เชื่อมต่อกับทุกมุมในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เราสามารถปรับใช้งานห้องนี้ได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของตัวเอง จะทำเป็นห้องรับแขก ห้องดูหนังฟังเพลงหรือปาร์ตี้เบาๆ

เราสามารถเลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลยครับ จะเอาไว้ทำเป็นออฟฟิศ ห้องทำงาน อ่านหนังสือหรือ Work From Home ก็ได้

เชื่อมต่อกับเฉลียงและสวนด้านข้างบ้านบรรยากาศดีมากเลยทีเดียว ส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจกับมุมนี้ เพราะไปดูของจริงมาแล้วสัมผัสได้ถึงการมีพื้นที่ส่วนตัวภายในรั้วบ้านของเราที่ออกแบบมาให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก

ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านมีความสวยดูดี ดูหรูหรา สมฐานะ นอกจากการพักอาศัยแล้วต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่เติมเต็มสุนทรียะในการพักผ่อนเข้ามาประกอบราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ตหรู

ดังนั้น สถาปนิกจึงออกแบบให้มี Terrace เพื่อการพักผ่อนรับลมด้านข้างบ้าน มีระเบียงขนาดใหญ่ด้านบน ดีไซน์ Exterior ของบ้านให้มีผนังกระจกใสเพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวภายนอกและธรรมชาติโดยรอบโครงการให้ได้มากที่สุด ทั้งยังช่วยในการเปิดรับแสงจากภ

ข้อดีของบ้านในโครงการ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 คือการออกแบบผังโครงการโดยรวมไปแนวทิศเหนือ-ใต้ อาจจะเฉียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เราได้อยู่ภายบ้านที่ไม่ร้อน มีลมผ่าน อากาศถ่ายเทเย็นสบาย

ยิ่งเป็นบ้านแบบ MILANA ซึ่งมีหน้ากว้าง ทำให้ลมโฟลว์ดีมาก ดังนั้นจะเปิดรับลมได้ดีเมื่อเราพักผ่อนอยู่ที่ในบ้าน เพราะมีทั้งประตูหน้าบ้าน ประตูเล็กทางโรงจอดรถ หน้าต่างในอีกหลายจุด

ผมว่าการออกแบบที่ลงดีเทลจะช่วยทำให้บ้านดูดีมีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่มากขึ้นและยังคงความหรูหราสวยงาม ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของบ้าน The City ครับ

“กะว่าเย็นนี้จะโชว์ฝีมือทำ Classic Beef Wellington สูตรจากอังกฤษสักหน่อย”

ส่วนด้านในสุดเป็นครัวไทย ทางโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวโดยรอบห้องเอาไว้ให้ พร้อมทิ้ง Space สำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่ไว้ให้ด้วย มีมุมซักล้างและพื้นที่ทำงานของแม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้ ผมชอบการออกแบบฟังก์ชั่นเหล่านี้ตรงที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนดีครับ

แต่เดี๋ยวก่อน The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่ชั้นล่างยังมีพื้นที่ห้องนอนซึ่งสะดวกมากสำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นข้อดีสำหรับใครที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านด้วย ตามคอนเซปต์บ้าน 3 Generations ดังนั้นการมีห้องนอนพร้อมห้องน้ำชั้นล่างจึงนับว่าสะดวกมากครับ

ห้องนอนออกแบบให้มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดออกไปได้ เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า หรือแม้แต่จะนั่งชมสวนสวยๆ อยู่บนที่นอนตอนตื่นก็ได้เช่นกัน ทำให้สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจดีอีกด้วยครับ ภายในห้องยังจัดแบ่งฟังก์ชั่นพักผ่อนด้วยเตียงนอนขนาดใหญ่ รอบเตียงมีพื้นที่เดินได้สบายเลยครับ มาพร้อมกับโต๊ะหัวเตียงสำหรับวางโคมไฟ

ส่วนปลายเตียงจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมตู้เสื้อผ้าที่จัดวางไว้ไปตามแนวยาวของห้องซึ่งจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่บริเวณด้านหน้าประตูพอดี ช่วยให้การใช้งานภายในห้องสะดวกยิ่งขึ้นครับ

ภายในห้องน้ำจะแยกโซนเปียกแห้งเอาไว้ให้สำหรับอาบน้ำ ติดตั้ง Glass Shower Enclosures เป็น กระจกนิรภัย พร้อมกับออกแบบให้มีที่นั่งในห้องอาบน้ำให้ เรียกว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุที่แท้จริงครับ

โถงทางขึ้นบันไดจะมีประตูเล็กที่เชื่อมต่อกับโรงจอดรถครับ ข้อดีก็คือเราสามารถขนของที่ซื้อมาลงจากรถแล้วตรงเข้าครัวได้เลย หรือหากหน้าบ้านมีแขก ก็สามารถใช้ประตูนี้ในการเดินขึ้นชั้นบนได้

โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กลูกนอนเป็นไม้ยางพาราประสาน ลูกตั้งทาสีขาวแบบเรียบง่าย พร้อมมือจับเป็นโครงราวเหล็กขอบบนเป็นไม้ยางพารา บันไดเป็นรูปทรง U-Shape มีชานพักพร้อมกับเปิดช่องแสงธรรมชาติเอาไว้ช่วยให้บ้านมีแสงส่องสว่างจากภายนอกเข้ามาภายใน หน้าต่างตรงจุดนี้เป็นบานเลื่อนสามารถเปิดออกเพื่อรับลมและระบายอากาศได้ ทั้งนี้เราสามารถติดตั้งผ้าม่านเพิ่มได้

นอกจากนั้น อยากแนะนำให้หาโคมไฟสวยๆ มาติดบริเวณโถงขึ้นลงบันไดก็น่าจะช่วยให้บ้านดูสวยขึ้น ส่วนบริเวณบันไดขั้นแรกของชั้นบนและชั้นล่าง จะมี Motion Sensor คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวเวลาที่มีคนเดินผ่าน ไฟกิ่งบริเวณโถงบันไดก็จะติดเองโดยอัตโนมัติเลยครับ

เมื่อขึ้นมาแล้วจะเจอกับโถงกลางขนาดใหญ่ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจหลักของบ้าน เพราะเชื่อมต่อกับห้องนอนชั้นบนทั้ง 3 ห้องเข้าไว้ด้วยกัน มุมนี้ถือเป็นฟังก์ชั่นที่ดีสำหรับครอบครัวเอาไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน เชื่อมต่อสัมพันธ์ของสมาชิกในบ้าน โครงการเปิดโอกาสให้เราออกแบบการใช้งานได้ตามใจ เพราะเชื่อว่าแต่ละบ้านคงมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

แต่สำหรับบ้านตัวอย่างเอง มุมนี้ออกแบบเป็นตู้หนังสือขนาดใหญ่ถูกใจหนอนหนังสือแบบกานต์มากเลยครับ

นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่เอนกประสงค์ที่กั้นเป็นห้องเอาไว้ ได้ความโปร่งจากผนังกระจกที่เชื่อมต่อกับโถงสูงจากชั้นล่าง ทำให้มองเห็นความเคลื่อนไหวหรือแขกไปใครมาที่ชั้นล่างได้สะดวกมาก อีกทั้งยังช่วยให้ห้องดูสว่างและไม่อึดอัดคับแคบจนเกินไป

บ้านตัวอย่างตกแต่งเป็นห้องทำงานตามแนวลึก แต่ผมว่าจริงๆ แล้ว มุมนี้สามารถทำเป็นห้องพระ ห้องสำหรับดูหนังฟังเพลง หรือห้องทำงานก็ได้ ข้อดีที่โดดเด่นคือจะเป็นพื้นที่ให้เราสามารถสร้างสรรค์ได้ตาม Passion ของแต่ละครอบครัวซึ่งแน่นอนว่าแต่ละบ้านก็มีไม่ความชอบเหมือนกัน

ส่วนห้องนอนรองชั้นบนจะมีด้วยกัน 2 ห้องครับอยู่ห้องแรกอยู่ทางปีกขวาของโถงทางขึ้นบันได เป็นห้องมุมโซนด้านหลังบ้าน ข้อดีก็คือค่อนข้างเงียบสงบสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เต็มบาน ทั้ง 2 ฝั่ง

ห้องนี้ตกแต่งได้น่ารักดี มีความซนปนช่างสังเกตของเด็กวัยกำลังโต เหมือนได้ผจญภัยในไปกาแล็คซี่ต่างๆ จากนั้นก็กลับดาวโลกมาพักผ่อนยังมุมส่วนตัว ภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง สามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้เกือบชิดผนัง เว้นพื้นที่รอบเตียงเอาไว้สามารถเดินได้โดยรอบเลยครับ ส่วนหัวเตียงวางโต๊ะอ่านหนังสือสไตล์โมเดิร์นขนานไปกับความกว้างของห้องพอดี มีเก้าอี้นั่งอ่านการ์ตูนเล่มโปรดอยู่มุมห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว

ถัดมาบริเวณทางเข้าถึงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ออกแบบมาเป็นตัวเลขน่ารักมากครับ ส่วนภายในห้องน้ำกั้นโซนอาบน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้ พร้อมกับเปิดช่องแสงภายในห้องน้ำให้เล็กน้อยเพื่อระบายอากาศได้

ส่วนห้องนอนรองอีกห้องจะมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย แต่อยู่ฝั่งด้านหลังบ้านเช่นกันครับ ตกแต่งได้น่ารักสดใส ผมชอบการเลือกใช้คู่สีฟ้ากับชมพูพาสเทลทำให้ทุกอย่างดูซอฟท์ลง ให้ความรู้สึกถึงห้องนอนเด็กหญิงที่มีความชอบเฉพาะตัว อย่างที่บอกไปว่าทุกห้องภายในบ้านเราสามารถปรับฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์เลยครับ

ด้านหน้าประตูทางเข้าออกแบบให้เป็นห้องน้ำในตัวและมุมแต่งตัวที่มาพร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้งสีสันสดใส ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านหลังนี้ที่มีห้องน้ำในตัวทุกห้องนอน ภายในแบ่งสัดส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว นับเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยได้ทันสมัยดีครับ

ถัดเข้าไปด้านในห้องจัดวางเตียงนอนไว้ตรงกลาง เปิดพื้นที่ริมผนังเอาไว้ เติมความน่ารักสดใสด้วยตุ๊กตาน้องหมีตัวโตที่มาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนปลายเตียงจัดวางตู้คาบิเนทสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัวและด้านบนสามารถวางทีวีได้ ทำให้เรานอนดู Netflix ได้จากบนเตียงเลยครับสบายมาก

ส่วนอีกด้านจะเป็น Family Area ชั้นบน ซึ่งเป็นพื้นที่่เฉพาะของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้นได้มานั่งพักผ่อน ดูทีวี ทำกิจกรรมร่วมกัน ภายในจะสูงโปร่งด้วยเพดานทรงสูง เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกฝั่งด้านหน้าบ้าน เชื่อมต่อกับโถงบันไดที่ค่อนข้างกว้าง

มุมนี้จัดวางโซฟาเข้ามุมเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) ฝั่งตรงข้ามติดตั้งทีวีแบบแขวนช่วยทำให้บ้านดูโมเดิร์นยิ่งขึ้น ตกแต่งภายในได้สวยหรูด้วยการเลือกใช้โทนสีขาว สีเทา สีเบจและสีน้ำตาลเข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มความคลาสสิคดูอบอุ่นให้กับบ้าน ด้วยการเลือกวัสดุปูพื้นเป็นไม้ Engineering Wood ผมลองถ่ายมาให้เห็นทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืนครับสัมผัสได้ถึงฟีลลิ่งที่แตกต่างกัน

ในส่วนของ Master Bedroom จัดวางตำแหน่งไว้ที่ดีที่สุดของบ้าน เดินขึ้นบันไดมาจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีพื้นที่ใช้สอยเกินกว่าครึ่งชั้น เป็นห้องนอนที่กว้างมากครับ จัดแบ่งฟังก์ชั่นภายในออกเป็นโซนพักผ่อน และมุมแต่งตัว

โซนพักผ่อนจัดวางเตียงนอนขนานไปกับผนังกระจกด้านหน้าของบ้านซึ่งจะได้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามา นอกจากวิตามินดีจากแสงแดดแล้ว ห้องนอนกว้างก็ทำให้เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับ มาพร้อมกับโต๊ะหัวเตียงและจัดวางโคมไฟดีไซน์สุดหรูหรา ผมชอบการออกแบบให้ฉลุผนังหัวเตียงและติดคิ้วบัวสีทองขนาดพอดีกันทำให้บริเวณนี้ดูมีมิติมากขึ้น

ผมชอบมุม Retreat หรือเรียกว่าพื้นที่นั่งเล่นแบบส่วนตัวภายในห้องนอนของตัวเองเป็นพิเศษ อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ชอบห้องนี้ที่จัดให้มีมุมสำหรับนั่งเล่นนั่งคุยกับสมาชิกในครอบครัวถึงในห้องนอน ดูเป็นกันเองดี

พื้นที่พักผ่อนปลายเตียงที่จัดวางโซฟาเอาไว้ พร้อมตู้คาบิเบทสีเงินทำเป็นชั้นวางทีวี ทำให้รู้สึกถึงความเรียบหรูและคุมโทนสีให้ดูแล้วไม่ฉูดฉาด เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างสบายใจในพื้นที่ส่วนตัวของเรา ผมว่าเป็นห้องนอนที่มีช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกขนาดใหญ่เปิดเข้ามาภายในหลายจุดมาก ก็ดีนะทำให้เรากับธรรมชาติได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ห้องนอนน่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของใครหลายคน รวมถึงผมด้วยครับ รูปนี้ดูสะท้อนภาพรวมการออกแบบที่เน้นถึงมุมส่วนตัวสำหรับแต่งตัวสวยๆ หรืออีกมุมสำหรับนอนดูซีรีส์เกาหลีเรื่องโปรด หรือเอาไว้นั่งอ่านหนังสือ นิตยสารอัพเดทไอเดียใหม่ๆ รวมถึงเป็นพื้นที่ให้เราได้พักผ่อนในเวลาที่ต้องการอย่างเต็มที่กับช่วงเวลาที่มีความเป็นส่วนตัวภายในห้อง เติมเต็มความผ่อนคลายหลังจากที่เหนื่อยล้าในระหว่างการทำงานมาทั้งวัน เสร็จแล้วก็ค่อยลงไปทานข้าวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านครับ ผมว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ สำหรับการได้พักผ่อนอยู่ในบ้านดีไซน์สวย มีมุมส่วนตัวและใช้เวลาร่วมกับครอบครัวที่แสนอบอุ่น

ภายในมีห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าทั้ง 2 ฝั่งมีขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดาน ดูอลังการมากครับ ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่

Walk-in Closet ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยกระจกใสและเส้นสายของไฟสีสันสวยงาม ทำให้บ้านมีมิติที่หลากหลายมากขึ้น

“True luxury is being able to own your time – to be able to take a walk, sit on your porch, read the paper, not take the call, not be compelled by obligation.”

– Ashton Kutcher

Space และ Function เน้นการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน เพื่อเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัว ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งแนวคิดที่อยากจะให้มีมึุมส่วนตัวของแต่ละคนภายในบ้าน ซึ่งตรงนี้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีครับ

จากบ้านตัวอย่าง กานต์พาไปชม The Club กันบ้างครับ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการ

The Club มีด้วยกัน 2 ชั้น เต็มไปด้วย Facility ที่มีมาให้ครบถ้วน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูงสุด ภาพรวมของงานดีไซน์ดูเก๋มากครับ เป็นงานสไตล์โมเดิร์นที่รับกับความหรูหราของบ้านทุกหลังได้ดี ผมชอบการลดทอนเส้นสายลวดลายออกไป คงไว้เหลือเพียงความเรียบหรู ดูคลีน

ด้านหน้าอาคารเป็นสระว่ายน้ำรูปตัวแอล (L-Shape) ออกแบบให้มีความเป็น Semi-Outdoor เพื่อเชื่อมต่อกับธรรมชาติแวดล้อมจะได้รู้สึกสดชื่นหายเหนื่อย บริเวณสระว่ายน้ำจัดให้มีที่นั่งพักผ่อนรับลมเย็นๆ หรือหากใครมีลูกที่กำลังเรียนว่ายน้ำก็สามารถนั่งรอบริเวณนี้ได้เลยครับ

ด้านในมี Lobby สำหรับรับแขกที่เราไม่อยากเชิญให้เข้าบ้านก็มานั่งพบปะพูดคุยกันที่นี่ได้ ภายในจัดจัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้แบบหลวมๆ ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งสบายด้วยเพดานทรงสูงพร้อมหน้าต่างจากหลายด้านเพื่อเปิดช่องแสงจากธรรมชาติเพิ่มเข้ามา

ส่วนชั้นบนมี Co-Working Space ดีไซน์เก๋

ภายในกว้างขวาง โอ่โถง โครงการจัดวางชุดโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ และมีพาร์ติชั่นกั้นเอาไว้หลากหลายมุมสำหรับนั่งทำงานส่วนตัวหรือนั่งประชุมก็ได้ครับ

ส่วน Kids Room จะอยู่ที่ชั้นบนใกล้กับฟิตเนส เพื่อให้น้องๆ หนูๆ ได้ทำกิจกรรมในบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งวัน ขณะที่คุณพ่อคุณแม่กำลังออกกำลังกายไปด้วย โดยภายในจัดวางชุดของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก มีโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ น่ารัก ป็น Kids Room ที่ออกแบบได้สีสันสดใส อบอุ่น สมวัย เด็กๆ น่าจะชอบห้องนี้กันมาก

Fitness จะอยู่ฝั่งด้านหน้าโครงการ บริเวณชั้นบน เปิดรอบด้วยกระจกใสทำให้รู้สึกผ่อนคลายออกกำลังกายแล้วไม่อึดอัด ภายในจัดวางเครื่องเล่นและอุปกรณ์ในการออกกำลังกายเอาไว้เยอะมากทั้งฟรีเวทและแมชชีน รองรับการใช้งานของลูกบ้าน โดยลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน เครื่อง Elliptical จะจัดวางเป็นแนวยาวขนานไปกับหน้าต่างเพื่อให้เราสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวสีเขียวของต้นไม้จากภายนอกได้ด้วย

ภายในโครงการบรรยากาศดีมาก มีสวนสาธารณะให้ได้มานั่งพักผ่อนสบายๆ ในช่วงเวลาเย็นๆ

“Life is like a camera. Focus on the good times, develop from the negatives, and if things don’t work out, take another shot.”

– A Walk in the Woods (2015)

“Nature always wears the colors of the spirit.” – Ralph Waldo Emerson นักปรัชญาชาวอเมริกัน เชื่อว่ามันมีความเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์อยู่ ธรรมชาติสร้างแรงบันดาลใจและมอบประสบการณ์ทางสุนทรียะให้กับเรา ดังนั้น สีสันที่แท้จริงของธรรมชาติจึงไม่ได้เป็นเพียงสีเขียว เหลือง ม่วง แสด แดง ฯลฯ แต่ยังเป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณมนุษย์ด้วย

กานต์เองก็คิดเช่นนั้นครับ … วิธีที่เรารับรู้ธรรมชาติคือภาพสะท้อนของเราเอง หากเราอยู่ในสภาวะจิตใจที่เป็นบวกและสงบ เราก็มีแนวโน้มที่จะเห็นความงามและความกลมกลืนในธรรมชาติมากขึ้น ในทางกลับกัน หากเราอยู่ในสภาวะเชิงลบหรือวิตกกังวล ก็มีแนวโน้มที่จะมองว่าธรรมชาติวุ่นวายหรือคุกคาม

การได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวแวดล้อม ปลูกฝังความคิดและจิตวิญญาณที่เป็นบวกและกลมกลืนกันระหว่างเรากับธรรมชาติ อย่างเช่นโครงการ The City สุขุมวิท-อ่อนนุช 2 จะทำให้สามารถเห็นความงามและความเชื่อมโยงระหว่างกันได้ครับ

สามารถลงทะเบียนเพื่อเยี่ยมชมโครงการและรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://lin.ee/Lv2cUx9

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน