The CITY Sathorn – Suksawat3

“บ้านไม่ใช่สถานที่ … แต่เป็นความรู้สึก” (𝐇𝐨𝐦𝐞 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚 𝐩𝐥𝐚𝐜𝐞, 𝐢𝐭’𝐬 𝐚 𝐟𝐞𝐞𝐥𝐢𝐧𝐠.) อดีตนักแสดงชาวอเมริกัน Cecil B. DeMille พูดไว้แบบนั้น

.

กานต์อยากชวนให้ลองจินตนาการถึงกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่กลางเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ สมาชิกในบ้านรวมกันอยู่รอบกองไฟเพื่อรับไออุ่นและแบ่งปันเรื่องราวระหว่างกัน หรือจะเป็นวิลล่าริมชายหาดที่มีแสงแดดสาดส่อง กลิ่นไอเค็มจากทะเลลอยมาปะทะเป็นระยะ เสียงหัวเราะที่สะท้อนจากคลื่นสีครามดังก้องฟ้า ความรู้สึึกอันงดงามเหล่านี้ แม้จะอยู่ต่างสถานที่แต่ก็มีเรื่องเดียวกัน คือความรู้สึกที่ได้ “ใช้ชีวิต” อยู่บ้าน

.

เราเรียกว่านี่คือ “The Art of Living”

.

บ้านไม่ได้หมายถึงแค่โครงสร้างอิฐและปูนเท่านั้น แต่เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ ผืนผ้าใบแห่งความฝันและสวรรค์แห่งความทรงจำ ดังนั้น การเลือกและตัดสินใจเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง จึงเป็นเรื่องยากเรื่องใหญ่และบางทีก็ต้องอาศัยความรู้สึกบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง

.

ทันทีที่เราขับรถเข้าไปในโครงการ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 กานต์สัมผัสได้ทีันทีถึงความงดงามที่เรียบง่าย การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นไม้น้อยใหญ่ มีสวนสีเขียว สนามเด็กเล่น คอยเติมเต็มจินตนาการในวัยเด็กและทำให้เรามีความสุข

.

ท่ามกลางความเรียบง่าย เราสัมผัสได้ถึงความสง่างามทว่าแฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนของงานออกแบบ ด้านหน้าเป็น Clubhouse โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำท่ามกลางสวนและไม้ดอกหลากสี ที่ชูช่อรอทักทายเราตลอดเวลา มีพื้นที่นั่งพักผ่อนทั้งในห้องปรับอากาศและกลางแจ้งแบบ Open Air ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแวดล้อม ออกแบบ Clubhouse ให้เชื่อมต่อกับ Main Gate เป็นหนึ่งเดียวกันแบบฟรีฟอร์ม ประดับด้วยเส้นสายของแสงไฟที่ส่องสว่าง ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการดูงดงาม เป็นสถานที่แห่งความทรงจำร่วมกันของทุกคน

.

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 คือมีแบบบ้านให้เลือกหลายขนาด ทุกหลังในนำเสนอกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมในสไตล์ Modern Timeless ด้วยงานดีไซน์ที่ซ่อนไว้อยู่่ในทุกรายละเอียด ส่วนตัวเราชอบการออกแบบฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยที่มีลักษณะเป็น Open Plan ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องต่างๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และความชอบของสมาชิกในบ้านได้มากที่สุด

.

The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับใครที่มองหาบ้านเดี่ยวดีไซน์สวย พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ อย่างถนนสุขสวัสดิ์ เชื่อมต่อเข้าสู่พระราม 3 สาทร ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

.

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/zvis

.

หรือนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการได้ที่ โทร 1623

The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 ที่กานต์พามาชมในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการจาก AP Thai ที่ได้รับเสียงตอบรับและประสบความสำเร็จมากในทำเลสุขสวัสดิ์ สังเกตได้จากการมีหมายเลข 3 ต่อท้าย นั่นแปลว่า 2 โครงการแรกของ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ ปิดการขายกันไปนานแล้ว เป็นเครื่องการันตีว่าทำเลนี้ฮอตจริง

อันที่จริง “สุขสวัสดิ์” เป็นทำเลที่มีผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมากดีมานด์ไม่เคยตกเลยครับ จึงนับว่ามีความสะดวกสบายด้วยการเข้าถึงถนนเส้นหลักและตัวเลือกการขนส่งสาธารณะต่างๆ ได้ง่าย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัย เท่าที่ทราบมา โครงการ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 ได้ข่าวว่าขายดีเช่นกัน เห็นได้จากยอดจองล่่่าสุดผลตอบรับดีมาก 
กานต์ลองวิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้โครงการนี้ไปได้สวย เริ่มจากโลเคชั่นที่เดินทางได้สะดวกเข้าออกได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าเราจะขับรถตรงสู่ศูนย์การธุรกิจอย่างเข้าสาทร พระราม 3 โดยขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร สามารถทำได้สบายเลยครับ หรือจะออกไปยังถนนพระราม 2 วงแหวนอุตสาหกรรม ถนนกาญจนาภิเษก พระประแดง บางนา สมุทรปราการก็ถือว่าทำได้รวดเร็ว
ระหว่างทางที่ขับรถมา ผมสังเกตเห็นบรรยากาศตลอดเส้นทางค่อนข้างคึกคัก ด้วยความที่โดยรอบโครงการเป็นย่านพื้นที่พักอาศัยทำให้มีความเป็นชุมชนสูง

อีกทั้งทำเลนี้ยังรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า มี Big C Supercenter สุขสวัสดิ์ ที่อยู่ห่างไปประมาณ 450 ม. เท่านั้น Lotus’s บางปะกอก และมี Makro Food Service บางปะกอก ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ มากมาย เรียกได้ว่าสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านอีกด้วย
ในส่วนของสถานศึกษาที่อยู่ใกล้โครงการ อาทิ โรงเรียนสารสาสน์พิทยา, โรงเรียนดรุณสิขาลัย, โรงเรียนนานาชาติ King’s College, โรงเรียน นานาชาติ Shrewsbury, โรงเรียนนานาชาติ Raintree และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นต้น

สถานพยาบาลและศูนย์การแพทย์ชั้นนำที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์อินเตอร์, โรงพยาบาลไอเอ็มเอช ธนบุรี, โรงพยาบาลบางปะกอก 1, โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล, โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นต้น

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 เป็นโครงการที่น่าอยู่และสะดวกสบาย รองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการ
ทางเข้าโครงการป้อมรักษาความปลอดภัยเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Katsan ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ APThai รังสรรค์ขึ้น สามารถเชื่อมต่อกับ Application ทางมือถือได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในหลายเรื่องให้กับลูกบ้าน เสริมทัพด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัย ระบบกล้อง CCTV ติดตั้งรอบโครงการเพื่อสร้างความอุ่นใจ

ด้านหน้าโครงการโดดเด่นด้วย Main Gate ขนาดใหญ่เลือกใช้สีครีมเพื่อให้ดูคลาสสิค เสริมความโดดเด่นด้วยแนวไฟยาวเป็นเส้นสาย ไปตามรูปทรงอาคาร ทำให้โครงการดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นและสอดรับกับ Clubhouse ของโครงการที่อยู่เชื่อมต่อกันเข้าไปด้านใน ประตูหน้าเป็นรั้วรางเลื่อนแยกฝั่งเข้า-ออกชัดเจน การออกแบบทางเข้าด้านหน้าเป็น Facade สีเหลืองทองสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของผู้นำบ้านเดี่ยวสุดหรูจาก APThai ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ
The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู 2 ชั้น สไตล์ Modern Timeless มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 9 แบบ ถือว่าเยอะมาก จึงตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ ฟังก์ชันการใช้สอยครบทุกความต้องการ พร้อมสวนขนาดใหญ่รอบบ้าน ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็ม

ทุกแบบเป็นบ้านที่รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวได้หลาย Generation เพราะบ้านทุกแบบดีไซน์ให้มีห้องนอนชั้นล่างเพื่อรองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ แต่หากบ้านไหนไม่มีความจำเป็น ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องเอนกประสงค์ได้ครับ อีกทั้งยังมอบความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบ Home Automation รวมไปถึงมีสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic และ Shock Sensor มาให้ทุกหลัง
เนื้อที่โครงการประมาณ 36 ไร่ ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวกว่าด้วยจำนวนบ้านเพียง 92 ยูนิตเท่านั้น

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดใหญ่มาก โดยจะให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียวครับ ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอก และต้นไม้ใหญ่ มีสนามหญ้าขนาดใหญ่เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว
เราจะเริ่มจากการพาชม The Club ซึ่งเป็นชื่อเรียก Clubhouse ของโครงการที่ตั้งอยู่ด้านหน้าก่อนเลยครับ ตัวอาคารจะเชื่อมต่อกับ Main Gate เลย

ข้อดีก็คือเราสามารถนัดหมายแขกเพื่อพบปะพูดคุยธุระได้ที่ Clubhouse โดยไม่จำเป็นต้องเชิญเข้าไปในบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักครับ โดยเราเรายังสามารถลงทะเบียนให้แขกคนพิเศษของเราล่วงหน้า เวลาแขกมาถึงก็สามารถขับรถผ่านเข้ามาได้เลยเช่นกัน

ส่วนตัวอาคาร Clubhouse ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เห็นได้จากการปลูกต้นไม้ไว้โดยรอบ การเลือกใช้กระจกใสกรอบอลูมิเนียมสีดำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานตกแต่ง ทำให้ได้ฟีลลิ่งของความโมเดิร์นที่ดูโปร่งสบายด้วยผนังกระจกใส อีกทั้งยังทำให้เชื่อมต่อมุมมองของธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ทำให้ดูมีความร่วมสมัยอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เป็น Clubhouse ที่เข้ามาใช้บริการแล้วรู้สึกสบายใจดีมากครับ
ในส่วนของ Clubhouse เมื่อมองจากหน้าโครงการจะเห็นได้ทันทีถึงความหรูหรา ความอลังการของอาคารขนาดใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำเป็นแนวขวางขนานไปกับด้านหน้าอาคาร ท่ามกลางวิวของสนามหญ้าสีเขียวและไม้ดอกสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข เมื่อเราได้เห็นธรรมชาติกำลังเริงระบำอยู่ ท่ามกลางสายน้ำขนาดใหญ่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นสบายใจ เมื่อได้มาพักผ่อนที่ Clubhouse
สระว่ายน้ำของโครงการ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 เป็นสระระบบเกลือ ขนาดประมาณ 5×25 เมตร แยกออกเป็นโซนสระว่ายน้ำสำหรับเด็กเป็นสระในร่มพร้อม Jacuzzi เพื่อให้แช่น้ำพักผ่อนในวันสบายๆ อีกทั้งยังจัดให้มี Daybed สำหรับนอนอ่านหนังสือหรือให้พ่อแม่ผู้ปกครอง เอาไว่้นั่งรอเวลาที่ลูกเรียนว่ายน้ำหรือมาเล่นสนุก ออกกำลังกาย

ด้านในออกแบบให้มี Shower สำหรับล้างตัวก่อนใช้บริการสระว่ายน้ำ พร้อมกับมีห้องน้ำแยกห้องชาย-หญิง และยังจัดให้มีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุรองรับเอาไว้ให้แล้ว 
เปิดประตูเข้าไปใน Clubhouse จะพบกับโถงขนาดใหญ่ตรงกลาง แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง ทั้งในโซน Outdoor และ Lobby Lounge สำหรับรับรองแขกและนั่งพักผ่อน เป็นห้องกระจกทรงสูงแบบ Double Volume ทำให้ภายในดูโปร่งสบาย นั่งเล่นได้ทั้งวัน 
ภายในจัดวางชุดโซฟาที่นั่งดีไซน์แตกต่างกันตามสไตล์โมเดิร์นจัดเอาไว้หลายจุดกระจายกันไป เพื่อรองรับการใช้งานได้ครั้งละหลายๆ คน 
เมื่อนั่งแล้วมองออกไปด้านนอกจะเห็นสวนสีเขียว ดูสบายตา มีแสงแดดสาดส่องเข้ามายามบ่าย ทำให้รู้สึกถึงการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติในห้องที่เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศ ผมว่าน่าจะเป็นตัวช่วยให้การพูดคุยธุระสำคัญมีความผ่อนคลายมากขึ้น 
ไฮไลท์ที่กานต์ชอบคืองานดีไซน์ให้มีเสาตรงกลาง พร้อมกับมุมนั่งเล่นแบบขั้นบันไดไม้ ให้ความรู้สึก Cozy มีหมอนอิงจัดวางกระจายกันไป สามารถนั่งหรือนอนเล่นอ่านหนังสือหรือดู iPad ได้ในบรรยากาศสบายๆ มองขึ้นไปเห็นฝ้าเพดานประดับเซาะร่องประดับไฟ แขวน Chandelier ทรงกลมพวงระย้าห้อยลงมาดูระยิบระยับราวกับกำลังนอนชมดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า ผมยกให้เป็นมุมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของ Clubhouse เลยครับ
โถงทางเดินชั้น 2 ออกแบบเป็นห้องกระจก 2 ฝั่งด้านหนึ่งเป็นผนังด้านนอกที่เปิดโล่งด้วยกระจก Full-Height เสริมความโมเดิร์นของงานดีไซน์ด้วยกรอบอลูมิเนียมสีเข้ม ทำให้เราสามารถเทควิวด้านหน้าโครงการมองเห็นแขกไปใครมาได้สะดวก ยามบ่ายจะมีแสงแดดสาดเข้ามาทำให้เกิดเฉดของแสงและเงาที่สวยราวกับเป็นงานศิลปะ สมกับความเป็น The Art of Living ขณะที่อีกฝั่งจะเป็นห้องต่างๆ ของพื้นที่ส่วนกลางชั้นบน ซึ่งเราจะพาไปเดินชมกันต่อครับ
ชั้นบนเป็น Club Lounge ภายในตกแต่งสวยมากครับ มีกลิ่นอายของ Oriental ที่ดูเรียบหรู โดดเด่นด้วย โคมไฟหลายดวงเรียงรายสลับกันไปตามฝ้าเพดานที่ฉลุร่องเอาไว้เป็นแนวลึกเข้าไป ช่วยทำให้ห้องดูกว้างเปิดรับแสงสว่างจากด้านนอกผ่านกระจกใส บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน
การตกแต่งเน้นวัสดุอย่างกระจก เหล็ก เบาะที่นั่งบุผ้าเพื่อให้เกิดผิวสัมผัสจากธรรมชาติ จัดวางชุดโซฟาดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก เหมือนเรากำลังอยู่ใน Living Room ที่บ้านตัวเอง และยังจัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ

เพิ่มมิติให้กับห้องต้นไม้กระถางเพื่อเพิ่มความสดชื่นภายใน สามารถยืนชมสวนสีเขียวริมหน้าต่างได้และเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติภายนอกได้

นอกจากนี้ ยังจัดให้มีมุมส่วนตัวสำหรับนั่งเจรจาธุรกิจ หรือจัดประชุมแขกคนสำคัญได้ จัดวางโต๊ะประชุมขนาด 6-8 ที่นั่ง ผนังติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่เอาไว้รองรับ ประชุมท่ามกลางบรรยากาศของสวนและสระว่ายน้ำ ให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นครับ
เราชอบฟอร์มของงาน Exterior ที่เป็นเส้นโค้งแบบอิสระทอดยาวไปตามแนวอาคารจนถึงสุดขอบรั้้วโครงการ ด้านบนมองผ่านกระจกใสเข้าไปจะเห็นเป็นฟิตเนสขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นวิวของธรรมชาติภายนอกได้ขณะออกกำลังกาย
ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ปลอดโปร่งเมื่อใช้งานจริง เน้นเอาใจคนรักสุขภาพสายแอคทีฟ มีทั้งโซนฟรีเวทและเวทแมทชีน โดยทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายครบครันวางกระจายกันไปทั่วห้อง พร้อมติดตั้งพื้นรองรับการกระแทก แต่ที่เราชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวนส่วนกลาง บรรยากาศดูแล้วสดชื่นดีเวลาที่เห็นต้นไม้สีเขียวระหว่างที่เรากำลังวิ่งออกกำลังกายก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้
ใกล้กันเป็น Kid’s Room มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ภายในห้องออกแบบให้เป็นห้องกระจก มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาเพื่อให้ดูปลอดโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดครับ ใช่้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ สำหรับพักผ่อนทำกิจกรรม

ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสสมวัย โดยทางโครงการได้จัดเตรียมของเล่นเสริมพัฒนาการ นิทานสำหรับเด็ก จัดวางโต๊ะสำหรับดูไอแพด ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรือต่อเลโก้ร่วมกับเพื่อนๆ วางกระจายกันไปในหลายมุม เด็กๆ น่าจะชอบห้องนี้กันมาก

Kid’s Room อีกหนึ่งห้องที่เราชอบและดูเหมือนว่าโครงการนี้จะให้น้ำหนักกับการออกแบบประสบการณ์ใหม่และความสนุกสนานนอกห้องเรียนของเด็กๆ มากเป็นพิเศษซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ตลอดจนหลักการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการเล่นเป็นสำคัญ
แต่หากใครไม่อยากออกกำลังกายในฟิตเนส หรือไม่อยากให้เด็กๆ อยู่แต่ใน Kid’s Room อยากให้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทางโครงการก็ยังได้ออกแบบให้มี Main Park ขนาดใหญ่อยู่ถัดเข้าไปด้านในบริเวณจาก Clubhouse โครงการ

บรรยากาศร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวและต้นไม้น้อยใหญ่ จะสังเกตว่างานภูมิสถาปัตย์ของสวนจะเน้นฟอร์มของทรงกลมเพื่อสอดรับกับการออกแบบโครงสร้างหลักของ Clubhouse
เราชอบบรรยากาศตอนเย็นของสวนมาก เป็นเหมือนศูนย์รวมกิจกรรมสันทนาการนอกบ้านให้กับสมาชิกของโครงการ สามารถชวนเด็กๆ มาปูผ้านั่งเล่นบนสนามหญ้า หรือว่าเล่นสนุกที่ Playground ด้านนอก ซึ่งโครงได้ออกแบบให้เป็นพื้นยางเพื่อรองรับแรงกระแทกและป้องกันอันตราย

หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็อยากให้ชวนกันมาเดินแกว่งแขวนเบาๆ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพยามเช้า หรือวิ่งจ๊อกกิ้งหลังเลิกงานตอนเย็นก็ได้เช่นกัน
Vincent van Gogh ศิลปินชื่อก้องโลกเคยบอกว่า “In nature, there is no color that is not beautiful.” – ในธรรมชาติไม่มีสีใดที่ไม่สวยงาม พื้นที่โดยรอบอาคาร Clubhouse จึงปลูกต้นไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นฟอร์มเด่นสลับกันไปเพื่อให้เกิดร่มเงาและร่มรื่น เป็นการนำเอาศิลปะจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรม
กานต์ชอบที่เคยอ่านเจอคำพูดของ Frank Lloyd Wright ซึ่งเป็นสถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกันที่เป็นต้นตำรับของงานสถาปัตยกรรมอินทรีย์ เคยกล่าวไว้ว่า

“ถ้าบ้านจะเป็นสถาปัตยกรรมก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ตามธรรมชาติและที่ดินเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายที่สุด” 
เราจึงได้เห็นงานดีไซน์ที่หรูหราทว่าเรียบง่ายของบ้านในโครงการ The CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 3 ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ ธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายมาเป็น คอนเซปต์ The ultimate artistry of timeless living. เติมเต็มทุกมิติ สะท้อนการใช้ชีวิตเหนือกาลเวลา ด้วยบ้านที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับสมาชิกในทุกเจนเนอเรชั่น มาพร้อมกับการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างลงตัว ให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้เวลาร่วมกัน 
แบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในวันนี้คือ แบบ ESMERALDA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 128.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม. มาพร้อมไฮไลท์โถงสูงแบบ Double Volume ฟังก์ชันบ้านขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ มุมพักผ่อน 3 จุด ห้องพระ และห้องแม่บ้าน หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คัน 
โครงการออกแบบ Exterior Design เป็นสไตล์ Modern Timeless เลือกใช้โทนสีเทาไล่เฉดทำให้บ้านดูเรียบหรูโก้ จุดเด่นเลยก็คือเป็นบ้านที่มีขนาดที่ดินใหญ่ ออกแบบให้ใช้สอยได้เต็มพื้นที่เพราะหัวใจหลักของโครงการคือเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ออกแบบสวยสไตล์โมเดิร์น เน้น Space + Function การอยู่อาศัยที่สบาย มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ รอบบ้านเน้นผนังกระจกใส ดูแตกต่างจากโครงการทั่วไป ทำให้ได้เราสัมผัสกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อมได้อย่างเต็มที่

โครงการติดตั้งรั้วเลื่อนระแนงเหล็ก 3 ตอนมาให้ในบ้านมาตรฐาน มีการเดินระบบไฟฟ้าเอาไว้เพื่อรองรับระบบรั้วอัตโนมัติ ทางเข้าบ้านมีด้วยกัน 2 จุดคือประตูหลักด้านหน้าเป็นบานไม้ขนาดใหญ่ปิดทึบสีน้ำตาลเข้ม เสริมผนังขึ้นไปทำให้ดูแกรนด์มากขึ้น ด้านหน้าและด้านข้างเปิดช่องแสงผ่านกระจกใสทำให้มองเห็นสวนสีเขียวที่อยู่รายรอบ 
พื้นลานจอดรถบ้านมาตรฐานจะใช้โครงสร้าง Slab on Ground ทำผิว Stamped Concrete เพื่อความสวยงามแข็งแรง มีห้องเก็บของด้านในเป็นพื้นที่ว่างใต้บันไดในบ้าน สามารถจัดเก็บอุปกรณ์ทำสวน ถุงกอล์ฟ จักรยานพีับได้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย 
ส่วนประตูทางเข้ารองจะอยู่ด้านโรงจอดรถซึ่งสะดวกมากหากเรากลับจากซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็สามารถเปิดประตูตรงเข้าสู่ห้องครัวได้ทันที โครงการได้ติดตั้ง Digital Door Lock ของ Life Smart มาให้แล้ว 
A Warm Welcome ทันทีที่เปิดประตูก้าวเข้ามาสู่ Foyer ภายในบ้าน เราจะพบว่าตรงนี้คือพื้นที่ส่วนตัวที่รอกางแขนต้อนรับเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าการผจญภัยในชีวิตนอกบ้านจะเหนื่อยเพียงไหนก็ตาม

พื้นที่ภายในบ้านออกแบบให้มี Common Area ที่เชื่อมต่อกับทุกห้องรองรับการทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัว แต่การออกแบบจะลงดีเทลให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ด้วยการจัดให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำกิจกรรมของตัวเอง ตรงนี้ถือเป็นหลักการออกแบบที่ดีมาก ซึ่งเราจะเปิดประตูพาเข้าไปดูในบ้านกัน 
ด้านหน้าเป็น Formal Living Room มีขนาดใหญ่และสูงโปร่งด้วยโถงแบบ Double Volume งานดีไซน์ที่ดีก็ทำให้เรารู้สึกได้ทันทีถึงความอยู่สบาย ด้วยกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นสวนด้านนอก มีช่องกระจกใสด้านบน เปิดรับแสงจากธรรมชาติภายนอกเข้าสู่ภายในบ้าน ทำให้บ้านสว่างในช่วงเวลากลางวันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ เป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว บ้านตัวอย่างประดับมุมนี้ด้วยโคมไฟเป็นรูปนกหลายสิบตัวที่กำลังโบยบิน ส่องแสงสว่างทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ เป็นไอเดียในการตกแต่งที่ช่วยเติมเต็มความ Luxury ให้กับบ้านได้

มุมนี้จัดวางชุดโซฟาที่นั่งฐานเป็นไม้ บุด้วยหนังกลับสีเบจดูเข้ากับสีผนังด้านใน ประดับด้วยคิ้วบัวเพื่อให้บ้านดูคลาสสิคสไตล์ตะวันตก เป็นงานดีไซน์แบบ East meet West พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้อง แกรนิโตแผ่นใหญ่ช่วยให้บ้านดูแกรนด์ขึ้น 
“𝑻𝒉𝒆 𝒎𝒐𝒔𝒕 𝒗𝒂𝒍𝒖𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒘𝒆 𝒄𝒂𝒏 𝒅𝒐 𝒇𝒐𝒓 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒔𝒚𝒄𝒉𝒆, 𝒐𝒄𝒄𝒂𝒔𝒊𝒐𝒏𝒂𝒍𝒍𝒚, 𝒊𝒔 𝒕𝒐 𝒍𝒆𝒕 𝒊𝒕 𝒓𝒆𝒔𝒕, 𝒘𝒂𝒏𝒅𝒆𝒓, 𝒍𝒊𝒗𝒆 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒄𝒉𝒂𝒏𝒈𝒊𝒏𝒈 𝒍𝒊𝒈𝒉𝒕 𝒐𝒇 𝒓𝒐𝒐𝒎, 𝒏𝒐𝒕 𝒕𝒓𝒚 𝒕𝒐 𝒃𝒆 𝒐𝒓 𝒅𝒐 𝒂𝒏𝒚𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒘𝒉𝒂𝒕𝒆𝒗𝒆𝒓.”

-May Sarton- 
ภาพกว้างแสดงการเชื่อมต่อของชั้นบนและชีั้นล่างแบบ Double Volume ผมชอบโคมไฟฝูงนกเซ็ตนี้มาก ทำให้บ้านดูน่าสนใจและเป็นมุมที่แขกไปใครมาก็ต้องประทับใจ 
พื้นที่ชั้นล่างค่อนข้างโปร่งด้วยกระจกใสรอบบ้าน ส่วนด้านในออกแบบให้มีจุดเบรคสายตาก่อนจะเข้าสู่ Living Area ด้วยงาน Art Piece สวยๆ แขวนไว้เหนือตู้คาบิเนต สำหรับวางของโชว์และเป็นพื้นที่เก็บของไปในตัว มึุมนี้สามารถเปิดประตูออกไปสู่เฉลียงด้านข้าง สามารถจัดวางชุดโซฟาเอาไว้นั่งพักผ่อนในวันหยุดสบายๆ ได้ 
ติดกันจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 10-12 ที่นั่งจัดวางเอาไว้ได้อย่างลงตัว บ้านตัวอย่างจัดแต่งมุมนี้ได้เรียบหรูดี พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างขวาง เชื่อมต่อกับห้องพักผ่อนด้านในที่แยกออกไป สามารถใช้เป็นห้องเอนเตอร์เทนเม้นท์ สำหรับดูหนัง สังสรรค์ พูดคุยธุรกิจสำคัญ จิบเครื่องดื่มกันเบาๆ ก่อนเริ่มเข้าสู่มื้ออาหารต่อไป 
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดประตูกระจกออกไปเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ด้านหลัง สามารถจัดเป็นบาร์บีคิวปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์โดยใช้พื้นที่ภายนอกและภายในร่วมกันได้เลย

เนื่องจากโครงการออกแบบให้บริเวณนี้มีเคาน์เตอร์และแพนทรีสำหรับจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้ใกล้ๆ โต๊ะกินข้าว ผมว่าจะน่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายๆ คน 
Pantry ออกแบบให้เชื่อมต่อกับครัวไทยที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน สะดวกต่อการใช้งานจริงครับ

มุมนี้ แนะนำว่าให้หาเก้าอี้สตูลมาวางเพิ่ม เพื่อที่ว่าตอนเช้าเด็กๆ จะได้นั่งเติมพลังแบบง่ายๆ ที่มุมนี้ได้เลย หรือจะ Grab & Go อาหารเช้าในวันที่เร่งรีบแล้วไปทานต่อในรถได้ ส่วนตอนค่ำก็นั่งเป็นเหมือนบาร์เครื่องดื่มได้เช่นกัน 
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวซึ่งออกแบบให้มีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้าไปในบ้าน ดังนั้น แม่บ้านสามารถทำอาหารมื้อหนักๆ ได้แบบสบายใจ อีกทั้งยังมีหน้าต่่างบานสไลด์สำหรับเปิดระบายอากาศได้ ช่วยให้เราสามารถทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอด ตำน้ำพริกได้เต็มที่ถือว่าสะดวกดีต่อการใช้งานจริง

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นครัวไทยที่มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ จัดวางเคาน์เตอร์รอบห้องเลยครับ พร้อมกับมี Island ตรงกลาง บ้านตัวอย่างติดตั้งชุดครัวและเคาน์เตอร์ ตู้ล่างพร้อมบานปิดและติดตั้งตู้ลอยติดผนังเอาไว้ให้ดู มีพื้นที่สำหรับติดตั้งซิงค์ล้างจานมาให้พร้อมพื้นที่จัดวางเตา ส่วนด้านข้างเปิดช่องสำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่เอาไว้ให้แล้วเช่นกัน 
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวซึ่งออกแบบให้มีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้าไปในบ้าน ดังนั้น แม่บ้านสามารถทำอาหารมื้อหนักๆ ได้แบบสบายใจ อีกทั้งยังมีหน้าต่่างบานสไลด์สำหรับเปิดระบายอากาศได้ ช่วยให้เราสามารถทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอด ตำน้ำพริกได้เต็มที่ถือว่าสะดวกดีต่อการใช้งานจริง

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นครัวไทยที่มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ จัดวางเคาน์เตอร์รอบห้องเลยครับ พร้อมกับมี Island ตรงกลาง บ้านตัวอย่างติดตั้งชุดครัวและเคาน์เตอร์ ตู้ล่างพร้อมบานปิดและติดตั้งตู้ลอยติดผนังเอาไว้ให้ดู มีพื้นที่สำหรับติดตั้งซิงค์ล้างจานมาให้พร้อมพื้นที่จัดวางเตา ส่วนด้านข้างเปิดช่องสำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่เอาไว้ให้แล้วเช่นกัน 
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวซึ่งออกแบบให้มีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้าไปในบ้าน ดังนั้น แม่บ้านสามารถทำอาหารมื้อหนักๆ ได้แบบสบายใจ อีกทั้งยังมีหน้าต่่างบานสไลด์สำหรับเปิดระบายอากาศได้ ช่วยให้เราสามารถทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอด ตำน้ำพริกได้เต็มที่ถือว่าสะดวกดีต่อการใช้งานจริง

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นครัวไทยที่มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ จัดวางเคาน์เตอร์รอบห้องเลยครับ พร้อมกับมี Island ตรงกลาง บ้านตัวอย่างติดตั้งชุดครัวและเคาน์เตอร์ ตู้ล่างพร้อมบานปิดและติดตั้งตู้ลอยติดผนังเอาไว้ให้ดู มีพื้นที่สำหรับติดตั้งซิงค์ล้างจานมาให้พร้อมพื้นที่จัดวางเตา ส่วนด้านข้างเปิดช่องสำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่เอาไว้ให้แล้วเช่นกัน 
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวซึ่งออกแบบให้มีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้าไปในบ้าน ดังนั้น แม่บ้านสามารถทำอาหารมื้อหนักๆ ได้แบบสบายใจ อีกทั้งยังมีหน้าต่่างบานสไลด์สำหรับเปิดระบายอากาศได้ ช่วยให้เราสามารถทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอด ตำน้ำพริกได้เต็มที่ถือว่าสะดวกดีต่อการใช้งานจริง

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นครัวไทยที่มีขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ จัดวางเคาน์เตอร์รอบห้องเลยครับ พร้อมกับมี Island ตรงกลาง บ้านตัวอย่างติดตั้งชุดครัวและเคาน์เตอร์ ตู้ล่างพร้อมบานปิดและติดตั้งตู้ลอยติดผนังเอาไว้ให้ดู มีพื้นที่สำหรับติดตั้งซิงค์ล้างจานมาให้พร้อมพื้นที่จัดวางเตา ส่วนด้านข้างเปิดช่องสำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่เอาไว้ให้แล้วเช่นกัน 
โซนหน้าบ้านบริเวณชั้นล่างยังออกแบบให้มีห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุด้วยครับ ภายในห้องมีเตียงนอนขนาดใหญ่ที่จัดไว้อยู่ตรงกลาง แต่ก็ยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือให้เดินได้สบาย มองออกไปผ่านหน้าต่างจะเห็นสวนหน้าบ้าน

ด้วยความที่อยู่ชั้นล่างทำให้ค่อนข้างสะดวกต่อการเดินไปที่ครัวข้างในบ้านอีกด้วย เพราะปกติแล้วผู้สูงอายุมักจะตื่นเช้ามาเดินเล่นออกกำลังกายเบาๆ จากนั้นก็จะไปช่วยเตรียมอาหารเช้าให้เด็กๆ ก่อนไปโรงเรียน โดยที่การจัดวางฟังก์ชันใช้สอยภายในบ้าน ทำให้ไม่กระทบกับสมาชิกในบ้านที่กำลังพักผ่อนอยู่ชั้นบนเลยครับ 
ผมชอบฟีลลิ่งของห้องนี้ การออกแบบตกแต่งที่ดูเรียบง่ายด้วยสีน้ำตาลอ่อน จัดวางเฟอร์นิเจอร์ แบบเอาไว้หลวมๆ รวมไปถึงที่ตั้งของห้องซึ่งอยู่ชั้นล่างโซนด้านหน้าบ้านมองออกไปเห็นสวนสีเขียวและดอกไม้สีสันสดใสรอทักทายเราอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ผมไปนั่งอยู่ในห้องแล้วก็พลอยให้นึกไปถึงห้องนอนคุณยายสุดที่รัก

ด้านในสุดเป็นโถงทางเดินที่ติดตั้งตู้เสื้อผ้าเอาไว้เป็นแนวยาวพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งด้านใน เป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวแยกโซนเปียก-แห้งเอาไว้ให้เรียบทำให้สะดวกต่อการใช้งานและเป็นส่วนตัวมาก 
ใกล้กับบันไดจะมีห้องน้ำชั้นล่างเป็นแบบ Powder Room คือเป็นห้องน้ำที่ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ พื้นและผนังภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินธรรมชาติสีขาวเรียบง่าย ติดตั้งสุขภัณฑ์แบรนด์ Cotto พร้อม Low Wall ก่อมาให้ด้านหลัง อีกฝั่งเป็นกระจกเงาแบบเต็มบ้านติดตั้งไว้เหนืออ่างล้างมือและมีีตู้เก็บของใต้เคาน์เตอร์

จากนั้น เราเดินขึ้นไปชั้นบนกันบ้างครับ ผมลองถ่ายภาพย้อนมองจากโถงบันไดลงมาจะเป็นพบกับ Dining Area ที่ดูเปิดโล่ง ส่วนบริเวณบันไดเองก็ค่อนข้างสว่างด้วยช่องแสงจากธรรมชาติด้านนอก ที่ส่องผ่านกระจกใสเข้ามา สามารถติดตั้งผ้าม่านเพิ่มได้ แนะนำว่าให้หา Chandelier สวยๆ มาแขวนบริเวณนี้ด้วย 
บันไดขึ้น-ลง ออกแบบให้อยู่ช่วงกึ่งกลางของบ้าน รับกับโถงสูงที่อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าบ้าน โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกนอนเป็นไม้สักสีดำเข้ม ราวกันตกเป็นเหล็กทาสีดำ ส่วนมือจับเป็นโทนสีที่เข้ากันดี ชานพักระหว่างบันไดทั้ง 2 ระดับมีพื้นที่ใหญ่ สามารถเดินสวนกันขึ้นลงได้สบายเลยครับ

ส่วนช่องว่างระหว่างพื้นชั้นล่าง สามารถจัดวางกระถางต้นไม้ ตู้โชว์หรืองานศิลปะแบบ Installation Art ประดับเพิ่มเติมได้ ส่วนชั้นบนปูด้วยพื้น Engineering Wood ต่อเนื่องกันไปทุกห้องนอน 
ชั้นบนมีด้วยกัน 4 ห้องนอน พร้อมไอเดียในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้าน เพราะบางครอบครัวอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้งานจนครบทุกห้องนอน

โครงการออกแบบให้ห้องนี้เชื่อมต่อกับมุมอเนกประสงค์ด้านนอกที่สามารถทำเป็นห้องพระหรือมุมโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน 
เป็นมุมที่กานต์ว่าสวยมากเนื่องจากมีผนังกระจกใสเชื่อมต่อกับโคมไฟรูปนกที่อยู่บริเวณโถงสูงชั้นล่าง ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนท้องฟ้าและนั่งมองดูนกที่กำลังโบยบินอย่างอิสระ เราสามารถ Combined ให้เป็นห้องเดียวกันได้เลยครับ 
บ้านตัวอย่างปรับห้องนอน Junior Master Bedroom เป็นห้องส่วนตัวสำหรับออกกำลังกายภายในบ้าน สามารถวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมดูซีรีย์เรื่องโปรดไปด้วยได้เพลินๆ เลยครับ แนะนำให้ติดตั้งทีวีเพิ่มในห้องนี้ได้เลย

ตามชื่อห้องเลยครับ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมห้องนี้จึงมีขนาดใหญ่มาก หากบ้านไหนจะใช้เป็นห้องนอน ผมว่าเราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดคิงส์ไซส์ได้สบายๆ เลยครับ 
ห้องนี้ยังมาพร้อมกับห้องน้ำในตัวและมีอ่างอาบน้ำภายในห้องด้วย ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้างและโปร่งด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ฝั่งด้านหลังบ้าน ทำให่้ได้ความเป็นส่วนตัว ภายในห้องติดกระจกเงายิ่งทำให้ดูกว้างมากยิ่งขึ้น 
ห้องนอนหลักมีขนาดใหญ่กินพื้นที่เกินเกือบครึ่งของบ้านชั้นบน ทำให้ห้องดูกว้างมากครับ ผนังกระจกที่รายรอบทำให้ห้องนอนหลักค่อนข้างโปร่ง สบาย เป็นการจัดวางแปลนห้องให้เหมาะแก่การพักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆ มีระเบียงที่สามารถเปิดประตูออกไปสู่ภายนอกได้ ออกแบบให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องมาจากด้านหน้าบ้านเป็นประตูกระจกเขียวตัดแสง เราสามารถติดตั้งม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติม เปิด-ปิดม่านได้หากต้องการความเป็นส่วนตัว 
ไฮไลท์ของ Master Bedroom คือการออกแบบให้มี Living Area ขนาดใหญ่ แยกออกไปอีกหนึ่งห้องแบบส่วนตัวในห้องนอนหลัก ได้รับการออกแบบให้อยู่ทางฝั่งโซนหน้าบ้าน สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนภายในห้องนอนหรือปรับเป็น Family Area ได้ตามต้องการ 
สิ่งที่ผมชอบคือการออกแบบตกแต่งภายในที่คำนึงถึงความโปร่งสบาย เวลาไปทำงานหรือเดินทางกลับจากต่างประเทศมาเหนื่อยๆ พอมาถึงบ้านแล้วรู้สึกสบายใจผ่อนคลายมากเลยครับ

ในโซนพักผ่อนมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างชนิดที่ว่า สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size พร้อมจัดวางโคมไฟหัวเตียงแล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือๆ จัดเตียงนอนเอาไว้้ค่อนริมผนังที่เป็นกระจกเต็มบาน ทำให้เปิดรับแสงจากธรรมชาติผ่านเข้ามาได้สบาย หรือหากอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดตั้งผ้าม่านเพิ่มได้ปลายเตียงจัดวางเดย์เบดขนาดใหญ่ พร้อมโซฟาขนาด 2 ที่นั่งติดตั้งไว้ริมผนังกระจก เพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อน อ่านหนังสือเบาๆ ก่อนเข้านอน ปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวีได้ 
ห้องแต่งตัวแบบ ในส่วนของ Walk-in Closet Space ทางโครงการจัดให้ดูเป็น Build-in Wardrobe เชื่อมต่อกับโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ด้านหน้า มาพร้อมกับกระจกตู้สีชาช่วยให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ไอเดียในการติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ออกแบบให้เป็นรูปตัวยู (U-Shape) เพื่อให้เราได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวอย่างเต็มที่ 
คนที่ชอบแต่งตัวจะสนุกกับห้องนี้มาก มาพร้อมกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งกระจกเงาขนาดใหญ่ ถือเป็นห้องนอนหลักที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางและออกแบบฟังก์ชันใช้สอยภายในได้ค่อนข้างลงตัวเลยครับ 
เข้าสู่ Master Bathroom ที่อยู่ติดกัน ภายในห้องน้ำมีพื้นที่กว้างขวาง แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ภายในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ที่มาพร้อมกับเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวมุกขนาดใหญ่และกระจกเงาสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มบานขนานไปกับตัวห้องที่ผมว่าให้ความรู้สึกหรูหรามากจริงๆ

ใกล้กันเป็นสุขภัณฑ์ ติดกันเป็นพื้นที่ของชาวเวอร์ที่กั้นกระจกเรียบร้อยแล้ว และโครงการยังได้ติดตั้งอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่มาให้แล้ว ภายในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้นได้ 
ส่วนห้องนอนรองห้องแรกอยู่ทางด้านหลังทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ ตกแต่งภายในห้องโดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถวางเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ได้สบายเลยครับ 
ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์ศิลปินตัวน้อยที่มีความสดใส เลือกใช้สีพาสเทลโทนชมพูฟ้าเพื่อให้ห้องดูซอฟท์ และด้วยความที่เป็นห้องมุมอยู่ทางด้านหลังทำให้เปิดรับช่องแสงผ่านหน้าต่างได้จากฝั่งหัวเตียง ภายในห้องถือว่ามีขนาดกว้างขวางอยู่ครับ 
ส่วนช่วงปลายเตียงจะเป็นมุมการบ้าน อ่านหนังสือหรือนั่งเล่น ทำกิจกรรมส่วนตัว ดีไซน์เป็นเคาน์เตอร์ยาวขนานไปกับผนัง

ขยับเข้าไปด้านในบริเวณจะเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวได้อย่างพอดีพอเหมาะ มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าที่ติดตั้งกระจกเงามาให้ ติดตั้งเป็นโซน Shower ที่กั้นพื้นแบบยกสูงเพื่อแยกส่วนเปียกแห้ง ติดกันจะเป็นสุขภัณฑ์ 
ห้องนอนรองห้องถัดมาออกแบบมาสำหรับลูกชายคนโตที่มีความเท่ๆ แบบวัยรุ่น เน้นการเลือกใช้สีสันของเฟอร์นิเจอร์ที่สดใสสมวัย ตกแต่งในสไตล์อวกาศ ภายในห้องนอนจัดวางฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัว

ภายในออกแบบเป็นพื้นที่พักผ่อน จัดวางเตียงนอนไว้เกือบชิดผนัง มีพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถเดินได้สบายเลยครับ ข้างเตียงจัดวางโคมไฟและข้าวของตกแต่งเอาไว้ สามารถเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงสว่างจากภายนอกได้ หัวเตียงดีไซน์เป็นงานอาร์ตสไตล์ที่เชื่อ 
ส่วนด้านข้างเป็นเคาน์เตอร์อเนกประสงค์แนวยาว สามารถติดตั้งตู้ขนาดเล็กด้านล่างได้ สำหรับเก็บข้าวของและยังใช้เป็นโต๊ะนั่งทำการบ้านและโต๊ะเครื่องแป้งไปในตัว

ด้านในสุดเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เข้ามุมติดตั้งไว้อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย ทำให้สะดวกในการใช้งานแบบครบจบในจุดเดียว ผมว่าฟังก์ชันแบบนี้สะดวกดีนะครับ เพราะว่าเราสามารถอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้จบภายในโซนได้เลย 
#โดยสรุป The CITY สาทร – สุขสวัสดิ์ 3 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการด้วยแบบบ้านที่มีให้เลือกเยอะมาก ตั้งอยู่บนทำเลที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองอย่างสาทร พระราม 3 และเข้าออกได้หลากหลายเส้นทาง รองรับด้วยสาธารณูปโภคครบครัน พื้นที่ส่วนกลางมีขนาดใหญ่และออกแบบได้สวยมาก เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ เป็น The Art of Living ที่แท้จริงเลยครับ

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/zvis

หรือนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการได้ที่ โทร 1623 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน