Takaragawa Onsen

“I think that my job is to observe people and the world, and not to judge them. I always hope to position myself away from so-called conclusions. I would like to leave everything wide open to all the possibilities in the world.”

ประโยคข้างต้น ผมไม่ได้เป็นคนพูด หากแต่ Haruki Murakami นักวรรณกรรมสุดเหงา ชาวญี่ปุ่นได้กล่าวเอาไว้ แต่ดันคล้ายกับที่ผมรู้สึกและตรงกับใจอีกหลายคน

เราไม่ได้ชอบโตเกียวเพราะความวุ่นวายอันมาจากผู้คนที่เยอะแยะมากมาย แต่เราชอบที่จะเห็น movement ของคนและเมืองใหญ่ เราหลงใหลในความศิวิไลซ์ที่เกิดขึ้น

เราชิด – เพื่อห่าง

เพราะบางทีเราก็อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ศึกษาความเป็นไปทั้งภายในและภายนอกจิตใจของเรา

ส่วนหนึ่งของทริปใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ผมเลือกไปพักผ่อนที่ Takaragawa Onsen ตั้งอยู่ในเมือง Minakami บนพื้นที่ของเรียวกัง Osenkaku เรียวกังสุดอินดี้ ที่ขึ้นชื่อว่าจองยากมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น Takaragawa Onsen มีต้นน้ำจาก Tonaegawa กระแสน้ำร้อนธรรมชาติที่ไหลผ่านเรียวกัง Osenkaku ให้เราได้แช่กายสบายใจใน 4 บ่อ outdoor ท่ามกลางบรรยากาศของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความงดงามราวกับภาพวาด และที่สำคัญ จะได้ประโยชน์ด้านสุขภาพจากน้ำแร่และผิวพรรณที่ดีจากออนเซ็นแห่งนี้อีกด้วย

ขับรถมา ถ้าจากโตเกียวก็ราวๆ 2 ชั่วโมงครับ ทางเป็นเขาคดเคี้ยวเล็กน้อย แต่เมื่อมาถึงจะพบว่าคล้ายกับเป็นดินแดนใหม่ มีความสวยงามและเงียบสงบมาก

หายเหนื่อยเลยครับ

เข้ามาเช็คอินกันก่อน ที่นี่เปิดเช็คอินค่อนข้างช้า และมาทีเดียวพร้อมกันค่อนข้างเยอะ ระหว่างนั่งรอเช็คอิน ก็มีห้องโถงสำหรับอ่านหนังสือ ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อ

ผมพักที่ตึก annex ซึ่งเป็นตึกเก่า สร้างมาราวๆ 82 ปี ห้องพักที่ได้คือ 321 ซึ่งเป็นห้องหัวมุม แต่ถ้าเลือกได้ให้ขอเป็นห้องในตำนานหมายเลข 323 ซึ่งเป็นห้องมุมเหมือนกันแต่หันไปทางฝั่งออนเซ็นครับ รับรองว่าสวยมาก แต่จริง ๆ แล้วทั้งตึกก็วิวสวยเหมือนกัน เป็นวิวที่มองลงมาเห็นแม่น้ำ ติดตรงที่ห้องทั้งหมดในตึก annex จะไม่มีสุขาส่วนตัวนะครับ ต้องใช้ร่วมกัน 3 ห้อง เราสามารถเข้าพักแล้วใช้บริการออนเซ็นได้ฟรี นั่นแปลว่า จะมีแขกจากภายนอกเข้ามาใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ร่วมด้วย

People are strange when you’re a stranger.

– Norwegian Wood


ที่นี่อาจจะดูวุ่นวายในตอนกลางวัน แต่หากตอนค่ำและตอนเช้า ออนเซ็นจะตกเป็นของเหล่าแขกที่เข้าพักในเรียวกัง 
แต่ถึงกระนั้นเราย่อมปฏิบัติตามกฎด้วยการไม่ถ่ายรูปบรรยากาศด้านในบ่อน้ำพุร้อนมา หากแต่ว่า มีรูปเรียวกัวโดยรวมมาให้ชมกัน นั่นน่าจะดีกว่าครับ

ชมรูปกันให้หนำใจ หากมีโอกาสไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ แนะนำให้เพิ่ม Takaragawa Onsen ไว้ในลิสต์ด้วยนะครับ เดินทางไม่ยากทั้งขับรถไปจากโตเกียวประมาณ 100 กม. หรือจะเลือกนั่งรถไฟไปลงสถานี Jomokogen แล้วต่อรถของเรียวกังอีกที

เช็คอิน ณ แลนด์มาร์กของ Takaragawa Onsen, Gunma, Japan เป็นสะพานที่จะเชื่อมระหว่างเรียวกังเดินข้ามไปยังบ่อน้ำร้อน แต่ถ้าหันมองกลับมาจากอีกด้านของสะพานจะเป็นจุดเชื่อมต่อจากอาคารห้องพัก ที่นี่จะมีรองเท้าแตะยางให้สวม เพื่อข้ามมายังภายนอกอาคาร

บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติคุณภาพระดับโลกก็คือที่นี่นั่นเองครับ เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีต้นน้ำจาก Tonegawa ไหลมาจากแหล่งธรรมชาติที่แท้จริง เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ

ถ่ายมุมกว้างจากบนสะพานยิงไปยังอาคารที่ผมพัก คือ Annex อาคารนี้มี 2 ชั้น พักชั้นละ 3 ห้อง ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน แต่วิวดีทั้งหมด 

ที่นี่มี 3 อาคารด้วยกันครับ แต่ละอาคารมีลักษณะเฉพาะในการเข้าพักไม่เหมือนกัน ก่อนมาอาจจะงงๆ เพราะไม่เข้าใจกระจ่างนักถึงความแตกต่าง มีทั้งอาคารที่มีทั้งห้องพักที่มีห้องอาบน้ำและห้องสุขาส่วนตัวและอาคารที่ไม่มีห้องน้ำในห้อง สำหรับห้องที่มีห้องอาบน้ำและห้องสุขาในตัว ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ และเนื่องจากเป็นเรียวกังโบราณขนานแท้ วัสดุที่ใช้จึงเน้นไม้เป็นหลัก ประดับตกแต่งด้วยงานศิลปะแบบญี่ปุ่น

เก็บภาพระหว่างเดินผ่านอาคาร Main Building (3 ชั้น 16 ห้อง) จะเป็นอาคารที่สร้างขึ้นหลังจาก First Annex และมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย ห้องพักมีจำนวนมากกว่า เป็นโซนที่สามารถมองลงมาเห็นวิวแม่น้ำได้เช่นเดียวกัน ถ้าใครที่พลาดจอง Annex ไม่ทัน อาคารนี้ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดี

มาถึงห้องพักสักที นี่คือ อาคาร Annex เป็นอาคารแรกของเรียวกัง อายุ 82 ปี มี 2 ชั้น 6 ห้อง แต่ละห้องรับรองว่าวิวนั้นชั้นเยี่ยมเลยล่ะครับ เป็นวิวที่มองลงมาเห็นแม่น้ำ โดยเฉพาะวิวจากห้องพักหมายเลข 323 จะเป็นห้องที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดเนื่องจากมองเห็นวิวทั้งจากด้านหน้าและด้านข้าง แต่!! ทุกห้องไม่มีห้องอาบน้ำหรือห้องสุขาในตัว

จิบชาร้อนๆ ภายในห้อง ที่นี่ต้องสวมชุดยูกาตะตลอดเวลาที่เข้าพัก ทีหลายลายและหลายไซส์ให้เลือก ผมชอบลายเส้น เพราะเน้นความเรียบง่ายดี ในห้องนอนของผมเองครับ ห้องรกมาก ข้าวของกระจัดกระจาย ตัดมาถ่ายได้แค่นี้ 555 แต่เห็นวิวดี

มองจากระเบียงห้องออกมาครับ ตรงอาคารหลังคาเขียวๆ ด้านขวา คือโซนบ่อน้ำร้อน ที่นี่เป็นบ่อน้ำรวมชายและหญิง ซึ่งสำหรับผู้หญิงจะมีชุดให้ใส่คล้ายๆ สายเดี่ยวครับ ส่วนผู้ชายมีผ้าเตี่ยวให้ผืนนึง

งดงามราวกับภาพวาดจริงๆ ครับ เป็นความงามของธรรมชาติที่ซ่อนอยู่และรอให้เราไปทักทาย แนะนำให้มาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะได้บรรยากาศที่งดงามน่าประทับใจ เพราะรอบบ่อรายล้อมไปด้วยเหล่าต้นไม้มากมายนานาพันธุ์ เมื่อถึงเวลาก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีใบอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นภาพที่สวยงามและโรแมนติกที่สุด

รวม 3 อาคารจาก ซ้ายไปขวา Annex – Main – East ห้องที่ผมพักคือหมายเลข 321 เป็นห้องที่มีหน้าต่างกระจกทรงกลม จะได้หัวมุมฝั่งสะพาน แต่ไฮไลท์เลยคือห้องหมายเลข 323 เป็นห้องหัวมุมที่หันไปทางออนเซ็นริมสุดด้านซ้ายของในรูปนี้ครับ

นี่คืออาคาร East Building มี 5 ชั้น ทั้งหมด 20 ห้อง เป็นอาคารที่สร้างขึ้นหลังสุดใหม่กว่าใครเพื่อน โดยโครงสร้างค่อนข้างแข็งแรงด้วยเหล็กและคอนกรีตภายในก็ยังตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นเหมือนกับอาคารอื่น ส่วนมากจะมีห้องสุขาส่วนตัว

 

สำหรับออนเซ็นของที่นี่ก็มีไว้บริการสำหรับแขกผู้มาเข้าพักและแขกจากภายนอกก็สามารถมาใช้บริการได้ ทางเรียวกังมีการจัดระบบการหมุนเวียนน้ำร้อนเป็นอย่างดีเพื่อให้ถูกสุขลักษณะและผู้ที่มาแช่จะได้รับประโยชน์จากการะแช่น้ำร้อนจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกร้อนเท่านั้น 

ตอนกลับ ถ้าใครจะใช้บริการรถของโรงแรม จะต้องตื่นเร็วนิดนึงครับ เพราะคนเยอะ และส่วนมาก นั่งรถไฟมา ส่วนถ้าขับรถกลับแบบผม ก็สบายๆ ไม่ต้องรีบครับ เช็คเอ้าท์ตอน 10 โมง

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน