剝皮寮歷史街區 Bopiliao Historic Block
มาไต้หวันก็หลายครั้ง แต่ก็รู้สึกประทับใจทุกครั้งครับ โดยเฉพาะในด้านของศิลปะ ไต้หวันเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากครับ ทั้งในแง่ของการอนุรักษ์และสร้างสรรค์งานศิลปะ ทั้งยังเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์และอาร์ต แกเลอรี่เยอะมากครับ
ยิ่งใครเป็นแฟนของ “จิมมี่ เหลียว” ต้องไม่พลาดที่จะมาชมงานศิลปะของศิลปินชื่อดังของไต้หวันคนนี้ให้ได้นะครับ
ใจจริงแล้ว อยากแนะนำแกมชักชวนให้เสียสละซักหนึ่งวันในการเดินเล่นเที่ยวทั่วไทเปครับ จะใช้วิธีการนั่งรถไฟหรือรถเมล์สลับกันไปบ้างก็ได้ เพื่อที่จะไปถ่ายรูปสตรีทอาร์ตสวยๆ
ครับ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในย่านต่างๆครับ
ไม่ว่าจะเป็น “ถนนฝูจิ่น” บอกเลยว่าต้องมาโดน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยร้านฮิปๆ ทั้งแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และคาเฟ่เก๋ๆ เต็มไปหมด ถ่ายรูปตรงไหนก็สวยไปหมด ควรมา
ส่วนใครชอบดูงานอาร์ตๆ นั่งชิลล์ๆ อยากได้มุมถ่ายรูปฮิปๆ ก็พลาดไม่ได้กับ Huashan 1914 Creative Park … นี่แค่ยกตัวอย่างนะ
เอาละ มาไต้หวันทั้งที จะเที่ยวทางตอนเหนือของไต้หวัน แถวกีหลง ก็ต้องลงขวามาทาง “จิ่วเฟิ่น” ด้วย ขอพานั่งรถบัสออกไปนอกเมืองซักหน่อยครับ แนะนำเลยว่าหากใครมาไทเปแล้วไม่ได้มาจิ่วเฟิ่นเมืองโบราณ ก็อาจจะพาลถูกดูหมิ่นได้ว่ายังมาไม่ถึงถิ่นไทเป
หลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านโคมแดง ในหนังแอนิเมชั่นเรื่อง Spirited Away ของสตูดิโอจิบลิ ที่คนสร้างได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่นี่นั่นเอง ตอนที่ Chihiro ตัวเอกของเรื่องหลงเข้าไปในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยโคมแดง ก็คือจิ่วเฟิ่นนี่แหล่ะครับ จึงที่เป็นที่มาของฉากนั้น
หลังจากที่การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 2002 ย่านจิ่วเฟิ่นก็ดังเป็นพลุแตก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ให้ความสนใจมาเยี่ยมชมความน่ารักของถนนเก่าสายนี้ จึงเป็นที่มาว่าทำไมดังมาก นักท่องเที่ยวเยอะมาก
ใครที่มี #TaipeiFunPass สามารถนั่งจากไทเปมาต่อสาย Gold Fulong Shuttle Bus ได้ แตะบัตรขึ้นมาได้เลย ฟรีครับ
เราลงรถแล้วเดินลัดจากสถานีตำรวจจิ่วเฟิ่น ได้เลยครับ เพื่อเตรียมพบกับ … คลื่นมหาชน
มุมนี้จะน่าพีคสุดครับสำหรับจิ่วเฟิ่น ผู้คนเยอะมากที่ต้องเดินทางบันไดตรงนี้ มีลักษณะเดินขึ้นเขา ลัดเลาะไปตามร้านรวง บ้านคน ทางบันไดหินแคบๆ ซึ่ง 2 ข้างจะประดับประดาไปด้วยโคมสีแดงนี้ ถือเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านจิ่วเฟิ่น
นอกเหนือจากนี้ ที่นี่ก็มีอาหารสตรีทฟู้ดอร่อยๆ มากมาย ทั้งไอติมถั่ว บัวลอย และอื่นๆ อีกมากมาย มีคาเฟ่นั่งชิลล์ ให้มองวิวสวยๆ อีกทั้งจุดถ่ายรูปฮิปๆ เพียบ บอกเลยว่าควรมา
มาทานข้าวร้านอาหารชื่อดังของจิ่วเฟิ่น อาหารอาจจะไม่คุ้นรสชาติ แต่มุมต่างๆ ในร้านตะหากที่เห็นมาจากหลายคน เป็นมุมมหาชนที่คนชอบมาถ่ายรูปกันครับ
มองจากร้านมาฝั่งตรงข้าม บางทีก็นั่งขำครับ คนฝั่งนี้ ถ่ายไปร้านนั้น คนร้านนู๊น ก็เล็งกล้องมามุมนี้
อีกสัญลักษณ์หนึ่งของจิ่วเฟิ่นนั่นคือ โรงหนังเก่าครับ ข้างในบรรยากาศมีมนต์ขลังพอสมควร แต่อาจจะต้องอดทนกับคนที่เยอะสักนิดครับ
นั่งรถมาต่อกันที่นี่ครับ ดูรูปทรงอาคารแปลกตา ทว่าที่นี่เป็นสถานีตำรวจและเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยวไปพร้อมกัน เป็นจุดแรกที่เข้าสู่ Pingxi หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงด้านลอยโคมไฟ สำหรับใครที่ถือ Taipei Fun Pass ครับ เพราะจะพามาปล่อยโคมลอย (The Sky Lantern) ที่นี่ครับ ซึ่งตึกที่เห็นก็เป็นรูปทรงโคมครับ
แต่ความพิเศษกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เริ่มจากเราได้รับกระดาษการ์ด เพื่อวาดรูปหรือเขียนข้อความอาจเป็นลักษณะของการขอพรหรืออวยพรก็ได้ครับ วาดลงในช่องว่างที่เป็นรูปห้าเหลี่ยมสองรูปด้านขวามือครับ ซึ่งความพิเศษของกระดาษแผ่นนี้จะอยู่ที่การแปลงร่างจากการ์ดอวยพรเป็นโคมไฟอิเล็กทรอนิกส์ที่จะลอยขึ้นสู่บนฟ้า … ว๊าวววว น่ามหัศจรรย์จริงๆ ครับ
ใครที่มี Taipei Fun Pass สามารถรับบริการนี้ได้ฟรีครับ ประหยัดไปอีก NT$150 เจ้าหน้าที่จะนำบัตรของเราไปทาบเข้ากับแอพพลิเคชั่นในมือถือเพื่อลงทะเบียนครับ ใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง
แหะๆ นี่ผลงานของผมเองครับ … อายมาก พูดเลย ผมเป็นคนตกวิชาศิลปะครับ เรื่องวาดรูปนี่ขอยอมแพ้
พยายามวาดเป็นรูปหน้าไอคอนของผมเองครับ ด้านล่างมีข้อความ Kant Journey พร้อมลายเซ็นต์ เมื่อวาดเสร็จเจ้าหน้าที่จะนำการ์ดของเราไปแสกน เพื่อเตรียมลอยโคมไฟอิเลคทรอนิกส์ ด้วยหลอดไฟ LED กว่า 200,000 หลอด อลังการงานสร้างมากๆ
นับเป็นกิมมิคที่เก๋กู๊ดดีครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นความดีงามของไต้หวัน คือ การคมนาคมที่สะดวกมากๆ ครับ ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป มี Tourist Shuttle Bus ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว
ที่สำคัญคือ เส้นทางครอบคลุมทั่วทั้งเกาะไต้หวันเลยครับ
สามารถใช้บริการของ 台灣好行 (ไถวันห่าวสิง) หรือ Taiwan Tourist Shuttle Bus ในเส้นทาง Keelung Shuttle Bus East Line (T99) เพื่อมาที่ เมือง “กีหลง” (Keelung) เพื่อมาหาของอร่อยๆ ทานที่ตลาดนัดกลางคืน Miaokou Night Market ซึ่งเป็นตลาดชื่อดังของเมืองกีหลง และเป็นตลาดกลางคืนยอดฮิตของคนไต้หวัน
ที่เห็นอยู่ในตะแกรงย่าง มีรูปทรงคล้ายไส้กรอกอีสาน แต่จะเรียกว่าเป็น “ไส้กรอกไต้หวัน” ก็ไม่ผิดครับ รสชาติคล้ายกับกุนเชียงแต่ลูกเล็กกว่าและเนื้อจะนุ่มกว่ากุนเชียงบ้านเราครับ รสชาติคล้ายกุนเชียงตรงที่มีความหวานนำตามด้วยเค็ม เป็นของซื้อทานเล่นที่รองท้องก่อนตะลุยตลาดในคืนนี้ครับ
อีกร้านหนึ่งที่มีคนต่อแถวกันยาวเหยียด อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าตลาดเลย ล็อคหมายเลข 58 เป็นร้านขายแซนด์วิชมังสวิรัติ Nutritious Sandwich ครับ
ดูจากแถวที่ยาวเหยียดแล้วคาดว่าน่าจะอร่อยพอสมควรเลยไปต่อแถวบ้าง ใช้เวลารอไม่นาน ระหว่างนั้นก็สังเกตุเห็นแม่ค้า ใช้วัตถุดิบสดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแตงกวา มะเขือเทศ แล้วก็ราดด้วยซอสมายองเนส ทานกับขนมปังอบใหม่ครับ ชิ้นละ 55 ดอลล่าร์ไต้หวัน
ร้านนี้ก็ขึ้นชื่ว่า ร้านเด็ดของคนไต้หวันเช่นกันครับ สังเกตจากเก้าอี้ที่ว่างแล้วเป็นแย่งกันนั่งครับ เป็นร้านขายข้าวผัดปูครับ ชามเล็กๆ 55 ดอลล่าร์ไต้หวัน รสชาติค่อนข้างมันและจืดครับ คล้ายๆ กับทานบ๊ะจ่าง
Miramar หรือชื่อที่คนไต้หวันรู้จักคือ ”เหมยลี่หวา” เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในไต้หวัน มีสินค้าแบรนด์เนมมากมายที่นี้ แต่ไฮไลต์ของที่นี้นั้นคือมีชิงช้าสวรรค์ที่มีรัศมีขนาดใหญ่ยาว 100 เมตร ออกแบบโดยวิศวกรชาวญี่ปุ่น มูลค่าการก่อสร้าง 300 ล้านเหรียญไต้หวัน มีน้ำหนัก 600 เมตริกตันและมีกระเช้าทั้งหมด 48 คัน ตอนกลางคืนจะมีไฟสลับสีกันไปตามรอบโดยใช้หลอดนีออน 624 หลอด ไฟเปลี่ยนสีได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมองเห็นเมืองไทเปได้จากด้่านบน นอกจากนั้นที่นี้ได้ชื่อว่าเป็นชิงช้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียง Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์เปิดบิรการตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 24.00 น. ทุกวัน ค่าบริการคนละ NT$200
แต่ถ้ามี Taipei Fun Pass ล่ะก็ … นั่งฟรีจ้า!!
ตระเวนกันมาหลายที่ คืนนี้เป็นอันสลบ เข้าที่พักกันดีกว่าครับ เลือกที่ Taipei WESTGATE Hotel 永安棧 โรงแรมที่โดดเด่นด้วยทำเล เพราะตั้งอยู่ที่ … Ximending (ซีเหมินติ่ง) ย่านช้อปปิ้งชื่อดังของไทเปครับ อยู่หน้าทางเข้ากันเลยทีเดียว ขาช้อปรับรองว่าฟินมาก หากได้นอนที่นี่
มาช้อปที่ชั้นสิ … มาร้านชั้นสิ …
วันนี้ตื่นเช้ามาไปเดินตลาดจงเหวิน (Zhong Lun) ครับเป็นตลาดที่ตั้งแผงตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง เน้นขายของสดส่วนใหญ่ขายผักผลไม้และเนื้อสัตว์
ที่มาเดินตลาดเพราะช่วงสายจองคลาสเรียนทำอาหารพื้นบ้านของไต้หวันเอาไว้ก็เลยว่าจะมาหาดูวัตถุดิบท้องถิ่น มาสำรวจตลาดแล้วก็ดูวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่กันสักหน่อยครับ แม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใสอัธยาศัยไมตรีดีมากครับ
มาดูแผงผักที่ตลาดจงเหวินครับ ดูสิ ผักกาดขาวหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าหัวคนอีกครับ
นับเป็นความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินที่นี่ ผักแต่ละชนิดรูปร่างใหญ่โตมโหฬารด้วยกันทั้งสิ้นครับ แบบนี้สามารถทำกับข้าวเลี้ยงคนได้ทั้งตำบลเลยครับ 555
มากันที่โซนขายเนื้อสัตว์กันบ้างครับ นี่เป็นแผงขายเนื้อหมูนะครับ ความสะอาดสะอ้านของตลาดต้องยกนิ้วไห้เลยครับ และมีการจัดระเบียบแบ่งโซนขายกันอย่างชัดเจน แผงขายเนื้อสัตว์นั้นจะมีความโดดเด่นตรงที่ด้านล่างเป็นช่องแอร์ครับ คอยส่งไอเย็นขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้สินค้านั้นสดใหม่อยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากไต้หวันเป็นประเทศเกาะ ที่ดินจึงมีจำกัด ทำให้ตลาดส่วนใหญ่ต้องมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ อย่างที่ตลาดจงเหวินในช่วงกลางวันเป็นตลาขายของสด ส่วนกลางคืนก็จะมีแผงขายอาหารครับ จึงนับเป็นตลาดที่คึกคักมากทั้งวัน
ในตลาดทุกตลาดของไต้หวันจะมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ครับเชื่อกันว่าเพื่อเป็นการอำนวยพรให้พ่อค้าแม่ค้าขายของดีไปในตัว ในแต่ละวันครับ นับเป็นที่พึ่งทางใจอย่างหนึ่งสำหรับคนหาเช้ากินค่ำที่นี่
9.30 น. ผมจองคลาสเรียนทำอาหารไต้หวันแบบพื้นบ้านทานง่ายและก็ทำง่ายเอาไว้ครับ
ที่ Yamicook 美食廚藝教室 เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังมากในไทเป เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะมีเชฟคนไทยมาแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างอาหารไทยกับอาหารไต้หวันที่โรงเรียนแห่งนี้ครับ เป็นโรงเรียนที่ฮอตฮิตมาก
เชฟกำลังสอนแล่ปลาครับเพราะว่าวันนี้จะมีเมนูปลานึ่ง (Steamed Sea Bass) สูตรของทางไต้หวันครับ เรียงกันใส่จานอย่างสวยงามก่อนที่จะเอาไปนึ่ง เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยมมากครับ เคล็ดลับอยู่ที่ ซอสราดสูตรลับใส่ลงไปตอนที่กำลังนึ่งสุกได้ที่ เพื่อเร่งเร้ารสชาติของปลาให้มีความสดและฉ่ำครับ
ส่วนเมนูที่ผมเรียนมาและได้ลองลงมือทำ ก็คือ “ไก่สามรส” (Three Cups Chicken) ครับ กำลังอยู่ระหว่างการหันไก่เพื่อที่จะปรุง ไก่สามรสของที่นี่เป็นรสชาติของทางไต้หวันไม่เหมือนของบ้านเรานะครับ
ไก่สามรสไต้หวัน หน้าตาสีสันสวยงาม น่าทานไหมครับ ฝีมือของผมเอง เป็นการนำพ่อครัวไทยสู่ครัวโลก 555
เริ่มจากหั่นไก่จากนั้นตั้งกะทะผัดไก่ด้วยน้ำมันงา กระเทียม และขิง สุดท้ายใส่ซอสถั่วเหลือง แล้วก็ตามด้วยไวน์ข้าว ปิดท้ายด้วยพริกชีฟ้าและโหระพา โรยครับ เชฟบอกว่าสามารถปรับสูตรไปใช้วัตถุดิบหลักเป็นไก่ ปลาหมึก หมู หรือกระต่าย ก็ได้
ห๊าาาา กระต่าย!!
อีกเมนูจะเป็นผัดหน่อไม้ครับ เชฟกำลังสอนกันถึงเรื่องของเทคนิคในการปรุงอาหารไต้หวันครับ วัตถุดิบที่ใช้ก็มาจากตลาดที่เราไปซื้อกันวันนี้แหละครับ มีความสดใหม่และที่สำคัญหัวใหญ่มากครับ
เสร็จออกมาแล้วเมนูของเราในเช้าวันนี้ มีทั้งไก่สามรส มีผัดหน่อไม้แล้วก็ผัดผัก และก็มีอีกหลายเมนูที่ลองหัดทำนะครับ ก็ถือว่าเป็นการเรียนทำอาหารที่สนุกมาก เป็นอาหารที่ทานง่ายๆ ของคนไต้หวัน แต่สามารถเสิร์ฟขึ้นโต๊ะได้ทุกวัน
เสร็จจากทานข้าวเที่ยงที่โรงเรียนสอนทำอาหาร ก็ได้เวลามาเดินช้อปปิ้ง ย่อยกันต่อ มาเดินที่ย่านช็อปปิ้งของ Gongguan อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และโด่งดังที่สุดของไต้หวัน คือ National Taiwan University ของที่นี่ราคาไม่แพง ตามสไตล์ของย่านร้านค้านักศึกษา
TKK เป็นชื่อร้านไก่ทอด อันดับ 1 ของไต้หวันครับ ชื่อท้องถิ่นคือ “ไก่ทอดติงกั๊วกั๊ว” เป็นร้านไก่ทอดเหมือน KFC แต่เป็นสูตรไก่ทอดแบบฉบับของคนไต้หวัน มีสาขาอยู่หลายที่ทั่วไทเป ถ้าเห็นสัญลักษณ์ T.K.K ล่ะใช่เลย
มีทั้งไก่ทอดแบบไม่ได้ชุบเกล็ดขนมปัง ทอดแบบชุบแป้งธรรมดา มีให้เลือก ทั้งปีก น่องหรือสะโพก ไก่นุ่มทอดกรอบหอมกำลังดี หรือจะกินเป็นนัตเก็ตก็เลือกสั่งได้ ส่วนคนที่ชอบมันฝรั่งทอดก็มีครับ
แต่เมนูที่คนไต้หวันแนะนำให้ทาน คือ หนังไก่ยัดไส้ข้าวเหนียวแล้วทอด หนังไก่ถูกทอดจนกรอบ กัดคำแรกกรอบนอกนุ่มในด้วยข้าวเหนียวที่ยัดอยู่จนเต็มแน่น
นั่งรถ MRT สายสีแดง มาลงที่สถานี Taipei 101/ World Trade Center เพื่อจะไปขึ้นชมวิวบนตึกสุดฮอตกันครับ ตรงบริเวณทางเชื่อมระหว่างรถไฟกับอาคาร จะเจอเค้าท์เตอร์บริการนักท่องเที่ยวครับ (visitor information center taipei) สามารถเข้าไปขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวไทเปกันได้ครับ
แลนมาร์คที่สุดตึกสูงสุดในไต้หวัน ติดอันดับต้นๆ 1 ใน 10 ของโลก ทรงตึกก็แสนจะเป็นเอกลักษณ์ ใครมาไต้หวันต้องมาที่นี่ ค่าขึ้นตึกปรับราคาเป็น NT$600 แล้วครับ จะได้เห็นวิวไต้หวันทั้งหมด
การเดินทางไป Taipei 101 – สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT สายสีแดง มาลงสถานี Taipei101 World Trade Center ส่วนใครที่มี Taipei Fun Pass ขึ้นฟรีครับ
จะขึ้นรถไฟกี่สาย กี่สี กี่ครั้งก็ได้ ภายในเวลาที่กำหนด
ใครมี Taipei Fun Pass เหมือนผมก็มาแลกตัวกันก่อน ฟรีนะครับ ย้ำว่าฟรี NT$600 เอาจริง ซื้อ Taipei Fun Pass แบบ 3 วันมาใช้ราคา NT$1,900 นี่อยู่มา 2 วันก็ใช้เกินราคาบัตรที่ซื้อมาแล้วนะครับเนี่ย
ถือว่าเป็น Pass ที่คุ้มค่ามากๆ ครับ
มาดูวิวจากชั้น 89 ตึก Taipei 101 กันดีกว่าครับ เป็นตึกใหญ่ตั้งสูงตระหง่านใจกลางเมืองไทเป ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์คล้ายปล้องไม้ไผ่ที่มีทั้งหมด 8 ปล้อง ที่ว่ากันว่าใครมาเที่ยวไต้หวันแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับตึกแห่งนี้ หรือขึ้นไปชั้นบนสุดของที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึงไต้หวัน ตึกไทเป 101 มีความสูงถึง 508 เมตร ติดอันดับ 1 ใน 10 ตึกที่สูงที่สุดในโลก
เก็บภาพนี้มาด้วยความชื่นชมปนสงสัย ว่าคนไทยนิยมซื้อแก้วน้ำกลับไปเป็นที่ระลึกเหรอ ต่อมาคือต้องชมทาง Taipei101 ที่เก็บสถิติ จนนำไปสู่การแนะนำสินค้ายอดนิยมตามแต่ละประเทศได้ เก่งมากครับ
ร้าน Le Blé d’Or ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ Le Blé d’Or ซึ่งทางร้านปรุงเบียร์สูตรนี้ขึ้นมาเอง แถมยังได้รางวัลระดับโลกมามากมาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Le ble d’or ได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงเบียร์ขนาดเล็กที่ดีมาก ดังนั้น ใครมาไทเปอย่าพลาดนะครับ
การออกแบบตกแต่งภายในมีลักษณะเป็นเหมือนปราสาท เหมือนฝั่งยุโรป (เข้าใจว่าเยอรมัน) ตกแต่งด้วยเก้าอี้ดีไซน์เก๋ เป็นรูปถังเบียร์
บรรยากาศการพบปะสังสรรค์ของเพื่อนและผมที่ร้าน Le Blé d’Or แห่งนี้ครับ อาหารรสชาติดี ขาหมูเยอรมันกับไส้กรอก น่าจะขึ้นชื่อสุดแล้วของร้านนี้ อ่อ! ซีซ่าร์สลัดก็อร่อยดีครับ แถมช่วงนี้มีไก่งวงให้ทานด้วย เพราะใกล้คริสต์มาส
ใครมีบัตร Taipei Fun Pass สามารถเช็คอินพร้อมโชว์พาสปอร์ต เพื่อรับเบียร์ 1 แก้วขนาด 350 cc ได้ฟรีๆ เลยครับ ใจดีจัง
ก่อนนอนคืนนี้ขอมานวดแผนโบราณสไตล์ไต้หวันกันสักหน่อยครับ หลังจากที่เราตรากตรำตะเวนเที่ยวแบบนอนสต็อปกันสองวันเต็มเต็มครับที่ไทเปตอนเหนือโดยใช้ Taipei Fun Pass เป็นบัตรหลักในการนำพาเราไปยังสถานที่ต่างๆแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่มครับ
คืนนี้เมื่อยมากก็ต้องมาจบที่ 王老師 wang masters Spa養生館 ร้านนวดซึ่งเป็นที่นิยมของคนไต้หวันไปถึงนักท่องเที่ยว
ที่สำคัญใครมีบัตร Taipei Fun Pass สามารถรับส่วนลดพิเศษจากทางร้านด้วยครับ
ร้านนี้มีให้เลือกหลายคอร์สครับ ทั้งแบบนวดเท้า นวดตัว นวดหน้าบำรุงผิว ราคาก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไปครับ
ยกตัวอย่าง นวดตัวราคาชั่วโมงละ NT$ 1,000 นวดเท้าราคาชั่วโมงละ NT$ 750
มาไหว้พระกันดีกว่าครับ ที่วัดหลงซาน (Longshan Temple) เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับต้นๆของไต้หวัน เป็นวัดที่มีคนไต้หวันนับถือเป็นจำนวนมาก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1738 คนส่วนใหญ่ที่ไปไหว้ ก็จะขอพร เรื่องของการงาน การเรียน และ … ความรัก
เวลาเข้าวัดให้เข้าทางประตูด้านขวา พอเข้าไปแล้ว ด้านขวามือจะมีร้านขาย ธูป เทียน และของไหว้ เราสามารถหยิบธูปได้ฟรี เฉพาะธูปนะครับ อย่างอื่นต้องเสียเงิน ธูปทั้งหมดที่ได้จะมี 7 ดอกครับ เพราะจะมีให้ไหว้ 7 ที่ ในวัดจะมีแผนผังการไหว้แสดงกำกับอยู่ ป้องกันการไหว้ผิดลำดับ
ตระเวนไหว้พระเสร็จครบ 7 จุดต้องขอภายถ่ายเป็นที่ระทึกไว้สักหน่อยครับ
แม้รอบกายจะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่เดินทางมายังวัดหลงซานแห่งนี้ หากแต่เราตั้งจิตมั่น มีสติกับสิ่งเบื้องหน้า มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ ปัญญาย่อมจะตามมาอย่างแน่นอน
เดินเลี้ยวซ้ายออกจากวัดหลงซาน เดินข้ามถนนมาจะเจอตึกที่ทำการท่องเที่ยวของไต้หวัน ด้านในจะมีหมอดูที่เขาว่า กันว่า “โคตรแม่น” คอยดูดวงให้สำหรับผู้ที่สนใจ โดยผู้ที่มี Taipei Fun Card จะสามารถดูดวงได้ฟรี 1 เรื่อง
เก๋ เลิศ ล้ำ มาก
ออกจากวัดเดินสำรวจแถวนั้นอีกหน่อย จะพบกับตึกเก่า Bopilliao Historic Block อายุ 100 กว่าปีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง สร้างด้วยอิฐเป็นแนวยาวตลอดทาง ซึ่งตึกนี้ไม่ได้เป็นสมบัติของรัฐบาลไต้หวัน แต่เป็นสมบัติของคนธรรมดาสามัญที่ส่งต่อให้รุ่นต่อรุ่นเป็นมรดกแห่งวงตระกูล เพียงแค่มีข้อตกลงกันว่า ให้อนุรักษ์ไว้ คล้ายๆ กับตึกเก่าย่านถนนราชดำเนินบ้านเรานั่นเอง
วันที่ไปเดินเล่น มีกองถ่ายหนังมาถ่ายทำพอดี
แวะเดินเล่นย่านวัดหลงซานและย่านเมืองเก่าปัวผีเหลียว มีร้านขายของฝาก ของใช้ตลอดเส้นทาง ผมได้ชาไต้หวันมากล่องนึงครับ ชิมแล้วชอบมาก เป็นชาที่หอมสมุนไพรเบลด์นมาแบบจัดหนักมากๆ
มาเดินเล่นกันต่อ เพื่อดูวิถีชีวิตผู้คนชาวไต้หวันกันบ้างครับ ที่เห็นอยู่นี้เป็นร้านขายอาหารคล้ายๆ กับข้าวราดแกงครับ แต่เป็นลักษณะของบุฟเฟ่ต์ จ่ายเป็นหัวครับ ทานได้หนึ่งจานเลือกกับข้าวได้ตามใจ แต่ว่าจะมีคนตัก
อาหารที่ดูก็มีทั้งผักและเนื้อสัตว์ปะปนกันไปครับแต่ที่โดดเด่นคือความหลากหลายของ ไลน์บุฟเฟ่ที่มีเยอะมากๆครับและราคาไม่แพงเลยครับหัวละ NT$70
ชานมไข่มุกไต้หวัน ชื่อภาษาจีนว่า “จูเจินหน่ายฉา” (珍珠奶茶zhēnzhū nǎichá) แปลตามตัวว่าชานมไข่มุกนั่นเอง ไต้หวันเรียกกันว่า Boba Tea เป็นเครื่องดื่มที่ต้องลองทาน หากมาเที่ยวไต้หวัน เพราะถือเป็นเอกลักษณ์
ด้วยความที่มีร้านชานมไข่มุกเยอะมาก ผมจึงเชื่อว่าหลายคนมีร้านโปรดในใจ ผมชอบร้านนี้ครับ “50 lan อ่านว่า 50 หลัน”
เดินเที่ยวจนเมื่อย กำลังรอรถเมล์เพื่อจะย้ายถิ่นฐานท่องเที่ยวครับ เลยกะว่าจะนั่งรถเมล์เที่ยวไทเปสักหน่อย นั่งไปเถอะไม่ต้องกลัวหลง เพราะเรามี Taipei Fun Pass สามารถขึ้นรถเมล์ได้ฟรี
ชอบจัง รถเมล์ไต้หวัน เป็นห่วงความปลอดภัย ทุกเบาะนั่งต้องรัดเข็มขัดด้วยนะครับ
การใช้งาน Taipei Fun Pass โดยสารรถเมล์ ง่ายมากๆครับ เพียงแค่นำบัตรไปทาบที่เครื่องในช่วงเวลาที่ลงจากรถครับ
เหนือกว่าขอคู่ ต้องมาดูกันที่ “วัดขอผัว”
หลังจากที่พาไปเที่ยววัดหลงซาน ไต้หวันซึ่งมีชื่อเสียงด้านการขอพรเรื่องความรักกันไปแล้วก็มาต่อกันที่อีกวัดหนึ่งครับที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องของการหาคู่ครองขั้นแอดว๊านซ์
ซึ่งความแม่น!! ความเป๊ะ!! ปังเว่อร์นั้นถูกการันตีโดยชาวไต้หวัน ชาวเกาหลี และชาวญี่ปุ่นครับ ที่แห่แหนกันมาที่วัดแห่งนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตั๊ว ส่วนตัว!!
วัดแห่งนี้ชื่อว่า “เสียไห่เฉิงหวง” ไทเป (Taipei Xia Hai City God Temple) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT Shuanlian Station สายสีแดง การเดินทางให้ออกที่ทางออกเลข 1 แล้วเดินตามถนน Mingsheng West จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเห็นวัดอยู่ทางซ้ายมือ หรือสามารถนั่งรถบัสจากหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน มาลงที่ป้าย Dihua Street ก็จะเกือบถึงเลย เดินทางสะดวกมากครับ ยิ่งถ้าใครมี @Taipei Fun Pass แบบผม ยิ่งต้องบอกว่า นั่งรถฟรี คุ้มกันไปเลยทีเดียว
วัดแห่งนี้มีเทพประดิษฐานอยู่ภายในมากมายหลายองค์ ทำให้มีคนไต้หวันหลากหลายกลุ่มมาขอพรกันที่นี่ ตั้งแต่วัยรุ่นมาขอพรเรื่องความรัก ไปจนถึงเหล่าภรรยาที่มาขอพรเทพให้มีชีวิตคู่ที่ราบรื่น
ซึ่งความพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ เท่าที่ได้คุยกับทางเจ้าที่วัดนั้นเล่าว่าเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง สามีนางเพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่กี่เดือน นางอยากจะมีสามีใหม่จึงได้เดินทางมาขอผัวที่วัดแห่งนี้ ปรากฏว่าทันทีที่กลับไปญี่ปุ่นนางได้สามีแล้วแต่งงานเลยครับ
โอ๊ววว แม่เจ้า ไวยิ่งกว่าไปซื้อสเลอปี้ในเซเว่น!!
นางได้ไปเล่าเรื่องนี้ออกอากาศทางทีวีที่ญี่ปุ่น ปรากฏว่า …. เรื่องนี้เป็นที่สนอกสนใจของสาว แก่ แม่หม้ายชาวญี่ปุ่น เกาหลี เป็นจำนวนมาก และพากันตามรอยสตรีนางนี้เพื่อที่จะได้มีผัวกับเค้าบ้างเลยเป็นที่มาของ “วัดขอผัว” อย่างที่เห็นนี้ครับ
เท่านี้ยังไม่พอ บางคนก็มาขอให้เทพท่านช่วย ให้สามารถกลับบ้านเร็วขึ้น เอาอกเอาใจคนเป็นเมียให้มากกว่านี้หน่อย ซึ่งคนที่มีสามีแล้ว นิยมบูชารองเท้านำโชคเป็นของที่ระลึกเพื่อให้ชีวิตคู่ราบรื่นด้วยครับ โดยเชื่อกันว่าเมื่อซื้อรองเท้าแล้ว ให้นำไปวนที่กระถางธูป 3 รอบจากนั้นให้เอากลับไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าห้องนอน หันหัวรองเท้าเข้าหาตู้จะทำให้สามีไม่หนีไปไหน!
ใครมีแพลนมาไต้หวันช่วงนี้อย่าลืมเก็บวัดนี้ไว้ในเช็คลิสต์ด้วยนะครับ
จาก Taipei Xia Hai City God Temple มาต่อกันที่เมนูมื้อกลางวัน จาก 稻舍URS329 ร้านที่ไอเดียเก๋ๆ กับการดัดแปลงบ้านที่ก่อด้วยอาคารอิฐสีแดงอายุ 110 ปี ที่เคยเป็นธนาคารข้าวมาก่อน ให้กลายมาเป็นร้านอาหารที่มีวัตถุดิบหลักมาจากข้าวนานาพันธุ์
เครื่องปรุงรสสูตรพิเศษบนโต๊ะอาหาร ขวดสีดำมีลักษณะเหมือนซอสท่่หมักจากข้าว ส่วนขวดสีขาวเป็นน้ำมันข้าวสกัด
เมนูอาหารจะมีให้เลือกเป็นเซตครับ อย่างของผมที่เห็นนี้จะเป็นข้าวสวย ไก่ย่าง ผัดผัก มันบด เลือดเป็ด และของหวานเป็นข้าวเหนียวดำ นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในการรับประทานอาหารของผมจริงๆ
ที่ร้าน 稻舍URS329 สามารถใช้บัตร Taipei Fun Pass เพื่อรับส่วนลดได้ครับ
ข้อดีที่โดดเด่นของ Taipei Fun Pass ก็คือการที่มีร้านรวงต่างๆ เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากครับ ยินดีที่จะมอบส่วนลดพิเศษให้กับนักท่องเที่ยวที่ถือพาส รวมถึงมอบของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวเมื่อแวะเวียนมาที่ร้านพร้อมกับใช้โชว์ Taipei Fun Pass ให้ทางร้านได้บันทึกข้อมูลเอาไว้ครับ
เท่าที่ลองคำนวณดูนะครับ ถ้าหากใช้ Taipei Fun Pass จะประหยัดไปได้ถึง 60% ครับ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเข้าชมสถานที่ การเดินทางโดยรถเมล์ รถไฟใต้ดิน MRT รถชัตเติ้ลบัส ฯลฯ ครับ นี่ยังไม่นับเรื่องของส่วนลดพิเศษรวมถึงของแจกของแถมต่างๆ ที่จะได้รับจากร้านค้ามากกว่า 100 ร้านค้า
Taipei Fun Pass มีอยู่สองแบบนะครับคือแบบแรกบัตรสีเขียวจะเป็นแบบที่รวมทุกอย่าง สามารถใช้ได้แบบอันลิมิเต็ดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ 12 แห่งซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ต้องมาเช็คอินให้ได้เมื่อมาถึงไทเป
ต่อมาคือเรื่องการเดินทางโดยใช้ Taipei Metro, City Bus และชัตเติ้ลบัส
ราคาก็จะแตกต่างกันออกไปนะครับ
1 Day Pass ราคา NT$1,200
2 Day Pass ราคา NT$1,600 และ
3 Day Pass ราคา NT$1,900
ส่วนอีกประเภทคือบัตรโดยสาร หรือ Transportation เป็นบัตรสีน้ำตาล เป็นบัตรที่เน้นเรื่องการเดินทาง โดยสาร Tipei Metro, City Bus และชัตเติ้ลบัส เป็นบัตรแบบไม่จำกัดเที่ยวภายในวันที่กำหนดครับ
มีด้วยกันทั้งหมด 5 รูปแบบครับคือ
1 Day Pass ราคา NT$180
2 Day Pass ราคา NT$310
3 Day Pass ราคา NT$440
5 Day Pass ราคา NT$700
1 Day Pass และสามารถขึ้นกระเช้าเหมาคงได้ ราคา NT$350
ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าและประหยัดมากๆ ครับ แต่ว่าบัตรรถโดยสารสีน้ำตาลนั้น จะไม่ได้รับส่วนลดจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการนะครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊ก >> https://funpass.travel.taipei/
นับเป็นพาสที่สร้างความประทับใจและประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยทีเดียวครับ สำหรับ Taipei Fun Pass สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไต้หวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สามารถเลือกใช้พาสตามความเหมาะสมแก่ทริปของตนเองนะครับ
ใจจริงอยากชวนให้มาเที่ยวไต้หวันครับเพราะว่ามีความแปลกใหม่หลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่ใหญ่โตกว่าหลายเมือง มีระบบระเบียบดีแบบญี่ปุ่น เดินทางเที่ยวง่ายคล้ายๆ กัน มีความฝนตกบ่อยเหมือนสิงคโปร์ แถมต้นไม้เยอะเหมือนกันด้วย เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหันมาจับตาเกาะเล็กๆ แห่งนี้
โดยเฉพาะที่เมืองไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะไต้หวัน ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แค่ให้เที่ยวในไทเปก็สามารถเต็มอิ่มกับความเป็นไต้หวันได้แล้ว และเอาเข้าจริงหากมีเวลาน้อย แนะนำให้เริ่มเที่ยวจากไต้หวันตอนเหนือ ไทเป กีหลง จิ่วเฟิ่น เดินทางตามเส้น Taipei Fun Pass สัก 3 วัน 2 คืนกำลังดี แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับคนมีเวลาไม่มากแล้วครับ สามารถเที่ยวได้ครบอรรถรส
ด้วยไต้หวันมีธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลไม่แพ้ประเทศใดในเอเชีย อาหารก็อร่อย สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผู้คนอัธยาศัยดี จนถึงวันนี้คงไม่แปลกใจแล้วครับ ว่าทำไมหลายๆ คนที่เคยไปไต้หวันมาแล้วถึงหลงไหล ชื่นชอบเกาะเล็กๆ ที่มีเสน่ห์มากมายแห่งนี้ และมีทีท่าว่าจะกลับไปเที่ยวอีก
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ