Soneva Kiri : Chapter 1 AT the beginning


Soneva Kiri (โซเนว่า คีรี) 
เป็นชื่อของรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว บนเกาะกูด จังหวัดตราด ครับ หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในประเทศไทยภายใต้ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ด้วยความบริสุทธิ์ของต้นไม้ ความใสของน้ำทะเล ความขาวสะอาดของทรายและชายหาด เกาะกูด ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย จึงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก กลายเป็น Destination ที่ใครต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะมาเข้าพักที่นี่ เพราะเรียกตัวเองว่า “Unparalleled luxury meets eco-friendly design. Nestled within lush tropical rainforest on an unspoiled island with some of the best beaches in Thailand.” บนเนื้อที่กว่า 400 ไร่ของรีสอร์ทรักษ์โลกแห่งนี้ ออกแบบให้วิลล่าทั้ง 36 หลัง ต่างร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มีความเชื่อมโยงกันในทุกมิติ มีความหรูหรา ทว่าเรียบง่าย ราวกับเป็นภาพสะท้อนว่า มนุษย์เรากับธรรมชาติต่างกลมกลืนกันไปในการดำเนินชีวิตและอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

SONEVA KIRI : Intelligent Luxury

“Intelligent Luxury” คือหลักที่ทาง Soneva นำมาขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ในการทำธุรกิจบริการคือรีสอร์ตครับ เพราะการตีความและทำความเข้าใจถึงนัยยะของคำว่า “หรูหราที่แท้จริงสำหรับผู้เข้าพักคืออะไร” แน่นอนว่า ผู้เข้าพักซึ่งส่วนมากเป็นคนในเมืองใหญ่จากทั่วโลก มีหน้าที่การงานดี มีหน้าตาทางสังคม เป็นคนดังระดับโลก มีรายได้ที่ดีและมีกำลังซื้อสูง ดังนั้น การทำความเข้าใจในไลฟ์สไตล์และชีวิตประจำวันของแขกผู้เข้าพัก จากนั้นก็นำเสนอในสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิต เช่น ความเป็นธรรมชาติที่หรูหรา ขณะเดียวกันก็นำเสนอประสบการณ์ “ใหม่” ไปพร้อมๆ กัน เป็นการสร้างเรื่องราวและความทรงจำที่มีคุณค่าในชีวิตของแขกผู้เข้าพักได้อย่างลึกซึ้งมากครับ ดังนั้น การเข้าพักในทุกรีสอร์ตของ Soneva จึงไม่ใช่แค่การเข้าพักแค่ครั้งเดียว แต่เป็นความผูกพันอันเกิดจากประสบการณ์ที่แบรนด์ Soneva ตั้งใจคัดสรรและมอบให้นั่นเองครับ

Soneva Kiri เป็นรีสอร์ตหรู ที่มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตที่เราจะได้รับจากประสบการณ์อันหาที่ไหนไม่ได้ (Inspiring a Lifetime of Rare Experiences) นอกจากที่ Soneva Kiri เท่านั้น ภายใต้การบริหารงานของผู้ก่อตั้ง คุณ Sonu Shivdasani นักธุรกิจชาวอินเดีย และภรรยาคือคุณ Eva Malmström Shivdasani ซึ่งนำชื่อของทั้งสองท่านมาสมาสกันจนกลายเป็นคำว่า “SONEVA” เป็นชื่อเฉพาะที่เพราะมากครับ

ปัจจุบันมีรีสอร์ตในเครือที่ดูแลอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง 1 แห่งในประเทศไทยคือ Soneva Kiri เกาะกูดที่เรามาพัก ส่วนอีก 3 แห่งอยู่ในมัลดีฟส์ได้แก่ Soneva Fushi, Soneva Jani และมีเรือยอร์ชสุดหรูล่องอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ชื่อว่า Soneva in Aqua ให้บริการด้วยครับ อันนี้ว๊าวมากเลยนะในความรู้สึกผม ซึ่งมองว่า ทั้งคุณ Sonu และคุณ Eva ไม่เคยคิดอะไรแบบธรรมดาได้เลย ทุกอย่างต้องเป็นประสบการณ์ใหม่และเป็นประสบการณ์เฉพาะที่เราจะหาที่ไหนไม่ได้ จนทำให้เครือ SONEVA คว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย

Soneva Kiri เกาะกูด จึงเน้นนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิต ด้วยความหรูหรา ความสุข ความสบาย ความเป็นธรรมชาติและความเป็นกันเอง ทุกขั้นตอนผ่านกระบวนการคิดมาอย่างซับซ้อนเพื่อนำไปสู่ความเรียบง่าย แต่เดิมหากเราจะเดินทางไปเกาะกูด จะต้องนั่งรถไป 4-5 ชั่วโมงแล้วต่อเรือ เพื่อไปเทียบท่าของรีสอร์ต แต่สำหรับที่ Soneva Kiri ปรับวิธีคิดใหม่ ทำให้การเดินทางไปยังจุดหมายคือ “เกาะกูด” นั้น เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบาย ด้วยการให้ผู้เข้าพักนั่งเครื่องบินส่วนตัวของรีสอร์ต ไปลงที่เกาะไม้ซี้ และนั่งเรืออีก 5 นาที ก็จะถึงรีสอร์ต ชั่วยร่นระยะเวลาจากครึ่งค่อนวัน เหลือเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น สะท้อนความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์สุดพิเศษของประสบการณ์จากการเข้าพักที่ Soneva Kiri ให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก

เช็คอิน บินตรงสู่ SONEVA KIRI

จากสนามบินสุวรรณภูมิ My rare life journey begins at No. D24 การเดินทางของ “กานต์” เริ่มต้นขึ้นที่นี่ครับ เคาท์เตอร์หมายเลข D24 

เมื่อเราเช็คอินเสร็จมีเจ้าหน้าที่มาต้อนรับเพื่ออำนวยความสะดวก และหากมีเวลาเราสามารถไปใช้บริการที่บลูริบบอนเล้าจน์ได้ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัว เป็นเครื่องบินขนาด 8 ที่นั่ง ดูแล้วน่าจะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่เล็กที่สุดของสนามบินสุวรรณภูมิแล้วกระมัง เพราะจะให้บริการเฉพาะแขกผู้มีเกียรติที่เข้าพักกับ Soneva Kiri  เท่านั้น บินไป-กลับ ระหว่าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปกลับสนามบินเกาะไม้ซี้

เราสามารถเห็นห้องนั่งบิน และกัปตันระดับใกล้ชิด เป็นบริการแบบ Exclusive สำหรับแขกของ Soneva Kiri เท่านั้น และไม่ลืมเรื่องความปลอดภัยในการโดยสารเครื่องบิน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สำคัญไม่อาจมองข้ามได้ครับ

เมื่อได้เวลา กัปตันเร่งใบพัด จากนั้นเครื่องบินจะค่อยๆ แท๊กซี่ไปตามรันเวย์ อย่างช้าๆ ด้วยความที่เครื่องบินไม่ได้ลำใหญ่ ผู้โดยสารไม่เยอะมีแค่คู่รักชาวต่างชาติและกานต์เท่านั้น ไฟล์ทนี้จึงเป็นการเดินทางเรียบง่าย ทว่าหรูหราระดับ VVIP เมื่อเครื่องบินเทคออฟ กานต์รู้สึกตื่นเต้นมากครับ เหมือนกับซื้อตั๋วแยกต่างหากเพื่อได้นั่งเครื่องบินเล่นชมวิวมุมท๊อป เนื่องเพราะเพดานบินไม่ได้สูงมาก เราจึงดื่มด่ำกับวิวมุมสูงได้อย่างตื่นตาตื่นใจ หยิบ Leica คู่ใจมาคอยเก็บภาพอยู่ตลอดเวลา

ฉากที่มองเห็นเบื้องล่างที่มีทั้งบ้านเรือน ป่าไม้และทะเล สลับกับปุยเมฆที่ลอยผ่านมาทักทาย เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางที่เซอร์ไพรส์ความสุขได้ทุกวินาทีเลยทีเดียว

PREPARE FOR LANDING

ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 15 นาที เครื่องบินก็แลนดิ้งที่รันเวย์เกาะไม้ซี้ ซึ่งเป็นเกาะที่ทาง Soneva Kiri จัดทำไว้เพื่อทำเป็นลานบินเท่านั้น กัปตันกล่าวขอบคุณ เราอดปรบมือให้กัปตันไม่ได้ จากนั้นจึงกล่าวอำลาและขอบคุณกัปตันอย่างเป็นกันเอง เป็นอีกหนึ่งความประทับใจครับ

จากนั้น มีพนักงานของทางรีสอร์ต สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาว ไม่สวมรองเท้า ยืนแสตนบายด์รอต้อนรับ ก่อนจะแนะนำตัวเองว่าเป็น Mr.&Ms.Friday เพื่อมารอต้อนรับแขกประจำของแต่ละคน ของกานต์เป็น Ms.Friday ชื่อน้องพิมครับ เดินเข้ามากล่าวสวัสดีทักทาย เอ่ยนามลูกค้าได้โดยไม่ต้องรอให้เราตามหาว่าใครเป็นใคร จากนี้ Ms.Friday ช่วยดูแลเรื่องสัมภาระและพาเรานั่งรถบัคกี้ต่อไปยังเรือสปีดโบทสีเหลืองแซมขาว ซึ่งเป็นสีประจำรีสอร์ต และเป็นโทนสีโปรดของกานต์ด้วยครับ

The Jetty at Soneva Kiri

ใช้เวลาอีกไม่นาน ประมาณไม่ถึง 5 นาที กานต์กำลังเพลินอยู่กับการถ่ายรูปน้ำทะเลสีเทอควอยซ์ใสๆ เรือก็นำเรามาเทียบท่าพอดี ท่าเทียบเรือของ Soneva Kiri เรียกว่า The Jetty

No News No Shoes คือ Concept ของที่นี่ ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ Slow Life ใกล้ชิดธรรมชาติ กานต์ว่าเป็นเสน่ห์มากครับ กับการวาง Conceptual ต่างๆ ที่ทาง Soneva Kiri คิดไว้ในการสื่อสารกับผู้เข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นการเรียกเครื่องบินเก๋ๆ ว่า Ever Soneva So Ever the Top บัตเลอร์ก็เรียกว่า Mr.&Ms.Friday ซึ่งมีที่มาจากชื่อตัวละครในนิยายของ Daniel Defoe ในทางกลับกันถ้าเรามองว่าวันศุกร์ก็เป็นวันเริ่มต้นพักผ่อนก่อนสุดสัปดาห์ การมี  Personal Butler มาดูแลตลอด 24 ชั่วโมงก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

No Shoes

ทางรีสอร์ทจะมีโทรศัพท์มือถือให้หนึ่งเครื่อง กดโทรหา Mr.&Ms.Friday ของเราได้แบบ Quick Call และจะมีผู้รับสายทันที ซึ่งในแบบสอบถามก่อนกลับนั้น มีอยู่ข้อนึงให้ตอบว่า Mr.&Ms.Friday รับสายภายในสัญญาณโทรศัพท์ไม่เกิน 3 ครั้งหรือไม่ …. สะท้อนว่า มีการตั้งค่ามาตรฐานการทำงานของ Mr.&Ms.Friday ไว้ค่อนข้างสูงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที

ส่วน No News ก็สื่อสารถึงการพักผ่อนที่แท้ทรู ไม่รับรู้ข่าวสารใด ๆ มีโทรทัศน์ในห้องนอน แต่เปิดไม่ได้ ดูได้แต่ดีวีดี เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และ No Shoes คือความต้องการให้เราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติแบบแนบเนื้อ (Connect) ด้วยการย่ำเท้าเปล่าในทุกก้าว นั่นคือความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่เราได้สัมผัส ซึ่งกานต์ว่า ฟีลลิ่งมันดีมากๆ เลยครับ

กานต์มี Ms. Friday เป็นผู้ดูแลครับ จะพาเรานั่งรถบัคกี้ไฟฟ้าส่วนตัว (Personal Electric Buggies) ซึ่งจะมีชื่อติดไว้ ตรงพวงมาลัย แต่หากใครเคยเข้าที่ Soneva Kiri มาแล้วหนึ่งครั้ง หากมาเข้าพักครั้งต่อไป รถบัคกี้จะมีป้ายไม้คล้ายป้ายทะเบียนติดไว้เป็นการส่วนตัว ดู Exclusive เข้าไปอีก

เอาละครับ เราจะไปที่วิลล่ากันแล้ว ของกานต์เป็นวิลล่าหมายเลข 17 เป็น type 2 Bedroom Junior Beach Pool Retreat ติดตามใน Chapter 2 : The Villas นะครับ

Soneva Kiri

Chapter 1 : At the Beginning 

Chapter 2 : The Villas

Chapter 3 : North Beach

Chapter 4 : Don’t Miss

Chapter 5 : Eat Up!

Chapter 6 : Sustainable Life

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน