#นี่คือรีสอร์ตที่บนเกาะสมุยที่กานต์ตกหลุมรัก
เชื่อว่าหลายคนก็คงชอบและอยากมาพักที่นี่บ้างเช่นกัน
กับ Six Senses Samui
ชื่อ Six Senses คงไม่ต้องอธิบาย
เกี่ยวกับแบรนด์คาแรกเตอร์มากนัก
เพราะเป็นรีสอร์ตที่นักเดินทางทั่วโลก
กดไลค์ให้คะแนนสูงตลอดเวลา
แต่สำหรับกานต์ ที่ Six Senses Samui
อาจจะมากไปกว่าที่อื่นหน่อย
ประทับใจในความเฟรนด์ลี่ สนุกสนานเป็นกันเอง
ของ GM คือคุณแกรี่ (Gary)
เป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลา
เจอหน้าผมทีไรก็เรียกชื่อและชวนคุย เฮฮาตลอด
เชื่อว่า คุณแกรี่เป็นผู้ที่รังสรร
ให้ที่ Six Senses Samui มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
รวมถึงวิลล่าโฮส ที่นี่จะเรียกว่า GEM
ย่อมาจาก Guest Experience Maker ที่ดูแลอย่างดี
สงสารมากตอนที่สั่ง room service
แล้วต้องแบกถาดอาหารขึ้นลงมาเสิร์ฟ
เพราะห้องที่กานต์พักในทริปนี้คือ
Ocean Front Pool Villa Suite
จะต้องเดินลงเพราะอยู่ติดทะเล
แต่ก็ทำให้ได้วิวที่เด็ดกว่าห้องอื่น
คือยื่นหน้าไปหาทะเลเลยครับ วิวดีแบบไม่มีอะไรกั้น
วิลล่านี้จะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว หันหน้าออกไปยังทะเล
ในทุกมิติ ทั้งห้องรับแขก ห้องนอน หรือแม้กระทั่งอ่างอาบน้ำ
เป็นการแช่อ่างในบรรยากาศที่ฟินมากครับ
อยากแนะนำห้อง type นี้เลย
มาตรฐานการบริการทุกอย่างดีงาม
ตามแบบฉบับของ Six Senses เชนดังระดับโลก
แต่ที่เหนือกว่าคือเรื่องของการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในรีสอร์ต
ในแบบ Eco-Friendly ครับ
ผมแปลกใจตอนที่คุณแกรี่
ชวนผมไปเดินเล่นชมสวน แปลงผัก คอกแพะ ฟาร์มเป็ด เล้าไก่ ….
เป็นแม่ไก่พักร้อนอารมณ์ดีเสียด้วย 555
จากนั้น ไปชมบ่อบำบัดน้ำเสีย การแยกขยะ ทำปุ๋ยหมัก และเตาเผาฟืน
เวลาที่รื้อไม้เก่าๆ ที่ผุผังแต่ยังไม่เอาไปทิ้ง
เรียกได้ว่า เป็น Zero Waste Green Resort ขนานแท้
รีสอร์ตยุคใหม่ ไร้ขยะเป็นศูนย์
ต้องยกนิ้วให้คุณแกรี่และปรบมือให้กับพนักงานที่นี่ทุกคนครับ
การเข้าพักรีสอร์ตของผมในแต่ละครั้ง
จะพยายามหาแง่มุมใหม่ๆ มาเล่าให้ฟัง
ให้มากกว่าการแชร์ประสบการณ์เข้าพักแบบธรรมดาทั่วไป
เพราะผมเชื่อว่า
#ในทุกวินาทีชีวิตเราทุกคนล้วนมีความหมายและน่าจะดีกว่าถ้าเราได้ร่วมแบ่งปันสิ่งดีๆบนโลกใบนี้ให้แก่กัน
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ
ในการเข้าพักที่ Six Senses Samui ของกานต์
อยากชวนให้เปิดอ่านไปทีละรูปครับ
Director & Photographer – Kant Jominta
FACEBOOK – KantJournal
INSTAGRAM – KantJournal
YOUTUBE CHANNEL – KantJournal
WEBSITE – www.KantJournal.com
—
Six Senses Samui อยู่ในย่านท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง เชิงมนครับ แต่แยกตัวออกมาเป็นแหลมยื่นไปต่างหาก ในลักษณะ 270 องศา ทำให้ได้มุมทะเลที่สุดลูกหูลูกตาและวิวแต่ละด้านก็จะต่างกันออกไป
แต่วิวที่สระว่ายน้ำกลางคือดีต่อใจมากครับ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool ที่เห็นวิวทะเลสวยแบบ 180 องศา
ภาพมุมกว้าง แสดงให้เห็นตัววิลล่าที่ตั้งกระจัดกระจาย ลดหลั่นกันออกไป และไม่มีการบังวิวกันครับ ห้องผมจะอยู่ด้านล่างมุมขวา เป็น Ocean Front Pool Villa Suite ติดทะเลกันเลยทีเดียว จึงเหมาะมากสำหรับใครที่อยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ พักผ่อนอยู่ในวิลล่า ไม่อยากออกไปไหนแบบผม
สปา ของ Six Senses ขึ้นชื่ออยู่แล้วครับ ทั้งเรื่องทรีตเมนท์ และเทอราพิส แต่ที่ทำให้ Spa ของ Six Senses Samui โดดเด่นกว่าก็คือวิวในห้องนวดนี่แหละครับ
นวดไปมองวิวทะเลไปแบบพาโนรามา ช่วยให้เสริมความผ่อนคลายได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
แนะนำเลยครับ
ผมชอบภาพนี้จัง จำได้ว่าเป็นการกดชัตเตอร์ ตอนกำลังทานอาหารเช้าอยู่ในวิลล่า และมีเครื่องบิน บินผ่านมาพอดี พร้อมกับเรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งสวนกัน
เล่าถึงการเดินทางเข้าออกเกาะสมุย ทางเครื่องบินกับสายการบิน Bangkok Airways บินตรงจะสะดวกที่สุดครับ จากนั้นจะมีรถของแต่ละรีสอร์ตมารอรับ ส่วนใครจะนั่งเรือเที่ยว ก็มีให้บริการเช่นกัน
ภาพนี้เลยถูกใจกานต์ เป็นพิเศษครับ
เช็คอินแล้ว GEM จะพาเรานั่งรถบัคกี้มาที่วิลล่าครับ ที่นี่จะมีทั้งหมด 6 roomtypes ด้วยกัน คือ
•Hideaway Villa
•Pool Villa
•Ocean View Pool Villa
•Ocean Front Pool Villa
•Ocean Front Pool Villa Suite
•The Retreat
ซึ่งวิลล่าของกานต์จะเป็นแบบ Ocean Front Pool Villa Suite ขนาดพื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านล่าง พร้อมที่นั่งพักผ่อนที่แยกออกไปบริเวณด้านข้าง
พอมองเห็นผมไหมครับ ว่าพักอยู่ห้องไหน
เฉลยยยย วิลล่านี้นี่เองครับ บรรยากาศดีมาก อย่างที่เห็น เป็นวิลล่าที่อยู่ด้านล่าง แต่หน้าติดทะเล ทำให้ไม่มีใครมาบังวิวพันล้านของเรา
ด้านบนเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนอนและโซนอาบน้ำที่มีอ่างติดกระจกใส มองเห็นวิวทะเลเช่นกัน
ผมชอบมุมด้านล่างข้างสระว่ายน้ำนี้มาก มีความเป็นส่วนตัวดีครับ แถมยังเย็นสบาย มีลมพัดไปมาตลอดทั้งวัน เหมาะแก่การพักผ่อน อ่านหนังสือ เล่นเกม ทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ
วิลล่าของผมยังมีความพิเศษคือมีเทอเรสด้านข้าง เอาไว้นั่งพักผ่อนได้เช่นกัน ในบรรยากาศของต้นไม้ครึ้ม ที่คอยให้ร่มเงา เราสามารถนั่งตรงนี้ได้ทั้งวัน ให้ธรรมชาติทำหน้าที่ปลอบประโลมความรู้สึก
ห้องนอนกว้างมาก หัวเตียงเป็นกระจกใส มองเห็นด้านนอก ใช้การตกแต่งแบบธรรมชาติมีไม้เป็นวัสดุหลัก ที่นี่กลางคืนต้องกางมุ้งนอนนะครับ จะได้อารมณ์ติดเกาะไปอีกแบบ เตียงค่อนขว้างกว้างนุ่มและดูดวิญญาณมาก สามารถนอนดูวิวทะเลสวยๆ ได้จากบนเตียงกันเลยทีเดียว
ห้องนอนจะอยู่ตรงกลาง ฝั่งซ้ายบริเวณทางเข้าจะเป็น Living Room หรือว่าส่วนพักผ่อนที่รายล้อมด้วยกระจกใส เพื่อให้โอบรับกับธรรมชาติได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
โซฟาสีเขียวมะนาวก็ช่วยให้เราสดชื่นได้ทันทีที่เห็น เวลามาเจอวิลล่าที่มีความเป็นธรรมชาติสูงแบบนี้ ผมชอบปิดแอร์แล้วเปิดประตูหน้าต่าง ให้ได้สัมผัสลมธรรมชาติอย่างเต็มที่ครับ
เช้าๆ แบบนี้ที่สมุยอากาศดีนักแล
ฟรีมินิบาร์ ดูจะน้อยไปหน่อย มีชา กาแฟแคปซูลตามสูตร
ถัดไปด้านในสุดจากห้องนอนจะเป็นโซนห้องน้ำ ที่นี่แยกส่วนกัน His & Her ครับ และมีห้องน้ำแยกมาอีกต่างหาก อ่อ!! ที่ห้องนั่งเล่นก็มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำขนาดใหญ่เหมือนกัน จริงๆ วิลล่านี่น่าจะพักได้ 4 คนนะ สบายๆ เลย
ถัดจากอ่างล้างหน้า คืออ่างอาบน้ำ วิวพาโนราม่าครับ วิวดีมาก ยอมรับเลย นอนแช่อ่างได้ทั้งวัน ตามสูตรของคุณกานต์
ที่นี่เป็น Eco-Friendly รักโลกแบบสุดๆ ครับ Amenities ที่ใช้ จึงใส่ขวดเซรามิค ไม่ใช่ขวดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง
ด้านนอกมีชาวเวอร์แบบเอ้าท์ดอร์ กั้นด้วยไม้ไผ่ ผมอาบตรงนี้ทุกวันเลย รู้สึกเบาสบาย เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ
สระว่ายน้ำที่วิลล่า ถือว่าใหญ่พอสมควร จริงๆ สระว่ายน้ำพวกนี้ ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการนั่งแช่น้ำ เล่นน้ำพักผ่อนมากกว่าออกกำลังกาย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นไปที่สระว่ายน้ำส่วนกลางีดกว่า จะใหญ่จะยาวกว่านี้มาก
ส่วนเราก็นะ สระว่ายน้ำในวิลล่ามีไว้ถ่ายรูป อัพไอจีตามประสา
ถ้าอยากได้เหงื่อมาที่สระว่ายน้ำส่วนกลางเลยจ้า ทั้งใหญ่ทั้งยาว สามารถครองความเป็นเจ้าสระได้สบายๆ ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ตรงนี้จะเป็นมุมที่ฟินที่สุดครับ
ถ้าไม่เชื่อว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่ สวยฟินๆ ผมมีรูปนี้มายืนยันการันตี
พื้นที่ส่วนกลางจะมีสระเล็กๆ อีกแห่งอยู่ที่บีชบาร์ครับ สามารถมานั่งเล่น จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารและพักผ่อนได้ที่นี่
มุมเสาและตาข่ายกลางน้ำก็ถือเป็น Signature ของที่นี่ครับ ใครมาก็ต้องถ่ายภาพมุมนี้กันทุกคน
แต่คนที่ถ่ายมุมนี้แล้วสวยมาก คือบี น้ำทิพย์ ตอนที่มาถ่ายแบบให้กับ Surround ของพี่ตุ๊ วีระพจน์ อัศวาจารย์ ช่างภาพชื่อดัง
ภาพมุมสูงยามเช้าที่ Chill on the Beach ครับ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารกันได้ที่นี่ และยังเป็น Water Sport Center มีให้เลือกเยอะเลยครับ ผมเล็งพายเรือคายัคเอาไว้
โซนนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอีกแห่งที่เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งวัน
เป็นความยากลำบากในการถ่ายรูปและต้องพายเรือคายัคไปในเวลาเดียวกัน
ยอมรับว่าเป็นความสามารถพิเศษที่แสนภาคภูมิใจในการถ่ายรูปตัวเอง แม้ในภาวะวิกฤติ 555
แต่เพื่อรูปสวย ต้องอดทน
พายเรือวนไป จนหมดแรง นอนชิลล์ที่บีชนี่แหละ
ไปสปากันดีกว่าครับ ความดีงามของสปาซิกซ์เซนส์ทุกแห่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทรีตเม้นท์หรือการจับเส้น แต่ความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของสปาที่สมุยคือวิวครับ
นอกจากวิวทะเลที่มองผ่านจากในวิลล่าสปา จุดเด่นของสปาที่นี่คือการนำเสนอทรีตเมนต์เพื่อคลายความเครียดที่เน้นการนำเสนอความงามภายในของเราออกมา
เทอราพิสที่นี่จะมีวิธีการนวดที่เรียกว่า “high touch”, not “high tech” เป็นการถ่ายทอดสัมผัสจากมือและพลังในร่างกายของคนนวดส่งมาสู่เราครับ ซึ่งจะรู้สึกได้ถึงการส่งพลังเพื่อคลายจุดปวด
ปกติที่ Six Senses Samui จะมีห้องอาหารหลักอยู่ 2 แห่งคือ Dining on the Rocks ซึ่งจะอยู่ตรงแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลพอดี กับ Dining on the Hill และเป็น Wines on the Hill ด้วย แต่ช่วงนี้จะเปิดเฉพาะ Dining on the Hill และไวน์บาร์ ซึ่งจะได้วิวในช่วงพระอาทิตย์ตกดินครับ
เป็นโมเมนต์ที่สวยมาก ห้องอาหาร Dining on the Hill ผมสามารถเดินมาจากในวิลล่ามาทานได้เลยเพราะอยู่ใกล้ๆ กัน
บรรยากาศก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ
ผมว่าทานดินเนอร์ที่นี่ บรรยากาศดีมากเลยนะ เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา
เป็นมุมดินเนอร์ที่โรแมนติกมากครับ เรานั่งตั้งแต่ฟ้ายังสว่าง จนกระทั่งความมืดเข้ามาครอบงำ ฟ้าเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีฟ้าอมชมพู ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ในทุกวินาทีที่ผ่านไป เหมือนชีวิตคนเราก็อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเช่นกัน ไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้า ว่าจะสวยงามหรือเศร้าหมอง เราเพียงแต่ต้องเตรียมใจรับมืออย่างมีสติ อยู่กับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละวินาทีให้ได้
ห้องอาหารใหญ่มากครับ เป็นห้องอาหารหลัก เช้า กลางวัน เย็น เราทานกันที่นี่ ถัดไปอีกฝั่งเป็น Wines on the Hill บรรยากาศดีเหมาะสำหรับคนที่อยากหาอะไรเย็นๆ เบาๆ จิบสักหน่อยก่อนนอน
ผมเปรียบเทียบช่วงกลางวันกลับกลางคืน หลังจากแม่บ้านเทิร์นดาวน์เสร็จ เอามุ้งลง พร้อมเตรียมสลิปเปอร์ และน้ำดื่มไว้ให้บนหัวเตียงเรียบร้อยครับ
หลายคนชอบนอนปิดม่าน แต่ผมกลับชอบนอนเปิดม่านไว้ทั้งคืน ให้แสงแดดคอยปลุกให้เราตื่นโดยธรรมชาติ และเช่นเคยครับ ตื่นมาก็ต้องทำงานที่เรารักก่อน โดยการเช็คเมลล์ ตอบข้อความและอัพเดทข่าวสารกันสักเล็กน้อย
เดี๋ยวนี้ จะไปไหนก็สะดวกครับ กลายเป็น Nomad ไปโดยปริยาย มี Macbook ตัวนึงเราก็ไปทำงานได้ทุกที่
เช้านี้ ผมทานอาหารในวิลล่าครับ ให้ บริกรจัดไว้บริเวณระเบียงด้านล่างริมสระน้ำ จะได้ชมบรรยากาศยามเช้าๆ ไปด้วย ทานอาหารอร่อยๆ ไปด้วย
อาหารสามารถเลือกได้ว่าจะรับอะไรบ้าง ก็แจ้งทางห้องอาหารเอาไว้ก่อนได้ครับ
ส่วนเช้าของอีกวัน ผมไปทานที่ห้องอาหาร Dining on the Hill ครับ ก็มีเมนูให้เลือกหลากหลายดี ช่วงนี้จะเน้นเป็นสั่งจากพนักงานก่อนนะครับ
แต่เริ่มต้น พนักงานจะเสิร์ฟขนมปังพร้อมดิปและผลไม้ ให้เราได้ทานกันก่อนครับ
แวะไปดูแต่ละสเตชั่น ก็ยังมีไลฟ์คุ๊กกิ้งเช่นเคย ปรุงอาหารเสิร์ฟกันสดๆ จากเตา บรรยากาศก็เหมือนช่วงก่อนโควิดเลยครับ เพียงแต่ไม่วุ่นวาย เราไม่ต้องเดินไปหยิบเอง อยากทานอะไรก็สั่งได้จากพนักงาน
ผมทานเกาเหลากระดูกหมูอ่อนตุ๋นไป 2 ชาม เช้าๆ ทานอะไรร้อนๆ อร่อยมาก
เสร็จจากห้องอาหารก็รอรถบัคกี้มารับ ผมสังเกตว่า ที่ Six Senses Samui จะมีศาลาพร้อมที่นั่ง เบาะนุ่มๆ ตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ริมถนน คล้ายศาลาริมทาง
เอาไว้ให้แขกนั่งรอรถมารับ จะได้สบายๆ โอวว ใส่ใจในรายละเอียดมาก แถมออกแบบให้ดูมีกิมมิคดี ส่วนตัวชอบมากครับ
งานสถาปัตยกรรมที่นี่ นอกจากจะเน้นสัจจะวัสดุที่เป็นพวกไม้แล้ว งานออกแบบฟังก์ชั่นต่างๆ ยังดูกลมกลืนอีกด้วย เช่นถังดับเพลิง (ผมก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละอยู่หน้าบ้านเลย สะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัย) มีการทำตู้ไม้ครอบไว้ ดูเข้ากันดี
ส่วนกล้อง CCTV ก็ทำเป็นแบบรังนก ดูไม่ออกเลย ถังขยะก็เก๋ดี ทำเป็นบ้านไม้วางไว้เป็นจุดๆ ทั่วรีสอร์ต ดูออกแบบได้กลมกลืนมากครับ สมกับความเป็น Eco-Friendly
และด้วยคอนเซปต์แบบ Eco-Friendly ที่นี่เองจึงมี Farm on the Hill ไว้สำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศน์เล็กๆ ภายในรีสอร์ตครับ ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติ
มีทั้งการปลูกผัก เลี้ยงแพะ บ่อปลา ฟาร์มเป็ด เล้าไก่ ไปจนถึงบ่อพัก บ่อบำบัดน้ำเสีย และอื่นๆ อีกมากมาย
เหล่านี้เป็นไฮไลท์ที่คุณแกรี่ จีเอ็มของทางรีสอร์ตภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างมาก แต่ก็จริงนะครับเพราะน้อยนักที่จะได้เห็นรีสอร์ตที่เน้นเรื่องการใส่ใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมเช่นนี้
ฟาร์มแม่ไก่ใจดี ตั้งชื่อว่า Chicks on Vacation ไปพักร้อนกันทั้งเล้าเลยจ้า ไก่ที่นี่จะแฮปปี้อยู่กันตามธรรมชาติ ที่สำคัญเราได้เดินไปเก็บไข่เพื่อนำไปปรุงอาหารเช้ากันสดๆ อีกด้วย
ถัดไปเป็นแปลงผักและเพาะพันธุ์พืช เน้นหนักไปที่ผักสวนครัว วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ปลูกกัน เด็ดกันสดๆ ตรงนี้เลยครับ รับประกันเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ
เมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดจะเป็น โซนบำบัดไม่ว่าจะเป็นการบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในการรดน้ำต้นไม้ จะได้เป็นการประหยัดทรัพยากร (ยิ่งเป็นเกาะด้วยเรื่องน้ำคือสำคัญมาก) มีห้องสำหรับบ่มเศษอาหารที่จะนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักและมีเตาเผาถ่าน ที่นำเศษไม้จากการรื้อสิ่งปลูกสร้าง หรือป้ายบอกทางต่างๆ มาทำเป็นเชื้อเพลิง เรียกได้ว่า Eco-Friendly แบบ Zero Waste กันเลยทีเดียว
#โดยสรุป หากคุณกำลังมองหารีสอร์ตเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ใกล้ชิดธรรมชาติแบบ Eco-Friendly มีการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดี ในบรรยากาศของท้องทะเลที่สวยงาม ผมแนะนำให้มาที่ Six Senses Samui ยิ่งตอนนี้มีโปรเราเที่ยวด้วยกัน ราคาลดลงมากว่าเดิมมาก อยากแนะนำที่นี่จากใจจริง
ทางรีสอร์จมีข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าชาวไทยตั้งแต่วันนี้ ถึง 22 ธันวาคมนี้
ราคาห้องพักเริ่มต้นเพียง 7,900 บาท ต่อวิลล่าต่อคืน
สิทธิ์การซื้อบัตรเงินสดมูลค่า 4,000 บาท สำหรับใช้จ่ายในรีสอร์ท ในราคาเพียง 2,000 บาท
อัพเกรดห้องพักฟรีทันที เมื่อเข้าพักในช่วงเดือนกันยายน พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย
สำรองห้องพักและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 077 245 678 หรืออีเมล reservations-samui@sixsenses.com หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/JustForResidents