#ถ้าจะบอกว่ารูปนี้ถ่ายที่โรงแรมในกรุงเทพ คุณจะเชื่อไหม?
แถมตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดห้างดังอย่าง Siam Paragon
ใช่ครับอาคารด้านหลังติดกับวังสระปทุม นั่นแหละ
รีวิวนี้จะได้รู้กันเสียที ว่าด้านในของ #สยามเคมปินสกี้ เป็นยังไง
วันนี้กานต์มาพักที่ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพ
เชนโรงแรมหรูจากเยอรมัน อายุ 123 ปี
ส่วนที่กรุงเทพมีคอนเซปต์ว่าเป็น “Luxury City Resort”
ซึ่งโรงแรมกำลังจะฉลองครบ 10 ปีในอีกไม่กี่วันนี้ครับ
เป็นการพักผ่อนที่หรูหรา สะดวกสบายใจกลางกรุง
แต่ให้ฟีลเหมือนไปนอนรีสอร์ตริมทะเลหรือกลางเขา
ที่มีต้นไม้เยอะๆ มีสระว่ายน้ำล้อมรอบ
แต่เก๋กว่า คือสามารถเดินออกไปช้อปปิ้งที่สยามพารากอน
แล้วกลับมานอนกอดชาแนลใบโปรดได้
Kempinski เป็นแบรนด์ที่หรูหราเก่าแก่ที่สุดในยุโรป
ทุกอย่างจะดู Extravaganza เว่อร์วังอลังการไปเสียหมด
ดอกไม้ที่ประดับในโรงแรมต้องเป็นดอกไม้สดเท่านั้น
เน้นดอกบัวเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในเขตวังสระปทุมครับ
เมื่อเดินเข้าไปถึง
สัมผัสแรกที่สายตาปะทะคือสระบัวที่เป็นน้ำพุ ดูรื่นรมย์
โถงล็อบบี้คืออลังการมากครับ ดูสูงโปร่งราวตึก 3 ชั้น
โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เน้นความเรียบหรู
ดูสบายตาคุมโทนสีเบจ-ทอง คลิปดำ
ประดับประดา ด้วยงานศิลปะของไทยกว่า 2 พันชิ้น
และมีมาสเตอร์พีชที่ศิลปินชั้นครูของไทยรังสรรค์ขึ้นมาใหม่
เพื่อมอบให้กับทางโรงแรมโดยเฉพาะ
แค่งานศิลปะเหล่านี้ ก็มีมูลค่าหลายล้านแล้วครับ
ธรรมดาซะที่ไหน …
เพียงได้มานั่งจิบน้ำชาที่ล็อบบี้ แล้วดูงานศิลปะอันสวยงามล้ำค่า
มองออกไปด้านนอกเห็นมีสระว่ายน้ำสีฟ้าสบายตา
ตัดกับทิวไม้สีเขียวราวกับสวนขนาดใหญ่
ตอนนี้มีโปรแบบ #Daycation ให้เลือกด้วยครับ
สำหรับคนอยากมาพักผ่อนแต่ไม่อยากพักค้าง
ผมว่าคุ้มค่ากับการมาเปลี่ยนบรรยากาศในวันสบายๆ
ชวนกันมาถ่ายรูป ทานขนม เล่นน้ำให้สบายใจใกล้ๆ บ้านครับ
คืนนี้กานต์พักที่ห้องแบบ Garden Suite ครับ
ความพิเศษคือทั้งโรงแรมมีห้องแบบนี้เพียงห้องเดียวเท่านั้น
เป็นห้องแบบ Pool Access ที่สามารถลงสระว่ายน้ำได้ทันที
มีทางลงสระ 2 ทาง ทั้งในส่วนของ Living Room
เมื่อขึ้นจากสระสามารถเข้าทางห้องนอนและพุ่งตรงเข้าห้องน้ำได้เลยทันที
ห้องนี้จึงอาจจะจองยากหน่อยครับ เป็น Rare Item
แต่ที่จริงแล้วห้องแบบ Cabana ก็สามารถลงสระน้ำได้ทันทีเหมือนกันนะ
ที่สำคัญผมชอบคอนเซปต์ Lady in Red มาก สวยทุกนาง
เจอทุกครั้งจะยิ้มแย้มแจ่มใส
ทักทายราวกับผมเป็นเจ้าชายจากวังทางยุโรป 555
ตามกานต์มาพักผ่อนกันดีกว่าครับว่า
ความหรูหราแห่งตำนานโรงแรมโลกนั้น จะเป็นอย่างไร
คลิกเข้าไปอ่านด้านในกันได้เลยครับ
#KANT#leisuretravel#journalisttravel
#ท่องเที่ยวพักผ่อน#ชอบนอนโรงแรมสวย
#SiamKempinski#SiamKempinskiBangkokHotel
Director & Photographer – Kant Jominta
Assistant Photographer – Pongsatorn Sodarat
FACEBOOK – KantJournal
INSTAGRAM – KantJournal
YOUTUBE CHANNEL – KantJournal
WEBSITE – www.KantJournal.com
—
ปกติภาพแบบนี้เราจะได้เห็นกันในรีสอร์ตที่อยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยว เป็นการพักผ่อนในแบบสบายๆ แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่กันใจกลางกรุงเทพเลยครับกับโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok ที่ทำเลคือโดดเด่นมาก เพราะตั้งอยู่ติดกับห้าง Siam Paragon เลยครับ
กานต์เลือกที่นี่ในวันพักผ่อน เพราะบางทีก็ไม่อยากออกไปไหนไกลๆ ครับ ไหนจะรถติด นั่งจะต้องไปนั่งรอบอร์ดดิ้งที่สนามบิน
ช่วงนี้เวลามีน้อย เลยมองหาโรงแรมที่ตอบโจทย์การพักผ่อนดู อยากมาเล่นน้ำ ทานข้าว ช้อปปิ้งให้สมกับวันพักผ่อนสบายๆ
ในรูปนี้คือสดชื่นมากครับ!!
ทันทีที่เดินเข้ามา เราจะพบกับโถงล็อบบี้ที่โอ่อ่า หรูหรา พร้อมการดูแลเรื่องความสะอาด ตรวจวัดอุณหภูมิกันเรียบร้อย
ผมว่าภาพนี้สื่อความหมายถึงการเป็นโรงแรมใหญ่ใจกลางกรุงแบบ Luxury City Resort ได้ดีครับ มีความร่มรื่นของแมกไม้สีเขียวด้านนอก
ส่วนภายในประดับตกแต่งด้วยน้ำพุทำจากทองเหลืองลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได ใจกลางเป็นสระคล้ายดอกบัว ซึ่งบ่งบอกประวัติศาสตร์ของสถานที่ได้ดีเลยทีเดียวครับ
เพราะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เรื่องราวของดอกบัวยังคงเชื่อมโยงกับที่ดินที่โรงแรมตั้งอยู่เสมอ (พ.ศ. 2394-2411) เนื่องจากอยู่บนดินแดนแห่งนี้ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของวังสระประทุม พระราชวังได้ชื่อมาจากสระบัวต่างๆที่ล้อมรอบ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของโรงแรมศิลปินได้หยิบยืมความละเอียดอ่อนและความวิจิตรของดอกบัวมาใช้ในการออกแบบ งานศิลปะชิ้นนี้ออกแบบโดยคุณจิรพรรณ โตคีรี
ภาพมุมสูงที่เราแทบไม่เคยได้เห็นของโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok ภาพนี้ถ่ายจากชั้น 16 ของ Royal Wing ครับ เพื่อให้มองเห็นมุมกว้างที่สัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์ราวกับพักผ่อนริมทะเล
เพียงแต่ทิวทัศน์ที่แปลกไปเพราะเราอยู่ท่ามกลางอาคารน้อยใหญ่ ซึ่งก็สะดวกและง่ายต่อการเดินทางครับ
อาคารของโรงแรมมีทั้งแบบ Low Rise และ High Rise ครับ วางผังเป็นรูปสามเหลี่ยม คอร์ดกลางเป็นสวนขนาดใหญ่และสระว่ายน้ำ พร้อมเดย์เบดและคาบาน่า วางไว้ให้เราได้นอนเล่นพักผ่อนสบายๆ ครับ
ล็อบบี้ ก็เหมือนหน้าบ้านของโรงแรม ความหรูหรา โออ่า จะเห็นได้จากการจัดวางล็อบบี้ที่กว้างมาก สูงโปร่งราวกับตึก 3 ชั้น เพราะด้านบนมีห้อง Ballroom และ Meeting Room
ส่วนด้านล่าง ตรงกลางจะเป็นโถงซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้สดเท่านั้น เปลี่ยนดีไซน์กันอยู่ทุกสัปดาห์ เพื่อให้ดูมีอะไรที่แปลกใหม่น่าค้นหาอยู่เสมอ
ฝั่งซ้ายเป็นส่วนของ Guess Service และ Reception ส่วนฝั่งขวาเป็นหนุมาน บาร์ และห้องไวน์
ส่วนผมจะไปเช็คอินในห้องพักแทนครับ
ที่นี่นิยมมีงานจัดเลี้ยงกันอยู่บ่อยๆ ครับ ติดอันดับ Top Five ของสถานที่จัดงานแต่งงานที่เซเลปคนดัง นิยมมาเลี้ยงฉลองกันที่นี่ ด้วยความหรูหรา มีระดับของสถานที่และการตกแต่ง แถมยังเดินทางสะดวกนั่นเอง
ผมชอบรูปนี้จัง ผมว่าสื่อสารความเป็น Iconic ของโรงแรมได้ชัดเจนดี ทั้งการออกแบบที่เป็นโคมไฟสวัสดี จะสังเกตว่าเป็นเหมือนเล็บมือนางฟ้อนทางภาคเหนือ เพื่อสื่อถึงการต้อนรับที่อ่อนช้อยแบบไทยๆ
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นเซ็ทใหญ่ มิเช่นนั้นจะดูอึดอัดเหมือนคฤหาสถ์เศรษฐี แต่การเลือกใช้สีม่วงตัดกับทองและเหลือง คือคู่สีที่พากันโดดเด่น
ประดับด้วยงานประติมากรรมชื่อว่า “ข้าว” ผลงานของคุณสัมพันธ์ เสนาเทศ
ส่วนบันไดด้านหลังไม่ต้องพูดถึง เป็นมุมถ่ายรูปที่ฮิตมาก ผมก็ไม่พลาดนะ อิอิ มีรูปให้ชมด้านในครับ
เข้ามาด้านในจะเจอบรรยากาศแบบเลยครับ มีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางสระที่รายล้อมไปรอบอาคารที่พัก ซึ่งเป็น Garden Wing จะเป็นว่ามีห้องชั้น 1 ที่เป็น Pool Access ได้เลย มีทั้งหมด 22 ห้องเท่านั้น ส่วนมากคนจะจองกันห้องนี้เพราะสะดวกดีครับ
แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัว ก็แนะนำให้จองห้องพักด้านบนก็ได้ Pool View เหมือนกัน
พื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมกว้างมาก ผมชอบถ่ายรูป Exterior ของที่นี่ เพราะยอมรับว่าแปลกใจดีว่า ใจกลางกรุงเทพมีบรรยากาศแบบนี้ด้วยหรือ
Welcome walk way ที่จะเดินไปยังห้องพักฝั่ง Garden wing สวยงามมากครับ เป็น Signature Shot ที่ต้องมาถ่ายรูปกัน เสาไฟจะประดับด้วยคบที่เป็นรูปเล็บฟ้อนแบบทางภาคเหนือ สื่อถึงการต้อนรับสวัสดี เป็นผลงานของคุณจิรพรรณ โตคีรี ศิลปินชื่อดังอีกท่านครับ
เราจะเดินผ่านห้องอาหาร Sra Bua by Kin Kin at Kempinski Bangkok ซึ่งตอนนี้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว
เข้าห้องพักกันดีกว่าครับ ห้อง Garden Suite กว้างขวางมาก มีแยกสัดส่วนภายในชัดเจน ตั้งแต่โถงทางเข้าจะมี Powder Room หรือห้องน้ำสำหรับแขก อยู่บริเวณทางเข้า จากนั้นจะเป็น Living Room ที่จัดวางชุดโซฟาได้อย่างเข้ากัน
โรงแรมจัดเตรียมขนมพร้อมการ์ดต้อนรับวางไว้ให้ด้วยครับ น่ารักมาก ทานกับกาแฟที่อยู่ในมินิบาร์ได้เลย ขนมและมินิบาร์จะฟรีและเติมให้ทุกวันที่เข้าพักครับ
Lady in Red ที่มาดูแลผมชื่อคุณ Jasmin หรือน้องมะลิ ครับ เป็นคนมาเลเซีย พูดไทยได้นิดหน่อยยยย
จะทำการเช็คอินพร้อมกับแนะนำส่วนต่างๆ ของในห้องพักให้
Lady in Red ที่ Siam Kempinski Hotel Bangkok มีด้วยกันทั้งหมด 5 ท่านครับและมี Gentleman in Red อีก 1 ท่าน จะทำหน้าที่คล้ายกับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ของโรงแรม ซึ่งจะมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น มองไปทางไหนก็จะเห็นเพราะชุดสีเริ่ดมาก
Lady in Red จะเป็นตัวแทนสื่อถึงความเอาใจใส่ การบริการที่เป็นเลิศและความปราณีต สามารถดูแลและตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักได้อย่างครบถ้วน
ภายในห้องพักของผมจะโซนโต๊ะทำงานวางเด่นอยู่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ต้องใช้ในการติดต่อประสานงาน เจรจาธุรกิจ
เป็นมุมที่ประดับตกแต่งได้อย่างสวยงาม เรียบง่าย สื่อสารความเป็นไทยด้วยงานประติมากรรม พวก ไหโบราณ แจกันทรงไทยโมเดิร์น
ส่วนตู้ด้านซ้ายของในรูป สามารถจัดเก็บสัมภาระไว้ได้ครับ
ทั่วทั้งโรงแรมจะประดับประดาด้วยงานศิลปะที่เป็นมาสเตอร์พีซของศิลปินชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อมอบให้ประดับในโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok เท่านั้น
เดินเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอนซึ่งกว้างขวางมาก เตียงใหญ่และนุ่มมาก จนอยากทิ้งตัวนอนลงในทันที ผมชอบคอนเซปต์ของการบริการช่วงเทิร์นดาวน์ครับ นอกจากแม่บ้านจะนำน้ำเปล่ามาวางไว้ให้ที่หัวเตียงแล้ว ยังวางปลาตะเพียน เอาไว้กล่อมนอนแบบไทยๆ อีกด้วย
เก๋ดีอ่ะ
นอกจากนั้น ยังวางเซ็ทสปาเท้า มีสมุนไพรกลิ่นหอมๆ พร้อมน้ำอุ่นในกาน้ำที่เตรียมไว้ให้เรียบร้อย เพื่อให้เราได้แช่เท้าก่อนเข้านอน จะได้หลับสบายครับ
ดูจะใส่ใจในรายละเอียดมากเกินไปแล้วนะ
ห้องน้ำด้านในสุด เป็นโซนที่กานต์ชอบมากครับ เพราะว่าตกแต่งได้หรูหรา เป็นคนที่แพ้หินอ่อนลายขาวๆ ดำๆ เห็นที่ได้ใจต้องว๊าวทุกที
ถ้าเป็นห้อง Garden Suite เราสามารถขึ้นจากสระแล้วเดินเข้าห้องน้ำได้ทันที ถือว่าสะดวกมาก
ภายในห้องน้ำจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีการแยกอ่างล้างหน้าแบบ His & Her
แยกส่วน Shower กับ Bathtub พร้อมประดับด้วยแจกันทรงเก๋ไว้ตามคอนเซปต์
Signature Shot อีกมุมที่ต้องมาถ่าย คือโถงบันไดวนของห้องบอลรูมครับ ยิ่งถ้าแสงสวยๆ แล้วล่ะก็ … รูปออกมาจะโดนใจมากครับ
Suit & Pants by Blaack Thailand
Afternoon Tea ก็ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ครับ เพราะเต็มเกือบทุกวัน แนะนำให้จองล่วงหน้า
ขนมที่เสิร์ฟมีทั้งคาวและหวานครับ ของคาวที่น่าสนใจมีแซลม่อนรมควัน แต่ที่ชอบมากคือสโคน ทานกับแยมราสเบอรี่แบบโฮมเมด Choux 3 อย่างก็อร่อย
เชฟ Franck Istel น่ารักมาก เดินมาแนะนำขนมด้วยตัวเอง
ชาที่ผมเลือกเป็น สยามฮาโมนี (Siam Harmony China Summer) ชาเขียวจากจีนที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อน ที่มีกลิ่นหอมของผลไม้หลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ กีวี ทานแล้วสดชื่นดีครับ
ในช่วงทาน Afternoon Tea จะมี live บรรเลงเพลงสดๆ โดย มาดาม หวัง ให้เราฟังเพลินๆ ด้วยครับ
“เคมปินสกี้” เป็นเชนโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป นับถึงปีนี้ก็มีอายุ 123 ปีเข้าไปแล้วครับ ตั้งอยู่ 75 ประเทศทั่วโลก
เอกลักษณ์คือความหรูหรา ตั้งแต่การออกแบบ ดีไซน์ โรงแรมที่ตั้งอยู่ในแต่ละประเทศจะถูกออกแบบและตกแต่งด้วยมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันโดดเด่นของประเทศนั้นที่ตั้งอยู่ โดยมีจุดมุ่งหมายคือต้องการเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเดนเหนือระดับกว่าที่อื่นใด โดยยังคงรักษาความสมดุลของสภาพทางภูมิศาสตร์ของเมืองและสถานที่นั้นๆ
ที่สำคัญคือความเพรียบพร้อมไปด้วยการบริการที่เหนือระดับ มีไมตรีจิตในการต้อนรับด้วยความหรูหราในแบบที่ไม่เหมือนใคร บริการที่แตกต่างได้อย่างน่าประทับใจ
ภาพนี้ถ้าไม่บอกคงนึกว่าผมนั่งอยู่ใน Coffee Shop ของโรงแรมที่ไหนสักแห่งในฝรั่งเศสแน่ๆ
If this is coffee, please bring me some tea; but if this is tea, please bring me some coffee.
– Abraham Lincoln –
Suit by Blaack Thailand
Rotunda เป็น Pool Bar ของที่นี่ครับ ถ้าใครใช้โปร Daycation ผมว่าเหมาะมาก เพราะนอกจากจะได้พักผ่อนแล้วยังได้เครดิตอีก 1,000 บาท ไว้ทานอาหารที่นี่ด้วย สามารถสั่งไปทานที่ Cabana หรือที่ Day Bed ระหว่างเล่นน้ำก็ได้ครับ
มีเครื่องดื่มที่เป็น Signature อยู่หลายตัว
บอกแล้วว่า มาพักผ่อนที่ใจกลางกรุงเทพ ก็สามารถมีรูปโปรไฟล์สวยๆ และเอาไว้อัพลง IG ได้เหมือนกัน ดังนั้น ควรเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนกันหลายๆ ชุดครับ
Suit by Blaack Thailand
มุมต้นไม้แบบญาญ่า ก็มีนะ
พักผ่อนเล่นน้ำปล่อยให้ลอยไปเรื่อยๆ ก็เพลินดีครับ ที่นี่มีสระว่ายน้ำแบบฟรีฟอร์มมากถึง 5 สระล้อมรอบตึก สลับกับการมีต้นไม้สีเขียวเยอะมาก จึงให้บรรยากาศเหมือนพักผ่อนจริงๆ แบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล
Siam Kempinski Hotel Bangkok เรียกได้ว่าเป็น Secret Garden สวนลับใจกลางกรุงเทพได้เลย ใครไม่เคยแนะนำว่าให้มาครับ
ในช่วงวันหยุดสั้นๆ หลังทำงานมาเหนื่อยๆ หากต้องการการพักผ่อน มานอนสูดอากาศกลางสวนเขียวๆ นอนชิลริมสระว่ายน้ำสบาย ก็ช่างผ่อนคลายได้ดีเหลือเกินแล้วครับ
มื้อค่ำ กานต์ทานที่ห้องอาหาร ALATi ซึ่งเป็นห้องอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งทำให้นึกถึงตอนที่ไปเที่ยวโมรอคโคครับ
ที่นี่เป็นครัวเปิดเชฟจะทำอาหารให้เราเห็นกันทำให้ได้บรรยากาศที่เป็นกันเองมาก
เมื่อมาถึง ทางห้องอาหารจะเสิร์ฟเซตขนมปังโฮมเมดพร้อมกับ “น้ำมันมะกอก” และ “เกลือ” ซึ่งเป็น Signature น้ำมันมะกอกของที่นี่จะนำเข้าจาก 4 ประเทศ ด้วยกัน คือ อิตาลี สเปน ตุรกี และฝรั่งเศส
จากนั้น เราลองสั่งอาหารเมดิเตเรเนียนมาทานหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น “Pide” เป็นอาหารตุรกีที่เหมือนพิซซ่า ปรุงรสด้วย Black Truffle and Cheese
“Muhammara” มีพระเอกคือ Burrata หรือชีสสด ท๊อปบนวอลนัท ราดด้วย น้ำมันมะกอก และไซรัปทับทิม
และยังมีปลาแมคเคอเรล อบมาในซอสมะเขือเทศรสชาติเด็ดดวงมาก
ถ้าใครไม่รีบนอนอยากลองกาแฟตุรกีก็สั่งได้ครับ มีความหอม เข้มข้นดี
หนุมานบาร์ เป็นล็อบบี้บาร์ของโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok ที่เปิดให้บริการทั้งแขกและสำหรับคนทั่วไป
ใครที่เดินช็อปปิ้งที่สยาม พารากอนจนเหนื่อย ก็สามารถเข้ามานั่งพักจิบน้ำชา กาแฟ หรือทานอาฟเตอร์นูนที ได้
นอกจากนี้ยังเป็นบาร์ที่มีบริการเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ด้วยครับ เปิดทุกวันจนถึงตีหนึ่ง
บรรยากาศตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน เปิดประตูตรงห้องนอนที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เดาไม่ถูกเลยว่านี่เราอยู่กรุงเทพ หรือริมทะเลที่ไหน
ให้ฟีลลิ่งของการพักผ่อนได้ดีมากครับ
อาหารเช้าแบบ In room Service ก็มีให้เลือกหลากหลายจากห้องอาหาร ALATI ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักในตอนนี้ ครับ แจ้งได้เลยว่าเราอยากทานอะไรบ้าง จากนั้นนัดแนะเวลาให้ดี ที่นี่เสิร์ฟตรงเวลาเป๊ะ
หรือหากอยากจะไปทานมื้อเช้าแบบสบายๆ ที่ ALATi ก็มีความจัดเต็มมาก จะเน้นเป็น A La Carte ที่สั่งได้ไม่อั้น เพื่อเป็นไปตามมาตรการ Social Distancing พร้อมกับการเสิร์ฟแชมเปญ ที่เป็น Signature ของ Siam Kempinski Hotel Bangkok
อาหารน่าทานมากครับ ขนาดอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ยังต้องรีบวาง
ทีมเชฟน่ารักมาก ทำแก้วมังกรผลไม้แบบไทยๆ มาทำเวอร์ชั่นพิเศษมาให้ พร้อมกับเขียนคำอวยพร
ALATi – “อลาตี้” เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining ที่เปิดให้บริการในตอนนี้ (สระบัวก็กำลังเปิดแล้วครับแต่เป็น Fine Dining) เราสามารถมาทานอาหารเช้าที่นี่ได้เช่นกัน
แต่ผมทานที่ ALATi ทั้ง 3 มื้อเลยครับ เช้า-กลางวัน-เย็น
จริงๆ แล้ว ALATi เป็นห้องอาหารใหม่สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน มาจากภาษากรีกที่มีความหมายว่า “เกลือ” ซึ่งเป็นเครื่องปรุงหลักที่ใช้ในการปรุงอาหารของทั่วโลก ในอดีตเกลือถือเป็นสินค้ามีมูลค่าในการค้าขายที่มีการขนส่งกันทางเรือผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Executive Chef คาร์โล วาเลนเซียโน ซึ่งเป็นชาวอิตาเลียนจึงได้แรงบันดาลใจในการรังสรรค์ห้องอาหารคอนเซปท์ใหม่ ที่ได้มาจากการท่องเที่ยวที่ผสมผสานรูปแบบอาหารของแต่ละประเทศในแถบนั้น นำเสนออาหารในสไตล์ใหม่ที่หาทานได้ยาก แต่รับรองว่าถูกปากคนไทย
และเกลือที่นำมาใช้เป็นเครื่องปรุงของ ALATi ก็นำเข้ามาจากหลายที่ทั่วโลก
“ริเวียร่า ซัน-เดย์ บรั้นช์” (Riviera Sunday Brunch) เป็นชื่อเมนูอาหารมื้อสายวันอาทิตย์ของที่นี่ ซึ่งจะเริ่มต้นมื้ออร่อยด้วยเซตเมนูซีฟู้ด แพลตเตอร์ (seafood platter) ประกอบด้วย กุ้งล็อบสเตอร์สดนำเข้าจากแคนาดา ก้ามปูหิมะ กุ้งขาว หอยแมลงภู่และหอยนางรมฝรั่งเศส
เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียวก่อนที่เราจะเข้าสู่มื้ออาหารจานหลักที่มีให้เลือกเยอะมาก
Riviera Sunday Brunch ห้องอาหาร ALATi ให้บริการทุกวันอาทิตย์เวลา 12:30 น. ถึง 16:00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร 02 162 9000 หรืออีเมล์ dining.siambangkok@kempinski.com
อาหารคาวหวาน เสิร์ฟไม่อั้นจริงๆ ครับ สำหรับ Riviera Sunday Brunch ห้องอาหาร ALATi
อุตส่าห์ลดความอ้วนมาตั้งหลายวันต้องมาพ่ายให้กับซันเดย์ บรันช์ของที่นี่
ของหวานคือดีย์มาก ตอนนี้กำลังจะสถาปนาตัวเองเป็น FC ของเชฟแฟรงค์ อิสเทล เชฟขนมหวานของที่นี่ เพราะดีทุกตัว “ทีรามิสุ” คืออร่อย ครีมมี่มาก ทาร์ตเลมอนสุดคลาสสิกเสิร์ฟกับทอร์ชเมอแรงก์ก็หอมหวาน
น่าทานไปหมด จองโต๊ะเลยละกัน
Riviera Sunday Brunch ได้รวบรวมรสชาติความอร่อยจากหลากหลายภูมิภาคในเมดิเตอร์เรเนียน มาเสิร์ฟให้เราได้ทานกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์สเปน โมร็อคโค ฝรั่งเศส อิตาลี กรีซ ตุรกี หรือที่ เลบานอน เลือกกันไม่ถูกเลยครับ
ที่ชอบก็เห็นจะเป็น สเต๊กเนื้อวากิวราดซอสคาเฟ่ เดอ ปารีส มาพร้อมกับเครื่องเคียง หรือจะเป็นซี่โครงแกะเมอร์เรย์แลนด์อบกับโรสแมรี่ ราดด้วยเกรวี่ และครีมถั่วชิกพี ก็อร่อยดี
โอ๊ยย อิ่ม
เปลี่ยนโหมดแทบไม่ทัน ไปนวดกันบ้าง ที่ Kempinski The Spa ของ Siam Kempinski Hotel Bangkok ติด Top 5 สปาในดวงใจของผมเลยครับ
Kempinski The Spa ใช้ภูมิปัญญาการนวดแบบผสมผสานทั้งตะวันออกและตะวันตก อโรม่าที่ใช้มีให้เลือกหลากหลาย ล้วนมาจากธรรมชาติ พืชพันธุ์ ดอกไม้และสมุนไพรในการบำบัดทั้งหมด
แบ่งโปรแรมออกเป็นตามฤดูกาลครับ ผมเลือกเป็น Autumn Sleep – Relaxing เพื่อให้ผ่อนคลายโดยเฉพาะความเครียดจากการทำงาน
น้องคนที่เป็นเทอราพิส มีความรู้เรื่องศาสตร์ทางกายภาพดีมาก ซึ่งเป็นคอนเซปต์ของสปาที่นี่ว่าจะต้องประเมินร่างกายของเราอย่างละเอียด จะได้แก้จุดติดขัด จุดปวดเมื่อยได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เราสบายตัวและผ่อนคลายที่สุด เน้นการฟื้นฟูผลอันทรงพลังของธรรมชาติ การคืนความสมดุลภายใน
จากนั้น เมื่อนวดเสร็จก็มาแช่อ่างเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ห้อง Relaxation บรรยากาศโล่งสบาย พักผ่อนหย่อนใจ ปรับสมดุลหลังการนวดครับ
#โดยสรุปSiam Kempinski Hotel Bangkok เป็นโรงแรมที่ดีแต่ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะมาตรฐานของเชนนี้คือสูงอยู่แล้วทั้งโลก เป็นโรงแรมที่วางคอนเซปต์เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเข้าพักของแขก ดังนั้น ทำเลที่ตั้งในทั่วโลกจึงแตกต่างอย่างมีระดับ
ช่วงนี้มีโปรออกมามากมายเลยครับ อยากแนะนำสำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก แต่อยากพักผ่อน อย่างราคาห้องดีลักซ์ (Deluxe Room) เริ่มต้นแค่ 5,555 บาท ต่อคืนเท่านั้น หรือหากใครอยากมา Rotunda Daycation ก็ราคา 1,599 บาท เน็ตแล้วครับ สามารถใช้สระว่ายน้ำ เข้าคิดส์คลับ ใช้ฟิตเนสได้ แถมยังได้เครดิตคืนอีก 1,000 บาทเอาไว้สั่งอาหารทานได้
น่าจะเป็นโอกาสเดียวละมั้งที่โรงแรมดังระดับโลกอย่างเคมปินสกี้จะทำโปรโมชั่นราคาได้ดีขนาดนี้