แต่ละครั้งที่กานต์ไปเที่ยวกรุงเบอร์ลินของเยอรมัน จะเห็นว่าเมืองมีการพัฒนาอยู่เสมอ สะท้อนถึงวิถีคิดของผู้คนและวัฒนธรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกสิ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งศิลปะ การตกแต่งภายใน และแฟชั่นซึ่งมีมานานหลายศตวรรษและครอบคลุมสไตล์ที่หลากหลาย
.
ย้อนกลับไปดูพัฒนาการของสถาปัตยกรรม ตั้งแต่ยุคแรกของเบอร์ลิน มาในรูปแบบ Gothic และ Renaissance โชว์รายละเอียดการตกแต่งที่หรูหราซับซ้อน สะท้อนความยิ่งใหญ่ของเบอร์ลิน
.
เมื่อกลายเป็นมหาอำนาจสำคัญของยุโรป สถาปัตยกรรม Baroque และ Neo-Classical ก็เจริญรุ่งเรือง หนึ่งในนั้นคือ วิลล่า Haus Fromberg เป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมยุคนั้น
.
Haus Fromberg เป็นวิลล่าอันงดงามที่ตั้งอยู่ในย่าน Kurfürstenstraße สร้างขึ้นในปี 1985 เป็นข้อพิสูจน์ถึงความฉลาดทางสถาปัตยกรรมของ Wilhelm Albert Cremer ภายใต้แนวคิด “Anyone Can Build, But Building Beatifully Is Art”
.
Haus Fromberg ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถันเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจว่า สถาปัตยกรรมสามารถยืนอยู่ได้เหนือกาลเวลา (Timeless) และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบทั่วโลก
.
เช่นเดียวกับบรรยากาศภายในโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 ที่มีกลิ่นอายในการออกแบบมาจาก Haus Fromberg โดยหยิบเอาเอกลักษณ์ดั้งเดิมแบบ Berlin มาเป็นแกน ผ่านการออกแบบให้ดูร่วมสมัย ลดทอนรายละเอียดลงด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เลือกใช้สีแบบ Monochrome อันช่วยขับเน้นให้สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่โอบล้อม Clubhouse อยู่ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
.
จุดเด่นของสไตล์ Berlin คือการนำเสนอเส้นสายของการออกแบบที่ดูปราดเปรียว ตกแต่งเพียงเล็กน้อยทว่าสามารถเพิ่มความหรูหราได้ชัดแจ้ง นำเสนอความ Elegance Aesthetic ออกมา ซึ่งปรากฎอยู่ในบ้านตัวอย่างที่เน้นความยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยความเป็นบ้านเดี่ยวที่ดินใหญ่ขนาด 100 ตร.วา ขึ้นไปพร้อม Pocket Garden รอบบ้าน
.
ส่วนงาน Interior กานต์มองว่าสถาปนิกตั้งใจจะเน้นให้เกิดความโปร่งโล่งแบบ Translucent Design เพื่อให้เกิดสุนทรียแห่งการอยู่อาศัย ใช้หลักคิด Bauhaus ที่คลาสสิคและร่วมสมัยมาตั้งแต่ปี 1925 เป็นปรัชญาแห่งงานศิลปะต้นแบบของงาน Modern Style ที่ดูเรียบง่าย ชัดเจน ทว่ามีความตรงไปตรงมาด้วยการลดทอนองค์ประกอบต่าง ๆ ออกเหลือไป เหลือไว้แต่ส่วนสำคัญของงานสื่อสารออกมาอย่างเรียบหรูโก้ เน้นฟังก์ชันในการพักอาศัยจริง
.
ต้องยอมรับเลยว่า คนออกแบบเข้าใจฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่ายและลดทอนรายละเอียดบางอย่างออกไปและเติมฟังก์ชันบางอย่างเข้ามาโดยไม่ให้ดูเป็นการยัดเยียด จนรู้สึกถึงความปรุงแต่งที่เกินพอดีแบบนี้ กานต์ว่านี่คือเสน่ห์ที่แท้จริงของโครงการนี้
.
ติดตามอ่านเรื่องราวของโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 พร้อมภาพถ่ายที่กานต์นำมาฝากกันต่อด้านในได้เลยครับ
.
สนใจดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1685 หรือ http://siri.ly/RMXrJUA
..
ทันทีที่เข้าไปภายในโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 เราสามารถสัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์ในการพักอาศัยด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 8 ไร่ โดยมีไฮไลท์คืออาคาร Clubhouse ที่มีดีไซน์ในแบบ Berlin Style โครงการได้ออกแบบให้มีระยะถอยร่นจากถนนหลักมากพอสมควร จัดทำเป็นสวนด้านหน้าและมีแนวต้นไม้ใหญ่คอยเป็น Buffer ช่วยป้องกันเสียงได้ดีทีเดียวครับ เมื่อขับรถเข้ามาในโครงการเราจึงแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถราที่วิ่งอยู่ข้างนอกเลยครับ
.
โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 ตั้งอยู่บนถนนบางแวก ขนาดที่ดินโครงการอยู่ที่ 74-3-14.99 ไร่ จำนวน 136 ยูนิต จะสังเกตได้ว่าเมื่อเทียบจำนวนบ้านกับเนื้อที่ของโครงการโดยรวมแล้ว ถือว่ามีจำนวนยูนิตไม่มาก บ้านทุกหลังจึงนำเสนอจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยได้เป็นอย่างดีท่ามกลางสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพครับ
โดยรอบโครงการเป็นย่านที่พักอาศัยทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะกับการพัฒนาเป็นโครงการบ้านหรูที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนกาญจนาภิเษกได้อย่างสะดวก และมุ่งสู่ถนนหลักหลายสายได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ถนนพระเทพตัดใหม่ ถนนบรมราชชนนี ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม และมีทางด่วนศรีรัช ด่านตลิ่งชัน ไปทางพุทธมณฑล – สาย 1 ที่อยู่ไม่ไกล ตลอดจนสะดวกสำหรับใครที่ต้องการใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สถานีภาษีเจริญ และรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า
ในส่วนของทำเลนี้ต้องบอกว่ากานต์เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เพราะพักอาศัยอยู่ในโซนจรัญสนิทวงศ์ ราชพฤกษ์มานานกว่า 15 ปี การมาเยี่ยมชมโครงการในครั้งนี้ ถ้าขับตรงมาจากสาทร สามารถเกาะมาตามแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวได้เลยครับ จนเลยสถานีบางหว้ามาเล็กน้อย ให้เราเลี้ยวซ้ายที่แยกบางแวก จากนั้นก็ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านถนนพุทธมณฑล สาย 1 จนมาถึงโครงการ ผมว่าค่อนข้างสะดวกสำหรับการเข้าสู่ย่าน CBD สีลม-สาทร ถ้ารถไม่ติดก็จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที* หรือจะตรงผ่านถนนบางแวกไปยังศิริราช หรือออกไปทางวงแหวนกาญจนาภิเษกก็สะดวกครับ
ระหว่างที่ขับรถมาก็สังเกตดูรอบๆ โครงการรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบและครบทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ฟู้ดวิลล่า ราชพฤกษ์ เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษกเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เดอะมอลล์ บางแค เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เป็นต้น
ใกล้สถานศึกษาชั้นนำหลายแห่ง อาทิ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ Kensington โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ดับเบิ้ลทรี ราชพฤกษ์ โรงเรียนนานาชาติ บริติชโคลัมเบีย ถนนกัลปพฤกษ์ โรงเรียนเด่นหล้า พระราม5 และมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น
ทำเลนี้ยังแวดล้อมด้วยสถานพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค ฯลฯ
ด้านหน้าโครงการมีวงเวียนน้ำพุที่ประดับงานประติมากรรม ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเทพีไนกี้ (Nike) ซึ่งเป็นเทพปกรณัมกรีก ถ้าใครเคยไป Victory Column น่าจะเคยเห็น หรือบนยอดประตู Brandenburger สัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน เป็นรูปราชรถของ Victoria เทพแห่งชัยชนะ เป็นนัยยะเพื่อบ่งบอกถึงชัยชนะและความสำเร็จทุกประการของผู้ที่ครอบครองบ้านแต่ละหลัง แต่ที่โครงการนี้จะไม่มีม้านะครับโดยตัดทอนให้ดูเรียบง่ายและมีความโมเดิร์นขึ้นไม่ได้เหมือนต้นฉบับไปเสียทีเดียว ส่วนฐานด้านล่างประดับน้ำพุปากแตร ที่สื่อความหมายถึงความรุ่งโรจน์และชัยชนะเช่นกัน
Main Gate ขนาดใหญ่ ดีไซน์ให้ดูหนักแน่นคล้ายเหล็กสีดำ ตัดกับสีขาวของกำแพง แบ่งทางเข้าออกเป็น 2 ฝั่งพร้อมระบบรักษาความปลอดภัย โดยใช้ระบบประตูรางเลื่อนเปิดปิด ด้านหน้าประดับประดาด้วยสวนหย่อม ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูรั้วให้เราได้เข้าไปสู่ด้านในของโครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 ทำให้กานต์ได้รู้ถึงนิยามความหมายของคำว่าหรูหรา ที่ไม่จำเป็นจะต้องประโคมแต่งด้วยลวดลายวิจิตรพิสดารตระการตา หรือว่าประดับเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ชุดใหญ่ แขวนแชนเดอร์เลียร์สุดอลังการ แต่กลับเป็นความสุขใจที่ได้อยู่ใต้ร่มไม้ต้นไม้น้อยใหญ่
บริเวณพื้นที่รอบ Clubhouse สมทบด้วยไม้ดอก ไม้พุ่มที่ปลูกกระจายออกไป สนามหญ้าสีเขียวที่กว้างใหญ่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เพียงมีลมหนาวพัดมาปะทะใบหน้าเบา ๆ ทำให้เรารู้สึกเย็นกายสบายใจ นี่จึงเป็นความหมายแท้จริงของคำว่า “บ้าน” ที่เราปรารถนาสินะ
ด้านหน้า Clubhouse เป็นสระว่ายน้ำพร้อมระบบน้ำล้นที่ไหลลงมาเป็นน้ำตก ได้ยินเสียงสายน้ำตกกระทบแล้วรู้สึกเย็นกาย สบายใจจัง
ที่น่าสนใจคือประติมากรรมสิงโตมีปีก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Lion with the Genius of Music ณ Concert Hall Konzerthaus เมือง Berlin โดยการตัดทอนรายละเอียดให้ดูทันสมัยมากขึ้น วางในตําแหน่งจุดกึ่งกลางของน้ําตก เพื่อสื่อถึงคาแรกเตอร์ของ Berlin และสร้าง Eye Ball ให้กับลูกบ้านที่มาใช้บริการ แขกที่ผ่านไปมา เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยมากๆ ครับ
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการรวมกว่า 8 ไร่ ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก โดยจะให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียวครับ ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอกและต้นไม้ใหญ่ มีสนามหญ้าเหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว เราสามารถพาน้องหมามาเดินเล่นบริเวณสวนได้ เป็นงานออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ทำให้ได้ฟีลลิ่งของ Organic Architecture มากขึ้น รู้สึกสบายใจดีมากครับ
รอบ Clubhouse ปลูกต้นไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นฟอร์มเด่นสลับกันไปเพื่อให้เกิดร่มเงาและร่มรื่น เป็นการนำเอาศิลปะจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรม เราจึงได้เห็นเงาของใบไม้ พาดขวางอยู่กับกำแพง เกิดเป็นลวดลาย หรือสาดแสงเงาเข้าไปภายในบ้านทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
กานต์ชอบรายละเอียดของความโมเดิร์นที่ซ่อนไว้ในการออกแบบ Clubhouse เป็นคอนเซปต์ที่เรียกว่า Berlin Style คือการเลือกใช้สีออก Monochrome สีเทา สีดำ สีขาว สีเบจ ขับความเข้มของเส้นสายด้วยวัสดุที่เป็นเหล็กและโลหะ มีความโดดเด่นด้วยสีขาวที่ถูกตัดด้วยเส้นขอบสีดำ (White House with Black Trim) กระเบื้องผนังและเสาสีเข้มที่หนักแน่น ทำให้ดูแข็งแรง มั่นคง ก่อนจะเติมความโปร่งสบายให้ตัวบ้านด้วยกระจกรายรอบทำให้ภาพรวมของอาคารมีความแข็งแกร่งและสง่างาม (Strong and Beautiful)
แต่ที่ผมว่าน่าสนใจคือลวดลายของเส้นสายเหลี่ยมมุมที่เกิดจากการตกกระทบของแสงทำให้ในแต่ละชั่วโมง ทำให้ Clubhouse ดูสวยไม่ซ้ำกันตามทิศทางของแดด ช่วยเพิ่มมิติที่น่าสนใจให้กับการอยู่อาศัยได้ดีมากครับ
ภายใน Clubhouse เต็มไปด้วย Facilities ที่ครบครันและเพียงพอต่อการใช้งานของทุกครอบครัวแน่นอน
เริ่มจากด้านในของชั้นล่างที่เป็น Lobby Lounge ออกแบบให้เป็นห้องที่มีโถงเพดานสูงแบบ Double Volume ช่วยให้ดูโปร่ง นั่งพักผ่อนได้สบายตลอดทั้งวัน
ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง จัดวางที่นั่งไว้หลากหลายมุม ด้านหน้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์วินเทจ วัสดุเป็นหนังกลับสีโรสต์โกลด์ ทริมขอบด้วยสีส้มสดใสดูเก๋ดี และยังเข้ากันดีกับชุดโต๊ะเก้าอี้ที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน พร้อมโคมไฟผ้าสีดำวางประดับเอาไว้ ภาพรวมของดีไซน์มีความเรียบหรูดี
ผนังโดยรอบกรุด้วยโครงเหล็กที่ประดับด้วยกระจกใส ช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้ผู้ใช้งานพื้นที่ส่วนนี้มองเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำภายนอกได้อย่างชัดเจน
ส่วนอีกฝั่งบริเวณทางขึ้นบันได ก็จัดให้มีมุมโต๊ะเก้าอี้จัดทำเป็นที่นั่งกระจายกันไปเช่นกัน ทำให้เราสามารถเลือกใช้บริการได้ตามใจและไม่รู้สึกแออัดจนเกินไป
“Do something nice for yourself today. Find some quiet, sit in stillness, breathe. Put your problems on pause. You deserve a break.”
― Akiroq Brost
Kid’s Room เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กๆ สำหรับพักผ่อนทำกิจกรรม ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสสมวัย โดยทางโครงการได้จัดเตรียมของเล่นเสริมพัฒนาการ นิทานสำหรับเด็ก จัดวางโต๊ะสำหรับดูไอแพด ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรือต่อเลโก้ร่วมกับเพื่อนๆ วางกระจายกันไปในหลายมุม เด็กๆ น่าจะชอบห้องนี้กันมาก
Kid’s Room มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ภายในห้องออกแบบให้เป็นห้องกระจก มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาเพื่อให้ดูปลอดโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดครับ
Kid’s Room อีกหนึ่งห้องที่เราชอบและดูเหมือนว่าโครงการนี้จะให้น้ำหนักกับการออกแบบ
ประสบการณ์ใหม่และความสนุกสนานนอกห้องเรียนของเด็กๆ มากเป็นพิเศษซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ตลอดจนหลักการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการเล่นเป็นสำคัญ
อีกมุมที่ผมชอบคือโถงบันไดภายใน Clubhouse เพื่อขึ้นไปสู่ชั้นบนครับ ขนาดค่อนข้างกว้าง เปิดพื้นที่ว่างค่อนข้างเยอะ มีช่องแสงจากกระจกใสภายนอกส่องเข้ามา ทำให้มุมนี้ดูโอ่โถงโอ่อ่าตามแบบฉบับเยอรมัน
ด้วยความที่ Clubhouse อยู่ด้านหน้าโครงการ ทำให้มีข้อดีคือเราสามารถทำนัดหมายกับแขกทั่วไปที่มารอพบได้ที่ Lobby Lounge & Guest Area ของสโมสรส่วนกลางได้เลยครับ โดยที่ไม่ต้องเชิญเข้าบ้าน เพื่อความเป็นส่วนตัวของเราและเพื่อนบ้าน
ชั้นบนมี Co-Working Space ดีไซน์เก๋ มีทั้งพื้นที่นั่งเล่นด้านหน้าห้องและที่นั่งด้านใน ค่อนข้างว้างขวาง โอ่โถง เช่นกัน โครงการจัดวางชุดโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ สำหรับนั่งทำงานส่วนตัวหรือนั่งประชุมก็ได้ครับ
ส่วนใครที่เป็นสายเวิร์คเอ้าท์ ชอบออกกำลังกาย ที่โครงการก็จัดให้มีห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน เป็นบรรยากาศแบบโปร่งสบาย ออกกำลังกายได้ไม่อึดอัด จัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ครบครันทั้งแบบ Cardio, Free Weight และ Machine ติดตั้งลู่วิ่งสำหรับคาดิโอ จักรยานไฟฟ้าและเครื่อง Elliptical กระจายกันไปรอบห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยตามมาตรการเว้นระยะห่าง สามารถเช็คลีลาท่าทางการออกกำลังกายได้จากกระจกเงาที่ติดไว้ด้านใน
ผนังห้องรายล้อมด้วยกระจกเขียวตัดแสงแบบ Full Height เปิดรับวิวจากภายนอกรู้สึกเลยว่าโล่งสบาย ภายในตกแต่งสวย ในบรรยากาศของวิวสวนสีเขียวเบื้องหน้า ผมว่าเป็นมุมออกกำลังกายที่เติม Energy ได้ดีมาก ถ้ารู้สึกเหนื่อยๆ ก็แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง เพียงเท่านี้ก็ได้ Reboost ตัวเองขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าได้ระดับหนึ่งแล้วครับ
ด้านนอกของ Clubhouse โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกับอาคารสโมสร เป็นสระว่ายน้ำแบบกึ่งกลางแจ้ง (Semi-Outdoor) แยกสระสำหรับเด็กเอาไว้
บริเวณรอบนอกของสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกับน้ำตกและมีสนามหญ้า โครงการปลูกต้นไม้และไม้พุ่มเอาไว้เพื่อช่วยบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้บริการสระว่ายน้ำ ที่สำคัญช่วยให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นมากยิ่งขึ้น ว่ายน้ำออกกำลังกายได้นานแล้วยังรู้สึกเฟรชอยู่ตลอดเวลา
ในส่วนของการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ค่อนข้างคำนึงถึงการอยู่อาศัยที่หลากหลาย ทั้งเพศ วัยและความจำเป็นในการใช้ชีวิต เพราะนอกจากมีสนามเด็กเล่นแล้ว ยังมีมุมนั่งเล่นเป็นเก้าอี้เหล็กสำหรับนั่งพักเหนื่อย นั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ ส่วนด้านในสุดเป็น Garden Pavilion สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือหรือจิบชากาแฟยามบ่าย
ส่วนตัวกานต์ว่าบรรยากาศของสวนค่อนข้างร่มรื่น เชิญชวนให้หยิบหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารเล่มโปรดติดมือมาอ่านด้วย นั่งสักพักก็มีลมพัดเย็นสบายดี ในอนาคตถ้าต้นไม้โตเต็มที่ ยิ่งช่วยเพิ่มอ๊อกซิเจนเข้าไปอีก
โครงการจัดให้มี Playground เพื่อกระตุ้นให้ลูกบ้านตัวเล็กได้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสกับธรรมชาตินอกบ้านบ้าง เน้นให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ชวนกันออกไปรับวิตามินดีในวันที่อากาศเป็นใจ มีสนามเด็กเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่พร้อมสไลเดอร์ พื้นติดตั้งเป็นยางกันกระแทกเพื่อป้องกันอันตราย ตลอดจนมีสะพาน เนินยาง ลานวิ่งสำหรับให้เด็กๆ ได้มาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่อีกด้วยครับ
สวนอีกฝั่งเรียกว่า Sansiri Backyard ซึ่งเป็นสวนผักกินได้ที่เป็นกิมมิคที่แสนสิริตั้งใจทำให้ลูกบ้านในทุกโครงการ มีทั้งต้นกะเพรา โหระพา ตะไคร้ โรสแมรี่ ฯลฯ เพื่อให้เราสามารถเด็ดไปใช้ในการประกอบอาหารภายในบ้านได้ เป็นรายละเอียดเล็กๆ ทว่ายิ่งใหญ่ในความรู้สึกมากครับ
พื้นที่ส่วนกลางขนาด 8 ไร่ กระจายไปกว่า 20 จุดถือว่าใหญ่และเกินพอสำหรับลูกบ้านโครงการที่มีเพียง 136 หลัง นับว่าเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 ได้สร้างสังคมแห่งการอยู่อาศัยร่วมกันที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก
จาก Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลาง เราพาเดินไปชมบ้านตัวอย่างกันต่อครับ
โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 ออกแบบ Exterior ได้ดูโมเดิร์นดีมาก เลือกใช้โทนสีขาวมุกกับสีเทาไล่เฉดไปจนถึงเข้มเกือบเป็นสีดำทำให้บ้านดูเรียบหรูโก้ จุดเด่นเลยก็คือเป็นบ้านที่มีขนาดที่ดินใหญ่ ออกแบบให้ใช้สอยได้เต็มพื้นที่
โครงการมีรูปแบบบ้าน มีให้เลือก 4 Type เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นทั้งหมด ได้แก่
-แบบ Behrens ที่ดิน 100 ตร.ว. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ รวมพื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม.
-แบบ Gropius ที่ดิน 110 ตร.ว. แบบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ รวมพื้นที่ใช้สอย 340 ตร.ม.
-แบบ Neufert ที่ดิน 130 ตร.ว. แบบ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ รวมพื้นที่ใช้สอย 428 ตร.ม.
ส่วนแบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในครั้งนี้คือ Schinkel ที่ดิน 136.5 ตร.ว. แบบ 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พร้อมห้องรับแขก และ Family Area บนชั้น 2 จอดรถได้ 4 คัน มีห้องแม่บ้านด้านหลังบ้านที่อยู่ติดกับห้องครัวไทย พื้นที่ว่างหลังบ้านขนาด 3×5 เมตร สามารถออกแบบเป็นสวนสำหรับพักผ่อนหรือติดตั้งสระว่ายน้ำในบ้านได้ รวมพื้นที่ใช้สอย 499 ตร.ม. บรรยากาศภายในบ้านค่อนข้างโฟลว์ด้วยทิศทางแสงและลม ทำให้รู้สึกเย็นสบายได้ตลอดทั้งวัน ท่ามกลางบรรยากาศของแมกไม้ที่พริ้วไหวเบาๆ ราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงแห่งความสุขให้กับเรา ทำให้ทุกวันกลายเป็นวันพิเศษเมื่อได้อยู่บ้าน
แบบบ้าน Schinkel สามารถจอดรถได้ 4 คัน โครงสร้างลานจอดรถลงเสาเข็มยาวมาให้จนถึงแนวเสาของตัวบ้าน พื้นเป็นแบบหินทรายล้างข้อดีคือดูมีความแข็งแรงและทำความสะอาดง่าย ในส่วนของผนังได้ติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่แยกจากระบบไฟของตัวบ้านเอาไว้ให้แล้วครับ นอกจากนี้ทางโครงการได้ออกแบบให้มีทางลาดขึ้นสู่พื้นต่างระดับเพื่อรองรับการใช้งานรถเข็น วีลแชร์ เป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design สามารถเข้าสู่ภายในตัวบ้านผ่านประตูรองด้านหลังได้เลยครับ ขณะที่ด้านใน Built-in ตู้เก็บของขนาดใหญ่ เช่น ถุงกอล์ฟ อุปกรณ์ทำสวน เอาไว้ให้แล้วเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ว่างด้านข้างบ้าน เป็น Back of House สำหรับใช้เดินอ้อมเข้าด้านหลังบ้านเพื่อเป็นทางเข้าออกสำหรับแม่บ้านไปยังพื้นที่ทำงานได้ โดยไม่ต้องผ่านพื้นที่พักอาศัยทำให้ได้เรื่องความเป็นส่วนตัว
ไฮไลท์ของบ้านคือการออกแบบให้มีโถงทางเข้ายกสูงแบบ Double Volume ความสูง 5.75 เมตร เชื่อมต่อกับ Living Area เราสามารถจัดวางตู้เก็บของไว้บริเวณด้านหน้า หรือว่าพื้นที่ว่างบริเวณโถงบันไดก็ได้เช่นกัน ทางโครงการติดตั้ง Digital Door Lock พร้อมสัญญาณกันขโมยในบ้านแบบ Magnetic ติดตามกรอบประตู วงกบหน้าต่าง มาให้แล้วเรียบร้อย
ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งในแบบ Berlin Style ที่เน้นความโมเดิร์นของเส้นสาย ลวดลายคิ้วบัว โคมไฟ ประดับผนัง เปิดช่องแสงรอบบ้านผ่านกระจกใสทำให้บ้านดูหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางรองรับการอยู่อาศัยได้หลายเจนเนอเรชั่น แต่ทั้งนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ เพราะภายในตัวบ้านเน้นการจัดวางฟังก์ชันให้เชื่อมต่อกันทุกพื้นที่ ในรูปแบบ Open Plan
อย่างเช่นบริเวณโซนหน้าบ้านจะมีห้องนอนชั้นล่าง สำหรับทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยมากขึ้นและได้เติมความสดชื่นจากสวนด้านหน้าและด้านข้าง
ออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งาน เช่น ตัวพื้นทางเดินจะเป็นแบบ Soft Floor ซึ่งจะมีความนุ่มนวลมากกว่าพื้นปกติ รอยต่อประตูห้องน้ำจะแบนราบไม่มีธรณีประตูทำให้เดินง่ายไม่สะดุดและรถวีลแชร์สามารถเข้าออกได้สะดวก
แต่หากบ้านไหนไม่มีความจำเป็น ก็สามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับทำงาน Home Office เป็นห้องดูหนังหรือห้องสำหรับไลฟ์สดขายของออนไลน์ก็เข้าท่าดีนะครับ
ด้านในจะพบกับ Common Area ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของบ้านเลยครับ มีขนาดใหญ่เชื่อมต่อการใช้งานบริเวณชั้นล่างเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นมุมรับแขก นั่งเล่นพักผ่อน จัดวางชุดโซฟาขนาด 6-8 ที่นั่ง
เราค่อนข้างชอบการตกแต่งมุมนี้เป็นพิเศษ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์ม ดูสบายตา เลือกสีโทนสดใสเข้ามาแซมเพื่อเพิ่มสีสันให้บ้านที่เป็นโทนขาว-ดำเสียส่วนใหญ่ ทำให้มุมนี้ของบ้านดู Cozy มากครับ เป็นมุมนั่งเล่นที่มีพื้นที่ใหญ่มาก สำหรับรองรับสมาชิกทุกคนภายในบ้านที่มีด้วยกันหลายเจนเนอเรชั่น จึงเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
ด้านในจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6-8 ที่นั่งได้อย่างลงตัว บ้านตัวอย่างจัดแต่งมุมนี้ได้เรียบหรูดี จริงๆ เราสามารถจัดเป็น Long Table ได้เลยครับ เพราะมีพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างขวาง สามารถวางโต๊ะยาวมาจนถึงประตูหน้าบ้านได้เลยทีเดียว
พื้นที่ชั้นล่างภายในบ้านแสดงถึงการเชื่อมต่อกันของฟังก์ชันแบบ Open Plan เป็นทั้งมุมรับประทานอาหารและสังสรรค์ เพราะมีทั้งมุมนั่งเล่นแบบโซฟาเล้าจน์เอาไว้นั่งจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลง ก่อนที่เราจะไปทานอาหารมื้อหลัก และยังมีมินิบาร์พร้อมแพนทรี ที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับเจ้าบ้านและแขก หรือแม้แต่คนในครอบครัวด้วยกันเอง ภายในตัวบ้านเน้นการจัดวางฟังก์ชันให้เชื่อมต่อกันทุกพื้นที่
นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับ Pocket Garden พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่หลังบ้าน พร้อมสระว่ายน้ำด้านนอก ซึ่งเราสามารถจัดพูลปาร์ตี้หรือย่างบาร์บีคิว สังสรรค์กันระหว่างสมาชิกในบ้านได้
เดินขึ้นบันไดมายังบนชั้น 2 เราจะพบกับ โถงทางเดินกว้างที่เชื่อมต่อทุกห้องนอนเข้าด้วยกัน
หัวใจหลักของชั้นบนคือโซน Family Area ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จัดวางชุดโฟซาขนาดใหญ่เอาไว้ได้เลย การตกแต่งภายในบ้านเลือกใช้สีพื้นฐานในการออกแบบและใช้รูปทรงฟรีฟอร์มของชุดโซฟานำมาทับซ้อนกันเป็นเลเยอร์ให้บ้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นแก่นของงานออกแบบสไตล์โมเดิร์นในยุคปัจจุบัน ผสานเข้ากับความคลาสสิคของคิ้วบัวประดับผนัง ตลอดจนผ้าม่านโปร่งสีขาวที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกเบาสบาย พริ้วไหวไปตามแรงลม ขณะที่เดย์เบดสีแดงทำให้รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่และร้อนแรง
พื้นที่ชั้นบนค่อนข้างโปร่งด้วยหน้าต่างรอบบ้าน ทำให้เปิดช่องแสงเข้าได้มากกว่าบ้านทีั่วไป ตอบโจทย์ของคนรักอิสระแต่มั่นคง สมกับความเป็นบ้านที่ออกแบบมาในสไตล์ Strong Modern
บริเวณนี้จะมีห้องนอนรองด้วยกันทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า หัวใจหลักของการออกแบบบ้านคือแนวคิดในการเปิดกว้างในการพักอาศัยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตกแต่งให้ทุกห้องเป็นห้องนอน อย่างเช่นห้องนอนรอง 4 ซึ่งอยู่ติดกับ Family Area ก็ได้ถูกออกแบบใหม่ให้กลายเป็นห้องทำงานที่มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว
ห้องนอนทุกห้องของบ้านจะเป็นแบบ En Suite คือมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ห้องนอนรอง 3 ที่อยู่ถัดมาก็เช่นกัน
ทางโครงการได้ปรับเปลี่ยนห้องนี้ให้เป็นเหมือนเล้าจน์นั้่งจิบเครื่องดื่ม พักผ่อน สำหรับเชิญแขกคนพิเศษมานั่งพูดคุยธุรกิจ หรือพบปะสังสรรค์แบบส่วนตัว บ้านตัวอย่างจึงตกแต่งให้เป็นฟีลที่ดูกึ่งทางการ สำหรับต้อนรับแขกคนสำคัญและเป็นห้องที่สมาชิกคนอื่นก็สามารถเข้ามาใช้งานได้เช่นกัน
ติดกันอีกห้อง เป็นห้องนอนรอง 2 บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องนี้ในคาแรกเตอร์ที่มีความโมเดิร์น ดูชิคแต่ยังคงความเรียบหรูโก้เอาไว้
ส่วนพักผ่อนจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ชิดผนัง ด้านข้างมีหน้าต่างเปิดช่องแสงเข้ามาภายใน มีพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถเดินได้สบายเลยครับ หัวเตียงมีโต๊ะเตี้ยสำหรับวางโคมไฟส่องสว่างตอนก่อนนอน หัวนอนกรุด้วยคิ้วบัวสไตล์ยุโรป
ส่วนด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ด้วยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดกลางติดตั้งไว้ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องน้ำในตัว มีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย ทำให้สะดวกในการใช้งานแบบครบจบในจุดเดียว
จากห้องนอนรอง เราจะเดินต่อไปยังปีกซ้ายของบ้านเพื่อไปชมห้องนอนหลักกันต่อครับ อย่างที่บอกไปว่าห้องนอนทุกห้องจะเชื่อมต่อกันด้วยโถงทางเดินกลาง
ห้องนี้เป็น Master Bedroom ครับ กินพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของตัวบ้านชั้นบน ออกแบบให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องมาจากด้านหน้าบ้านเป็นประตูกระจกเขียวตัดแสง เราสามารถติดตั้งม่านหรือมู่ลี่เพิ่มเติม เปิด-ปิดม่านได้หากต้องการความเป็นส่วนตัว
สิ่งที่ผมชอบคือการออกแบบตกแต่งภายในที่คำนึงถึงความโปร่งสบาย เวลาไปทำงานหรือเดินทางกลับจากต่างประเทศมาเหนื่อยๆ พอมาถึงบ้านแล้วรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายมากเลยครับ
ภายในมีขนาดกว้างขวาง จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลางพร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สบาย และยังสามารถจัดวางโต๊ะหัวเตียงพร้อมโคมไฟเอาไว้อีกด้วย มุมห้องด้านในจัดวางอาร์มแชร์สำหรับเป็นมุมพักผ่อน เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ หรือดูทีวี ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังจะทำให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น
ส่วนผนังอีกด้านบ้านตัวอย่างเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ออกแบบให้เป็นรูปตัวยู (U-Shape) เพื่อให้เราได้ใช้พื้นที่ส่วนตัวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งตัวจะสนุกกับห้องนี้มาก มาพร้อมกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งกระจกเงาขนาดใหญ่ ถือเป็นห้องนอนหลักที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางและออกแบบฟังก์ชันใช้สอยภายในได้ค่อนข้างลงตัวเลยครับ
ถัดไปด้านในสุดเป็นห้องน้ำแบบ Full Bath ซึ่งมีขนาดใหญ่เช่นกันแยกส่วนการใช้งานเปียกและแห้ง พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ลวดลายเรโทรนิดๆ แบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อนติดตั้งอ่างล้างมือแบบ His & Her ขนาดใหญ่ ใต้อ่างเป็นตู้เก็บของด้านบนมีกระจกเงาติดตั้งไว้ยาวเต็มบานเต็มผนัง ดูเก๋ดี
ติดกันเป็นพื้นที่ห้องอาบน้ำที่มีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower จัดวางอ่างอาบน้ำ มาพร้อมช่องแสงที่เปิดเฉพาะมุมนี้ ข้อดีคือได้เทควิวภายนอกแบบลอยตัว พร้อมมีแสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำและยังช่วยเรื่องการระบายความชื้นระบายอากาศภายในห้องน้ำได้อีกทางหนึ่งด้วย
#โดยสรุป โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 เหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ขนาดที่ดิน 100 ตร.วา ขึ้นไป มาพร้อมกับ Pocket Garden เป็นสวนแบบส่วนตัวภายในบ้าน นอกจากนี้ ยังสามารถไปใช้บริการที่ Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลางอีกกว่า 20 จุด มีขนาดของพื้นที่ส่วนกลางโดยรวมมากถึง 8 ไร่ เพียงพอต่อการรองรับ 136 ครอบครัวอย่างแน่นอนครับ
โครงการตั้งอยู่บนทำเลราชพฤกษ์ที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางไม่ว่าจะเข้าสู่ CBD ฝั่งสาทร มุ่งหน้าศิริราช หรือจะใช้ถนนกาญจนาภิเษก ก็ถือว่าทำได้รวดเร็ว รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ช่วยให้การใช้ชีวิตของเราง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
สนใจดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1685 หรือ http://siri.ly/RMXrJUA