#ปังไม่ไหว ต้องไปแล้วนะ
ศาลาบางปะอินถ่ายรูปสวยฟินเฟร่อ
สวยจริง ตรงปกไม่จกตา สำหรับบูทีค รีสอร์ตน้องใหม่ในเครือ SALA Hospitality Groupซึ่งใครก็รู้ว่าคุณกานต์เป็น FC SALA มีน้องใหม่ก็ต้องรีบมาก่อนใครป่ะ
_
ก่อนอื่นต้องยกนิ้วให้ เพราะยอมใจในการหาโลเคชั่น มันสุดมาก ตั้งอยู่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงหนึ่งในอำเภอบางปะอิน แล้วยังฟินกับพระอาทิตย์ตกดินตรงหน้าพูลวิลล่า บอกเลยว่า #ควรมากับแฟนนะ รีสอร์ตนี้
_
อีกหนึ่งไฮไลท์คือล็อบบี้เช็กอินที่เป็นบ้านไม้สมัยกรุงเก่ายกพื้นใต้ถุนสูง ตัวเรือนทาสีแดงชาดดูโดดเด่นมาก จากนั้นจะต้องเดินข้ามสะพานโค้งข้ามแม่น้ำสาขาเจ้าพระยา เพื่อไปยังวิลล่าของรีสอร์ตซึ่งอยู่อีกฝั่ง นอกจากจะเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเข้าพักให้กับแขกได้แล้ว ยังสร้างร่างกายที่แข็งแรงให้กับพนักงานด้วย เพราะเห็นแต่ละคนเดินข้ามกันวันละหลายรอบมากงานนี้มีกล้ามขึ้นแน่นอน สงสัยสิ้นปีจะต้องมียานวดแจกเป็นโบนัสซะแล้ว ^ ^
_
ห้องพักมีจำนวนไม่มากตามสไตล์ของศาลาบูทีค แต่ที่โดดเด่นคือดีไซน์ ที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย เน้นความโปร่งโล่ง สไตล์บ้านไม้อยุธยา ทว่าตัดทอนรายละเอียดออกไป คงไว้เพียงความโมเดิร์นแบบมินิมอลสีขาวๆ ฟ้าๆ ดูแล้วสบายตามาก อยากให้มาลองพักกัน
_
หรือจะแวะมาทานอาหารก็ได้ #เมนูกุ้งแม่น้ำ ของดีขึ้นชื่อเมืองกรุงเก่า เขาก็ยกมาไว้ที่นี่ ผมพักโรงแรมในเครือศาลามาแล้วทุกที่ แต่ต้องยกให้ #ต้มยำกุ้งแม่น้ำ และ #ข้าวกะเพราเนื้อวากิวไข่ออนเซ็น เป็นเมนู Kant Recommended มาแล้วต้องสั่ง เพราะผมเองทาน 3 มื้อติด ไม่เชื่อไปขอดูบิลได้ อร่อยจริง
#KANT#KantJournal#Luxury#Design#Lifestyle#SALA#SALABangpain
—
3 Bedrooms Pool Villa ของศาลาบางปะอิน วิลล่านี้ถือว่าปังที่สุด เพราะอยู่ในจุดสามเหลี่ยมปากแม่น้ำพอดี มีความเล่นใหญ่ อลังการ
ห้อง Pool Villa ซึ่งเป็น type รองลงมา มีจำนวนห้องที่มากกว่า และจะตั้งอยู่เรียงรายริมชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
อีกใจก็ชอบห้องดีลักซ์ เพราะน่ารักดี หันหน้าเข้าหาแม่น้ำที่เป็นสาขาของเจ้าพระยา และได้ความสระว่ายน้ำ ใครพักชั้นล่างก็เกือบจะเรียกว่าเป็น Pool Access ได้ละ
#มุมนี้สวยมาก ชี้จุดถ่ายรูป
ผมลองเอาภาพที่ถ่ายไปทำเป็นงานสเก็ตช์ สวยมาก นึกไปถึงตอนที่เจ้าของมาดูโลเคชั่นแล้วจินตนาการออกมาคงจะนึกเป็นภาพประมาณนี้
จุดเช็คอิน โดดเด่นด้วยเรือนไม้สีแดงชาด สวยเด่นเตะตามาแต่ไกล เป็นใต้ถุนโล่งยกสูงตามสไตล์บ้านไม้อยุธยา แต่ก็แอบสงสารพนักงานเหมือนกันนะ อากาศค่อนข้างร้อนหน่อยในช่วงนี้
บรรยากาศใต้ถุนดี๊ดี มีความเฟรนด์ลี่เป็นกันเอง เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนที่บางปะอิน แต่จะฟินกว่านี้ถ้ามีลมพัดตลอด เหมือนช่วงที่ไปพายุจะเข้าด้วยแหละ อากาศเลยร้อนอบอ้าว ถ้าช่วงปกติก็คงลมพัดลอดเข้าออกทั้งวัน
จากนั้น ก็เดินข้ามสะพานสีแดง ซึ่งก็เหนื่อยหอบแห่ก พอสมควรเหมือนกัน สงสารพนักงานเลย ต้องเดินข้ามกันไปมาวันละหลายรอบ
แต่ยอมรับว่าสะพานสวยจริง มีความเรียบง่าย แต่ถ่ายรูปออกมาดูสิ ราวกับว่าคุมโทนฟ้าขาวแดง
ยามเช้ามองจากรีสอร์ตข้ามสะพานกลับไปยังบ้านที่เช็คอิน จะเป็นทิศตะวันออกพอดี แสงสวย บรรยากาศดูสงบเงียบ ได้ฟีลพักผ่อนมาเปลี่ยนที่นอนต่างจังหวัดจริงๆ
มองกลับมาฝั่งรีสอร์ตกันบ้าง จะมีโถงกลางเป็นขั้นบันไดที่วางเบาะไว้ให้นั่งพักผ่อนสบายๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งที่นี่จะไม่ค่อยตัดต้นไม้ และมีปลูกเพิ่มเข้ามาเพื่อความร่มรื่นสบายตา
มองออกไปจะเห็นผืนน้ำเจ้าพระยาอันแสนกว้างใหญ่
เดินเข้ามาด้านในจะเป็นวิลล่าเรียงรายกันไป ตั้งแต่ 1 – 10 ผมได้วิลล่าหมายเลข 8 หลังด้านขวาครับ ช่วงนี้วิลล่าเต็มทุกห้อง แทบทุกวัน อาจจะต้องจองกันตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ
เมื่อเข้าวิลล่ามาก็พบว่า สวยจริง ดูคุมโทนสีได้ดี มีความเขียว ขาว และน้ำตาลจากเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาตกแต่ง โทนสีภายในห้องมีเท่านี้จริงๆ เน้นดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียน สงสัยติดใจมาจากศาลาเฉวง แต่ทรงนี้ ค่อนข้างถูกใจสายถ่ายรูป เพราะมันดูน่ารัก ตะมุตะมิ ไปเสียหมด
ห้องน้ำคือสวย และกว้างมาก จัดวางฟังก์ชั่นแยกสัดส่วนได้ดี มีอ่างอาบน้ำและบับเบิ้ลโฟมวางไว้ให้ แต่ไม่ฟรีนะครับ ต้องจ่ายเพิ่มเอง
ชอบเฟอร์นิเจอร์ของศาลาบางปะอินที่นำมาใช้ในการตกแต่งมาก อยากให้สั่งทำแล้วเอาไปวางขายในเซ็นทรัล อยากได้ไม้แขวนเสื้อ กระจก หมวก และกระเป๋า โอ๊ยย น่ารัก
นอกจะเป็นระเบียงกว้างจัดวางเดย์เบดและเก้าอี้ให้นั่งฟินกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและสระว่ายน้ำส่วนตัวในวิลล่า
เอาล่ะ ลงน้ำ มันตอนบ่ายๆ นี่แหละ ได้รูปมาสักใบก็ยังดี
ไม่ไหว ร้อนมาก กลับมาแช่อ่างในห้องดีกว่า มองผ่านหน้าต่างไปก็ได้บรรยากาศดีเช่นกัน แต่เย็นสบายกว่าเยอะ
ห้องน้ำราวกับหลุดมาจากพินเทอเรส คุมโทนสีดี๊ดี ชอบความก่ออิฐแล้วทาสีขาว ให้ความรู้สึกวินเทจนิดๆ โมเดิร์นหน่อยๆ
ส่วน Amenities ในห้องน้ำจะใส่ขวดเซรามิคเอาไว้และเป็นผลิตภัณฑ์ของศาลาเองครับ
คืนนี้ผมมีตัวช่วยเป็น ชุดดูแลผิวจาก Banila Co. Clean it ZERO ตัวยอดฮิตจากเกาหลี อิอิ หน้าคุณกานต์จะได้ใสกับเค้าบ้าง
มีความแทยอน อิอิ
โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยใช้ Cleansing ที่เป็นแบบ Balm มาก่อน เพราะปกติก็ใช้ที่เป็นแบบน้ำมาตลอด จนมารู้จัก Banila Co. Clean it ZERO นี่แหละ ล้างหน้าได้สะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ สไตล์เกาหลี
มีความมินิมอลมาก ณ จุดนี้
ตอนเย็น ไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา จิบ Cocktail ชมวิวพระอาทิตย์ตกกันครับ จะย้อนกลับเข้าไปทางบางปะอิน ล่องไปเรื่อยๆ เอาให้ฟิน เป็นเรือยนต์ไม้ขนาด 40 ฟุตที่สร้างสรรค์โดยช่างทำเรือท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในอยุธยา
เสียดายที่พระอาทิตย์เย็นนี้ลา จึงไม่ค่อยได้แสงสวยเท่าไรนัก แต่บรรยากาศกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ผมว่าฟินมาก ลมพัดเย็นสบายๆ ได้เครื่องดื่มแก้วโปรดก็ลงตัวเลย ผมเลือก Mocktail ชื่อ สายน้ำเจ้าพระยา มาลองดื่ม สดชื่นดีครับเพราะเบสมาจากน้ำส้ม น้ำสัปปะรด และน้ำมะนาว แต่งสีด้วยไซรัปสีฟ้า ตัดกันดี
เครื่องดื่มอีกตัวที่เป็น Signature Cocktail คือ Negroni สีสวยเข้ากันดีกับเรือและพระอาทิตย์ยามอัสดงครับ
เรือจะพาเราล่องไปชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงอำเภอบางปะอิน ผมล่องไปจนถึง “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” พระอารามหลวงชั้นเอกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างขึ้นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทยและยุโรป แต่ไม่ได้ขึ้นไปชมนะครับ เพราะว่ามาตอนค่ำแล้ว
ถ้าใครจะล่องเรือมาวัดนิเวศ ทางรีสอร์ตก็มีให้บริการฟรี ในตอนกลางวัน สามารถเช็ครอบเรือกับเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ
อำเภอบางปะอิน ผมว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่เต็มไปด้วยหลากหลายความรื่นรมย์ที่รอให้เรามาค้นพบ เอาจริงๆ คือมาง่ายเพราะห่างจากกรุงเทพฯไม่มาก ราว 60 กิโลเมตร
ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มองหาประสบการณ์การพักผ่อนใหม่ ๆ ที่เงียบ สงบ ห่างไกลความวุ่นวาย และมีมุมมองภาพถ่ายที่ไม่เหมือนใครสำหรับโพสต์ต่อไปบนอินสตาแกรม
เสร็จจากเรือมาก็ค่ำพอดี ได้เวลาทานอาหารกันที่ห้องอาหารและบาร์ ศาลาบางปะอิน
บรรยากาศช่วงหัวค่ำๆ ที่รีสอร์ตก็สวยงามดีค่ำ เมื่อเปิดไฟก็เหมือนหลุดมาอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายอีกครั้ง
ห้องอาหารและบาร์ “ศาลาบางปะอิน” เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำบรรยากาศดี มองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนราม่า ถ้าไม่ได้เข้าพักก็อยากแนะนำให้มาลองทานอาหารที่นี่ครับ โดยเฉพาะมื้อดินเนอร์
ตัวห้องอาหารก็ยังคุมโทนในความเป็นศาลาที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ทว่าดูมีเสน่ห์ด้วยสีขาวแซมน้ำเงิน สบายตามากๆ เป็นห้องอาหารแบบโอเพ่นแอร์ รับลมธรรมชาติสบายๆ
โต๊ะริมแม่น้ำน่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนรวมทั้งผมด้วย เพราะสังเกตว่ามีป้ายจองวางเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นใครอยากฟินกับวิวดีๆ ที่ศาลาบางปะอิน โทรจองโต๊ะก่อนได้เลยครับที่เบอร์ 035-246-388
“All worries are less with Sunset Cocktail.”
ที่ห้องอาหารศาลาบางปะอิน จะเสิร์ฟ “ม้าฮ่อ” เป็นเมนูเรียกน้ำย่อย ก่อนที่อาหารที่เราสั่งจะเสิร์ฟตามมาครับ ผมเลือกทานหลายอย่างในหลายมื้อ เพราะฝากท้องกับที่นี่ทุกมื้อ เลือกมาเป็นเมนู Kant Recommened ไม่ว่าจะเป็นกระทงทองลาบหมู ต้มยำกุ้งแม่น้ำ (ตัวใหญ่มากกกกกก) ข้าวผัดปลาสลิด รสชาติเข้มข้นสุดๆ
ส่วน ข้าวกะเพราะเนื้อวากิวไข่ออนเซ็น คือนิพพาน อยากขับรถไปกินอีกสัก 3 จาน
ของหวานผมชอบขนมเปียกปูนสังขยา มะพร้าวอ่อน เมนูนี้ขายดีมาก ต้องจองไว้ตั้งแต่มาถึงเลยนะครับ เพราะหมดไวเกิ๊นนนน
ส่วนเครื่องดื่มแนะนำเป็น สายน้ำเจ้าพระยาและ Negroni สำหรับใครที่ชอบ Cocktail ครับ
อาหารเช้าเราก็ทานที่นี่เช่นกัน หรือใครพักพูลวิลล่าจะสั่งเป็น Floating Breakfast ก็ได้ ครัวซองก์ไม่ต้องสั่งเพราะเสิร์ฟมาให้เลย หอมเนยสุดๆ อยากขอซื้อกลับบ้าน แต่เค้ายังไม่ขายเพราะอบตอนเช้่าก็แทบไม่พอทานแล้ว
แนะนำให้สั่ง Smoothie Bowl อร่อยมาก ผมทานทุกเช้าเลย ส่วนจากหลักผมชอบ Japanese Bento Set แซลม่อนคือดีย์ กริลล์มาได้หอมมาก หรือจะสั่งเป็น Eggs with Frittata ก็ได้ ฟีลขนมครกไข่ขาว เพื่อสุขภาพดีสุดๆ
ใต้ต้นไม้ใหญ่ บางทีก็สงสารพนักงานเพราะดอกร่วงใบร่วงตลอดเวลา ผมชอบมานั่งตรงลานก้ามปู ร่มรื่นเย็นสบาย ให้ธรรมชาติได้โอบล้อมเราพร้อมกับหนังสือเล่มโปรด
เปลี่ยนมุมไปเรื่อย สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจในรีสอร์ต เพราะจำนวนห้องไม่มาก ได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ
“พูลวิลล่า 3 ห้องนอน” (Three-bedroom pool villa) ที่สามารถเปิดประตูออกไปสู่ระเบียงริมแม่น้ำวิวหลักล้าน พร้อมเตียงนอนเล่น และสระว่ายน้ำส่วนตัวทำให้เราได้ดื่มด่ำกับความสุขริมแม่น้ำอย่างเต็มที่
ห้องดีลักซ์ก็ดีครับ ดูน่ารักอบอุ่น ผมว่า มุมกรอบกระจกห้องที่มีเดย์เบดวางไว้ น่าจะเป็นไฮไลท์สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปฟีลอบอุ่น
บรรยากาศกลางคืน คือสวยงาม ด้วยสีสันที่ตัดกันดีของน้ำและสะพาน ราวกับผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบมาแล้วอย่างลงตัว
“ศาลาบางปะอิน” เป็นโรงแรมลำดับที่ 9 ของเครือศาลา ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (เข้าใจว่านับรวมซิกส์เซนส์สมุยด้วย) และเป็นสมาชิกลำดับที่ 5 ของแบรนด์ “ศาลาบูติก” (sala boutique)
นำเสนอที่พักคอนเซปต์ความอบอุ่นของการต้อนรับแบบไทยแท้ เน้นศิลปะ การออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหาร
มาพักที่นี่ ยังให้ความมั่นใจในสุขภาพและสุขอนามัยระหว่างการเข้าพัก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่รีสอร์ตให้ความสำคัญ แต่ยังคงไว้ซึ่งประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับไว้อย่างครบถ้วน
ตอนนี้กำลังมีโปรฯ ฉลองการเปิดตัว “ศาลาบางปะอิน”
1. “The Getaway” แพ็คเกจสุดคุ้มค่าสำหรับการพักผ่อน 2 คืน ไม่ว่าจะเป็นห้องดีลักซ์หรือวิลล่าริมแม่น้ำ รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านทุกวัน ฟรีบริการเรือไป – กลับพระราชวังบางปะอิน (ช่วงนี้พระราชวังปิด อาจจะเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่นแทน) และเครดิตรีสอร์ท 1,000 บาทสำหรับอาหารและเครื่องดื่มระหว่างการเข้าพัก ราคาเริ่มต้นเพียง 10,358 บาทสุทธิ (สำหรับ 2 คืน)
2. “Just the Two of Us” แพ็กเกจพักผ่อนสุดโรแมนติกสำหรับคู่รัก ประกอบด้วย ห้องพักพร้อมเตียงโรยกลีบกุหลาบ อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน ฟรีบริการเรือไป – กลับพระราชวังบางปะอิน (ช่วงนี้พระราชวังปิด อาจจะเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่นแทน) พร้อม Prosecco 2 แก้ว และอาหารค่ำใต้แสงเทียน 3 คอร์ส (สำหรับ 2 ท่าน) ราคาเริ่มต้นที่ 7,623 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืน
จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564 และสามารถเข้าพักได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564
สอบถามเพิ่มเติมโทร 035-246-388
อีเมลล์ stay@salabangpa-in.com
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.salabangpa-in.com