RICE FARMING : ทำนาจริงๆ กันในโรงแรมกลางเวียงเชียงใหม่
/
สวัสดีครับ ช่วงนี้หน้าฝน ผมชวนทุกคนไป “ทำนา” กันครับ
เดือนกรกฎาคม ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการทำนาครับ แต่ทว่า มนุษย์เงินเดือนที่มาจากต่างจังหวัดอย่างเรา โตมากับไอดินกลิ่นโคลน แต่ก็ดูเหมือนจะเลือนๆ ตรงจุดนี้ไป
ผมเองแม้ที่บ้านไม่ได้มาจากครอบครัวชาวนา แต่เราก็ผูกพันกับกองฟาง งานปัก ดำ ไถหว่าน ลงแขกเกี่ยวข้าวกับเพื่อนบ้านอยู่เสมอ
การทำนาเปรียบไปก็เป็นเหมือนวัฏจักรชีวิตครับ ครบปี ก็เวียนมาครั้ง บางปีก็มีทั้งนาปี นาปรัง การทำนาก็เหมือนเป็นการลากเส้นจากจุดหนึ่งไปยังจุดอีกจุดหนึ่งไปเรื่อยๆ จนย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
“สูงสุด คืนสู่ สามัญ”
ก็เหมือนกับชีวิตเรา แม้จะเข้ามาต่อสู้ดิ้นรนในเมืองหลวงขนาดไหน สุดท้ายก็อยากกลับไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย หรืออย่างน้อยๆ อาชีพเกษตรกรรมก็เคยเป็นอาชีพหลักของคนไทย
สังเกตไหมว่า คนที่มาอยู่เมืองกรุงฯ พอว่างหรือพอมีเวลาเราก็มักจะอยากออกไปหา ท้องฟ้า ป่าไม้ ทะเล ภูเขาอยู่เสมอๆ และเชื่อว่าหลายคนคงคิดเหมือนกันกับผมว่า ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะลองไปทำนากับเขาดูสักครั้ง
เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมได้ค้นหาโรงแรมที่พักที่ต่างไปจาก city hotel แบบเดิมๆ ที่คุ้นชิน อยากสูดกลิ่นไอดิน กินข้าวแลงลำๆ (อาหารเหนืออร่อยๆ) ห้องพักบรรยากาศแบบล้านนาประยุกด์ ก็มาพบว่าที่โรงแรมศิริปันนา (Siripanna Villa Resort & Spa, Chiang Mai) ค่อนข้างตอบโจทย์
โรงแรมอยู่ในเขตเมืองเก่า แต่มีพื้นที่กว้างขวางเกือบ 14 ไร่ สามารถทำนากันในโรงแรมได้แบบครบวงจร
อ่านไม่ผิดหรอกครับ “ผมไปดำนามาที่ในโรงแรมกลางเวียงเจียงใหม่” เป็นนาข้าวเหนียวออร์แกนิกส์ พันธุ์สันป่าตอง
โทรชวนเด็กน้อย อิมพอร์ตหลานสาวมาจากลำปาง ให้มาลองทำกิจกรรมเหมือนบรรพบุรุษเราเคยทำไว้ จะได้ไม่ลืมตัว
งานนี้จ่ายเอง นักเลงพอ ไม่ต้องขอให้โรงแรมมา offer นะครับ เพราะเลือกมาเองว่าประทับใจจริงๆ
เราจัดแจงเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อหม้อฮ่อม สวม “กุบ” (งอบ-ภาษากลาง) ซึ่งทางโรงแรมจะมีเตรียมไว้ให้ใส่ทำนา ส่วนแปลงนาก็มีพี่ๆ เจ้าหน้าที่ช่วยเตรียมหน้าดินไว้ให้ ก่อนลงนาก็มีน้ำดื่มเย็นๆ เป็นน้ำข้าวจากนาที่เราปลูกนี่แหละครับ ใส่น้ำอ้อยและสมุนไพรอื่นๆ มาเล็กน้อย กลิ่นหอมและอร่อยมากครับ
แรกๆ ก็ดูจะกล้าๆ กลัวๆ เก้ๆ กังๆ กันทั้งคู่ แต่ทำๆ ไปเด็กน้อยก็จะสนุกกับโคลน กับดินและต้นกล้าที่เจ้าหน้าที่เพาะไว้ให้ครับ
ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงก็เรียบร้อยครับ จากนั้นอีกรอหลายเดือนให้ข้าวออกรวงแล้วก็จะมีกิจกรรมเกี่ยวข้าว ส่วนผลผลิตที่ได้ ส่วนหนึ่งก็จะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ เช่น แชมพูข้าว (หอมมาก) สบู่ข้าว โลชั่นน้ำนมข้าว ซึ่งจะมีให้อยู่แล้วในห้องพักครับ
นับเป็นกิจกรรมครอบครัวที่ชอบมากและเหมาะสำหรับพ่อแม่ลูกทำร่วมกัน (อ๊ะ!! คนไม่มีครอบครัวอย่างผมก็ชอบนะครับ) เป็นกิจกรรมที่ทำให้เราเรียนรู้วิถีชีวิตและความยากลำบากของชาวนาและบรรพบุรุษของเรา ว่ากว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้นต้องลำบากขนาดไหน จะได้สอนลูกสอนหลานได้
ใครสนใจติดต่อเจ้าหน้าที่โรงแรมได้เลยนะครับ มีค่าบริการเล็กน้อย แต่มั่นใจว่าสิ่งที่ได้รับกลับมา เกินมูลค่าอย่างแน่นอนครับ
ขอบคุณที่รับชมครับ
—
เลือกรูปนี้มาเป็นภาพเปิด เพราะอยากได้ภาพมุมสูง ที่มองเห็นบรรยากาศจริงในการทำนา ท่ามกลางห้องพักของโรงแรมศิริปันนา
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.siripanna.com
ตอนแรกๆ ต้องบอกว่าเป็นดินน้ำมัน โคลนเป็นน้ำใส่สี นางถึงจะยอมลง แต่พออินเนอร์มา ก็ไม่สนแล้วค่ะว่า จะของจริงของปลอม ลุยโลดดดดดด
พอจะเป็นชาวนากับเค้าบ้างได้ไหมครับ
เก๋หรือไม่ ถามใจดูครับ
หุ่นไล่กา กลางโรงแรม ด้านหลังเป็นระเบียงห้องพักของแขก วิวดีเฟร่ออออ
เริ่มต้น มาตามเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่จะนำมารอที่เรือนไทย เพื่อเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดหม้อฮ่อม
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ เราก็ถ่ายรูปวนไปครับ มีทั้งนาที่ปลูกแล้ว นาที่ยังว่าง คิดดูว่า ถ้าปลูกข้าวเต็มพื้นที่จะดีแค่ไหนนะ
แปลงต้นกล้าครับ
พี่ๆ สต๊าฟ จะเตรียมกล้าที่เพาะไว้ มาให้เราเอาไปดำในนาอีกที เป็นระบบเดียวกับการทำนาจริงๆ ในทุกขั้นตอนครับ ทำให้ทราบว่า กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ
ในส่วนของการไถ เพื่อเตรียมดินก็ทำไป ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไปมาก นิยมใช้รถไถแทนครับ แต่ก็จะมีเวลาไถในบางช่วงนะครับ ถ้าแขกเริ่มเข้าหนาแน่นก็ต้องหยุดครับ มิเช่นนั้นจะเป็นการรบกวนการเข้าพัก
ชอบรูปนี้ ฟีลลิ่งดีมากครับ ระหว่างไถเตรียมดิน ฝนก็ตก ลงมาปรอยๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดนะครับ ฝนยิ่งลงเม็ด เหมือนยิ่งเติมพลัง อยากจะเร่งๆ มือให้เสร็จไวๆ
มี 2 คนช่วยกัน ไถ และคอยเคลียร์ส่วนที่ติด
สีสันของภาพนี้สวยงามดีครับ
เริ่มมีนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก ออกมาดูจากระเบียงห้องครับ
ยิ่งถ้าเป็นแขกต่างชาติ เขาจะประทับใจมากครับ นั่งชมเพลินๆ ทั้งวัน ราวกับเป็นการแสดงสด
สองเท้าที่เหยียบโคลนตม สองมือที่คอยนำจอบมาถากดินที่เป็นก้อน กลายเป็นภาพสะท้อนถึงอาชีพชาวนาที่มาจากหยาดเหงื่อแรงกาย หาชมได้ยากแล้วครับ
หยาดฝนโปรยปราย
ไม่ระคายผิวของชาวนา
ข้าวที่ปลูก เป็นข้าวออร์แกนิกส์ ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง
แปลงต้นกล้า
เปลี่ยนชุดแล้วครับ มาจิบน้ำข้าวสมุนไพร ให้ชื่นใจ ก่อนจะไปลุยของจริง
พร้อมแล้ว ลุยเลยครับ
จะมีสต๊าฟคอยแสนวิธีการดำนาให้กับเราก่อนครับ ปลูกเป็นแถวเป็นแนวสวยเชียว
เอ๊ะ ทำไมของเราแถวเบี้ยวจัง
แปลงนี้ ฝีมือผมเองครับ แดดกำลังสบายๆ ไม่ร้อนจนเกินไป
สักพักก็ไม่ไหว ขอนั่งแปบ เหนื่อยเหมือนกันนะครับ กว่าจะดำนาได้สักแปลง
รายนี้ดีกว่า สนุกสนานเพลิดเพลิน แรกๆ ก็ต้องหลอกล่อให้เด็กคุ้นชินกับสภาวะแวดล้อมก่อนครับ อย่าไปลงลึกว่าต้องทำยังไง ปล่อยเค้าไปเลย อยากปลูกแบบไหนเอาที่สบายใจ #ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์
ส่วน “คุณตา” ก็อาศัยถ่ายรูปเป็นงานหลัก ปลูกข้าวเป็นเรื่องรอง ก็ของมันต้องถ่ายเนอะ
ปิดท้าย ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ชอบและหาทำยากครับ ตั้งใจมาพักที่นี่เพื่อจะมาลองปลูกข้าวในนาจริงๆ กันเลยทีเดียว แต่อันที่จริงโรงแรมนี้ก็มีกิจกรรมเยอะนะครับ ทั้งสอนทำอาหาร ร้อยมาลัย ใครสนใจก็ลองสอบถามกับทางโรงแรมดูนะครับ
ลาไปด้วยภาพ “หลองข้าว” น่าจะถอดมาจากของเก่าครับ สวยและคลาสสิคมากๆ ผมไปนั่งเล่นๆ จิบกาแฟอยู่บนชั้น 2 ตั้งนาน ลมเย็นสบาย บรรยากาศดี สมกับที่มาพักผ่อนครับ
