นี่สิ#ร้านลับพัทยาของจริง
เป็นร้าน Chef’s Table ที่แฝงตัวอยู่ในร้านอาหารทะเลอีกที มีแค่วันละ 2 โต๊ะ ฮ๊าาา!! อย่าเพิ่งงงครับ เข้าไปอ่านเรื่องราวกันก่อน
หลังจากที่กานต์เคยเขียนถึง Event พิเศษของ Cape Dara Resort, Pattaya ที่นำเสนออาหารพื้นถิ่นในรูปแบบของ Chef’s Table ได้อย่างน่าสนใจ โดยหยิบเอาเรื่องราวของร้าน Pladids ปลาดิษฐ์ อาหารทะเลพื้นถิ่น จากเรือเล็กชาวประมง มาเล่าใหม่ให้หรูหรา Fine Dining มากยิ่งขึ้น
ใครพลาดงานนั้นไป เสียดายแย่ ต้องติดตามข่าวดีๆ ว่าจะจัดอีกทีเมื่อไร แต่ถ้าไม่อยากรอ ก็ตามผมมาครับ เพราะผมก็ได้ไปทานที่ร้าน Pladids ซึ่งอยู่แถวนาจอมเทียน ซึ่งถ้าคุณค้นใน Google Maps จะไม่เจอ เพราะบอกแล้วว่าร้านนี้ลับมาก
ให้มาตามแผนที่นี้ครับ https://goo.gl/maps/Ehc9GeiWPPSU2SRi8 ซอยนาจอมเทียน 8 ตอนผมขับมาก็งงๆ หน่อย เพราะหมุดจะพาไปจอดที่ร้านไต๋อวน อาหารทะเลสดจากชาวประมงพื้นบ้าน เปิดกระจกถึงจะเห็นเชฟพลอย กำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าวให้เราทาน ซึ่งจริงๆ ร้าน Pladids จะเป็น 2 โต๊ะที่แฝงตัวอยู่ในร้านไต๋อวนอีกที คือเค้าเป็นญาติพี่น้องกัน
ดังนั้น ใครที่จะมาทานร้าน Pladids จะต้องจองมาก่อนเข้ามานะครับ เข้ามาเราจะเห็นเป็นโต๊ะชิดติดชายหาดมีสัญลักษณ์แจกันสีชาตั้งอยู่ exclusive สุดๆ เลยครับ
ตอนผมไปทานจะเป็นสำรับฤดูร้อนครับ แต่เห็นว่าตอนนี้เปิดจองสำรับใหม่ “ฤดูผลไม้หอม” กันแล้ว แต่ยังคงคอนเซปต์เดิมคืออาหารพื้นถิ่นแบบที่ชาวบ้านแถบนี้เค้ากินกัน ให้อารมณ์รสมือแม่มากกว่าจะเป็นร้านอาหารทะเลทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่า จะตอบชัดเจนเลยไม่ได้ว่า เมนูที่เราจะได้ทานนั้นจะเป็นอะไร เพราะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้มาในเช้าวันนั้น เชฟ จึงรับประกันความสดแน่นอน
ก่อนมาทานผมเลยไลน์สั่งเพิ่มปลาดิบเป็นปลาโฉมงามกับหมึกซาชิมิด้วยครับ หวานกรอบมาก คือมันสดชนิดที่ว่า ปลาหมึกยังผลิตเม็ดสีอยู่เลยอ่ะ ส่วนโชยุที่ทานกับปลาดิบ เชฟเคี่ยวเองครับจากกระดูกปลากระพงดำ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกระพงหิน ทานพร้อมใบกระเจี๊ยบและวาซาบิอร่อยมาก
เรามากันหลายคนจึงสั่งสำรับใหญ่ ได้อาหาร 7 เมนูพร้อมข้าวและของหวาน ระหว่างทานก็จะได้บรรยากาศของริมทะเล เคล้าเสียงคลื่น ชมพระอาทิตย์ตกดิน เป็นอีกหนึ่งมื้อที่ฟินมาก ขออนุญาตไปเขียนรายละเอียดของอาหารแต่ละจานให้อ่านต่อในแคปชั่นของรูปนะครับ
ร้านปลาดิษฐ์ อาหารทะเลพื้นถิ่น จากเรือเล็กชาวประมง นั่งกินกันบนผืนทรายในบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินริมทะเล
โต๊ะที่เราจองไว้ ผ่านทาง https://lin.ee/Jkp5pP หรือ Line พิมพ์ @ifv5410a บอกว่าอ่านมาจากเพจคุณกานต์ก็ได้ครับ เผื่อเชฟเค้าจะมี complimentary มาให้
โต๊ะที่ได้จะมีแจกันสีชาปักไว้ ซึ่งจะเห็นความแตกต่างจากโต๊ะลูกค้าของร้านไต๋อวน
ท้าวความนิดนึง ร้านปลาดิษฐ์ เป็นการพูดถึงวิถีของลูกชาวเลที่อยู่กับอวนกับเรือมาตั้งแต่เด็ก เกิดจากความต้องการเก็บเรื่องราวของวิถีชาวเลเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อบอกถึงความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตแบบชาวเล เราจึงได้เห็นการทำประมงพื้นถิ่น รับจ้างเย็บอวน มีผลิตภัณฑ์ถนอมอาหารจากท้องทะเล ซึ่งคราฟท์มาก จากนั้น จึงกลายมาเป็นร้านอาหารที่ต้องไปแจมพื้นที่กับร้านอื่นในสไตล์ Chef’s Table
ดังนั้น เราจะไม่รู้เลยว่า แต่ละวันเมนูแต่ละจานจะเป็นอะไร ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้ในวันนั้น
ผมสั่งอาหารพิเศษนอกจากสำรับที่เชฟจัดให้ เพราะเห็นบอกว่ามีหมึกซาชิมิ เพิ่งได้มา ทานกับวาซาบิ ใบกระเจี๊ยบและโชยุที่เชฟเคี่ยวเอง ปลาหมึกสดจริงๆ ครับ ที่หนวดยังผลิตเม็ดสีอยู่เลย แต่เนื้อคือหวานกรอบมาก เสิร์ฟมาให้ 2 ตัวครับ ราคาแอบแรงเล็กน้อย
อีกจานเป็นปลาดิบ เชฟเลือกปลาโฉมงามมาเสิร์ฟ รสสัมผัสของปลาจะมันๆ หน่อย ทานกับวาซาบิและโชยุ
ปูดองน้ำปลาเคี่ยว เชฟเอาปูสดๆ มาล้างแล้วต้องรีบดองครับ ไม่งั้นจะมีกลิ่น เชฟเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลาหมัก หอมหวานมาก ใครชอบปูไม่ควรพลาด
ตอนนั่งทานก็ขออนุญาตถอดรองเท้าสัมผัสทรายเพื่อคลายประจุลบออก แถมยังได้บรรยากาศของริมทะเลสุดๆ
ทะเลแถวนาจอมเทียน นี่สวยมากนะครับ คลื่นลมก็ดี มีโชว์ให้ดูด้วยระหว่างกินข้าว
นอกจากอาหารแล้ว ต้องยอมใจในบรรยากาศคือเดิน 3 ก้าวก็สัมผัสน้ำทะเลแล้ว แต่จะไม่ร้อนเท่าตอนกลางวัน มีลมเย็นๆ พัดตลอดเวลา มีโชว์บานาน่าโบทให้ดู
ของโปรดของผม คือน้ำปลาพริกและน้ำปลามะนาวที่เชฟตำเองในสไตล์ตะวันออกครับ คลุกกับข้าวก็อร่อยแล้ว
ทอดมันกุ้ง จานนี้สั่งเพิ่มนอกจากในสำรับ เนื้อกุ้งเด้งดี กรอบแน่น จานนี้ให้สามผ่าน
ข้าวคลุกมะพร้าวดอกเกลือ กินเปล่าๆ ได้เลยครับ มันหอม หวาน เค็มปะแหล่มๆ จากดอกเกลือ
ระหว่างที่รออาหารก็สามารถไปเดินเล่นริมทะเลก่อนได้ครับ ต้นมะพร้าว หาดทราย ชายทะเล
ผมชอบบรรยากาศประมาณนี้ เป็นมื้อที่เราไม่ต้องมีพิธีรีตอง ค่อยๆ ทานข้าวใช้เวลาร่วมกัน ไม่ต้องรีบลุกไปไหน เพราะไม่มีแขกคนใดมารอต่อโต๊ะแล้วนะครับ เนื่องจากจำกัดแค่วันละ 2 โต๊ะเท่านั้น
อาหารทยอยมาแล้วครับ จานนี้เป็น “กุ้งผัดน้ำปลาสามเกลอ” เชฟใช้พริกไทย 3 อย่าง คือ พริกไทยขาว พริกไทยดำ พริกไทยเสฉวน กระเทียม รากผักชี ผัดกับมันกุ้ง และกุ้ง ใส่น้ำปลา ใช้ไฟแรง ผัดฉ่าๆ ได้ออกมาเป็นจานนี้
ปลาต้มมะม่วงเสี้ยน เป็นมะม่วงโบราณรสชาติเปรี้ยวๆ แต่ชามแกงนี้ค่อนปลาข้างคาวครับ เชฟใช้แก้มปลาโฉมงาม และปลาสากเหลือง อาจจะไม่ถนัดเท่าไร เลยขอผ่านไปก่อน
หมูปั้นก้อนปลาเค็ม เทคนิคคือเชฟนำปลาเค็มไปแช่ตู้เย็นเพื่อลดความเค็มและทำให้เนื้อปลานุ่ม พอนำไปผสมกับหมูแล้วเอาไปทอดจึงเข้ากันดี กลิ่นปลาเค็มไม่แรง จานนี้ผมชอบมาก ทานง่ายๆ ได้ข้าวสักถ้วยก็พอแล้ว
เชฟแนะนำว่าหมูปั้นก้อนปลาเค็มให้ทานกับน้ำปลามะนาว คนที่นี่นิยมกินของทอดกับน้ำปลามะนาว แต่ผมว่าทานเปล่าๆ ก็อร่อยแล้วนะ
ปูผัดเหล้าจีนใส่ดอกขจร จานนี้รสชาติอ่อนๆ ทานง่าย แค่ตักคลุกข้าวก็อร่อยแล้ว
จานโปรดของผม “หมึกยัดแหนม” วันนี้เชฟได้หมึกไข่ แหนมเลยทะลักออกมาแต่ว่ารสชาติอร่อยเหมือนเคย
หมึกต้มแห้ว ของโปรดของผมครับ ยังติดใจไม่หาย วันนี้เชฟเลยจัดให้ ใช้กระดูกปลาสละใช้ทำน้ำซุป ทานแล้วได้รสชาติหอมหวานของแห้วและหอมแดง แล้วเติมความเปรี้ยวฉ่ำที่ได้จากมะปี๊ดแบบต้มยำ
ระหว่างเสิร์ฟอาหารเชฟจะมาเล่าที่มาของแต่ละจานและวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงให้เราฟังตามสไตล์ของ Chef’s Table
บรรยากาศยามเย็น เห็นวิถีของชาวประมงพื้นถิ่นแถบนี้ เป็นภาพที่ช่วยเสริมอรรถรสให้กับอาหารมื้อนี้มากครับ
ของหวานเป็น มะพร้าวอ่อนลอยน้ำตาลมะพร้าว ผมเคยทานแล้ว
เชฟนำเอามะพร้าวอ่อนของชลบุรีที่ขูดแบบไม่ติดเปลือกไปต้มในน้ำมะพร้าว แล้วลอยอีกทีด้วยเกล็ดน้ำตาลอ้อยสวน จากฝั่งหนองบอน จันทบุรี ทำให้เมนูของหวานนี้ชนะเลิศในใจผมมาก
มีของแถมเป็นขนมจากพื้นถิ่น คล้ายๆ ข้าวต้มมัด จำชื่อไม่ได้ แต่ใช้ข้าวเหนียวไปตำจนละเอียดแล้วนำไปนึ่ง เวลาทานง่ายมาก คือจิ้มกับน้ำตาล
เชฟเม เคยเล่าว่า ในการออกเรือหาปลาของที่บ้านจะเป็นประมงเรือเล็ก คือออกช่วงเช้ามืดมากๆ ราวตี 2 ตี 3 และจะกลับเข้าฝั่งอีกทีช่วงสาย ทำให้วัตถุดิบที่ได้คือสดใหม่ไม่ต้องแช่น้ำยาใดๆ นำมาปรุงอาหารต่อได้ทันที ไม่ต้องออกค้างอ้างแรมที่ทะเลเหมือนเรือลำใหญ่
ดังนั้น ที่นี่จึงเน้นเสิร์ฟวัตถุดิบที่สดใหม่ในแต่ละวัน ถ้าใครสนใจจะไปทานแนะนำให้ไลน์ไปจองก่อนนะครับ