แช่ออนเซ็นอุ่นๆ กลางหิมะ -11 องศา
ที่ Nyuto Onsen แปลเป็นไทย #ออนเซ็นหัวนม
.
ผมพยายามจองที่พักที่ Tsurunoyu Onsen ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ออนเซ็นของ Nyuto Onsen มานานหลายทริปก็ยังไม่ได้ จนตัดใจไปแล้วหลายรอบ
.
การเดินทางไปก็ว่ายากแล้ว แต่การจองเรียวกังแห่งนี้ยากกว่า จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่ที่นี่เท่านั้นที่จองยาก ทั้ง 7 ที่นี่แหละ ต้องใช้วิธีจองผ่าน Japan Guesthouse เพื่อให้เค้าไปเช็คว่าวันที่เราต้องการว่างไหม ถ้าไม่ได้ก็เช็คใหม่ ค่อยๆ ทำจองกันไปเรื่อยๆ
.
จนกระทั่งสวรรค์มีตา ลองเปิดเวปจองโรงแรมของญี่ปุ่น Japanican แล้วดันมีเรียวกังนี้ว่างพอดีในวันที่เราอยากจะไป อะไรช่างลงตัวแบบนี้ สรุปมาได้ที่ Ganiba Onsen เป็นเรียวกังที่อยู่ไกลสุด ถ้านั่งบัสคือสุดสายไม่มีเลยป้ายแน่นอน
.
ตัวเรียวกังค่อนข้างเก่า ตามสไตล์ที่พักโบราณอายุหลายร้อยปี ที่ทีเด็ดที่เราไม่คิดว่าจะเจอก็คือบ่อออนเซ็นรวมกลางแจ้งที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนสวยงามมาก
.
ถามเรียวกังว่าตอนนี้ยังไม่มีแขกท่านอื่นมาถึง ขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหมใช้เวลาไม่นาน พอได้สัญญาณเราก็รีบจ้ำอ้าวออกไป รีบถ่ายรูป รีบขึ้นมาเพราะว่าหนาวมาก ดู weather ใน app คือ -11 องศาแต่ Real Feel -28 บ้าไปแล้ววววว นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมรูปมีน้อย มือแข็งกดชัตเตอร์ไม่ลง 555
.
ออนเซ็นอยู่ด้านนอกต้องสวมบูทลุยหิมะออกไปประมาณ 50 เมตรได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีใครอยากออกมานั่นเอง แต่เชื่อเถอะบรรยากาศมันได้ วิวมันดี ฟินสุดคุ้มค่าตั๋วแล้วทริปนี้
.
วันที่เราไปพักมีแขกอยู่ 6 ห้องเท่านั้น และออนเซ็นกลางแจ้งด้านนอกคือไม่มีใครออกมาแช่เลย ผู้หญิงจะมีบ่อกลางแจ้งเฉพาะให้อีกแห่ง คงไปอยู่ที่นั่นกันหมด บ่อออนเซ็นนี้เลยเป็นของเราแต่โดยดี
.
ส่วนด้านในเรียวกังมีห้องอาบน้ำมี 4 ห้อง แต่ด้วยความที่แขกผู้ชายมีแค่ 3 คนเท่านั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะอาบน้ำชนกัน จึงเป็นเหมือนห้องอาบน้ำส่วนตัว จากนั้นก็มากินข้าวเป็นเซ็ตเมนูสไตล์ญี่ปุ่น
.
ทริปนี้เราเช่ารถขับมาเพราะว่าเผื่อตกรถเมล์ ไม่อยากกังวลมาก แถมยังได้ชมบรรยากาศ 2 ข้างทางเป็นหิมะขาวๆ สวยๆ แต่ก็ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ถนนหิมะลื่นพอสมควร
อ่านเรื่องราวต่อที่แคปชั่นด้านในพร้อมกับชมภาพสวยๆ ไปด้วยกัน #ความพีคมันอยู่ที่รูปสุดท้าย!!
__________________________________
ติดตาม KΔNT ผ่านภาพถ่ายได้ที่
—
Nyuto Onsen เป็นคล้ายกับหมู่บ้านที่ประกอบด้วยออนเซ็นในตำนาน 7 แห่งด้วยกัน ที่ดังที่สุดคือ Tsurunoyu Onsen เป็นบ่อสีฟ้าขุ่นๆ คล้ายน้ำนม แต่จองยากมากตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว
จริงๆ ก็จองยากหมดทุกที่ โชคดีที่ได้ห้องหลุดพอดีตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว จึงจัดการเปลี่ยนแผนแล้วเช่ารถขับมาที่นี่ ชื่อว่า Ganiba Onsen
เคยเห็นรูปตอนช่วงปกติ ถือว่าไม่ได้สวยมาก แต่ตอนใบไม้เปลี่ยนสีถือว่าดีงามใช้ได้ แต่ไม่เคยเห็นรูปช่วงฤดูหิมะ เลยกะว่าจะมาเปลี่ยนที่นอนไม่ได้คิดอะไรมาก อยากทำตามฝันในการมา Nyuto Onsen สักครั้ง
แต่พอมาถึงของจริงคือสวยมากกกกกกกก บรรยากาศดีสุดๆ
การเดินทางคือนั่งรถไฟความเร็วสูงมาลงที่สถานี Tazawako จากนั้นให้ต่อรถบัสเข้ามา เขาจะตระเวนส่งเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดสายที่ Ganiba แต่เรากะว่าจะขับรถไปตระเวนแช่ตามออนเซ็นต่างๆ เอา เลยเช่ารถ ซึ่งบรรยากาศดีมาก
ที่ Ganiba จะอยู่เป็นเรียวกังสุดท้าย อยู่ในสุดลึกสุดและไม่ค่อยมีแขกนอกมาใช้บริการ ข้อดีก็คือเรามาถึงก่อนเวลาคนนั่งรถบัสเล็กน้อย ทำให้มีจังหวะในการเก็บภาพที่ไม่ติดแขกคนอื่น
บรรยากาศสองข้างทางระว่างขับรถมาคือดีมาก ต้นไม้สีขาวโพลน ถนนค่อนข้างลื่นต้องเลือกเป็นล้อหิมะ
ก่อนไปเรียวกัง เราตั้งใจขับรถชมเมือง ดูวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ และจะไปยังแลนด์มาร์กของเมืองนี้
ใจอยากลงไปถ่ายรูปก็ทิวสนมาก แต่อากาศก็หนาวใช้ได้ เลยตัดสินใจลงจอดที่เดียวเลยดีกว่า
นั่นก็คือทะเลสาบ Tazawako จะพบกับ “รูปปั้นทัตสุโกะ” (Tatsuko) เทพีสีทองสัญลักษณ์ของทะเลสาบ
ตามตำนานเล่าว่า หญิงสาวนต้องการเป็นผู้มีความงามที่เป็นอมตะ จึงเดินทางมาดื่มน้ำที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใกล้กับทะเลสาบ อาจจะดื่มมากเกินไป กลัวสวยไม่พอ ก็เลยทำให้ต้องคำสาปเป็นมังกรเฝ้าทะเลสาบ Tazawa มาถึงปัจจุบันนี้
ติดกันมี “ศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ” (Gozanoishi) สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งทะเลสาบ ซึ่งจะศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความเยาว์วัย และความงามอันเป็นนิรันดร์ ใครอยากหน้าเด็กตลอดกาลก็ต้องมาขอพรที่นี่ครับ
ระยะทางโดยรอบทะเลสาบประมาณ 21 กิโลเมตร จากนั้นขับรถต่อมาถีงเรียวกังอีกประมาณครึ่งชั่วโมง มาถึงก่อนเวลาให้เช็คอินเข้าห้องได้เล็กน้อย แต่ห้องเรียบร้อยแล้วเราจึงมีเวลาก่อนที่แขกที่มากับบัสจะมาถึง
ห้องพักมีประมาณ 15 ห้องถือว่าไม่เยอะมากและเป็นสาเหตุว่าทำไมจองยาก เราจองมาเป็นห้องขนาด 8 เสื่อ ได้วิวลานด้านหน้าเรียวกัง
ด้านในปูฟูกไว้ให้แล้ว พนักงานจะมีแค่ 1-2 คนไม่เกินนี้ คนญี่ปุ่นคือทำทุกอย่างและว่องไวรวดเร็วดีมาก
มีความคิขุที่หน้าประตูต้อนรับตามประสาคนญี่ปุ่น
ห้องค่อนข้างกว้าง จัดวางที่นอนและที่นั่งพักผ่อนริมกระจก แต่ต้องเอาไม้กระดานมากั้นไว้เพราะกลัวหิมะกดทับกระจกแตกเลยเห็นวิวได้ครึ่งเดียว
มีโต๊ะญี่ปุ่นพร้อมขนมและชากาแฟต้อนรับ บนโต๊ะมีแผ่นพับอธิบายเรื่องราวของเรียวกัง กติกาการใช้ห้องอาบน้ำและบ่อน้ำร้อนให้ทราบ
ในห้องมีฮีทเตอร์และเครื่องพ่นความชื้น การตกแต่งเป็นสไตล์ญีปุ่นโบราณตามมาตรฐานเรียวกังทั่วไป แต่ไม่ได้เก่าอย่างที่คิด
มีเครื่องอาบน้ำวางไว้ในตู้เสื้อผ้า ภายในห้องมีสุขาแต่จะไม่มีห้องอาบน้ำ ต้องไปอาบที่ห้องน้ำรวม จะมีผ้าเช็ดตัว ผ้าเตี่ยว แปรงสีฟัน ชุดยูตากะและเสื้อคลุมกันหนาวเตรียมไว้ให้ในตู้
เราจะรีบไปที่บ่อออนเซ็นกัน เพราะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวที่ปิดให้บริการแขกคนนอกแบบ Day Pass พอดี ส่วนแขกที่จะเข้าพักคืนนี้ยังมาไม่ถึง ก่อนหน้านี้ไปสังเกตการณ์มาละไม่มีคนเลย มันดีมาก จะได้แก้ผ้าอย่างสบายใจ 555
ทางเดินไปบ่อกลางแจ้งด้านนอก ต้องตะลุยหิมะออกไปประมาณ 50 เมตร เข้าใจละว่าทำไมไม่ค่อยมีคนอยากออกไป ก็มันหนาวมาก เรียวกังมีรองเท้าบูทไว้ให้สวม เพราะหิมะสูงฟู
เราเดินเลาะๆ ไปตามร่องทาง สองฝั่งมีแต่หิมะ ไม่เห็นอะไรอื่น 50 เมตรไกลเหมือน 5 กิโล เพราะอากาศหนาวมาก หิมะกำลังตกลงมาอีกรอบ
เดินไปสักพักก็เห็นภาพนี้ แม่เจ้า มันคือสวยจริงๆ ไม่มีแขกเลยครับ บ่อนี้เป็นบ่อรวมนะ ชายหญิงแช่ด้วยกัน แต่จะมีบ่อหญิงล้วนกลางแจ้งอยู่อีกแห่ง เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนมาที่นี่
มีโคมไฟปักไว้ ตอนบ่ายก็จริงแต่ค่อนข้างมืดละ หิมะก็ตกตลอดเวลา แต่ว่าบรรยากาศดีมากจริงๆ
น้ำมีกลิ่นกำมะถัน เมื่อแช่ไปจะรู้สึกคันยิบๆ และผิวลื่นๆ ถ้ารู้สึกหายใจไม่ออกไม่ควรแช่น้ำร้อนนานเกินไป
ด้านล่างมีร่องน้ำร้อนไหลไปเรื่อยๆ ที่นี่จะเป็นบ่อตาน้ำจากธรรมชาติทั้งสิ้น
บรรยากาศคือฟินสุดๆ ไม่มีใครมาเลยครับ แต่เราก็อยู่กันไม่นานเพราะอากาศมันหนาวจริงๆ
ด้านในมีห้องอาบน้ำ ผู้ชาย 2 ห้องผู้หญิง 2 ห้อง บรรยากาศดูวินเทจนิดๆ
เหมือนกับบุ๊คเวลาห้องอาบน้ำส่วนตัวเอาไว้ เพราะไม่มีแขกผู้ชายมาเลยครับ ทางเรียวกังแจ้งวันวันนี้มี 3 ท่าน แยกกันอาบได้เลย
จากนั้น ก็ได้เวลาไปทานอาหารค่ำ เราจองมาแบบรวมอาหาร 2 มื้อ ประมาณ 12,000 เยนต่อคนก็ตกราวๆ 3 พันกว่าบาท
มื้อค่ำเป็นเซ็ตอาหารเหมือนที่เคยทานในเรียวกังอื่นๆ เน้นพืชพักตามฤดูกาล มีนาเบะหม้อร้อนให้ทาน ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ สามารถสั่งเพิ่มได้ จ่ายต่างหาก
อากาศหนาวๆ มันก็ต้องเพิ่มไออุ่นให้กับร่างกายหน่อยนะ
เมนูเป็นแบบเรียบง่าย แต่อร่อยและทานได้หมด มีอ่องปูด้วยนะ เรียกว่าไฮไลท์ก็ได้ เพราะ Ganiba แปลว่าปู
ส่วนมื้อเช้ามีปลาย่างแบบ DIY มาให้น่ารักเชียวครับ
เซ็ทอาหารเช้าเหมือนไม่เยอะมากแต่ทานได้อิ่มจุกอยู่ หน่อไม้ญี่ปุ่นอร่อยสุดๆ เสียดายอย่างเดียวตรงที่ไม่มีกาแฟฟรีเสิร์ฟให้ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม
ทานข้าวเสร็จก็เตรียมเช็คเอ้าท์ เดี๋ยวเราต้องขับรถออกไปยังสถานีรถไฟ จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะไปแช่ออนเซ็นที่อื่นต่อ แต่คิดว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่า ไม่ไหว อากาศเย็นเกิ๋นนนน
ดูได้จากน้องปุ๊กปิ๊กของเรา จอดไว้คืนเดียวยังโดนหิมะถมขนาดนี้ ต้องเผื่อเวลาช่วยเอาหิมะออกมาจากน้อง แล้วอุ่นเครื่องยนต์ทิ้งไว้ก่อนขับออกไป เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่สนุกดีครับ