Noble BE19 : Tower A
ลงทะเบียนรับ Cash Back สูงสุด 200,000 บาท*
คลิก https://nobleurl.com/3xKGKfF
สถาปนิกกับนักดนตรี คุณคิดว่าทั้ง 2 อาชีพนี้มีอะไรที่เหมือนกัน?
แน่นอนว่า “ความเป็นศิลปินสร้างงานศิลปะ” คือพื้นฐานที่ยึดโยงทั้งสองอยู่
Johann Wolfgang von Goethe นักปรัชญาชาวเยอรมัน เคยเขียนถึงดนตรีกับสถาปัตยกรรมเอาไว้ว่า “ดนตรีคือสถาปัตยกรรมที่เป็นของเหลวและสถาปัตยกรรมคือดนตรีที่ถูกแช่แข็ง” ทั้งสองจึงมีความคล้ายกัน เพียงแต่แสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน นักดนตรี เขียนเสียงเพลงจากตัวโน๊ตในอากาศ ส่วนสถาปนิกจะออกแบบและสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาจากพื้นที่ว่างเปล่า
จินตนาการจึงเป็นเรื่องสำคัญ
กานต์เชื่อเหลือเกินครับว่า การสร้างสรรค์งานศิลปะ หรือกระทั่งการจะออกแบบอาคารขึ้นมาสักหลัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะงานที่มีความ Commercial จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบมากมายเพื่อให้ขายได้ เช่น ดีไซน์ การจัดวางฟังก์ชั่นใช้สอย ทำเลที่ตั้ง การวางราคาขาย สุดท้ายก็เพื่อให้โดนใจผู้ซื้อมากที่สุด
ผมนึกไปถึงคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 19 ชื่อ Noble BE19 ที่เพิ่งไปเยี่ยมชมโครงการมา อดเขียนถึงไม่ได้ว่า อะไรที่ทำให้คอนโดนี้มีความน่าสนใจ
เรื่องแรกเลยคือ #ทำเล Mid sukhumvit จุดเด่นเลยคือเข้าออกได้ 2 ทางคือซอยสุขุมวิท 19 และซอยสุขุมวิท 15 อย่าลืมว่านี่คือใจกลางกรุงเทพย่านอโศก คอนโดที่โลเคชั่นได้เปรียบเรื่องการเดินทางจะกลายเป็น Rare Item มาก ๆ จุดเด่นของ Noble BE19 คือสามารถทะลุออกถนนสายหลักได้หลายทาง ทั้งยังสามารถเดินไปยังสถานี Interchange ของรถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้สบาย
แม้ Noble BE19 จะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร แต่ได้วางผังไปทางแนวทิศเหนือ-ใต้ ทำให้ได้เรื่องของทิศทางลมและไม่บังวิวกันเอง ส่วน #พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มมาก แยกส่วนให้ Tower A และ Tower B ไว้ แต่ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้งานร่วมกันได้
ถามว่า Noble จำเป็นต้องออกแบบให้มี #สวนสีเขียว เยอะ ๆ หรือไม่ เอาพื้นที่ที่เฉือนออก ไปทำเป็นห้องพักขายดีกว่า ผมว่า ด้วยการออกแบบของสถาปนิกที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยมาก่อนนี่แหละ ทำให้กลายเป็นหน้าที่ของงานสถาปัตยกรรมที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขในพื้นที่ของตนมากที่สุด
อีกจุดที่อยากหยิบมาเขียนถึงคือเรื่อง #ราคา ถ้าอ้างอิงปัจจัยจากที่เขียนมาข้างต้น จะรับรู้ได้ทันทีว่าราคาขาย ณ ตอนนี้ “ไม่แพง” อย่างที่คิด แถม Noble ยังมีโปรโมชั่นมายั่วใจอีกต่างหาก อ่านรีวิวนี้จบแล้ว อาจจะยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้เป็นเจ้าของได้ครับ
กานต์อยากพาไปชมภาพและอ่านเรื่องราวของ Noble BE19 ที่นำมาฝากกันครับ
แต่เนื่องจากคอนโดนี้มี 2 Tower ผมจะแยกเขียนออกมาเป็น 2 โพสต์นะครับจะได้เล่าเรื่องให้ได้ละเอียดยิ่งขึ้น
เร่ิมจาก Tower A ก่อนครับ
โครงการ Noble BE19 นิยามตัวเองว่าเป็น “Living Seamlessly” เชื่อมชีวิตใหม่ให้ไร้รอยต่อ
Noble BE19 เป็นโครงการที่ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางได้ใหญ่อลังการและสวยมาก โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Modern Classic ที่สะท้อนความเรียบง่ายผ่านวัสดุอย่างไม้และกระจก แต่สถาปนิกได้เพิ่มลูกเล่นของ Sky Lounge ด้วย Wallpaper ลายกราฟฟิคและทรงเรขาคณิตคุมโทนสีน้ำตาล เพื่อให้ห้องดูมีมิติและดูน่าสนุกมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากโครงการมีจุดเด่นเรื่องทำเล คือ Mid sukhumvit เชื่อมต่อไปได้ในหลายพื้นที่ ทั้งอโศก นานา เพชรบุรี ทองหล่อ เอกมัย
ผมจึงใช้วิธีขับรถลงทางด่วนจากนั้นลัดเลาะมาจากอโศก จนมาถึงซอยสุขุมวิท 19 ผ่านโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยมาก็ถึงเลยครับ
โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-2-95 ไร่ สองอาคารออกแบบให้ดูกลมกลืนกันแยกไม่ออกคิดว่าเป็นอาคารเดียว ใช้ระบบเข้าออกโครงการอัตโนมัติแบบ Access Control และ Key Card และระบบ CCTV เพื่อรักษาความปลอดภัย
ด้านหน้าโครงการมีป้ายชื่อโครงการทำด้วยหินอ่อนสีขาวดูเรียบหรู ตัดกับสีเขียวของไม้พุ่มและต้นไม้ที่ปลูกไว้ตั้งแต่ทางเข้าเป็นแนวยาวลึกเข้าไป คู่ขนานกับถนนออกแบบให้เป็นทางเท้าเดินสบายๆ ครับ ราวกับเป็นโอเอซิสใจกลางเมือง
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบอาคารใหญ่ที่เชื่อมกันบริเวณชั้นล่าง พร้อมกับจัดวางกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ฟอร์มสวย ราวกับเป็นงานประติมากรรมทำหน้าที่ต้อนรับทุกคน
มองไปรอบๆ อาคาร เห็นมีการจัดวางที่นั่งสีขาวเอาไว้ท่ามกลางสวนสีเขียว เรียกได้ว่าเป็นฟีลลิ่งที่ต่อเนื่องมาจากด้านหน้าโครงการ
นอกจากนี้ บริเวณทางเข้ายังตกแต่งด้วยน้ำพุเพื่อเพิ่มความสดชื่นด้วยครับ
มุมมองเมื่อเข้ามาด้านในผ่านกระจกใสไปยังส่วน Lobby ของ Tower A
ผมเลี้ยวรถเข้าไปที่ช่องจอด Visitor ซึ่งต้องขับผ่านลานจอดรถของลูกบ้านซึ่งอยู่ที่อาคาร B ครับ ในส่วนของพื้นที่จอดรถของโครงการจะคิดเป็น 63% (ไม่รวมการจอดแบบซ้อนคัน) แบ่งเป็นชั้นใต้ดิน 6 ชั้น, ชั้น Ground และชั้น 2 ครับ
โครงการ Noble BE19 เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร แบ่งเป็น Tower A ความสูง 48 ชั้น จำนวน 384 ยูนิต และ Tower B มีความสูง 27 ชั้น จำนวน 202 ยูนิต รวมทั้งโครงการมี 586 ยูนิต
ออกแบบได้เรียบง่ายสไตล์ Modern Classic ที่ดู Timeless โดดเด่นด้วย Fin สีน้ำตาลแชมเปญวางเป็นเส้นแนวยาว
โดยโครงการได้จัดวางตำแหน่งของ 2 อาคารไปตามแนวเหนือใต้ทำให้ตำแหน่งห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศที่รับลมได้ดี มีการถ่ายเทของอากาศ
ส่วนเรื่องของวิวทั้งสองด้านก็จะแตกต่างกันออกไปครับ ใครชอบวิวสีเขียวๆ ของต้นไม้ แนะนำให้เลือกฝั่งทิศเหนือครับ เพราะระเบียงห้องจะหันไปทางพื้นที่ของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
ใครชอบ City View ก็แนะนำว่าเลือกห้องทางด้านทิศใต้จะได้เรื่องแสงสีสวยของอาคารน้อยใหญ่ในกรุงเทพฯ
ส่วนห้องมุมก็จะได้เปรียบมากขึ้นเพราะได้วิวฝั่งตะวันตกและตะวันออก ชม Sunset Sunrise ได้จากในห้องเลยทีเดียว
เนื่องจากโครงการ Noble BE19 มีด้วยกัน 2 อาคาร รีวิวนี้ผมจะเล่าในส่วนของอาคาร A กันก่อนนะครับ เพราะมีรายละเอียดเยอะเหมือนกัน
แม้จะมีด้วยกัน 2 อาคาร แต่ลูกบ้านสามารถมาใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ทั้ง 2 อาคารเช่นกันครับ เพราะพื้นที่ส่วนกลางทั้งสวน สระว่ายน้ำ ฟิตเนส แต่ละอาคารก็มีความสวยงามน่าสนใจแตกต่างกันไป ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายดีขึ้นครับ
บริเวณ Lobby ตกแต่งได้เรียบหรูดีครับ ผมชอบลายเส้นของตัวอาคารช่วยให้ดูสูงโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ดีไซน์เนอร์ออกแบบลูกเล่นให้มีความต่อเนื่องของ Fin สีน้ำตาลแชมเปญที่เป็นเส้นตรงจากด้านบนมาจนถึงด้านล่าง และสอดรับกับดีเทลการออกแบบ Lobby ที่มีลายเส้นบริเวณผนังเช่นกัน Element ต่างๆ ในงานออกแบบจะสื่อสารถึงความไร้กาลเวลาหรือว่า Timeless
เรียกได้ว่าแม้เวลาจะผ่านไปแต่ดีไซน์ของอาคารก็จะยังคงสวยเสมอ
พาเดินเข้ามาด้านในครับ ผ่าน Mail Room ขนาดใหญ่ดีไซน์เรียบหรู ใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการออกแบบตู้จดหมายเป็นแนวลึกเข้าไป ประดับซ่อนไฟทำให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
มาถึงที่โถงลิฟต์ซึ่งอยู่ด้านในจะพาขึ้นไปชม Sky Lounge กันก่อน ผมสังเกตว่าลิฟต์ที่นี่มีขนาดสูงแบบ High Ceiling พร้อมกับออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดด้วยครับ
Facility ของ Tower A จะอยู่ที่ชั้น 44-45 เป็นหลักซึ่งจะต่างจาก Tower B ที่กระจายกันไปในหลายชั้น
ถึงกระนั้นผมว่า Facility ของโครงการ Noble BE19 ดูเหมือนจะจัดมาให้เยอะที่สุดเท่าที่โครงการของ Noble เคยมีมา ไม่ว่าจะเป็น English Contemporary Garden, Lobby, Semi Outdoor Lobby, Lobby Lounge, Salt-Water Swimming Pool (Lap Pool), Sky Jacuzzi and Reclining Pool, Recreation Area, Sauna, Steam, Fitness + Sky Fitness, Sky Lounge, Sky Game Room, Laundry Room, BBQ Area, Playground และ Meeting Room
ส่วนชั้น 46-48 จะเป็น Penthouse ทั้งหมด 6 ห้องครับ
Sky Facility ชั้นบนจะประกอบด้วย Sky Lounge Sky Jacuzzi and Reclining Pool พร้อมพื้นที่เปิดโล่งที่จัดวางเก้าอี้ไว้นั่งเล่น
Sky Lounge มีขนาดใหญ่มากครับ ตกแต่งอย่างโดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Modern Classic ผมชอบการนำไม้และกระจกเข้ามาผสมผสานกับ Wallpaper ลายกราฟฟิคและทรงเรขาคณิตคุมโทนสีน้ำตาล ทำให้ห้องดูมีมิติและดูน่าสนุกกมากยิ่งขึ้น
ภายในแบ่งพาร์ทการใช้งานออกแบบพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งจัดวางชุดโซฟากระจายออกไปในหลายจุด พร้อมชั้นหนังสือซึ่งทำหน้าที่เป็น Partition คอยกั้นแต่ละมุมให้เกิดความเป็นส่วนตัว
ผมชอบการเลือกหนังสือขึ้นมาเข้าชั้นให้บริการลูกบ้านได้อ่านกัน ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายแนว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ งานดีไซน์ อาหาร การตกแต่งภายใน และการใช้ชีวิตแบบเรียบแต่โก้ ตามสไตล์ของ Noble ครับ
ด้านในจะเป็น Pantry ซึ่งจัดเตรียมเคาน์เตอร์ครัวไว้ให้พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 8 ที่นั่งเพื่อให้ลูกบ้านได้สังสรรค์กันในวิวลอยฟ้าช่วยเสริมอรรถรสให้อาหารมื้อพิเศษมื้อนี้ครับ
Facility ชั้นนี้จะมีด้วยกัน 2 ฝั่งกินพื้นที่เต็มชั้น นอกเหนือจาก Sky Lounge แล้วยังมีห้องน้ำตรงกลางพร้อมบริการ Sauna และ Steam สำหรับลูกบ้านทั้ง 2 อาคาร
ส่วนด้านขวาจะเป็นพื้นที่ของ Sky Jacuzzi Pool & Reclining Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกไว้ให้ความร่มรื่น
ถ้ามองจากภายนอกเข้ามาจะพบว่าสระว่ายน้ำดูสดชื่นสบายๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่นพักผ่อนมากกว่าจะว่ายออกกำลังกายจริงจัง พร้อมระบบ Jacuzzi and Bubble Jet ที่ช่วยให้ผ่อนคลายไปพร้อมกับการเปิดรับวิวชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
อีกทั้งยังจัดพื้นที่ในส่วนของ Sun Deck ริมสระเพื่อการพักผ่อนในวันสบายๆ ให้เราได้นอนพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครจากชั้น 45 ด้วยครับ
จัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้ กระจายไปตามจุดต่างๆ ในบริเวณชั้นนี้เพื่อให้ลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ
Facility ของ Tower A จะมีด้วยกัน 2 ชั้น ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยโถงบันไดที่ตกแต่งด้วยลวดลายกราฟฟิคในสไตล์ Mid-Century ที่ยังคุมโทนสีน้ำตาลเป็นหลัก
โถงบันไดจะมีช่องแสงจากหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่เต็มผนัง พร้อมทั้งติดตั้งม่านไฟฟ้าเพื่อสามารถเปิดปิดได้ หากมีแสงเข่้ามารบกวนมากเกินไป เสริมความเรียบหรูด้วยแชนเดอเลียร์ดีไซน์สีเหลืองทองอร่าม ประดับไว้บริเวณโถงบันไดเพื่อให้ดูคลาสสิคมากยิ่งขึ้น
ชั้นล่างของ Sky Facility จัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่ รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มาก เพื่อเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน เช่น พ่อกับลูกชายกำลังเล่นพูลกันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่คุณแม่นั่งอ่านคู่มือทำอาหารเพื่อเตรียมมื้อเย็นอยู่ใกล้ๆ เป็นการใช้เวลาร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว
นอกจากนี้ยังมี Game Room ที่จัดวางโต๊ะพูลเอาไว้ด้านในพร้อมบอร์ดเกมเพื่อความบันเทิงของลูกบ้านในทุกช่วงวัย
ขณะที่อีกฝั่งจะเป็น Sky Fitness ซึ่งวิวสวยมากครับ สามารถออกกำลังกายจากชั้น 44 และชมวิวได้
ทางโครงการได้จัดเตรียมอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้อย่างหลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการทั้งแบบฟรีเวทและแมชชีน
ผมชอบตรงที่การจัดให้ลู่วิ่งอยู่ริมหน้าต่าง เราสามารถออกกำลังกายพร้อมทั้งดูวิวสบายตา จะได้บรรเทาความเหนื่อยครับ
พักจาก Facility มาดูกันที่ห้องตัวอย่างแบบ Fully Furnished กันบ้างครับ
โครงการเน้นให้มีจำนวนห้องต่อชั้นค่อนข้างน้อย เช่น ใน Tower A จะมีเพียง 9 ห้องต่อชั้นเท่านั้น โดยได้มีการจัดห้องตัวอย่างไว้ให้ชมด้วยกัน 3 Roomtype
เริ่มจาก แบบ 1 ห้องนอน Type 1A ขนาด 44.55 ตร.ม. ห้องนี้เรียกว่าเป็นคอมแพคไซส์ที่เหมาะกับใครมีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เพราะห้องอาจจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ออกแบบผังให้ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้สอย ที่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยใจกลางเมือง ด้วยทำเลที่ยอดเยี่ยมมากของโครงการนั่นเอง
ด้านหน้าโถงทางเข้า เป็นประตูปิดผิวลามิเนตลายไม้บานใหญ่พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ออกแบบให้โถงด้านหน้าประตูเป็นที่เก็บของพร้อมชั้นเก็บรองเท้าโดยห้องตัวอย่างเลือกใช้สีดำเพื่อให้เกิดการพรางไปพร้อมกับพื้นที่บริเวณด้านหน้า
เท่าที่ผมสังเกต Noble มักจะออกแบบโครงการที่เน้น Concept การใช้ชีวิตที่แตกต่างของผู้อยู่อาศัย จึงทำให้ห้องส่วนใหญ่จึงเป็นแบบ Partly Furnished เพื่อให้เราได้ตกแต่งตามสไตล์ จึงเป็นการขายแบบ Fully Fitted คือ Built-in ให้บางส่วนและที่เหลือให้เราได้ใช้จินตนาการกับบ้านในฝันกันต่อ ก็ดูจะ Flexible ดีครับ
ทางโครงการขายห้องทั้งแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished โดยได้ Built-in ชุดครัวมาให้ครบครันทั้งเตาไฟฟ้าของ MEX เครื่องดูดควันยี่ห้อ BEST Microwave Oven จาก SMEG อ่างล้างจานวางขนานเป็นแนวยาวไปกับหน้าห้องพร้อมกับช่องสำหรับติดตั้งตู้เย็นเพิ่มเติม
ใกล้กันจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3 ที่นั่งติดผนังเอาไว้เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ สามารถขยับออกมาให้เป็นแบบ 4 ที่นั่งได้ด้วยครับ
ด้านในจะเป็น Living Area ซึ่งมีความโอ่โถงด้วยเพดานที่สูงกว่ามาตรฐานของคอนโดทั่วไปที่มักจะมีความสูงต่อชั้นเพียง 2.6 เมตร แต่สำหรับโครงการ Noble BE19 เพดานห้องถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจเพราะมีความสูงมากถึง 3 เมตร ช่วยให้ห้องมีปริมาตรที่เพิ่มขึ้น ห้องดูโปร่งโล่งสบาย อยู่แล้วไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
Living Area ผมว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมกับเก้าอี้อีกสักตัว ซึ่งถ้าใครซื้อแบบ Fully Furnished ทางโครงการก็จัดที่นั่งมาให้แล้วครับ หรือใครอยากจะเพิ่มโต๊ะกลางเข้ามาก็สามารถจัดวางได้เช่นกัน อย่าลืมเลือกให้แมทช์กับชุดโซฟาแต่ทว่าไม่จำเป็นต้องคอลเลคชั่นเดียวกันเสมอไป เพื่อความสนุกในการพักอาศัย ฝั่งตรงข้ามโซฟาสามารถติดตั้งตู้ลอยหรือคาบิเนทเพื่อวางทีวีสัก 55 นิ้วไม่เกินจากนี้ กำลังเป็นระยะที่รับชมได้สบายตา
แต่หากเบื่อบรรยากาศภายในห้องก็สามารถเดินออกไปชมวิวนอกระเบียง ถ้าใครเลือกทิศเหนือก็จะได้วิวต้นไม้สีเขียวๆ สบายตา แต่ถ้าเป็นห้องที่ระเบียงหันออกไปทางทิศใต้ก็สามารถหาไม้กระถางสวยๆ มาวางเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในและทำให้มีกิจกรรมเพิ่มขึ้น
ถัดจาก Living Area จะเป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำอยู่ด้านใน ซึ่งถือเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่พอสมควรครับ ขนานไปกับส่วนนั่งเล่นด้านนอก
ไล่เรียงจากระเบียงจะเป็นโซนพักผ่อน เราสามารถจัดวางเตียง King Size ได้สบายๆ เลยครับ แต่ถ้าเป็นเตียง Queen ก็จะได้พื้นที่รอบเตียงที่เพิ่มมากขึ้น
ด้านข้างที่ติดกับประตูระเบียง สามารถเปิดออกไปสูดอากาศชมพระอาทิตย์ขึ้นหลังตื่นนอนได้
ขณะที่หัวเตียงอีกข้างอาจจะเลือกเป็นชั้นวางแบบลอยตัวเพื่อให้ไม่รู้สึกแน่นจนเกินไป หรือใครอยากจะวางเป็นตู้เตี้ยสำหรับเก็บของสำคัญไว้ก็ได้เช่นกัน
ส่วนปลายเตียงที่ห้องตัวอย่างเลือกเป็นตู้ยาวติดผนังเพื่อให้มีพื้นที่ว่างปลายเตียงมากขึ้น แนะนำว่าถ้าใครอยากจะดูทีวีสามารถเลือกเป็นวิธีแขวนกับผนังก็จะช่วยให้ห้องดูโล่งมากยิ่งขึ้น
พาไปชมห้องตัวอย่างห้องถัดไปครับ ซึ่งจะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ Type B2 ขนาด 67.49 ตร.ม. ทำให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์และใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองเช่นกัน อาจจะเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีด้วยกันพ่อแม่ลูก
ยิ่งถ้าใครส่งลูกเข้าเรียนที่วัฒนาวิทยาลัยผมว่าสบายเลยครับ ตื่นสายได้อีกนิด ไม่ต้องเสียสุขภาพจิตจากรถติดและได้มีเวลาใช้ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ สดชื่นของต้นไม้สีเขียวที่ปลูกไว้เต็มโครงการครับ
ผมแบ่งห้องตัวอย่างนี้ออกเป็น 2 โซนง่ายๆ คือ Common Area ซึ่งจะอยู่บริเวณโถงทางเข้า ส่วนถัดไปจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ซึ่ง Master Bedroom ออกแบบให้อยู่ด้านในสุด
Common Area ประกอบไปด้วยพื้นที่ของมุม Living ด้านในสุดซึ่งได้วิวดีเพราะติดประตูกระจกบริเวณริมระเบียง
ด้วยความที่เพดานห้องสูงถึง 3 เมตร ทำให้เราจะได้ประตูกระจกบานเลื่อนที่สูงใหญ่ Floor to Ceiling เป็นการเปิดช่องแสงให้ส่องเข้ามาได้ถึงด้านใน ทำให้ประหยัดพลังงานไปได้ในช่วงเวลากลางวัน แทบไม่ต้องเปิดไฟภายในห้องเลยครับ และถ้าเปิดประตูออกก็จะได้เรื่องความ Flow ของอากาศภายในห้อง ส่วนแอร์เป็นแบบ Ceiling Conceal
Living Area จัดวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ชิดริมผนัง พร้อมทั้งจัดให้มีเก้าอี้อีกสักตัวที่มีดีไซน์เก๋ไม่แพ้กัน ก็จะดูลงตัวมากยิ่งขึ้นครับ
ผมเห็นห้องตัวอย่างที่ตกแต่งให้ดูแล้ว นึกไปถึงช่วงเวลาหน้าหนาวใกล้คริสมาสต์เข้ามาทุกที มีแดดอ่อนๆ ตอนบ่าย พอให้อบอุ่นใจในห้องที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย
มีผ้าคลุมหนาๆ วางไว้ช่วยคลายหนาว นึกไปถึงฟีลลิ่งของบ้านที่มีเตาผิงคอยให้ความอบอุ่นใจ สมาชิกในครอบครัวนั่งจิบเครื่องดื่มร้อนพร้อมกับดูทีวี ช่างเป็นจินตนาการที่ทำให้ฟินมาก หลังจากที่ได้เข้ามาชมห้องตัวอย่างห้องนี้
พื้นที่ของครัวด้านหน้าซึ่งโครงการได้ติดตั้งชุดครัวไว้ให้เรียบร้อยแล้ว Spec อย่างที่เคยเขียนไว้ ใกล้กันเป็น Dining จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง
ส่วนห้องนอนทั้งสองจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในโดยเริ่มจาก Master Bedroom กันก่อนครับ
ขณะที่ด้านในจะเป็นโซนแต่งตัว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ฉากกั้นเพื่อความเป็นสัดส่วนมากขึ้น และเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวด้วยครับ
Master Bedroom ของห้องนี้มีจุดเด่นคือจะได้เรื่องความกว้างของห้องที่จัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ริมประตูกระจกที่เปิดออกไปเป็นระเบียงได้และได้เรื่องเปิดรับแสงธรรมชาติและลม Flow เข้ามา
ส่วนห้องนอนรอง ผมชอบการตกแต่งห้องตัวอย่างห้องนี้มาก โดยเฉพาะการใช้กิมมิคของกระจกแผ่นเล็กๆ ต่อกัน เข้ามาช่วยให้ดูกว้างและมีมิติ เป็นไอเดียซนๆ ที่น่าสนใจดี
ห้องตัวอย่างอีกห้องของ Tower A ดีไซน์เก๋ไม่แพ้กัน เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน Type A5 ขนาด 46.89 ตร.ม.
ด้วยขนาดห้องที่กว้างกว่าห้องแบบ 1 ห้องนอนที่เราเคยไปชมในตอนแรก ทำให้ห้องนี้สามารถตกแต่งให้มีลูกเล่นได้มากขึ้น การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่จัดเต็มมากขึ้น พร้อมชุดครัวที่ทางโครงการติดตั้งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้สะดวกในการเข้าอยู่มากขึ้น
ห้องนี้ค่อนข้างจะโดนใจผมมาก ด้วยการเลือกใช้โทนสีส้มของเฟอร์นิเจอร์ช่วยเพิ่มความสดใส ตัดกับสีเทาเข้มและค่อยๆ ไล่เฉดลงมาเป็นเทาอ่อน ทำให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Dining Area ที่มีความโดดเด่น และโต๊ะที่ดีไซน์เก๋นำเทรนด์มาก
ผมว่าห้องนี้ก็ยังคงไม่ทิ้งลายเซ็นต์ในแบบของ Noble คือการให้ประตูกระจกที่กว้างและสูง Floor to Ceiling ประกอบกับความที่ห้องสูงถึง 3 เมตร (ผมว่ามันคือจุดเด่นที่หายากจริงๆ นะ) เพราะจะทำให้ห้องโปร่ง โล่ง อยู่สบายมากขึ้น ผมถึงได้ค่อนข้างชอบห้องนี้ เหมาะสำหรับใครที่อยากจะได้ 1 ห้องนอนที่มี Space เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
ส่วนของห้องนอนก็ดูจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยไล่เรียงฟังก์ชั่นการใช้งานคล้ายคลึงกับห้อง 1 ห้องนอนก่อนหน้านี้ คือจะมีเตียงอยู่ริมประตูกระจกเพื่อเปิดรับลมชมวิวได้สบายๆ
ถัดไปตรงกลางจะเป็นโซนแต่งตัวพร้อมกับติดตั้งโต๊ะเครื่องแป้งไว้ฝั่งตรงข้าม ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำ
#โดยสรุป ในพาร์ทแรกของ Tower A กับ Noble BE19 โครงการที่ผมยกให้เป็น Hidden Gems สวยสง่าทว่าอยู่อย่างสงบใจกลางสุขุมวิทย่านอโศก
อยากจะเรียกว่าเป็นคอนโดมิเนียม Flagship ของ Noble อีกแห่งหนึ่งต่อจากเพลินจิต ผมได้พาไปชมพื้นที่ส่วนกลางซึ่งจัดเต็มมาก โดยเฉพาะ Sky Facilities ทั้งหลาย ซึ่งลูกบ้านทั้ง 2 อาคารสามารถมาใช้งานร่วมกันได้ เดี๋ยวรีวิวหน้าจะพาไปชมในส่วนของ Tower B กันดูบ้างครับ
อีกจุดที่ผมชอบคือพื้นที่สีเขียวซึ่งทางโครงการได้ปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก จนทำให้เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับคอนโดในทำเล Mid sukhumvit แห่งนี้ที่ยากจะหาใครเทียบได้
แต่ที่ต้องยกนิ้วให้เลยคือเรื่องทำเลและความสะดวกในการสัญจรใจกลางกรุงเทพย่านสุขุมวิท การที่เราสามารถเข้าซอกเข้าซอยเพื่อเลี่ยงรถติด เพราะโครงการสามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือซอยสุขุมวิท 15 และสุขุมวิท 19 เอาเป็นว่ามันคือข้อได้เปรียบสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์และพักอาศัยอยู่ในย่านนี้ครับ