Narinsiri Rama 9 – Krungthep Kreetha

“𝐋𝐚𝐤𝐞𝐬𝐢𝐝𝐞 𝐞𝐥𝐞𝐠𝐚𝐧𝐜𝐞 𝐢𝐬 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐮𝐧𝐝𝐞𝐫𝐬𝐭𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐥𝐮𝐱𝐮𝐫𝐲. 𝐓𝐡𝐢𝐧𝐤 𝐨𝐟 𝐬𝐨𝐟𝐭 𝐥𝐢𝐧𝐞𝐧𝐬, 𝐰𝐞𝐚𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞𝐝 𝐰𝐨𝐨𝐝𝐬, 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐩𝐚𝐥𝐞𝐭𝐭𝐞 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐦𝐢𝐫𝐫𝐨𝐫𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐰𝐚𝐭𝐞𝐫’𝐬 𝐜𝐡𝐚𝐧𝐠𝐢𝐧𝐠 𝐦𝐨𝐨𝐝𝐬 – 𝐟𝐫𝐨𝐦 𝐦𝐢𝐬𝐭𝐲 𝐠𝐫𝐚𝐲𝐬 𝐭𝐨 𝐝𝐞𝐞𝐩 𝐛𝐥𝐮𝐞𝐬.”

.

เราชอบวลีนี้ที่ Ralph Lauren – Fashion & Lifestyle Designer ชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ความสง่างามริมทะเลสาบคือความหรูหราที่เรียบง่าย”

กานต์ว่าเสน่ห์ของธรรมชาติคือความเป็นธรรมชาติ วลีนี้สะท้อนถึงนัยยะหลายประการเหลือเกินเพียงคำพูดสั้นๆ

.

หนึ่ง ธรรมชาติคือความงดงาม น่าหลงใหล สงบ ร่มเย็น เรียบง่าย เพราะล้วนมีความสวยงามอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว อัตลักษณ์ของธรรมชาติคือการทำหน้าที่มอบความสุขให้กับทุกสรรพสิ่งบนโลกโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ของการดำเนินชีวิต

.

อีกนัยยะของความเป็นธรรมชาติคือการที่เราได้เป็นตัวของตัวเอง การได้เติบโตและเรียนรู้เกิดจากครอบครัวที่อบอุ่น ภายใต้สังคมแห่งความรักและการแบ่งปัน

.

“Mastering the Art of Serenity” จึงเป็นอีกหนึ่งวลีที่ยกขึ้นมาเพื่อจะบอกเล่าเรื่องราว เพราะเราคิดว่ามีความหมายดีมาก บ่งบอกถึงตัวตนอัตลักษณ์ที่ชัดเจนในการใช้ชีวิตแต่ละย่างก้าว การเลือกสรรบ้านสักหลังที่ดีมีคุณภาพ ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโครงการบ้านคุณภาพสูงระดับ Super Luxury ที่โดดเด่นบนโลเคชั่นพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา

.

กานต์กำลังบอกเล่าถึง ณริณสิริ (NARINSIRI) พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา โครงการ Private Luxury Residence จากแสนสิริที่ทำให้เราได้ผสานชีวิตให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ บนทำเลที่มีศักยภาพ

.

ความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดคือการออกแบบงานภูมิสถาปัตย์นำเสนอผ่านแนวคิด Lakeside Elegance เป็นความเกี่ยวเนื่องผูกพันกับสายน้ำ ธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นหัวใจหลักของโครงการ มาพร้อมกับ Private Luxury Residence 2 ชั้น ในสไตล์ Georgian Revival ที่สวยงาม หรูหรา ทว่ายังคงความคลาสสิคไร้กาลเวลา

.

สัมผัสแรกที่เราพบ คือความเงียบสงบ โปร่งสบายด้วยพื้นที่สวนและ Clubhouse ขนาดใหญ่ ได้ยินเสียงน้ำพุที่ตกกระทบผืนน้ำใน Lake ตลอดเวลา ให้ความรู้สึกร่มรื่น เย็นสบาย เหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในทุกวันของเราและสมาชิกในครอบครัว กลับมาจากทำงานนอกบ้านก็พลันหายเหนื่อยขึ้นมาทันที เพราะมีธรรมชาติคอยฮีลใจเรา

.

ท่ามกลางความเรียบง่าย เรากลับสัมผัสได้ถึงความสง่างาม ทว่าแฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนของงานออกแบบ ด้านหน้าเป็น Lake ขนาดใหญ่เคียงคู่สระว่ายน้ำและ Clubhouse ท่ามกลางสวน ต้นไม้และไม้ดอกหลากสีที่ชูช่อรอทักทายเราตลอดเวลา มีพื้นที่นั่งพักผ่อนทั้งในห้องปรับอากาศและกลางแจ้งแบบ Open Air ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแวดล้อม

.

กานต์พาไปสัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติและการพักอาศัยระดับ ลักซ์ชัวรีที่ ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ติดตามเรื่องราวต่อด้านในได้เลยครับ

.

Narinsiri Rama 9 – Krungthep Kreetha

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่

https://siri.ly/jChMSp3 หรือโทร. 1685

#Narinsiri#ณริณสิริ#พระราม9#กรุงเทพกรีฑา#Sansiri

โครงการณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 29 ไร่ ให้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนบ้านเพียง 56 ยูนิต มาพร้อมกับที่ดินขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกโปร่ง ผ่อนคลาย เติมเต็มแรงบันดาลใจ ซึ่งเราจะได้พบบรรยากาศแบบนี้ในทุกวันที่นี่
“Lakeside Elegance” เป็นคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากโครงการอื่นในทำเลนี้ มีความโดดเด่นด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่เคียงคู่ Clubhouse ดีไซน์สวยหรู ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของหลายคนในยุคนี้ที่มองหาธรรมชาติและความสุขในทันทีที่ใช้ชีวิต เราสามารถสัมผัสได้ทันทีที่โครงการณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา
ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เป็น Private Luxury Residence งานดีไซน์ในแบบ Georgian Revival ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของยุโรป นำเสนอความสง่างามเหนือกาลเวลา ที่มาพร้อมการออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่กับการใช้งานภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมดุลกับแต่ละวันตามความต้องการอย่างมีคุณภาพเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ประณีตจนกลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ที่ดีที่เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน
ด้วยความที่แสนสิริมีแนวคิด Green Living Designed Home จึงทำให้บ้านทุกหลังมาพร้อมพลังงานสะอาด ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนวัตกรรมที่ทำให้บ้านเย็น แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือเครื่อง EV Charger ที่ถูกติดตั้งในบ้านทุกหลังหรือแม้แต่ส่วนกลางของโครงการที่ใช้ไฟจาก Solar Cell เป็นหลัก เสาไฟฟ้าถูกนำลงดินทั้งโครงการไม่มีรอยบนผิวถนนเพื่อคงทัศนียภาพการอยู่อาศัย ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างละเอียดและใส่ใจ
ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านศรีนครินทร์-ร่มเกล้า หรือที่เราเรียกว่ากรุงเทพกรีฑา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนออกต่างจังหวัดไปทางมอเตอร์เวย์ก็ได้ หรือจะเข้าฝั่งพระราม 9 เอกมัย ทองหล่อ สุขุมวิท โดยใช้ทางด่วนพระราม 9 – ศรีนครินทร์ก็สะดวกมาก

ย่านนี้ถือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสถานศึกษาชั้นนำตั้งแต่ Brighton College Bangkok ไปจนถึงโรงเรียนชั้นนำ Ascot International School Bangkok, Wellington International School และ Mandarin International School สำหรับครอบครัวที่มองหาทางเลือกที่สะดวกมากในการตอบโจทย์ความต้องการในทุกวัย

ทั้งยังรายล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร Community Mall อย่าง Little Walk ที่อยู่ใกล้เพียง 550 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี Market Place และ The Park Avenue ฯลฯ ขับรถออกไปอีกนิดจะเจอโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลกรุงเทพ ทั้งหมดนี้ ที่ช่วยสร้างความอุ่นใจและความสะดวกสบาย หรือหากใครที่มองหาที่อยู่ใกล้สนามกอล์ฟ ก็ถือว่าตอบโจทย์ทุกมิติ ทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยจริง ๆ
ด้านหน้าโครงการมีระยะ Setback จากถนนหลักเข้ามาพอประมาณ ทำให้เปิดพื้นที่สีเขียวด้านหน้าได้อย่างโดดเด่นและเป็นความเงียบสงบในการพักอาศัย
Main Gate ขนาดใหญ่มีวงเวียนน้ำพุที่เปลี่ยนสีได้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน งานดีไซน์ในทุกจุดจึงสอดรับกับภาพรวมของโครงการที่มีความเป็นยุโรปคลาสสิกสุดหรูหรา เป็น Private Community ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและอยากใช้ชีวิตสงบเงียบภายในบ้านของเรา
ทันทีที่เข้าไปภายในโครงการ เราจะได้สัมผัสถึงความเงียบสงบ ด้วยการออกแบบให้มีแนวต้นไม้น้อยใหญ่คอยทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์กั้นเสียงรบกวนจากภายนอก ราวกับได้พักผ่อนอย่างเงียบสงบอยู่ในรีสอร์ตหรูท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติ ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ร่มรื่นมาก
การรักษาความปลอดภัยเน้นความเป็นส่วนตัว พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสูง โดยผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยปกติ ภายใต้ระบบ LIV-24 ซึ่งเป็นมาตรฐานของแสนสิริ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบกล้อง CCTV ที่จะส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบความผิดปกติ รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และเสริมด้วยระแนงที่สูงเป็นสองเท่า ประตูรั้วโครงการเป็นแบบ Double Gate พร้อมระบบ LPR (License Plate Recognition) สำหรับตรวจจับและบันทึกป้ายทะเบียนรถโดยอัตโนมัติ ส่วนการเข้า-ออกของผู้มาติดต่อใช้ระบบ VMS (Visitor Management System) ที่สามารถบันทึกภาพผู้มาติดต่อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย
จาก Main Gate มายัง Clubhouse ด้านหน้า ใช้เวลาไม่นานนัก ภาพรวมของพื้นที่ส่วนกลางไล่เลเยอร์เรียงกันจากด้านหน้าไปจนถึงด้านใน เริ่มจาก Lake ขนาดใหญ่พร้อมน้ำพุดีไซน์เป็นวงกลม 2 ฝั่ง เติมเต็มโสตสัมผัสด้วยเสียงของน้ำพุที่ตกกระทบผืนน้ำ ยามใกล้ค่ำตอนเปิดไฟช่างเป็นภาพที่สวยงามมากๆ ครับ
ถัดเข้ามาเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็กพร้อมโซน Jacuzzi รอบสระจัดให้มี Sun Bed วางไว้ให้ลูกบ้านได้นั่งผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติและลมเย็นๆ ที่พัดไอน้ำมากระทบผิวกายในวันหยุดสบายๆ
ติดกันมีทางเดินตามแนวสระว่ายน้ำเชื่อมต่อกับ Lake ด้านหน้าทำให้รู้สึกได้ว่าผืนน้ำช่างกว้างใหญ่ สามารถมาเดินเล่นรับลมชมวิวได้ เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มารอเด็กๆ เรียนว่ายน้ำหรือทำกิจกรรม ออกกำลังกายในสระ

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีโซนล้างตัวเป็นชาวเวอร์ให้อาบน้ำทำความสะอาด อยู่ด้านหน้าก่อนลงสระและมีห้องน้ำแยกสำหรับชาย-หญิง พร้อมห้องอาบน้ำและ Locker เก็บของด้านใน 
พื้นที่สวนส่วนกลางและ Clubhouse ของ ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ได้รับการออกแบบโดยให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ ทำให้ทุกองค์ประกอบของพื้นที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืน

ด้านหลังของ Clubhouse เป็นสวนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด ตั้งแต่ไม้โปร่งที่ให้แสงแดดส่องผ่านได้อย่างพอดี ต้นสนสูงที่เสริมความรู้สึกสงบ พุ่มไม้และไม้ดอกที่เพิ่มสีสัน ไปจนถึงไม้ยืนต้นฟอร์มโดดเด่นที่ช่วยสร้างมิติและร่มเงาให้กับพื้นที่ 
การจัดวางพรรณไม้เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบทางภูมิสถาปัตย์ แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทุกครั้งที่เดินเข้าสู่ Clubhouse เราจะสัมผัสได้ถึงอากาศที่สดชื่นและบรรยากาศที่ชวนให้ผ่อนคลาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ลมเย็นที่พัดผ่านสวนและกระทบกับผืนน้ำ ช่วยสร้างความรู้สึกเย็นสบายทั้งร่างกายและจิตใจ เปรียบเสมือนการพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตท่ามกลางเมืองใหญ่ 
ไม่เพียงแต่สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ Clubhouse แห่งนี้ยังออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตอย่างสมดุล พื้นที่ใช้สอยภายนอกถูกออกแบบให้เปิดรับแสงธรรมชาติและสายลม ฝั่งตรงข้ามมี Pavilion และชุดที่นั่งจัดวางเอาไว้ให้เรามาพักผ่อน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น 
สีเขียวของสนามหญ้าผืนใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าและสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการพักผ่อนอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ที่สบายใจดีมากครับ ตอนที่แดดส่องแสงในช่วงเวลาเช้าและยามเย็นทำให้เกิดเป็นลวดลาย หรือสาดแสงเงาเข้าไปภายใน Clubhouse ทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

ส่วนที่เฉลียงภายในอาคารก็ยังจัดวางที่นั่ง Semi-Outdoor เอาไว้ให้เราได้ผ่อนคลายและใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่แสนสงบ เรียบง่ายไปพร้อมกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว 
Clubhouse จึงไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนประตูสู่โลกแห่งความหรูหราและความคลาสสิกที่ยังคงร่วมสมัยเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับผู้ที่หลงใหลในบรรยากาศที่ร่มรื่นและการออกแบบที่มีความหมาย ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เรามองว่าที่นี่คือคำตอบของการใช้ชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างแท้จริง 
ด้วยความที่ Clubhouse ออกแบบให้อยู่ฝั่งด้านหน้าโครงการ เรียกได้ว่าเมื่อขับรถเข้ามาก็จะเจออาคารหลังใหญ่สไตล์จอร์เจียน ตั้งเด่นเป็นสง่าช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับแขกที่มารอพบได้ทันที ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้พักอาศัย หากมีแขกมาพบก็สามารถนัดหมายที่ Clubhouse ได้โดยไม่จำเป็นต้องเชิญเข้าไปภายในตัวบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

ภายนอกโดยเด่นด้วยหลังคาทรงปั้นหยาพร้อมหน้าต่าง Dormer Windows ช่วยเติมเต็มอัตลักษณ์ของ Georgian Revival Architecture 
เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณ Clubhouse รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคทองของสถาปัตยกรรมอังกฤษซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมสไตล์จอร์เจียนช่วงรัชสมัยพระเจ้าจอร์จ ยอมรับเลยว่างานดีไซน์สวยมากทั้งภายนอกและภายใน เพราะมีความโดดเด่นด้วยแรงบันดาลใจที่ได้รับจากสถาปัตยกรรมสไตล์ Georgian Revival ความสมมาตรของอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ผสานเข้ากับดีไซน์ร่วมสมัยอย่างลงตัว รายละเอียดของงานออกแบบสะท้อนถึงความพิถีพิถัน ตั้งแต่เสาโรมันขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านไปจนถึงซุ้มโค้งทรง Arch ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวอาคาร หน้าต่างกระจกใสกรอบฉลุลวดลายอันวิจิตรเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ช่วยเสริมความหรูหราให้กับ Clubhouse นอกจากจะเป็นองค์ประกอบที่สะท้อนความงามแบบยุโรปแล้ว ยังเปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องผ่านเข้ามาภายในอย่างพอดี ทำให้พื้นที่ภายในดูโปร่งโล่งและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน 
Grand Lobby ชั้นล่าง จัดวางโซฟาทรง Freeform Design บุด้วยผ้านุ่มพรีเมียม ให้สัมผัสสบายและเหมาะสำหรับการพักผ่อน โต๊ะกลางหินอ่อน เพิ่ม 
จุดศูนย์กลางของพื้นที่คือ โคมไฟ Chandelier ขนาดใหญ่ ที่แขวนอยู่กลางโถง เปรียบเสมือนงานศิลปะที่ช่วยเติมเต็มความหรูหราและสะท้อนเอกลักษณ์ของ Clubhouse ได้เป็นอย่างดี แสงไฟที่ส่องผ่านตัวคริสตัลช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราแต่ก็อบอุ่นไปพร้อมกัน
รายละเอียดของผนังและพื้นผิวที่ลงตัว ผนังตกแต่งด้วยคิ้วบัว เสริมให้พื้นที่ดูมีมิติและสะท้อนความประณีตของสไตล์คลาสสิก พื้นหินอ่อนลายหรู (Marble Flooring) ให้สัมผัสเย็นสบายและเพิ่มความหรูหราให้กับพื้นที่ 
ส่วนการตกแต่งภายใน Clubhouse ได้รับการออกแบบให้บอกเล่าถึงความโอ่อ่า สง่างาม และความอบอุ่นที่แฝงไปด้วยรายละเอียดอันประณีต พื้นที่โถง Living แบบ Double Volume ทำให้ภายในดูโปร่งสบายและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ผนังสูงตกแต่งด้วย คิ้วบัวแบบยุโรป (Wainscoting & Crown Molding) ที่เพิ่มมิติให้กับพื้นที่และเสริมบรรยากาศคลาสสิกเหนือกาลเวลา 
ภายใน Clubhouse มีพื้นที่นั่งเล่น พักผ่อนและรับรองแขกกระจายกันไปในหลายจุด ทั้งชั้นล่างและชั้นบน ล้วนหรูหราและสะดวกสบายไปกับการพักผ่อนด้วยเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่ถูกเลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน ไม่เพียงแต่คำนึงถึงดีไซน์ที่สวยงาม แต่ยังต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง เติมเต็มความรู้สึกสบายในวันพักผ่อนของลูกบ้าน 
รายละเอียดของผนังและพื้นผิวที่ลงตัว ผนังตกแต่งด้วยคิ้วบัว เสริมให้พื้นที่ดูมีมิติและสะท้อนความประณีตของสไตล์คลาสสิก พื้นหินอ่อนลายหรู (Marble Flooring) ให้สัมผัสเย็นสบายและเพิ่มความหรูหราให้กับพื้นที่ เชื่อมต่อการใช้งานทั้ง 2 ชั้นด้วยบันไดหินอ่อน พร้อมมือจับเป็นเหล็กฉลุลายสีดำที่ทำขึ้นมาอย่างปราณีต สร้างสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนช้อย งดงาม 
ชั้นบนมีพื้นที่นั่งพักผ่อนด้านนอกแยกออกเป็นมุมส่วนตัว ด้านในมี Lobby Lounge ดีไซน์ให้มีบรรยากาศของบาร์สไตล์วินเทจ จัดวางเคาน์เตอร์สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่ม อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยการออกแบบฟอร์มทรงโค้งของเพดานและผนังกระจกเพื่อให้รับกับภาพรวมของ Clubhouse 
ภายในตกแต่งด้วยโทนสี Dark Brown ดูเรียบนิ่ง เหมาะสำหรับการใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเราและเพื่อนฝูงคนสนิท ภายในจัดวางชุดโซฟาดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก จัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ 
ชั้นบนจะเป็น Fitness พื้นที่ออกกำลังกายสำหรับใครที่เป็นสายรักสุขภาพ ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง ปลอดโปร่งเมื่อใช้งานจริง เน้นเอาใจคนรักสุขภาพสายแอคทีฟ จัดวางอุปกรณ์ในการออกกำลังกายทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine โครงการติดตั้งให้เป็นของ Life Fitness แบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายชื่อดัง ที่จะมอบประสบการณ์เหนือระดับกับการออกกำลังกายในบรรยากาศของธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวให้กับเรา แต่ที่เราชอบคือการจัดวางลู่วิ่งและจักรยานสำหรับคาร์ดิโอไว้ริมผนังกระจกใส ให้เราได้ออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวสวนไปพลาง ทำให้ระหว่างออกกำลังกายเราจะได้รู้สึกสดชื่นไปกับพื้นที่สีเขียว ช่วยให้คลายเหนื่อยลงไปได้บ้าง 
อีกฝั่งของชั้นบนยังมี Pilates Room เป็นส่วนตัวสำหรับคุณผู้หญิงที่รักในการดูแลสุขภาพของตนเอง โครงการจัดเตรียมเครื่องพิลาทิส รวมถึงเตรียม Gym Ball และ Yoga Mat เอาไว้ให้แล้ว เชื่อมต่อกับโถงกลางทำให้ห้องดูโปร่งสบาย สามารถกำหนดลมหายใจขณะเล่นพิลาทิสไปได้อย่างสบายใจ เราสามารถนัดหมายเทรนเนอร์จากภายนอกให้มาเปิดคลาสส่วนตัวได้ที่นี่ครับ 
ทัศนียภาพรอบโครงการมีความสวยงามเพราะดำเนินการเอาสายไฟฟ้าในโครงการลงใต้ดินทั้งหมด จากภาพกว้างเราจะเห็นว่า พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ ให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียว มีสนามหญ้าที่กว้างขวาง ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที รองรับทุกการทำกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว ตอนเย็นๆ หลังเลิกงานก็สามารถมาวิ่งจ็อกกิงให้อะดรีนาลีนสูบฉีดได้ 
โครงการจัดให้มี Playground เพื่อกระตุ้นให้ลูกบ้านตัวเล็กได้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสกับธรรมชาตินอกบ้านบ้าง เน้นให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ชวนกันออกไปรับวิตามินดีในวันที่อากาศเป็นใจ 
มีสนามเด็กเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่พร้อมสไลเดอร์ พื้นติดตั้งเป็นยางกันกระแทกเพื่อป้องกันอันตราย ตลอดจนมีสะพาน เนินยาง ลานวิ่งสำหรับให้เด็กๆ ได้มาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่อีกด้วย 
เราสามารถพาน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่นบริเวณสวนได้ หรือจะมาทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างคุณพ่อกับเด็กๆ ก็สนุกสนานดีเหมือนกัน ส่งผลให้ Clubhouse กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคอมมูนิตี้ของผู้คนในระดับเดียวกันที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยมอันเลอค่า มีเสน่ห์และน่าหลงใหล เป็นการมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับให้กับทุกครอบครัว 
โครงการ “ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา” ได้มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับด้วยบริการระดับลักซ์ชัวรี่จากแสนสิริ (Sansiri Luxury Service) ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เพื่อดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการให้ลูกบ้านได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

ระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 คือไฮไลท์อีกอย่างเป็นบริการหลังการขายจากแสนสิริ ที่มองเห็นว่าลูกบ้านคือคนที่เราต้องให้ความสำคัญสูงสุด ด้วยระบบที่เชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบนี้สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อมีการบุกรุกภายในบ้านผ่าน INTRUSION ALARM ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์กันขโมยภายในบ้าน

นอกจากนี้ เทคโนโลยี IOT FACILITY MANAGEMENT ยังช่วยจัดการระบบวิศวกรรมส่วนกลาง เช่น การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน และการตรวจสอบระบบแจ้งเตือนอัคคีภัย 
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแนวคิด Green Living Designed Home ทำให้บ้านทุกหลังจึงมาพร้อมพลังงานสะอาด ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนวัตกรรมที่ทำให้บ้านเย็น แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือเครื่อง EV Charger ที่ถูกติดตั้งในบ้านทุกหลังหรือแม้แต่ส่วนกลางของโครงการที่ใช้ไฟจาก Solar Cell เป็นหลัก เสาไฟฟ้าถูกนำลงดินทั้งโครงการเพื่อคงทัศนียภาพการอยู่อาศัย ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างละเอียดและใส่ใจ 
แบบบ้านในโครงการณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑามีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน
Bloomsbury (บลูมส์ เบอรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 85.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
Berkshire (เบิร์กไชร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 104 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 430 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
Bexley (เบกซ์เลย์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 530 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน

ในพาร์ทนี้เราจะพามาชมแบบบ้านขนาดเริ่มต้นคือ Bloomsbury ที่โดดเด่นด้วยประตู Timber Door Main Entrance มีให้เลือก 2 สี คือ Mid Royal Blue และ Forest Green Glamour หน้าประตูประดับด้วยโคมไฟ ให้ความรู้สึกเรียบหรู เราสามารถติดตั้งน้ำพุบริเวณทางเข้าหน้าบ้านทำให้ได้บรรยากาศของบ้านสไตล์ยุโรปมากยิ่งขึ้น 
ภาพรวมของบ้านออกแบบตามหลัก Golden Ratio & Symmestical Design ให้มีความสมมาตรลงตัวในทุกมิติ อาทิ หลังคาบ้าน Hip Roof & Dormmer ออกแบบเป็นหลังคาทรงจั่ว ตกแต่งให้ความรู้สึกอบอุ่น พร้อม Georgian Chimney ดีไซน์ของปล่องไฟสะท้อนเอกลักษณ์ของบ้านในยุค Georgian ส่วนบานหน้าต่าง Window Pane & Dentils Cornice ออกแบบเป็นบานกระจก Shutter ให้ความรู้สึกสูงโปร่งและตกแต่งด้วยบัวฟันม้า เพื่อเพิ่มลูกเล่นบัวประดับหน้าบ้านที่ลดทอนรายละเอียดลงเพื่อให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น

ลานจอดรถด้านหน้าบ้านสามารถจอดได้ 3 คัน โครงการได้ติดตั้ง EV Charger ไว้สำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าของลูกบ้าน พร้อมกับมีประตูเชื่อมต่อกับครัวด้านในเพื่อให้สะดวกในการขนของเข้าบ้าน โดยไม่ต้องผ่าน Living Area ออกแบบให้มีตู้บานปิดสำหรับเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องเอาไปไว้ในบ้าน เช่น ถุงกอล์ฟ จักรยาน ฯลฯ 
เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมาจะพบกับ Foyer โดดเด่นด้วยเพดานสูงแบบ Double Volume ที่ให้ความโอ่อ่าและความเป็นส่วนตัว โถงทางเดินเชื่อมต่อกับฟังก์ชันการใช้งานและมุมมองของชั้นล่างและชั้นบนเข้าไว้ด้วยกัน

Arrival Hall ประดับประดาฝ้าเพดานด้วยโคมไฟ ดีไซน์โมเดิร์นบรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างเป็นโทนขาว ดูสะอาดตา มีความอบอุ่น ล้วนเป็นการเลือกสรรสีจากธรรมชาติเข้ามาช่วยขับเน้นความสง่างามและมีรสนิยมของผู้อยู่อาศัย 
ด้านขวาเป็นห้องรับแขกที่แยกตัวออกไป สามารถใช้เป็นเป็นพื้นที่พักผ่อนและรับแขกไปในตัว อีกทั้งมุมนี้ยังมีบรรยากาศค่อนข้างโล่ง โปร่งสบายด้วยประตูหน้าต่างทรงสูงโดยรอบ เปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาและสามารถเชื่อมต่อบรรยากาศของการพักผ่อนด้วยการมองดูวิวสีเขียวโดยรอบบ้านได้ 
จัดวางโซฟาที่นั่งดีไซน์ฟรีฟอร์มขนาดใหญ่ พร้อมเก้าอี้นั่งบุกำมะหยี่สีฟ้าน้ำทะเลเอาไว้ให้เกิดความรู้สึกสบายๆ เป็นกันเอง กอปรกับหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับวิวสวนสีเขียวรอบบ้านดูสดชื่นดีมาก กานต์ชอบเวลาที่มีแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาภายใน กระทบกับเฟอร์นิเจอร์และโคมไฟที่แวววาว ดูงดงามราวกับเป็นภาพจิตรกรรมที่มีชีวิต ติดตั้งผ้าม่าน 2 ชั้นสูงจากพื้นจรดเพดาน ส่งผลทำให้มุมนี้ดูกว้างขวางและโปร่งสบาย 
Common Area ภายในบ้าน ประกอบด้วย Living Area จัดชุดที่นั่งโซฟาขนาดใหญ่ ถัดเข้าไปด้านในเป็นโต๊ะรับประทานอาหารหลายที่นั่ง เชื่อมต่อกับมุมมองสวนสีเขียวด้านข้างบ้านที่เปิดโล่งด้วยผนังกระจกใส ทำให้เป็นบ้านที่ออกแบบบรรยากาศภายในได้ดี ส่วนตัวกานต์ชอบมุมนี้มาก ดูสวยงามคลาสสิค ได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศที่โปร่ง โล่ง เปิดรับแสงจากธรรมชาติลอดเข้ามา มองออกไปเห็นวิวสวน ต้นไม้สีเขียวด้านนอก ดูสดชื่นสบายตา ถ้าใครสังเกตให้ดีโครงการนี้เน้นผนังกระจกใสเยอะมาก ทำให้เราได้สัมผัสกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของบ้าน เนื่องจากออกแบบให้มีระยะถอยร่นเพื่อเปิดพื้นที่สวนสีเขียวรอบบ้าน ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นสบายตา สบายใจ ช่วยเติมอรรถรสให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี 
ทางโครงการยังได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัว Pantry และ Island มาให้แล้ว ท๊อปของของเคาน์เตอร์เลือกใช้หินอ่อนเพื่อเพิ่มความหรูหรา เป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหารสไตล์ครัวยุโรป ส่วนครัวไทยและห้องนอนแม่บ้านจะอยู่ด้านใน 
ติดกับ Living Area บ้านมาตรฐานจะได้ฟังก์ชันเป็นห้องนอนผู้สูงอายุที่มาพร้อมห้องน้ำในตัวที่ออกแบบเนียนสนิทกับผนังห้อง ทว่า ด้วยความที่โครงการออกแบบโครงสร้างมาเพื่อรองรับการปรับฟังก์ชันแต่ละห้องได้อย่างสะดวกง่ายดาย เราอาจจะยุบห้องนี้ไปรวมกับมุมนั่งเล่นถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ห้องนอนล่างซึ่งก็จะทำให้บ้านดูกว้างขึ้น หรือจะทำเป็น Entertainment Room หรือ Home Fitness ก็ได้เช่นกัน ส่วนบ้านตัวอย่างที่กานต์พาชม ปรับห้องนอนชั้นล่างให้เป็นห้องทำงานสำหรับคุณพ่อนักธึุรกิจหรือจะใช้เป็น Escape Room สำหรับนั่งทำงาน ฟังเพลง จิบเครื่องดื่มแก้วโปรด พูดคุยธุระกับแขกคนสำคัญก็ทำได้เช่นกัน 
ห้องนอนชั้นล่างมาพร้อมกับห้องน้ำในตัว 
ถัดจากพื้นที่จัดเตรียมอาหารสไตล์ยุโรปก็จะเป็นห้องครัวที่อยู่ติดกัน บ้านตัวอย่างของโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวไทยเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) มาให้ดูเป็นไอเดีย ครัวไทยมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง เราสามารถจัดแบ่งพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น 2 ประตูขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับ พร้อมกับสามารถแยกฟังก์ชันการทำงานของแม่บ้านในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน ออกแบบให้มีตู้เก็บของบน-ล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังเชื่อมต่อกับ Maid Plaza ที่อยู่ด้านหลังเพื่อให้แม่บ้านทำงานได้สะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของบ้านอีกทางหนึ่งด้วย 
“Elegance is when the inside is as beautiful as the outside.” – — Coco Chanel 
ชั้นนี้ถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของบ้าน โครงการจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบ Connecting Space ฟังก์ชันสำคัญที่เชื่อมต่อการใช้งานของห้องหับต่างๆ ภายใน ตลอดจนการเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกับภายนอกบ้านได้อย่างกลมกลืนผ่านกระจกใส มองเห็นต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้าและนกบิน ดูงดงามราวกับภาพวาดประดับฝาผนังที่มีชีวิต 
Family Area มีพื้นที่กว้างขวาง จัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่เอาไว้หลายที่นั่ง พร้อมกับสมาร์ททีวีขนาดใหญ่ติดผนังเพื่อให้ดูโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น เราสามารถเปิดประตูกระจกเพื่อออกมาพักผ่อนหย่อนใจที่ระเบียงด้านนอก เป็นการออกแบบที่ใส่ใจเรื่องการมองเห็นและสัมผัสพื้นที่ธรรมชาติภายนอก ด้วยการดีไซน์แบบ Inside out – Outside in มองออกไปจะเห็นบรรยากาศของสวนและต้นไม้ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านของเราไปโดยปริยาย 
Master Bedroom มีขนาดกว้างมากกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวบ้านปีกขวา แบ่งฟังก์ชันการใช้สอยภายในห้องได้หลากหลายและลงตัวดีครับ การออกแบบจะเน้นความโปร่งสบาย เนื่องด้วยขนาดพื้นที่ใหญ่อย่างที่บอกไป สถาปนิกดีไซน์ให้ประตูเข้าห้องจะไม่ตรงกับเตียงนอนเสียทีเดียว เนื่องจากคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว ดังนั้น เตียงนอนจะอยู่ด้านในสุดเชื่อมต่อกับฝั่งหน้าบ้าน 
ภายในตกแต่งโทนสีเบจ สีน้ำตาล สีขาว สีเทา จัดวางโคมไฟส่องสว่างสำหรับอ่านหนังสือก่อนนอนไว้ทั้ง 2 ด้าน ดูคลาสสิคมากเลยครับ ภายในห้องเปิดช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกโดยรอบทำให้บ้านดูสว่างได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ สามารถประหยัดพลังงานในช่วงเวลากลางวัน มาพร้อมกับประตูที่เปิดออกไปสู่ระเบียงขนาดใหญ่เทควิวฝั่งสวนหน้าบ้าน ตอนนอนอาจจะต้องติดตั้งม่านทึบแสงหลายจุดหน่อยแต่ก็ถือว่าดี 
ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานเอาไว้รอบห้องเป็นทรงกลมราวกับ Dressing Hall ดูหรูหราด้วยแสงไฟส่องสว่างสี Warm โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ติดผนัง ตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดวางเครื่องประดับ นาฬิกา แต่ที่เราชอบคือออกแบบให้ห้องน้ำเชื่อมต่อกับพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk in Closet ชนิดที่ว่า ออกจากห้องน้ำมาก็เดินเข้าห้องแต่งตัวได้ทันที ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกมากครับ 
ด้านในสุดเป็น Master Bathroom ซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้าง ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ประดับด้วยหินอ่อน ความรู้สึกแรกก็คือสบายใจ ให้เราสามารถใช้เวลาอยู่ภายในพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ตีฟองนอนแช่อ่างอาบน้ำแล้วอ่านหนังสือ หรือจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด เปิดเพลงคลอไปด้วยเบาๆ เท่านี้ก็ทำให้การพักผ่อนอยู่บ้านของเรา สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นครับ ภายในห้องน้ำแบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสัดส่วนดี มีพื้นที่แยกส่วนเปียกแห้งมาพร้อมกับสุขภัณฑ์แบบ Washlet โดดเด่นด้วยกระจกเงาบานใหญ่แบบเต็มผนัง อ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกกันระหว่างคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงใช้งานกันคนละมุม 
ห้องนอนต่อมาอยู่ฝั่งหน้าบ้านเช่นกัน ทำให้เปิดรับวิวสวน และ Clubhouse ได้มุมมองที่สวยงาม ภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยช่องแสงรายล้อมผ่านกระจกใสทั้ง 2 ด้าน ทำให้ได้รับคุณภาพการพักผ่อนที่ดี อบอุ่นอยู่สบาย ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด 
บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนไว้ด้านในริมหน้าต่าง ทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวและสามารถชมวิวสวยๆ ได้ตั้งแต่ตอนตื่นนอน มีพื้นที่รอบเตียงกว้างขวางเดินได้สบายเลย 
ส่วนปลายเตียงจัดวางโต๊ะแบบลอยตัวเอาไว้สำหรับนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ หรือใครอยากทำเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งทีวีก็ได้เช่นกัน 
ด้านข้างบริเวณประตูทางเข้าเป็นพื้นที่สำหรับแต่งตัวด้วยตู้เสื้อผ้าสูงจากพื้นจรดเพดาน ด้านในเป็นห้องน้ำในตัวมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบไม่ว่าจะเป็น สุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าที่ติดตั้งกระจกเงามาให้ ติดตั้งเป็นโซน Shower ที่กั้นพื้นแบบยกสูงเพื่อแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้ว 
ส่วนห้องนอนอีกห้องจะอยู่ทางด้านหลังทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ ภายในห้องถือว่ามีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งภายในห้องโดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถวางเตียงนอนขนาดควีนไซส์ได้สบายเลยครับ ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์ Artist ที่มีความโมเดิร์น เลือกใช้สีน้ำเงินจับคู่ตรงข้ามกับสีส้มอิฐทำให้ดูสดใสมากขึ้น และด้วยความที่เป็นห้องอยู่ทางด้านหลังทำให้เปิดรับช่องแสงผ่านหน้าต่างได้จากฝั่งหัวเตียง 
ส่วนช่วงปลายเตียงจะเป็นชั้นวางทีวี ดีไซน์เป็นเคาน์เตอร์ยาวขนานไปกับผนัง มีพื้นที่วางด้านข้างจัดวางโต๊ะทำงานได้ ขยับเข้าไปด้านในบริเวณจะเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัวได้อย่างพอดีพอเหมาะ ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย ทำให้สะดวกในการใช้งานแบบครบจบในจุดเดียวครับ 
#สรุป “ณริณสิริ พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา” Private Luxury Residence จากแสนสิริที่ไม่ได้เป็นแค่โครงการบ้านหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนสัญลักษณ์แห่งรสนิยมและคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับ
บ้านทุกหลังถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรม Georgian Revival อันสง่างาม ผสมผสานความหรูหราและความเรียบง่ายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาพร้อมกับ Lakeside Elegance คอนเซปต์การอยู่อาศัยที่ให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลสาบส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น Clubhouse ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชัน ท่ามกลางบรรยากาศความสงบเงียบ พื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว 
ทำเลของโครงการอยู่ใน ย่านกรุงเทพกรีฑาซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่กำลังเติบโต เชื่อมต่อถนนเส้นหลักหลายสาย รวมถึงทางด่วน เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ใกล้กับ ศูนย์การค้า โรงเรียนนานาชาติชั้นนำและโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง กานต์มองว่านี่เป็นโอกาสพิเศษสำหรับผู้ที่มองหาคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า

Narinsiri Rama 9 – Krungthep Kreetha

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่
https://siri.ly/jChMSp3 หรือโทร. 1685 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน