Narasiri, Phahol – Watcharapol

ในช่วงศตวรรษที่ 17 ราชสำนักฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นยุครุ่งเรือง เนื่องจากได้ก้าวมาอยู่แถวหน้าของภูมิภาคยุโรป ด้วยความเจริญทางวิทยาการและความรุ่มรวยทางงานศิลปะ

.

เห็นได้จากการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่สวยที่สุดของโลก โดยได้เนรมิตให้มีความหรูหรา อลังการที่สุดตามแบบอย่างของศิลปะบาโรค (Baroque) หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า สไตล์หลุยส์ ทั้งยังก่อให้เกิดงานภูมิสถาปัตย์ในการจัดสวนแบบรูปทรงเรขาคณิตอันกลายเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศสไปโดยปริยาย

.

“Versailles is a world of splendor and luxury, a timeless treasure that continues to captivate and inspire.” – Diane von Furstenberg ดีไซเนอร์ชื่อดัง

.

การหยิบยกเอายุครุ่งเรืองของฝรั่งเศสมาไว้ในโครงการหรูอย่าง นาราสิริ พหล-วัชรพล จึงเป็นเครื่องสะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำทางด้าน Taste-Maker Brand ของแสนสิริ ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์รสนิยมของการอยู่อาศัยภายใต้ Sansiri Luxury Collection

.

กานต์จึงได้เห็นรายละเอียดของงานออกแบบที่ลงลึกถึงฐานรากทางประวัติศาสตร์ศิลป์ของฝรั่งเศสที่มีความโดดเด่นหลากหลาย ประกอบกันเป็นโครงการหรูแห่งใหม่ล่าสุดในย่านพหล-วัชรพล ไม่ว่าจะเป็น พาวิลเลียนทรงกลาสเฮาส์ที่ทำจากเหล็กดัดงานคราฟท์ ราวกับนั่งอยู่บนหอไอเฟล พื้นที่ส่วนกลางแรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซาย

.

การตกแต่งภายในที่หรูหราราวกับเดินอยู่ใน Hall of Mirrors ซึ่งมองออกไปจะเห็นสวนแบบปาร์แต (Parterre) ขนาดใหญ่ แนวต้นไม้ที่ปลูกขนานกันสองฝั่งที่จำลองมาจากถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Elysees) ตลอดจน Le Lac ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของโครงการ

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ การออกแบบตัวบ้านที่นำเสนอความงามในสไตล์ของ Modern French Renaissance สถาปนิกนำจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของอาคารบ้านเรือนในกรุงปารีสในช่วงยุครุ่งเรือง โดยใช้องค์ประกอบที่มีความ Over Scale ด้วยประตูไม้บานใหญ่ Grand Stair กลางบ้าน โถงภายในบ้านสูงถึง 7.20 เมตร

.

งานสถาปัตยกรรมภายนอกบ้านโดดเด่นด้วย Facade ที่เป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนงานดีเทลที่ดูเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ เช่น คิ้วบัว ปูนปั้นหรือแม้กระทั่งลวดลายของผ้าทอที่ครีเอทขึ้นมาใหม่

.

กานต์จะค่อยๆ พาเดินชมความงามของฝรั่งเศสที่หยิบยกแรงบันดาลใจมาไว้ที่โครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละ Element ผ่านแคปชั่นของแต่ละภาพ ติดตามไปพร้อมๆ กันนะครับ

.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://siri.ly/vAaH5q7

#NarasiriPhaholWatcharapol#AMatterOfRefinement#SansiriLuxuryCollection#YOUAreMadeForLife

“The beauty of Versailles lies not only in its grand architecture but also in the harmony between nature and man-made elements.”

– Olivier Bernier, historian and author

นาราสิริ พหล-วัชรพล เป็น 1 ใน 8 โครงการหรูที่อยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection นำเสนอบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ที่เชื่อมโยงรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยเข้ากันได้อย่างเหนือระดับ

กานต์ประทับใจในรายละเอียดของการออกแบบที่แสนสิริใส่ใจในทุกดีเทล เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยม ภายใต้แนวคิด “A Matter of Refinement งดงามในรายละเอียด”

ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ซึ่งโครงการนี้ได้หยิบยกแรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซายและสถานที่สำคัญอันมีมนต์เสน่ห์ของประเทศฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่

โครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล ตั้งอยู่บนทำเลไพร์มที่ถือว่าดีที่สุดของย่านพหลโยธิน-วัชรพล บนพื้นที่โครงการ 75 ไร่ เอกสิทธิ์เพียง 125 ครอบครัวเท่านั้นครับ

การเดินทางสามารถใช้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ จากนั้นขับตรงมาอีกเล็กน้อยไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงที่โครงการ ทั้งยังใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูสถานีวัชรพล เพียง 4 กิโลเมตร และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม สถานีสายหยุด เพียง 5.5 กิโลเมตร รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC), ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์, คอมมูนิตี้มอลล์, ร้านอาหารชื่อดัง, คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งยังใกล้สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนนานาชาติ นีวา อเมริกัน, โรงเรียนนานาชาติ ฮาร์โรว์, โรงเรียนนานาชาติ สิงคโปร์ (SISB) โรงเรียนนานาชาติ รีเจ้นท์, โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์และโรงเรียนนานาชาติ KIS ฯลฯ

สถานพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน, โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ และโรงพยาบาลวิภาวดี เป็นต้น

ด้านหน้าเป็นวงเวียนน้ำพุ ประดับประติมากรรมสิงโตมีปีก (Le Lion De Victoire) อันสื่อถึงความก้าวหน้าในด้านธุรกิจและความเจริญรุ่งเรือง แต่เป็นงาน Installation Art ที่ดู Modern เป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ French Renaissance ที่โดดเด่น และสวยงามครับ

ถัดไปเป็น Main Gate ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประตูทางเข้าของพระราชวังแวร์ซาย นำมารีดีไซน์ให้เข้ากับบริบทของเมืองไทย แต่ยังคงมีขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกหรูหราอลังการรังสรรค์อย่างประณีตงดงาม ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าชาโตว์หรูของประเทศฝรั่งเศส

บรรยากาศภายในโครงการร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตลอดจนไม้ดอกและไม้พุ่ม เพิ่มพื้นที่สีเขียวไล่เรียงไปตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้า ไปจนถึงภายในโครงการและยังมีสวนขนาดใหญ่บนพื้นที่ส่วนกลางเนื้อที่รวมกว่า 6 ไร่

ด้านหน้าเป็นอาคารรับรองบุคคลภายนอก โดยเรียกว่า Mini Maison (มินิ เมซง) อาคารมินิคลับเฮาส์ เพื่อให้เป็นพื้นที่นัดพบพูดคุยทางธุรกิจสำคัญโดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในโครงการ ออกแบบให้มีลานกว้างและพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มาเยือน

นาราสิริ พหล-วัชรพล นำเสนอภาพของความหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสที่ยังคงมุ่งเน้นการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย ดังนั้น ภายในโครงการออกแบบให้เป็นระบบ Double Main Gate เพื่อแยกโซน Residential กับพื้นที่รับรองออกจากกันเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย

Mini Maison ที่นำเสนอความคลาสสิกและความสง่างามของสถาปัตยกรรม การตกแต่งในยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศส ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากยุคเรอเนซองค์มาสู่บาโรก โดยผสมผสานองค์ประกอบแบบคลาสสิกและความรู้สึกประณีต มีการดัดแปลงลวดลายของธรรมชาติมาทำเป็นอาร์ต เหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามและความซับซ้อนทางศิลปะที่โดดเด่นมากของฝรั่งเศส

ส่วนตัวมองว่าการออกแบบ Mini Maison ที่ดีไซน์ออกมาในลักษณะของ Glass House และได้นำเอาสไตล์การตกแต่งที่สะท้อนภาพในยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศสให้เข้ากับความยิ่งใหญ่ของงานสถาปัตยกรรมสไตล์หลุยส์ ซึ่งส่งผลให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่รุ่มรวยด้วยงานศิลป์ จึงทำให้โครงการนี้ดูโดดเด่นน่าสนใจมากยิ่งขึ้นครับ

ภายใน Mini Maison ตกแต่งราวกับเป็นแกลอรี่ที่มีห้องจัดแสดงงานศิลปะแยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วน ปรับเป็นห้องแบบส่วนตัว ประดับด้วยไม้กระถางฟอร์มสวยแปลกตา ทั้งยังเรียกได้ว่ามีความโดดเด่นด้วยขอบประตูที่ขับเน้นสีสดใสจากทองเหลืองออกมา

ระหว่างที่กานต์เดินชมให้อารมณ์เหมือนกำลังเดินอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยงานศิลปะ ร้านกาแฟ จัดวางเก้าอี้ดีไซน์สวยสีสันสดใสกระจายไปรอบห้อง โดยประยุกต์ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับพบปะแขก พูดคุยธุระ หรือจะใช้เป็น Co-Working Space สำหรับลูกบ้านก็ได้เช่นกัน

แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือฝ้าเพดานทรงโค้งที่เขียนลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงและแขวนแชนเดอร์เลียไว้อย่างหรูหรา รวมถึงการตกแต่งด้วยวัสดุและเฟอร์นิเจอร์นำเข้า

บางชิ้นเป็นงานฝีมือที่ใช้ความประณีตสูงในการประดิษฐ์ประดอยขึ้นมา ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติเช่นงานไม้และสิ่งทอ สะท้อนถึงความละเมียดละไม

ดีไซน์เนอร์สามารถบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของราชสำนักฝรั่งเศสในสมัยนั้น ที่กลายเป็นศูนย์กลางของการผลิตงานศิลปะ ดึงดูดช่างฝีมือและช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงซึ่งสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซในหลายด้านได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ แขกและลูกบ้านยังสามารถเดินออกไปชมวิวทะเลสาบ (Le Lac) ที่ระเบียงด้านนอกได้ เพื่อมองเห็น Le Club (Clubhouse) ที่อยู่อีกฝั่งของทะเลสาบ

บริเวณวงเวียนภายในโครงการ ประดับงานประติมากรรมสิงโตคู่ (Place Des Deux Lions) จากช่างฝีมือท้องถิ่น ประเทศฝรั่งเศส เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การเจรจาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ผังภายในโครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล ออกแบบให้สอดคล้องกับผังเมืองกรุงปารีส โครงการยังได้นำสถาปัตยกรรม และงาน Art Pieces มาใช้เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์โครงการในหลายจุด ถนนทั้งโครงการสามารถวนรอบได้ในลักษณะ Block โดยจัดแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ

พื้นที่ส่วนกลางมีขนาดใหญ่ประมาณ 6 ไร่ อาคาร Clubhouse ได้แรงบันดาลใจการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์จากพระราชวังแวร์ซาย

สวนภายในโครงการได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนสาธารณะตุยเลอรี (Jardin des Tuileries) ในกรุงปารีสที่โดดเด่นเรื่องการใช้ฟอร์มเรขาคณิตจนทำให้เป็นอัตลักษณ์ของฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน การจัดสวนแบบปาร์แต (Parterre) เพื่อให้มีลวดลายอ่อนช้อยและสมมาตร ส่วนแนวต้นไม้ที่ปลูกขนานกันสองฝั่งที่จำลองมาจากถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Elysees)

ตลอดจนการประดับพื้นที่ด้วยประติมากรรมงานฝีมือชั้นยอดซึ่งนำเข้าจากยุโรป อาทิ รูปปั้นน้ำพุ กระถางต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ในสวนส่วนกลาง เป็นต้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว ล้วนมีบทบาทสำคัญในงานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งในยุครุ่งเรืองของฝรั่งเศสที่ได้รับอิทธิพลมาจากงานศิลปะบาโรคและรอกโคโค (Baroque and Rococo Art)

เห็นได้จากสวนภูมิทัศน์ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันโดย Andre Le Notre ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของพระราชวังแวร์ซายตลอดจนสถานที่สำคัญในฝรั่งเศส ก่อให่้เกิดลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เสริมความเชื่อมโยงระหว่างสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นและโลกแห่งธรรมชาติ จนกลายมาเป็นสวนสมมาตรที่เน้นรูปทรงเรขาคณิต

Le Pavillion อาคารที่นั่งสไตล์ Glass House แบบเปิดโล่งทำจากเหล็ก Wrought Iron งานคราฟท์ แรงบันดาลใจจากหอไอเฟล Le Club คลับเฮาส์ขนาดใหญ่ ในตำแหน่งที่สวยที่สุดของโครงการ ท่ามกลางทะเลสาบ หรือ Le Lac

โครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล ก็ได้ออกแบบสวนให้มีความสมมาตร และเน้นรูปทรงที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของฝรั่งเศส ประกอบเข้ากับอาคารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการถักทอเหล็กเส้นของหอไอเฟลจนออกมาเป็น Le Pavillion สำหรับพักผ่อนของลูกบ้านนั่นเองครับ

รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นจุดเริ่มต้นของสถาปัตยกรรมแบบบาโรคของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรูปแบบที่โดดเด่นด้วยความยิ่งใหญ่ ความมั่งคั่ง และการผสมผสานองค์ประกอบคลาสสิกอย่างกลมกลืน

Jules Hardouin-Mansart และ Francois Mansart 2 สถาปนิกชื่อดังชาวฝรั่งเศส เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรคของฝรั่งเศสได้รับแนวคิดเรื่องความสง่างาม โดยใช้การออกแบบที่โอ่อ่า การประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง และรายละเอียดที่สลับซับซ้อนเริ่มแพร่หลาย สะท้อนถึงการกลับไปสู่หลักการของความกลมกลืน ระเบียบ และสัดส่วนที่ลงตัวเพื่อฉายภาพความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าหลุยส์

อาคาร Hall of Mirrors ในพระราชวังแวร์ซายเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของความมั่งคั่งและความงดงามซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการออกแบบภายในในยุคนี้ ซึ่งทางโครงการนาราสิริ พหล-วัชรพลก็ได้หยิบยกเอาแรงบันดาลใจในรังสรรค์ในบรรยากาศของโครงการ โดยเฉพาะ Le Club หรืออาคารสโมสรที่มีความโดดเด่นมากในแง่ของงานดีไซน์

ภายในอาคารมีด้วยกัน 2 ชั้น ออกแบบให้สามารถมองได้รอบด้านโดยไม่ได้มีการระบุว่าส่วนหน้าคือด้านหน้าหรือด้านหลัง อย่างไรก็ตามลูกบ้านสามารถขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานด้านในเพื่อเข้าใช้บริการได้

พื้นที่ของ Le Club จะเริ่มจาก Lobby Lounge เป็นห้องสำหรับชวนสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมาสังสรรค์ร่วมกัน

การตกแต่งภายในของ Le Club ยังคงเน้นในเรื่องความสูงโปร่งของห้อง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ฟรีฟอร์มสีสันสดใส เพื่อให้ได้บรรยากาศของความสนุกสนาน ให้อารมณ์ย้อนยุคเล็กน้อย

ภายในห้องมีความโดดเด่นด้วยแชนเดอร์เลียขนาดใหญ่ที่แขวนไว้บริเวณตรงกลาง

มองออกไปเห็นสวนสีเขียวภายนอก ตลอดจนได้สัมผัสกับ Sansiri Backyard สวนผักกินได้ที่เป็นกิมมิคที่แสนสิริตั้งใจทำให้ลูกบ้านในทุกโครงการ ทำให้เรากับธรรมชาติได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ฝั่งตรงข้าม Lobby Lounge เป็นห้องอเนกประสงค์ ที่ทางโครงการเรียกว่า ห้อง Atelier หรือห้อง workshop สำหรับจัดประชุมหรือคุยงาน คุยธุระต่างๆ ได้ ซึ่งยังคงคอนเซปต์ดีไซน์การตกแต่งที่เน้นสีสันสดใส เน้นสื่อสารเรื่องราวผ่านวัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง เช่นสีสัน ลวดลายของผ้า พรม หรือผนัง ราวกับนั่งอยู่ในสตูดิโอห้องเสื้อของดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส

ส่วนตัวผมชอบการจับคู่สีตรงข้ามที่ทำออกมาได้อย่างสนุกสนานลงตัว เติมเต็มความมีชีวิตชีวาระหว่างที่กำลังประชุมหารือกันในเครื่องเครียดๆ

บันไดทางขึ้นชั้นบนยังคงคอนเซปต์ Grand Stair ที่มีขนาดใหญ่

เดินขึ้นมาด้านบนจะเป็นในส่วนของฟิตเนสที่จัดวางอุปกรณ์ในการออกกำลังกายไว้อย่างครบครัน โดยเลือกใช้ Techno Gym ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก

Salon de Tea ออกแบบให้เป็นห้องจิบน้ำชา ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวฝรั่งเศส การตกแต่งภายในได้หยิบจับวัสดุธรรมชาติมาประกอบเข้ากับลวดลายที่ให้ความรู้สึกวินเทจนิดๆ ผมชอบมากเลยครับ โดยเฉพาะโมเสคที่ประดับอยู่บริเวณฝ้าเพดาน ลวดลายมีความโดดเด่นมาก

มองจากระเบียงที่ Salon de Tea จะเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่าง เป็นสระระบบเกลือขนาด Half Olympic 10×25 เมตร สามารถว่ายน้ำออกกำลังได้สบายเลย เรียกเหงื่อได้กำลังดี และมีพื้นที่สระว่ายน้ำสำหรับเด็กแยกออกไป

โดยรอบสระว่ายน้ำจัดวาง Sundeck ไว้รายรอบเพื่อเติมเต็มวันพักผ่อนสบายๆ ราวกับใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ตหรูอยู่ที่ปารีส

ติดกันกับสระว่ายน้ำมีอาคาร Semi Outdoor ดีไซน์ได้แรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลเช่นกัน จัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้สไตล์ปาริเซียงสีสันสดใส สำหรับนั่งพักผ่อนในวันสบายๆ อ่านหนังสือ หรือผู้ปกครองที่รอเด็กๆ เรียนว่ายน้ำก็มานั่งอ่านหนังสือรอบริเวณนี้ได้ครับ

โดยรอบ Le Club เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่ ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบทางเดินในสวนมาจากแนวต้นไม้ที่ปลูกขนานกันสองฝั่งของถนนฌ็องเซลิเซ่

สามารถเดินเข้าได้จาก 2 ฝั่งด้านข้าง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่สดชื่นสดใส โอบล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ นำเสนอสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่หรูหราทว่าเงียบสงบ โอบกอดผู้พักอาศัยด้วยความสง่างามและความเรียบหรูที่เป็นเอกลักษณ์วิถีชีวิตของชาวปาริเซียง

ตอนเช้าๆ เหมาะสำหรับไปนั่งอ่านหนังสือในสวนรับวิตามินดีจากแสงแดดอ่อนๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้รายรอบเลยครับ หรือจะเป็นพื้นที่สำหรับผู้ปกครองนั่งรอเด็กๆ กำลังเล่นสนุกกันอยู่

บริเวณด้านข้างใกล้กับอาคาร Le Club ยังออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งโดยจัดวางโต๊ะเก้าอี้ขนาดใหญ่ สำหรับจัดบาร์บีคิว ปาร์ตี้ในสวนได้ด้วย

ยอมรับเลยว่า พื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้มีกิจกรรมทำมากมายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นสนามบาสเก็ตบอลแบบมัลติสปอร์ต สนามพัตกอล์ฟ หมากรุกยักษ์ มีสปาเท้าพื้นหินสำหรับให้เราถอดรองเท้าแล้วเดิน เพื่อให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติและยังช่วยคลายประจุลบออกจากตัวเราได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีสนามเด็กเล่น แทมโบลีน สไลเดอร์ บ่อทราย ม้าโยกและกิจกรรมที่เปิดโลกแห่งการเรียนรู้และจินตนาการสำหรับเด็กๆ อีกมากมายที่โครงการจัดเตรียมไว้ให้ครับ

สนามบาสเก็ตบอลแบบมัลติสปอร์ต

ที่ Le Club ยังออกแบบให้มี Sansiri Backyard ซึ่งสามารถพบได้ในทุกโครงการของแสนสิริ กับการเปิดพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ กะเพรา โหระพา ตะไคร้ โรสแมรี่ ฯลฯ เพื่อให้สมาชิกสามารถเด็ดไปใช้ในการประกอบอาหารภายในบ้านได้ เป็นรายละเอียดเล็กๆ ทว่ายิ่งใหญ่ในความรู้สึกของกานต์มากครับ

กานต์สังเกตว่าที่โครงการนาราสิริ พหล-วัชรพล ตั้งชื่อโครงการและสถานที่ทุกอย่างเป็นภาษาฝรั่งเศส เพื่อให้สอดรับกับบรรยากาศทั้งหมด

ในส่วนของบ้านจะใช้คำว่า Manoir แปลตรงตัวว่าคฤหาสน์หรือบ้านของขุนนาง ซึ่งมีขนาดพื้นที่แตกต่างกันไปโดยหยิบยกเอาตัวเลขด้านหน้าของขนาดบ้านมาเป็นชื่อเรียก

บ้านมีทั้งหมด 4 รูปแบบ มาพร้อมกับลานจอดรถในรูปแบบ Double Parking รอบรับจำนวนรถได้มากถึง 2 เท่า ได้แก่

Manoir No.3 ขนาด 347 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 3 คัน

Manoir No.4 ขนาด 412 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 3 คัน

Manoir No.5 ขนาด 524 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้า และที่จอดรถ 4 คัน

เราพามาชมบ้านตัวอย่างซึ่งเป็นบ้านขนาดใหญ่ที่สุด Manoir No.6 ขนาด 658 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 4 คัน

หน้าบ้านโดดเด่นด้วยประตูทางเข้าขนาดใหญ่แบบ Over Scale สี Crimson ดูคลาสสิค ประดับประดาหน้าบ้านด้วยไม้ดอกไม้พุ่มรูปทรงเรขาคณิตสไตล์ฝรั่งเศสชูช่อไสวราวกับเดินอยู่ใน Parc de la Tete d’Or สวนสวยในเมือง Lyon ของฝรั่งเศส

เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านเราจะพบกับพบกับ Common Area ที่มีขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่าง Manoir No.6 มาพร้อมกับโถงกลางบ้านที่มีความสูงมากถึง 7.2 เมตร ทำให้บ้านมีความโอ่อ่า อลังการ ออกแบบและตกแต่งภายในได้อย่างหรูหราและจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านอย่างเป็นสัดส่วนลงตัว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไอเดียสำหรับผู้พักอาศัย ในขณะที่บ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้เราได้เติมเต็มจินตนาการกับบ้านในฝัน

ด้านหน้าออกแบบให้เป็น Foyer และ Shoes Cabinet สำหรับจัดเก็บรองเท้า มาพร้อมเก้าอี้นั่งสำหรับสวมใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้าน หรือจัดเก็บรองเท้าเมื่อมาถึง ก่อนจะก้าวเข้าสู่ประตูโค้งทรง Arch อีกชั้นเพื่อเป็นพื้นที่ต้อนรับกลับเข้าสู่บ้านของเรา

รงกลางจัดวางโต๊ะกลมพร้อมจัดที่นั่งไว้กระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งจะเป็นเหมือนกับ Lobby Lounge ภายในบ้าน ดังนั้น มุมนี้จึงมี Wine Cellar ขนาดใหญ่พร้อมมุมชงชากาแฟ มีเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ พร้อมสตูลทรงสูง สำหรับนั่งจิบเบาๆ ก่อนจะเริ่มมื้ออาหารหลักต่อไป

ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นที่นั่งริมหน้าต่างบานสูง สามารถนั่งพักผ่อนพูดคุยกับสบายๆ ในบรรยากาศแบบไม่เป็นทางการมากนัก ให้ความอบอุ่นในการต้อนรับหรือแม้แต่เป็นมุมนั่งพักผ่อนสำหรับสมาชิกในครอบครัว เพราะมุมนี้ก็จะมองเห็นสวนสีเขียวจากภายนอกได้เช่นกัน มั่นใจเลยว่าต้องเป็นมุมโปรดของใครหลายคนแน่นอนรวมถึงกานต์ด้วย 

ชั้นล่างแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านซ้ายของบ้านตัวอย่างจัดเป็น Great room ขนาดใหญ่สำหรับรับรองแขก ตกแต่งได้หรูหรามีระดับ ภายในห้องที่มีขนาดใหญ่สามารถจัดวางชุดโซฟาขนาด 6-10 ที่นั่งได้ถึง 2 ชุดด้วยกัน เป็นเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลกที่นำเข้ามา เรียกว่าเป็นห้องรับแขกที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับเราพอสมควรหรือเป็นบุคคลสำคัญสำหรับการพูดคุยธุรกิจ

ผนังด้านนอกเป็นกระจกใสแบบ Full-height เปิดรับวิวสวนจากภายนอก ทำให้เราได้สัมผัสกับแมกไม้ที่ปลูกไว้บริเวณด้านหน้าบ้านคอยชูช่อขึ้นมาเพิ่มความสดชื่นสบายตา สามารถเปิดบานกระจกออกเพื่อรับลมเย็นๆ จากธรรมชาติได้ บรรยากาศโดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมน่าประทับใจมากครับ

ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งในสไตล์ French Classic Elegance ที่เน้นความหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางของการอยู่อาศัย แต่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการตามรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัย โดยจะเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว

ชั้นล่างวางผังให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations ข้อดีข้อแรกเลยก็คือไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาดควีนไซน์ไว้ตรงกลาง ออกแบบให้รองรับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องที่ใช้เป็น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทกเวลาที่เกิดการณ์ไม่คาดคิด

ประตูห้องนอนและห้องน้ำที่มีขนาดกว้างกว่าปกติเพื่อรองรับการใช้วีลแชร์ และไม่มีธรณีประตู ถือเป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ที่แท้จริงครับ

ห้องนอนชั้นล่างมีห้องน้ำในตัว ได้ติดตั้งราวจับเพื่ออำนวยความสะดวกเอาไว้ให้แล้ว พื้นห้องน้ำและพื้นห้องเป็นแบบ Stepless คือพื้นเสมอกันจะไม่มีการลดหรือเพิ่มระดับเพื่อจะได้ไม่สะดุด

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ บริเวณพื้นที่อาบน้ำดีไซน์ให้มีที่นั่งอาบเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น ในส่วนสุขภัณฑ์ทางโครงการเลือกติดตั้งเป็นของ Kohler นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดออกไปเพื่อระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำได้

ห้องนอนผู้สูงอายุบริเวณชั้นล่างยังเชื่อมต่อกับสวนและลานเฉียงภายนอก ผนังเป็นกระจกใสบานใหญ่ เมื่อมองจากห้องนอนเราจะเห็นวิวสวนด้านข้าง เต็มไปด้วยต้นไม้ ไม้พุ่มและไม้ดอก สีเขียวสดชื่นสบายตา สามารถชมวิวสีเขียวได้จากภายในห้องนอนได้เลย หรือหากผู้สูงอายุอยากจะเปิดประตูออกมาเดินเล่นหรือขยับร่างกายเบาๆ หน้าบ้านตอนเช้าก็สะดวกมาก เพราะไม่ต้องรบกวนสมาชิกคนอื่นๆ ภายในบ้าน

บรรยากาศโดยรอบดีมาก มองออกไปเห็นสวนสีเขียวสดชื่นสบายตา ภายนอกออกแบบให้เป็นที่นั่งพักผ่อนกลางแจ้ง พร้อมพาวิลเลียนริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ผมชอบพื้นสระว่ายน้ำที่ลงรายละเอียดของลวดลายและสีสันได้ดี จัดวางชุดที่นั่งสำหรับจัดเป็นพูลปาร์ตี้ในวันสบายๆ ได้ ได้ฟีลลิ่งของบ้านพักตากอากาศโดยที่ไม่ต้องเดินทางออกไปที่ไหน

อีกด้านจัดวางเฟอร์นิเจอร์โดยเลือกใช้วัสดุเป็นเหล็กบุเบาะด้วยผ้า มาพร้อมโต๊ะกลาง สำหรับนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้า โดดเด่นด้วยซุ้มโครงเหล็กฉลุลายให้ความรู้สึกแบบบ้านยุโรปอันหรูหรา ให้เราสามารถมีวันพักผ่อนได้อยู่ภายในบ้านของเราเอง

ยอมรับเลยว่าบ้านตัวอย่างตกแต่งได้สวยงามมากครับ อีกฝั่งทางด้านขวาของบ้านจะเป็น Dining Area สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่ง หรือมากกว่านั้นได้สบายๆ เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง รายล้อมด้วยกระจกใสให้เราได้เปิดรับวิวสวนภายนอกขณะเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหาร

Dining Area เชื่อมต่อมุมรับประทานอาหารและครัวยุโรปเข้าด้วยกัน ส่วนครัวไทยอยู่ถัดไปด้านใน

หรือบางวันจะจัดเป็นเชฟเทเบิลก็ได้เช่นกัน ก็ตั้งใจว่าถ้าผมได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ก็จะลงมือเข้าครัวปรุงอาหารให้ทุกคนได้ทานกัน

Dining Area ของบ้านตัวอย่างจะเป็นโถงยาวเชื่อมต่อกับ Island ของครัวยุโรป ซึ่งทางโครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวพร้อมชุดครัวจาก TEKA มาให้แล้ว เป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหารสไตล์ครัวยุโรป

ส่วนพื้นที่ของครัวไทยจะอยู่ถัดไปด้านหลังถือว่าเป็นห้องครัวที่มีขนาดใหญ่มาก โครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวแบบฟูล ออปชั่นมาให้แล้วดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มีฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ครบครัน ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดได้ดีมากครับ

ห้องครัวไทยออกแบบให้อยู่ในทำเลที่ทำให้แม่บ้านสามารถประกอบอาหารได้สะดวก ปราศจากกลิ่นรบกวนเข้ามาในตัวบ้านและยังได้ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากจะอยู่บริเวณเดียวกับ Maid Plaza โซนทำงานของแม่บ้าน สามารถกั้นเป็นโซน Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน ซึ่งแยกส่วนชัดเจนออกมาจากพื้นที่หลักของตัวบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัวของเราครับ

ด้านในอีกฝั่งของตัวบ้านสามารถเข้าออกได้โดยใช้ประตูเล็กที่เปิดจากโรงจอดรถ โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านห่้องรับแขกโซนด้านหน้าบ้าน ทำให้สะดวกมากหากเราซื้อของมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วสามารถถือเดินไปเก็บไว้ในครัวได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถ Built-in ตู้เก็บของและตู้เก็บรองเท้าไว้บริเวณนี้ได้เลยครับ

ภายในบ้านจะมีความโดดเด่นด้วย Grand Stairs ขนาดใหญ่ที่รังสรรค์ลวดลายความโค้งมนอ่อนช้อย ผสานเข้ากับความยิ่งใหญ่ของขนาดบันไดแบบ Over Scale จัดวางไว้บริเวณตรงกลางบ้าน

ผมสังเกตว่าลูกนอนของบันไดไม้ธรรมชาติมีขนาดที่ใหญ่กว่าบันไดทั่วไป ทำให้สะดวกต่อการเดินขึ้นลง ราวจับเป็นเหล็กดัดสีดำให้มีความโค้งพริ้วไหวไปตามรูปทรงของบันได

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดช่องแสงธรรมชาติจากภายนอกเพื่อให้บริเวณนี้สว่างมากยิ่งขึ้น ส่วนใต้บันไดออกแบบให้เป็นห้องเก็บของและห้องสำหรับงานเซอร์วิสต่างๆ

ออกแบบให้บันไดรับกันดีกับโคมไฟทรงกลมที่ส่องแสงสว่างบริเวณตรงกลางซึ่งจะเห็นได้ว่ารายละเอียดของงานออกแบบนั้น ยังเพิ่มคิ้วของฝ้าเพดานทรงกลมให้รับกับโคมไฟและความบิดโค้งของบันไดเป็นหนึ่งเดียวกัน

นอกจากจะมี Grand Stairs เป็นไฮไลท์ของบ้านแล้ว มุมที่กานต์ว่าน่าสนใจคือ การมี Family Area ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับทุกจุดภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน

เมื่อเดินขึ้นบันไดชั้นบนมาก็เจอเลยครับ Family Area ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการปรับใช้งานมุมนี้ให้ได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของสมาชิกในครอบครัว สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีก็ได้ แนะนำให้เลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลยครับ หรือจะเอาไว้ทำเป็นออฟฟิศ ห้องทำงาน อ่านหนังสือหรือ Work From Home ก็ได้ นับเป็นบ้านที่ออกแบบมาให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก

ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านมีความสวยดูดี ดูหรูหรา สมฐานะ โดยต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่เติมเต็มสุนทรียะในการพักผ่อนเข้ามาประกอบราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์สุดหรูหราของฝรั่งเศส

ติดกันจะมีห้องเล็กๆ สำหรับนั่งพักผ่อนและเป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ของว่าง มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับจัดวางตู้เย็น

ผมว่าเป็นฟังก์ชั่นที่โครงการคิดเผื่อมาให้แล้วว่า ลูกบ้านสามารถเดินมาหาน้ำดื่มตอนกลางดึก จิบกาแฟเบาๆ หลังตื่นนอนได้ทันทีหรือมีของว่างให้เดินมาหยิบได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องลงไปชั้นล่าง

ชั้นบนประกอบด้วย 4 ห้องนอนครับ เริ่มจาก Master Bedroom ซึ่งอยู่ปีกขวาของบ้าน เป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่แต่ยังไม่เรียกว่าใหญ่ที่สุด

ห้องนอนจัดวางเตียงนอนไว้ตรงกลาง หัวเตียงบุนวมเน้นสีขาวงาช้างดูเรียบหรู พร้อมโคมไฟส่องสว่างตั้งไว้ที่บริเวณหัวเตียง ปลายเตียงมีที่นั่งสำหรับดูทีวี

ขณะที่ด้านในดีไซน์เป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ไว้ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำในตัว แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมว่าฟังก์ชั่นแบบนี้สะดวกดีครับ เราสามารถอาบน้ำแล้วแต่งตัวให้จบภายในโซนได้เลย

ความพิเศษของห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำในตัว ส่วนด้านในสุดสามารถเปิดหน้าต่างออกได้เพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้นได้

บ้านทุกหลังในโครงการนาราสิริ พหล-วัชรพลออกแบบห้องนอนให้เป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง

อย่างเช่นห้องนอนรอง ที่อยู่โซนบริเวณด้านหลังบ้านก็เช่นกัน ซึ่งข้อดีก็คือได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบและความเป็นส่วน ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองมัสตาร์ดดูน่ารักสดใส จัดวางฟังก์ชันภายในได้อย่างเป็นสัดส่วน

ตรงกลางจัดวางเตียงนอนพร้อมคาบิเนทเตี้ยบริเวณหัวเตียงสำหรับจัดวางโคมไฟและชาร์ตแบตเตอรี่มือถือก่อนนอนได้

ปลายเตียงออกแบบให้เป็นมุมทำการบ้านอ่านหนังสือ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet พร้อมห้องน้ำในตัว

ห้องนอนรองอีกห้อง ตกแต่งในสไตล์เรียบหรู ดูมีความเป็นอาร์ตติสเล็กๆ ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง พร้อมกับมีโต๊ะเก้าอี้ข้างเตียง สำหรับนั่งทำงานและพร้อมที่จะพักผ่อนในทันที เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน

อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านคือการออกแบบให้มี Grand Master Bedroom ที่ดูอลังการกินพื้นที่เกือบ 1 ใน 3 ของตัวบ้านชั้นบน

ห้องนอนหลักมีขนาดใหญ่มาก จัดวางฟังก์ชั่นภายในได้อย่างเป็นสัดส่วนดีครับ บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่ง ด้วยช่องแสงขนาดใหญ่รายรอบห้องและเพิ่มความสว่างด้วยกระจกใสและกระจกเงาที่ติดตั้งไว้ตามมุมต่างๆ ภายในห้อง

ภายในจัดวางเตียงนอนไว้ตรงกลาง หัวเตียงบุนวมดูหรูหรา ผนังหัวเตียงประดีับคิ้วบัวลงบนพื้นผิวสีเข้ม เพื่อให้รับกับบรรยากาศการตกแต่งที่ดูเรียบขรึม ดูภูมิฐานของความเป็นเจ้าของคฤหาสน์ พร้อมโคมไฟส่องสว่างแบบแขวนที่บริเวณหัวเตียง ด้านข้างเตียงจัดวางคาบิเนทดีไซน์หรูพร้อมโคมไฟส่องสว่าง

ด้านข้างหน้าต่างมีชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน ให้ความรู้สึกสบายใจเมื่อได้มองเห็นวิวธรรมชาติภายนอกบ้านได้ ส่วนปลายเตียงออกแบบให้เป็นชั้นวางทีวีและมีมุมอ่านหนังสือจิบกาแฟเบาๆ ยามเช้า พร้อมกับช่องแสงขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับบริเวณนี้ให้เป็นมุมทำงานภายในห้องนอนได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยในแต่ละหลังครับ

ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ซุึ่งมีขนาดใหญ่มาก รายล้อมด้วยตู้เสื้อผ้าทรงสูงจากพื้นจรดเพดาน

ออกแบบให้ตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับต่างๆ และทำให้ห้องดูสวยหรูขึ้น ด้านในเป็นพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้ง

มาดูในส่วนของห้องน้ำกันบ้างครับ สมกับที่เรียกว่า Grand Master Bedroom จริงๆ เพราะมีขนาดใหญ่มาก คุมโทนสีขาว เทา ดำ ขลิบด้วยสีทองของขอบเฟอร์นิเจอร์ ภายในยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องจากห้องแต่งตัวเลยครับ ห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งให้เรียบร้อย

ภายในโดดเด่นด้วยอ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมเคาน์เตอร์ Top เป็นหินอ่อนสีขาว กระจกเงาติดผนังสไตล์โมเดิร์น ด้านในเป็นสุขภัณฑ์ ห้องนี้จะมีอ่างอาบน้ำในตัวที่แยกส่วนจากห้องอาบน้ำที่อยู่ติดกัน มาพร้อมกับ Pocket Garden เล็กๆ ที่สามารถเปิดออกไปได้ ให้เราได้พักผ่อนดื่มด่ำกับธรรมชาติในระหว่างแช่น้ำได้อย่างสบายใจ ด้านข้างมีช่องแสงเป็นบานกระทุ้งเล็กๆ สามารถเปิดออกเพื่อไล่ความชื้นและระบายอากาศภายในห้องน้ำได้

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน