พาชม Hidden Place กลางเวียงเจียงใหม่
#รีสอร์ตสวยที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ขัวเหล็กติดริมน้ำปิง
ตำนานแห่งรักนิรันดร์เหมาะแก่การพาแฟนมาพักที่สุด
_
อย่างที่ให้ทายกันไปว่าเชียงใหม่ทริปนี้กานต์เลือกพักที่ไหน
ใบ้ให้ว่าตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง เป็นรีสอร์ตที่โรแมนติกมาก
มีคนทายถูกด้วยว่าเป็น Na Nirand Romantic Boutique Resort
ดีไซน์โคโลเนียลล้านนาที่จะพาเราย้อนยุคไปสมัยรัชกาลที่ 5
เพื่อมาพบกับตำนานความรักนิรันดร์แห่งบ้าน “ทับพญา”
ของสาวงามเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครลำพูน และหนุ่มกรุงเทพฯ
ซึ่งต่างมอบความรักบริสุทธิ์ให้แก่กันจนวินาทีสุดท้าย
จนกลายเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้แห่งความนิรันดร์
จึงเป็น Destination ของคู่รักที่ควรชวนกันมาพักที่นี่
เพราะบรรยากาศดีสุดๆ โรแมนติกมากกกกกกกกกกกก
กานต์พักที่อาคารริมแม่น้ำปิง ชื่อว่า “House Of Colonial” ครับ
เป็นบ้านหลังใหญ่ได้วิวแม่น้ำมีด้วยกัน 4 ห้องตกแต่งแตกต่างกันไป
โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมที่มีความสัมพันธ์กับเชียงใหม่
คืออินเดีย เป็นห้องที่ผมพัก นอกจากนี้ยังมีพม่า, จีนและสยาม
มีสระว่ายน้ำแยกตัวอยู่ภายในวิลล่า ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวกว่า
บรรยากาศเงียบสงบ ผ่อนคลาย เหมาะแก่การพักผ่อนในวันสบายๆ
ภายในห้องพักตกแต่งในสไตล์ศิลปินล้านนาประยุกต์
ผสมผสานงานผ้าทอล้านนา เข้ากับจิตรกรรม ประติมากรรม
นำอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ไม้และหวายทำมือจากสล่า
มาตกแต่งเสริมด้วยศิลปะแบบบริติช-อินเดีย ดูกลมกลืนดีครับ
อีกหนึ่ง Signature ที่เป็นตำนานคือต้นจามจุรีอายุเกิน 100 ปี
หนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ Mr. H. Slade เจ้ากรมป่าไม้คนแรกของไทยได้ปลูกไว้
แผ่ร่มเงาราวกับทำหน้าที่เป็นหัวใจของรีสอร์ต
ทอดกิ่งก้านเลยมาถึงที่วิลล่าและยังโน้มลงไปในแม่น้ำปิง
เป็นเช่นนี้ผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้วครับ
ใกล้กันเป็นร้านอาหาร TIME RIVERFRONT CUISINE & BAR
กานต์ได้มานั่งจิบชาทานขนมอร่อยๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่
เป็นอีกหนึ่งในความประทับใจที่เกิดขึ้นที่นี่ครับ
ตามไปอ่านกันต่อในแคปชั่น พร้อมกับชมภาพ ณ นิรันดร์
ที่กานต์ลั่นชัตเตอร์มาฝากจากเชียงใหม่กันดีกว่าครับ
—
ณ นิรันดร์ Romantic Boutique Resort
1/1 ซอย 9 ถนนเจริญประเทศ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นและสำรองห้องพักได้ที่ 053-280-988 หรือ 062-875-2401
Email: rsvn@nanirand.com
Line Official: @nanirandresort
Website: www.nanirand.com
อาคารที่พักจะกระจายตัวกันไปทั่วรีสอร์ตครับ เป็นอาคารครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้นสไตล์ล้านนาโบราณที่มีกลิ่นอายโคโลเนียล ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดออกมาอีกโลกที่เต็มไปด้วยความสงบ ร่มรื่น
ส่วนอาคารด้านหน้าริมแม่น้ำที่กานต์ยืนอยู่คือ “House Of Colonial” เป็นวิลล่าวิวแม่น้ำ ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว สงบและผ่อนคลายเมื่อเข้าพัก มีด้วยกันจำนวน 4 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งต่างสไตล์กันออกไป คือ HARMONIOUS BRITISH INDIAN ที่ผมพักจะอยู่ชั้นล่างตรงที่ผมยืนเลยครับ ส่วนอีก 3 ห้องจะเป็น Burmese Dream ,Enchanted Chinese และ Siamese Love
อินฟินิตี้ หรือเลข 8 เป็นสัญลักษณ์แทนคำว่านิรันดร์ครับ เราจะพบสัญลักษณ์นี้อยู่ด้านหน้าประตูทางเข้ารีสอร์ต ให้อารมณ์เหมือนบ้านคหบดีหลังใหญ่
จอดรถไว้ด้านหน้าแล้วเดินผ่านประตูนี้เข้าไป จะเหมือนกับได้หลุดไปอยู่อีกโลกที่สะท้อนตัวตนความเป็นเมืองเชียงใหม่ได้ดีเช่นกันครับ
ล็อบบี้จะเป็นจุดที่คนเดินผ่านเยอะที่สุด เนื่องจากมีทางเข้าออกที่เชื่อมกับรีสอร์ตทางเดียว ทำให้รู้สึกวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อเข้ามานั่งในล็อบบี้เพราะมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา ยังดีที่ว่าช่วงโควิดแขกยังไม่เยอะมาก
แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นล็อบบี้ที่สวยเรียบหรูดูงานดีไซน์ที่ละเมียดมากครับ
House of Colonial จะเป็นอาคารอยู่ด้านในสุดเลยครับ ติดกับแม่น้ำปิง เป็น Private Accesss เฉพาะแขกที่เข้าพักวิลล่านี้เท่านั้น ถึงจะเดินผ่านเข้ามาตรงนี้ได้ ปักป้ายบอกไว้ชัดเจน ทำให้ได้ความรู้สึกส่วนตัวและพิเศษสุดๆ
ภายในห้อง Harmonious British – Indian จะเป็นออกเป็นฟังก์ชันต่างๆ คล้ายกับบ้านเลยครับ มีห้อง Living อยู่ด้านหน้า พร้อมกับโต๊ะทำงาน ตู้ทีวี เฟอร์นิเจอร์เน้นความเป็นไม้และหวาย ให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์เชียงใหม่โดยเฉพาะบริเวณนี้ที่มีบ้านสล่า (ช่าง) อาศัยอยู่กันเยอะมาก
ผมชอบกรอบรูปที่เป็นลายผ้าทอล้านนาหลากลวดลายและสีสัน เป็นการดึงเอาอัตลักษณ์มาตอกย้ำตัวตนของคนเชียงใหม่ฉายไปสู่นักท่องเที่ยวได้อย่างสนใจ
เข้ามาด้านในเป็นห้องนอน ตกแต่งคุมโทนได้ดี มีเตียงสี่เสาพร้อมม่าน หัวเตียงเป็นไม้ที่ใช้ลายขัดมาตกแต่ง ให้ความรู้สึกอลังการเหมือนนอนอยู่ในเรือนไม้โบราณแต่ทุกอย่างในบ้านคือแกรนด์มาก แอบชอบโทรศัพท์ดีไซน์ย้อนยุคแต่เป็นแบบกดปุ่มนะ ดูครีเอทดี ปลายเตียงมีทีวีให้ชมด้วยครับ แต่ไม่ค่อยได้เปิดหรอก เพราะว่าอยากจะพักผ่อนอยู่กับศิลปะและธรรมชาติมากกว่า
เชื่อมต่อกับห้องนอนจะเป็นส่วนของห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่มากกกกกก และเป็นห้องน้ำที่สวยมากเลยครับ ประดับประดาด้วยโคมและอ่างอาบน้ำที่ตั้งอยู่กลางห้อง ดูโดดเด่นทำให้การแช่น้ำในอ่างดูเป็นวาระแห่งชาติ Amenities Kit ถูกจัดวางอยู่ที่หน้ากระจกบริเวณอ่างล้างหน้าเรียบร้อย ดีไซน์เป็นชามยักษ์น่ารักดีครับด้านข้างมีที่วางกระเป๋าเดินทาง ส่วนด้านในเป็นที่อาบน้ำ ไปดูกันต่อดีกว่า
ความเก๋ของห้องน้ำห้องนี้นอกจากจะมีอ่างดีไซน์แบบย้อนยุคแล้ว ตัวชาวเวอร์ที่แยกออกไปด้านนอก คือใหญ่มาก ดีไซน์สไตล์อินเดียดูอลังการ ส่วนฝาไหลหรือหน้าต่างบานไม้สไลด์สามารถเลื่อนเปิดออกเพื่อชมความเคลื่อนไหวภายนอกได้ตามสไตล์บ้านล้านนาโบราณ
“I take showers to thinking a good things. It’s my time.”
ด้านนอกวิลล่าจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัวสำหรับแขกที่พักในวิลล่าเท่านั้น สามารถมานั่งพักผ่อน ทำงาน อ่านหนังสือหรือว่าชมวิวชิลๆ ได้
หากมากันเป็นครอบครัวใหญ่แนะนำให้จองทั้งหลังเลยครับ เท่ากับเราได้พักผ่อนกันแบบส่วนตัวจริงๆ
ภาพมุมสูงภายในวิลล่า จะเห็นว่าติดกับสระว่ายน้ำที่มีพุ่มไม้กั้นจะเป็นแม่น้ำปิงแล้วครับ เป็นโลเคชั่นที่สุดยอดมาก
ผมชอบมุมเดินเข้าออกของ House of Colonial ที่เป็นพุ่มไม้สูงเกือบ 3 เมตรบังสายตาจากด้านนอกเอาไว้ เดินผ่านไม้สีเขียวแล้วทำให้รู้สึกสบายใจดีครับ มีลมพัดเย็นๆ จากริมแม่น้ำเข้ามาตลอดเวลา ถ้าไม่มีฝนคือแดดส่องทั้งวัน บางจุดก็เป็นใต้ต้นไม้ใหญ่ให้แสงลอดรำไร
ออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกันดีกว่าครับ
มุมท๊อปสระว่ายน้ำส่วนกลางแนวยาวเชื่อมต่อกับสวน พร้อมที่นั่งจัดวางไว้โดยรอบสระ
จะเห็นว่าภายในบริเวณรีสอร์ท ถูกออกแบบให้แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้ท้องถิ่นใหญ่น้อย ให้เราซึ่งเป็นแขกผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่สงบ ร่มรื่น และผ่อนคลาย ตัวอาคารที่พักและอาคารเพื่อการใช้สอยทั้งหมดถูกออกแบบมาให้ตั้งเรียงรายโอบล้อมต้นฉำฉายักษ์ ซึ่งตั้งโดดเด่นเป็นศูนย์กลาง ประดุจหัวใจแห่ง ณ นิรันดร์
ดังนั้น ไฮไลท์ของสระว่ายน้ำคือมุมนี้ครับ มองตรงไปจะเห็นต้นจามจุรีต้นใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นแบ็กกราวด์สวยงามมากครับ
อาคารที่พักทั้ง 6 หลัง ลักษณะครึ่งตึก ครึ่งไม้ ในสไตล์ล้านนาโคโลเนียล ให้ความรู้สึกเสมือนย้อนอดีตกลับไปยังสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคที่สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลได้เข้ามามีอิทธิพลในการออกแบบอาคารบ้านเรือนท้องถิ่น ด้วยการผสมผสานศิลปะจากกลุ่มคลาสสิกและโรแมนติก ผนวกกับสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของล้านนา สะท้อนผ่านงานตกแต่งดีไซน์ในอารมณ์อบอุ่น เรียบง่าย
ตามแบบฉบับล้านนา แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม
ห้องพักที่นี่มีหลาย Room Type จัดให้ตามความต้องการของแขก ทุกห้องจะมีระเบียงที่นั่งส่วนตัวหันหน้าออกมาทางสวนและสระว่ายน้ำ มองเห็นแม่น้ำปิงแบบเฉียงๆ แต่รวมๆ แล้วดูสบายตาเพราะว่าสีเขียวเยอะมาก
บาร์ริมสระที่นำหลองข้าวหรือยุ้งข้าวในรูปแบบล้านนาโบราณที่ทำจากไม้สักทั้งหลังมาปรับปรุงทำเป็นบลูบาร์
ผมว่าไอเดียดีมาก เพราะนอกจากจะให้ประโยชน์เรื่องความสวยงามในเชิงสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่แล้ว ยังสะท้อนถึงวิถีแห่งล้านนาในอดีตผ่านบริบทต่างๆ ภายในรีสอร์ตได้เป็นอย่างดี
นอกเหนือจากตำนานทางประวัติศาสตร์ กานต์ยังได้ซาบซึ้งกับตำนานแห่งรักแท้ที่มาลบล้างตำนานสาวเครือฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักของสาวงามเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครลำพูน และหนุ่มกรุงเทพ เจ้าของ “บ้านทับพญา” อันเป็นสถานที่ตั้งเดิมแห่งนี้
ภายในรีสอร์ตจะมี “เฮือนคำมุง” เป็นบ้านไม้สักทรงล้านนาประยุกต์ที่ตั้งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รอให้เราเข้าไปทักทาย ตัวบ้านยกใต้ถุนสูงสไตล์ล้านนา ด้านล่างเป็นสปา ด้านบนมีห้องโถงโล่งมาพร้อมชานพักด้านหน้าสองฝั่ง สำหรับนั่งชมวิวและรับลมเย็นๆ โดยปรับปรุงจากเฮือนคำมุงหลังเก่า เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเจ้าของสถานที่เดิม
ใครชอบเรื่องราวของตำนาน ประวัติศาสตร์สยามและล้านนา แนะนำให้มานั่งเล่นที่เรือนไม้จะมีหนังสือให้อ่านเยอะเลยครับ
เป็นรีสอร์ตที่ถ่ายรูปสวยมาก ทุกจุดในรีสอร์ตจะมองเห็นต้นฉำฉาเก่าแก่อายุราว 100 ปี ที่ตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์แห่ง ณ นิรันดร์ นั้น อาจเป็นหนึ่งในพันธุ์ฉำฉาที่ Mr. H. Slade เจ้ากรมป่าไม้คนแรกของสยามในยุคนั้นได้นำมาปลูกไว้
จวบจนปัจจุบัน ต้นไม้แห่งความงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต้นนี้ ยังคงความยิ่งใหญ่ สง่างาม สร้างความตื่นตา ตรึงใจแก่ผู้มาเยือนเสมอ
ภาพที่ถ่ายมาจากเฮือนคำมุงเมื่อสักครู่จะเป็นมุมนี้ครับ มองเห็นไฮไลท์ครบเลยทั้งต้นฉำฉา สวนริมน้ำ ร้านอาหาร “TIME” Riverfront Cuisine & Bar และแม่น้ำปิง
“TIME” Riverfront Cuisine & Bar เป็นร้านที่ตกแต่งได้เก๋มาก เหมาะแก่การแฮงค์เอ้าท์ทานข้าวอร่อยๆ ยามเย็น เป็นสไตล์ Industrial Vintage ที่เสิร์ฟทั้งอาหารไทย ล้านนาฟิวชั่น อาหารนานาชาติ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลานกว้างเพียงพอสำหรับบริการจัดเลี้ยงด้วยครับ ช่วงก่อนคือแขกมาจัดงานแต่งงานกันเยอะมาก
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแขกจัดงานแต่ง แต่เห็นพนักงานบอกว่าเดือนหน้าพฤศจิกายน คนจองกันเยอะแล้ว เพราะที่นี่บรรยากาศโรแมนติกดี
วันนี้เลยเปลี่ยนมาปูผ้านั่งเล่นจิบชายามบ่ายใต้ต้นจามจุรี กันดีกว่า Signature Afternoon Tea ได้ฟีลดีมาก
ขนมหวานคือเยอะสิ่ง เลือกทานไม่ถูกกันเลยทีเดียว นี่ถ้าอยู่เชียงใหม่ประจำ คงมานั่งชิลล์ที่นี่บ่อยมาก อยากหอบงาน หนีบหนังสือมานอนเล่นอ่านเพลินๆ ใต้ต้นไม้ หิวก็มีของอร่อยให้ทาน สบายใจดีนะ
ช่วงใกล้ค่ำแสงสวยมาก ผมว่าที่นี่ออกแบบไลท์ติ้งได้ดี แสงจากไฟช่วยเสริมให้บ้านไม้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ประกอบกับแดดยามเย็นช่วยให้รีสอร์ตดูโดดเด่นจริงๆ อยากให้มาพักกันเยอะๆ จะได้ไม่เหงา
ก่อนนอนแต่ละคืน แม่บ้านจะนำการ์ดพร้อมของมาวางไว้ที่เตียง สลับกันไป คืนก่อนเป็นกระเป๋าผ้าใส่ของกระจุกกระจิก คืนนี้เป็นแยมโฮมเมด น่ารักเชียว
House Of Colonial ยามเช้า แสงตะวันรอนที่ส่องมาทำให้วิลล่าดูสวยขึ้นมา หลายคนมาเที่ยวมาพักผ่อนก็อยากนอนตื่นสายๆ แต่ผมกลับชอบตื่นเช้ามาโบกมือทักทายพระอาทิตย์ … แล้วกลับไปนอนต่อ 555
บ้าเหรอ!! จะรีบตื่นมาทานข้าวเช้าต่างหาก ช่วงนี้ทำ IF เลยจะหิวตั้งแต่ตื่นเลย 555 จะบอกว่าอาหารเช้าของ ณ นิรันดร์คืออร่อย ครัวซองก์คือดีย์ เลเยอร์สวย หอมเนย ทานกับแยมโฮมเมดเข้ากันดี อาหารเช้าของที่นี่เป็นแบบสั่งมาทานได้เรื่อยๆ ครับไม่ต้องรีบ
“There are times when breakfast seems the one thing worth getting up for.”
-Peter De Vries-
หรือถ้าไม่อยากทานที่ห้องอาหารอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็สั่งมาทานที่วิลล่าได้ครับ ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมา แจ้งได้เลยหากชอบเมนูไหนเป็นพิเศษ (ข้าวผัดไส้อั่วห้ามพลาด)
เชียงใหม่ เป็นเมืองที่มาเที่ยวทีไรก็มีเรื่องราวใหม่ๆ ติดกระเป๋ากลับไปทุกที ไม่แปลกใจว่าทำไมใครๆ ต่างก็หลงรักเมืองนี้ เพราะดูมีชีวิตชีวา มีประวัติความเป็นมา มีงานศิลปะ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์น่าจดจำ น่าสนใจ
เช่นเดียวกับ ณ นิรันดร์ Romantic Boutique Resort ก็เป็นสถานที่พักที่มีกิมมิคซ่อนไว้เต็มไปหมด มีความคลาสสิกและโรแมนติก ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ริมแม่น้ำปิง รอให้เรามาสัมผัสเอง นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครที่มองหาที่พักในเชียงใหม่ครับ