Mandarin Oriental Tokyo

Mandarin Oriental Tokyo

#โรงแรมกลางโตเกียววิวคือชนะเลิศ

.

กานต์เข้าพักที่ Mandarin Oriental (M.O. Tokyo) โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่บน 9 ชั้นสูงสุดของอาคาร Nihonbashi Mitsui นี่คือหลักกิโลเมตรที่ 0 ของโตเกียว นิฮองบาชิ จุดเริ่มต้นย่านเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญของญี่ปุ่น ห่างจากพระราชวังโตเกียวอิมพีเรียลเพียง 2 กม. และใกล้กับสถานีโตเกียว ดังนั้นการเดินทางจึงเป็นเรื่องง่าย

.

M.O. Tokyo ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอาร์เจนตินาชื่อดัง César Pelli ไฮไลท์คือวิวโตเกียวมุมสูงทอดสายตายาวไปจนถึงภูเขาไฟฟูจิทางทิศตะวันตก โตเกียวสกายทรีและแม่น้ำสุมิดะทางทิศตะวันออก และอ่าวโตเกียวทางทิศใต้ โรงแรมถึงกับเตรียมกล้องส่องทางไกลเอาไว้ให้เราเลยครับ

.

งานดีไซน์เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ออกแบบตัวอาคารมีลักษณะคล้ายต้นไม้ โดยมีทางเข้าที่ด้านล่างของหอคอยซึ่งเป็นตัวแทนของฐาน ที่ชั้นบนสุดมีผ้าและพรมบ่งบอกถึงใบไม้และกิ่งก้าน ให้ความรู้สึกเหมือนร่มไม้

.

เรากดลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดซึ่งเปรียบเสมือนหลังคาของป่า มองเห็นโถงล้อบบี้ขนาดสูงใหญ่ ตรงกลางจัดวางที่นั่งเอาไว้ ส่วนด้านหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์เช็คอินที่มีฉากหลังเป็นโตเกียวฝั่งตะวันออก ส่วนไฮไลท์คือจุดชมวิวตะวันตกดินผ่านกระจกใสที่มีฉากหน้าเป็นอาคารน้อยใหญ่ และมองไปไกลถึงภูเขาไฟฟูจิ

.

ห้องพักมีทั้งหมด 157 ห้องและห้องสวีท 22 ห้องได้รับการตกแต่งภายในโดย Ryu Kosaka ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น นำเสนอลวดลายสวยงาม เช่น ต้นบอนไซและลวดลายดอกซากุระ สร้างจากธีมการออกแบบ “ไม้และน้ำ” นำเสนอผ่านผ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่แสดงถึงป่าไม้และฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง รู้สึกได้ถึงความสงบ โรงแรมมีกลิ่นอายความเป็นเอเชียชัดเจนมาก

.

เราพักที่ห้องแบบ Mandarin Grand Room ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก พื้นปูด้วยไม้เนื้อแข็ง ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในบ้านญี่ปุ่น หน้าต่างกว้างขวางทำให้ห้องสว่างขึ้นอย่างเพียงพอ มี โต๊ะทำงานขนาดใหญ่หันหน้าไปทางหน้าต่างและมีโซฟา มีเบาะนั่งและโต๊ะอยู่ระหว่างหน้าต่างและเตียง โรงแรมวางชุดของว่างต้อนรับเอาไว้เป็นชารสเข้มและคุ๊กกี้ และมีของที่ระลึกสำหรับ Fan of M.O. แบบเราอีกด้วย

.

เตียงนอนจัดวางไว้กลางห้องปูด้วยชุดเครื่องนอนผ้าฝ้ายอียิปต์ 450 เส้นด้าย ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินขนาดใหญ่อยู่ทางด้านขวาของทางเข้าห้องช่วยให้ห้องไม่แออัด ห้องน้ำหินอ่อนพร้อมอ่างอาบน้ำทรงกลมและฝักบัวที่นั่งอาบ Amenities ใช้ของ Natura Bissé แบรนด์สกินแคร์จากสเปน พร้อมเกลืออาบน้ำถูกจัดวางเอาไว้ให้แล้ว

.

ภายในห้องยังมีชุดยูกาตะ กล้องส่องทางไกล เครื่องชงกาแฟ Nespresso และเสื่อโยคะ มู่ลี่และไฟควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ต้องยอมรับว่าค่อนข้างผ่านการใช้งานมานาน ก่อนนอนแม่บ้านจะเตรียมน้ำมันหอมระเหยเอาไว้เพื่อการผ่อนคลายเป็นกลิ่นที่เบลนด์ขึ้นมาใหม่สำหรับ M.O. Tokyo โดยเฉพาะ

.

ตอนเช้าตรู่เผยให้เห็นภาพพาโนรามาของโตเกียว เราสามารถเลือกได้ว่าจะทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารหรือจะเลือกทานในห้องแบบ In Room Service ซึ่งเราพบว่าแบบหลังดูสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวกว่ามาก ยังไม่ลืมที่จะสั่ง Eggs Benedict เมนูไฮไลท์ของที่นี่ นำเสนอวัตถุดิบที่ปลูกเอง คัดเอง ปรุงและเสิร์ฟเองจากทีมเชฟ

.

ข้อดีอีกอย่างคือโรงแรมเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้าที่มีแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร 140 แห่งพร้อมตัวเลือกที่หลากหลายในทุกระดับราคา

.

มีสปาอยู่ชั้น 37 และฟิตเนสอยู่ชั้นเดียวกับล้อบบี้ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ M.O. Tokyo ไม่มีสระว่ายน้ำให้บริการ และเสียใจที่ไม่ได้ทาน Sushi Shin by Miyakawa เพราะว่าจองไม่ทัน!

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน