LIFE PHAHON-LADPRAO

“𝐅𝐨𝐫 𝐭𝐨 𝐛𝐞 𝐇𝐚𝐩𝐩𝐲 𝐢𝐧 𝐋𝐢𝐟𝐞, 𝐜𝐡𝐨𝐨𝐬𝐞 𝐒𝐞𝐥𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐂𝐨𝐥𝐨𝐫𝐬 𝐨𝐟 𝐋𝐢𝐟𝐞” – ชีวิตนี้มีหลายสีสันและเราเป็นคนแต่งแต้มมันเอง

.

แปลความแบบให้เข้าใจง่าย นี่เป็นหนึ่งใน Quote ที่กานต์ชอบและเชื่อเราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตปัจจุบันได้ดีมากเลยครับ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเรานี่แหละที่จะเป็นผู้สร้างความสุขให้กับตัวเองผ่านประสบการณ์ เรื่องราวความชอบ ไลฟ์สไตล์ ตลอดจนการเลือกที่อยู่อาศัยที่โดนใจ

.

LIFE PHAHON-LADPRAO จาก AP Thai เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กานต์ชอบมาก อยากแนะนำให้รู้จักและพาไปชมบรรยากาศกันในพาร์ทนี้

.

จุดเด่นของโครงการคือโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ในทำเล 5 แยกลาดพร้าว ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในย่านเศรษฐกิจใหม่ (New CBD) ที่สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงาน ร้านค้า การเดินทางที่ง่ายและสะดวกด้วยระบบรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ไม่ไกลจากสนามบินดอนเมือง ที่สำคัญคือเป็นทำเลที่ใกล้กับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่มากกว่า 700 ไร่ ของสวนรถไฟ สามารถมองเห็นได้จากในห้องนอนของเราเลยครับ

.

ด้วยความที่ทำเลมีความโดดเด่นทำให้ LIFE PHAHON-LADPRAO กลายเป็นคอนโดมิเนียมที่น่าจับตา เมื่อรวมเข้ากับ Facilities ภายในโครงการที่หลากหลาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านได้หมด ตอบโจทย์ทั้งการพักอาศัย การพักผ่อน ทำงาน พบปะผู้คนสังสรรค์และการดูแลสุขภาพได้ง่ายๆ จากภายในคอนโด จึงกลายเป็นโครงการที่ใกล้ปิดการขายภายในเร็ววัน

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่กานต์ชอบและคิดว่า AP Thai ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ คอยรับฟังปัญหาจากลูกบ้านผู้พักอาศัยอยู่จริงและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับโครงการใหม่ๆ ทำให้สามารถพัฒนาคอนโดได้ตรงตามความต้องการลูกค้ามากขึ้น เช่น จำนวนห้องพักในโครงการ LIFE PHAHON-LADPRAO ที่มีเพียง 598 ยูนิตเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว งานดีไซน์มีรูปแบบห้องให้เลือกหลาย Layout และขนาด ทั้งห้อง Grand Simplex Space และห้อง New Vertiplex Living เพดานสูง ซึ่งหายากมากในทำเลนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกันไป

.

การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง มากถึง 6 ชั้น สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายแบบ Multicultural เน้นคอนเซปต์ Space in Space เพียงพอต่อการใช้บริการทั้งแบบส่วนตัว แบบคู่หรือมาเป็นครอบครัว และกลุ่มเพื่อน ซึ่งคิดมาให้แล้วในทุกจุดสามารถใช้งานได้จริงตรงตามไลฟ์สไตล์

.

เหล่านี้ทำให้ LIFE PHAHON-LADPRAO เป็นโครงการที่น่าสนใจและอยากไปให้ชมของจริงกัน

.

สามารถนัดหมายและลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/qwsq

#APThai#APcondo#APLivingseries#LIFE#LIFEPhahonLadprao#เริ่มชีวิตที่อยากใช้APคอนโด

“𝐅𝐨𝐫𝐦 𝐅𝐨𝐥𝐥𝐨𝐰𝐬 𝐅𝐮𝐧𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧” เป็นวลียอดฮิตของ ʟᴏᴜɪꜱ ꜱᴜʟʟɪᴠᴀɴ สถาปนิกชาวอเมริกัน เด็ก’ถาปัตย์รู้จักกันดี ในนาม บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ผู้ซึ่งเชื่อว่าภายนอกของอาคารควรสะท้อนถึงฟังก์ชันภายใน กานต์ได้มาสัมผัสในงานออกแบบ LIFE PHAHON-LADPRAO จาก AP Thai คอนโดใหม่ดีไซน์สวยล้ำ 
กานต์พามาเจาะลึกรายละเอียดของงานดีไซน์ในโครงการ LIFE PHAHON-LADPRAO กันก่อน จะเห็นว่าออกแบบภายนอกด้วยแนวคิด Scupture Pattern นำเสนอการออกแบบอาคารราวกับกำลังสร้างผลงานประติมากรรม ตกแต่งรายละเอียดของอาคารด้วย Craft Pattern ทำให้เกิดงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ น่าสนใจและน่าจดจำ ส่งผลให้ตัวอาคารมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มองเห็นความสวยงามได้แต่ไกล สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้พักอาศัย ภายในออกแบบและตกแต่งโดยเน้นคอนเซปต์ Simplicity Luxury เพื่อนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่หรูหรา ทว่า เรียบง่าย สามารถใช้งานได้จริงตอบสนองความต้องการลูกบ้านได้อย่างสะดวกสบายและครบครัน 
แนวคิดในการพัฒนาโครงการของ AP Thai ทำให้กานต์นึกไปถึงแนวคิด Human-Centred Design เป็นการสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นมาโดยนึกถึงหัวใจของมนุษย์เป็นศูนย์กลาง คนที่ใช้ หรือคนอยู่อาศัยเป็นผู้ได้ประโยชน์เรียกว่าเป็นแนวคิดเพื่อมนุษย์โดยแท้จริง 
เช่นถ้าเราเป็นสถาปนิกจะออกแบบอาคารหรือคอนโดสักตึก ก็ต้องนึกถึงผู้พักอาศัยว่าจะมีพฤติกรรมอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไรร่วมกัน เป็นการคิดแบบ Outside in หรือถ้าจะเรียกเป็นคำไทยๆ ก็คือแนวคิดแบบ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” นั่นเอง ซึ่งดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นหัวใจหลักของการออกแบบโครงการ LIFE PHAHON-LADPRAO 
จะว่าไป AP Thai ในฐานะผู้พัฒนาโครงการก็มีคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ที่น่าสนใจหลายแห่งนะครับ ไม่ว่าจะเป็น LIFE LADPRAO, LIFE LADPRAO VALLEY, ASPIRE รัชโยธิน และล่าสุด LIFE PHAHON-LADPRAO ที่รับฟังเสียงของลูกค้านำมาพัฒนาโครงการให้ยอดเยี่ยม บนทำเล 5 แยกลาดพร้าวซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ (New CBD) ของกรุงเทพฯ 
โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS ห้าแยกลาดพร้าวและ MRT สามารถเดินไปห้างสรรพสินค้า Central ลาดพร้าวและโลตัส ลาดพร้าวได้สบายเลยครับและในอนาคตอันใกล้กำลังจะมี Central พหลโยธิน (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการเลย อีกทั้งไม่ไกลจากสวนจตุจักร และสวนรถไฟมีพื้นที่สีเขียวกว่า 700 ไร่ โครงการเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายสายได้สะดวกมากเลยครับไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนลาดพร้าว, ถนนรัชดาภิเษก, ดอนเมืองโทลล์เวย์ ฯลฯ 
ส่วนสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้โครงการ ได้แก่ รพ.เปาโล เกษตร, รพ.วิภาวดี และรพ.พญาไท พหลโยธิน นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสถานศึกษาและอาคารสำนักงานชั้นนำ อาทิ รร.หอวัง, สำนักงานใหญ่ ปตท., สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์, สำนักงานใหญ่ TTB, Sun Tower, TST Tower, สำนักงานใหญ่การบินไทย, ม.เกษตรศาสตร์ ทั้งยังสะดวกสบายในการเดินทาง โดยใช้โทลล์เวย์เพื่อไปสนามบินดอนเมืองด้วยครับ 
เมื่อขับรถเข้ามาจากถนนพหลโยธินขาเข้า สามารถเลี้ยวซ้ายเข้ามาได้ทันทีเลยครับ ด้านหน้ามีป้ายโครงการขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน

เมื่อเข้ามาด้านในจะเป็นบริเวณจุด Drop-Off ส่วนอาคารจอดรถจะวนออกไปทางด้านหลังซึ่งจัดพื้นที่สำหรับ Visitor แยกกับลานจอดรถของลูกบ้าน พื้นทางเข้าโครงการปูด้วยคอนกรีตแสตมป์ทำให้ภาพรวมดูสะอาดเรียบร้อยสวยงาม เติมความสดชื่นด้วยการปลูกไม้ยืนต้นเอาไว้ตลอด 2 ฝั่งตามแนวถนน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่น 
รถยนต์ของลูกบ้านจะผ่านเข้าออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียนที่มาพร้อมแอปพลิเคชัน KATSAN ของ AP Thai ที่สร้างสรรค์มาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ปลอดภัยในการอยู่อาศัยของลูกบ้านแบบครบวงจร โดยรอบโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV บริเวณทางเข้า-ออกและภายในโครงการ พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง 
ทางโครงการยังได้จัดเตรียม Smart Charge เป็นพื้นที่สำหรับการชาร์จรถยนนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน เมื่อชาร์จเต็มแล้วก็สามารถวนรถไปจอดยังช่องจอดตามปกติได้ ซึ่งที่จอดรถของลูกบ้านจะอยู่บนชั้น 1-7 รวมทั้งหมดประมาณ 283 คันคิดเป็น 47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 
เมื่อเข้ามาภายในอาคารบริเวณชั้น 1 จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ด้านซ้ายจะเป็น Exclusive Lobby และลิฟต์สำหรับโดยสารขึ้นห้องพักอาศัย ส่วนด้านขวาจะมีพื้นที่แยกออกไปเรียกว่า The Parlour ห้องรับรองแขกขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามสำหรับให้ลูกบ้านใช้เป็นพื้นที่รับรอง พบปะพูดคุยธุระกับแขก ที่ไม่อยากให้ขึ้นไปยังบนห้องพัก ก็สามารถนัดหมายให้มานั่งรอและใช้บริการที่ The Parlour ได้ 
ภายใน The Parlour ตกแต่งด้วยชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่สีเหลืองมัสตาร์ด และพื้นที่นั่งทำงานอยู่ฝั่งตรงข้าม ภาพรวมเน้นงานดีไซน์สไตล์ Mid Century สีสันสดใส เพื่อให้ดูสนุกสนาน ผ่อนคลายและให้บรรยากาศที่เป็นกันเอง สามารถใช้บริการเป็นกลุ่มใหญ่หรือส่วนตัวก็ได้ 
พื้นที่นี้ยังจัดให้มีฟังก์ชันสำหรับจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเตรียมมุมเคาน์เตอร์ครัวและ Pantry เอาไว้ให้ เปิดพื้นที่ให้จัดปาร์ตี้สังสรรค์กันแบบส่วนตัวได้ เป็นฟังก์ชันที่เรามองว่าน่าสนใจและตอบโจทย์ผู้พักอาศัยมากเลยครับ 
อีกด้านจะเป็นฟังก์ชันของ Lobby ซึ่งจะมีโซนแยกออกไปและตั้งชื่อเรียกให้แตกต่างกัน ได้แก่

Exclusive Lobby เป็นโถงต้อนรับขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้ได้ความเป็นส่วนตัว ด้วยการออกแบบให้มีผนังทึบเพื่อบังสายตาจากผู้ที่เดินเข้าออกผ่านไปมาบริเวณชั้นหนึ่ง รอบห้องรายล้อมด้วยผนังกระจกใสบานใหญ่ที่มองออกไปจะเห็นวิวของสวนสีเขียวภายนอก ทำให้บรรยากาศดูสดชื่น ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับนั่งเล่นในวันสบายๆ หรือมานั่งรอรับเพื่อน ส่วนตัวชอบมุมนี้มากเพราะตกแต่งได้สวยงาม มีความ New Look ที่ดูสวยเรียบหรู เราชอบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นการจับคู่สีส้มกับน้ำเงินดู Contrast กันดีสไตล์คนรุ่นใหม่ รับกันดีกับสีของไฟเซาะร่องเพดานโทนอบอุ่น และดีไซน์ที่สวยเก๋ของโคมไฟลายดอกไม้ที่ดูเก๋ แปลกตาดีครับ 
ถัดมาเป็น Cozy Lounge เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ให้บรรยากาศที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ 
LIFE PHAHON-LADPRAO นับว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายนอกที่เชื่อมต่อการใช้ชีวิตร่วมกันของลูกบ้าน 
ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมจัดมุมส่วนตัวเพื่อการพักผ่อนเอาไว้ให้ด้วย โดยรวมแล้ว Cozy Lounge น่าจะเป็นพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกสบายใจเวลามานั่งพักผ่อน มองออกไปจะเห็น Courtyard พื้นที่สีเขียวรายล้อมในเกือบทุกด้าน 
อีกมุมจะเป็น Privilege Lounge ที่ตกแต่งได้อย่างหรูหรา สวยงามด้วยผนังสีแดงชาด มองปราดไปก็รู้้เลยว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่พัฒนาโดย AP Thai เพราะ Identify ตัวเองได้ชัดเจนมาก Privilege Lounge สามารถจองใช้งานแบบเป็นส่วนตัวได้ เหมาะสำหรับเวลาที่เรามีแขกหรือคนสำคัญมาขอพบปะพูดคุยธึุระ ก็สามารถใช้พื้นที่บริเวณนี้รับรองแขก โดยไม่ต้องพาขึ้นห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย 
เข้ามาด้านในจะเป็นทางเดินไปยัง Lift เพื่อขึ้นไปยังชั้นพักอาศัย ด้านในประดับวอลล์อาร์ตซึ่งมีลวดลายศิลปะสวยงาม เพื่อนำเราไปสู่พื้นที่พักอาศัย การตกแต่งจะใช้สัจจะวัสดุอย่างไม้เป็นหลัก ขลิบแซมด้วยขอบสีทองเพื่อเพิ่มความหรูหรา ลิฟต์โดยสารภายในโครงการจะเป็นแบบล็อคชั้นก็คือลูกบ้านจะเข้าถึงได้เฉพาะชั้นที่ตัวเองพักอาศัยและชั้นพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น ข้อดีก็คือ ทำให้ลูกบ้านได้รับความเป็นส่วนตัวและอุ่นใจ ปลอดภัยในการพักอาศัย 
ติดกันเป็น Mailbox ขนาดใหญ่ดีไซน์เรียบหรู ใช้โลหะเป็นวัสดุหลักในการออกแบบ ตู้จดหมายเป็นแนวกว้างเข้าไป ประดับซ่อนไฟทำให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่ Mailbox อยู่บริเวณทางเดินผ่านเข้า-ออกโถงลิฟต์พอดี จึงสามารถเปิดรับจดหมายได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 
กดลิฟต์ขึ้นมาชั้น 8 พามาชมพื้นที่ส่วนกลางกันต่อครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือการกระจายพื้นที่ส่วนกลางออกไปในหลายชั้น เนื่องจากออกแบบอาคารให้เป็นแบบ Stack หรือขั้นบันไดทำให้ใช้พื้นที่ว่างด้านบนทำเป็นสวนได้ โดยผสมผสานธรรมชาติสีเขียวให้เข้ากับพื้นที่พักอาศัย อย่างเช่นบริเวณชั้น 8 หากใครซื้อห้องชั้นนี้ก็ดูเหมือนจะมีพื้นที่สวนส่วนตัวเพิ่มเข้าไปอีกครับ เพราะโครงการจัดให้เป็น Sky Garden สำหรับนั่งพักผ่อนในวันสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศของความสดชื่นทั้งจากท้องฟ้าที่สดใสในวันที่บรรยากาศเปิดโล่ง รวมถึงสีเขียวสบายตาของต้นไม้ที่ปลูกไว้เกือบเต็มชั้น 
สวนจัดวางที่นั่งพักผ่อนแบบ Ourdoor Sunken Seat หลายมุมให้เลือกใช้งาน กระจายกันไปในหลายจุด และด้วยความที่ทางโครงการปลูกต้นไม้ค่อนข้างแน่น ทำให้ไม่รู้สึกร้อน มานั่งเล่นตอนเช้าๆ หรือว่าเย็นๆ จะเป็นอะไรที่ดีมาก หรือบ้านไหนใครที่มีลูกเล็กก็สามารถพามาเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติใจกลางเมืองได้ เพราะออกแบบให้มีทั้งทางเดินรอบสวน ที่นั่งใต้ต้นไม้ที่จัดไว้เพิ่มความสดชื่น สบายใจ มีบางมุมหากเรามองออกไปจะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของสวนรถไฟด้วยครับ 
นอกจากนี้ ที่ชั้น 8 ยังออกแบบให้มี The Cardio Club เป็นพื้นที่ออกกำลังกายที่แยกส่วนออกมาจากฟิตเนสขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบน ทำให้ได้บรรยากาศของการออกกำลังกลางสวนสีเขียว เราสามารถวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวสวนสีเขียวได้ในคราวเดียวกัน ที่สำคัญสามารถจองใช้เครื่องออกกำลังเป็นคู่พร้อมกับแฟนหรือสมาชิกในครอบครัวได้ด้วยครับ 
กดลิฟต์ขึ้นไปชม Facilities ขนาด 4 ชั้นบนยอดสุดของอาคารกันบ้างครับ เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้ มีลิฟต์แก้วแยกออกไปต่างหาก แต่ทว่า ชั้น 38 และชั้น 39 ก็จะมีทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และส่วนพักอาศัยด้วยครับ โดยใช้ Face Scan ในการผ่านเข้าออกทำให้ลูกบ้านชั้นนี้ไม่กระทบกับความเป็นส่วนตัว แต่กานต์ว่าหากใครที่ซื้อห้องพักที่ชั้นนี้ก็จะเหมือนเรามี Living Room ขนาดใหญ่ไว้ให้นั่งพักผ่อนสบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องกดลิฟต์ขึ้นลงเลยครับ 
บนชั้น 38 จะแบ่งพื้นที่พักผ่อนออกเป็น 3 โซนคือ Exclusive Sky Club พื้นที่ขนาดใหญ่รองรับกลุ่มเพื่อนที่มากันหลายคน ภายในห้องมีขนาดกว่้างขวางจัดวางชุดโซฟาสีส้มกระจายกันไปทั่วบริเวณ โดดเด่นด้วยโคมไฟพวงระย้าขนาดใหญ่ที่ทำให้เป็นมุมที่ดูแกรนด์และหรูหรามากเปิดรับบรรยากาศและวิวมุมสูงจากภายนอกด้วยครับ 
ถัดมาเป็น The Entertainment Room เป็นห้องส่วนตัวสำหรับพักผ่อนทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อน สามารถจองล่วงหน้ากับทางนิติบุคคลเพื่อเข้าใช้บริการได้ ภายในมีโต๊ะพูลและชุดโซฟาจัดวางเอาไว้เพื่อบรรยากาศพักผ่อนสังสรรค์ในวันสบายๆ ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เติมพลัง ถ้ารู้สึกล้าจากการทำงานหรือประชุมออนไลน์ก็สามารถมาเบรคไอเดียได้ที่มุมนี้ครับ เป็นอะไรที่ดีมากๆ กานต์แนะนำเลย 
ใกล้ๆ กันจะมีอีกหนึ่งมุมเรียกว่า The Sky Wing เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนสำหรับชมวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูง จัดวางชุดโซฟาแบบคู่รักที่นั่งเอาไว้กระจายกันออกไป เพื่อให้เทควิวกรุงเทพฯ มุมสูงไปพร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกครับ 
อีกด้านเป็นพื้นที่ของ Sunset Wing ซึ่งจะหันหน้าออกไปทางทิศตะวันตก บรรยากาศเปิดโล่งรับวิวเมืองฝั่งสวนจตุจักรและสวนรถไฟ ออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นเป็นชุดโซฟาดีไซน์หลากหลายกระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้ได้มุมพักผ่อนที่เป็นส่วนตัว แยกกระจายกันไปไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนกัน ให้เรานั่งอ่านหนังสือหรือทำงานกับกลุ่มเพื่อนได้ 
โครงการยังได้ออกแบบให้มีปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้ชาร์จแบตมือถือหรือต่อไฟเข้าโน๊ตบุ๊คได้สะดวกเลยครับ ภายในห้องมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลเยอะมาก นับเป็นอีกหนึ่ง Facilities จาก LIFE PHAHON-LADPRAO ที่จัดหนักจัดเต็มมากครับ

จะสังเกตว่าทางโครงการได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางไว้หลากหลายและกระจายตัวไปทั่วอาคารเพื่อรองรับทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านได้ครบครันมากๆ เลยครับ 
ไปชมพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 39 กันบ้างครับ ซึ่งยังคงมีพื้นที่บางส่วนที่เป็นพื้นที่พักอาศัย แน่นอนว่าต้องใช้ระบบ Face Scan ในการผ่านเข้าออก เพื่อให้ลูกบ้านบนชั้นนี้ไม่กระทบความเป็นส่วนตัวเช่นกีัน

ชั้น 38-40 จนถึง Rooftop จะมีลิฟต์แก้วแยกออกไปบริเวณด้านข้างเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวขณะใช้งานและมองเห็นบรรยากาศวิวความสวยของพื้นที่ส่วนกลางไปพร้อมกันครับ 
บนชั้น 39 ประดับโถงทางเดินเป็นแนวยาวด้วยงานศิลปะแบบ Abstract ดูสวยดีครับ ไฮไลท์ของพื้นที่ส่วนกลางในชีั้นนี้คือการออกแบบซอยย่อยให้มีห้องและพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน พบปะพูดคุย นั่งทำงาน อ่านหนังสือกันแบบส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ไม่กระทบซึ่งกันและกัน

โดยเริ่มจากส่วนแรกบริเวณทางเดินเข้ามาจะมีพื้นที่แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ตรงกลางจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งชมวิว กรุงเทพฯ ในมุมสูง ทางโครงการจัดวางเก้าอี้สีแดงสด 2 ตัววางคู่กัน 2 ฝั่งท่ามกลางมุมที่มีความปลีกวิเวก เหมาะสำหรับคู่รักมานั่งพูดคุยชมวิวกันในบรรยากาศแบบส่วนตัวมากๆ ครับ 
หนึ่งในฟังก์ชันของ Facilities ที่กานต์มองว่าดีมาก ตอบโจทย์ผู้พักอาศัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในปัจจุบันที่มีการ Work from Home กันมากขึ้น ก็คือการออกแบบให้มี Private Meeting Room แยกออกไปอีกเป็นห้องส่วนตัวสามารถจองเข้าใช้บริการกับทางนิติบุคคลล่วงหน้าได้

จุดเด่นเลยคือการออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว สำหรับประชุมออนไลน์หรืออ่านหนังสือ จึงออกแบบให้มีประตูปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวและความเงียบสงบระหว่างใช้งาน บางทีเราอาจจะไม่สะดวกจากการนั่งอยู่ในห้องพักที่คอนโดเพราะมีสมาชิกคนอื่นอยู่ด้วย หรือต้องการเปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถมาใช้บริการ Private Meeting Room ได้ครับ 
ติดกันออกแบบให้มี Private Living เป็นห้องพักที่โครงการจัดแยกมาให้จัดวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้สีสันสดใส เพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งส่วนตัวสำหรับดูทีวี พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนแบบส่วนตัวก็ได้ มองออกไปเห็นวิวด้านหน้าโครงการจากมุมสูง ก็มีความสวยงามมากเช่นกัน 
อีกห้องจะเป็น Family Meeting เป็นอีกหนึ่งห้องที่ฟังก์ชันการใช้งานคล้ายๆ กันคือเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนพูดคุยกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว แต่บรรยากาศจะดูจริงจังกว่าเพราะเป็นเก้าอี่้และโต๊ะกลม การออกแบบเช่นนี้ทำให้นึกถึงบ้านอาม่าที่มีการล้อมวงกินข้าวด้วยกัน สื่อสารที่ถึงการเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น 
ติดกันจะเป็นห้องประชุม Social Meeting ซึ่งมีความจริงจังกว่ามาก เหมาะสำหรับการเชิญแขกหรือสมาชิกจากภายนอกมาพบปะหารือกันแบบส่วนตัวภายในห้องประชุมนี้จะได้ไม่ต้องใช้พื้นที่ในห้องพักหรือพื้นที่ส่วนกลางที่มีฟังก์ชันการใช้งานร่วมกัน โครงการจัดให้มีโต๊ะประชุมขนาดกลางพร้อมเก้าอี้ 6 ที่นั่ง ติดตั้งจอทีวีเพื่อรองรับการประชุมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ 
ส่วนอีกฝั่งจะเป็น Social Club เหมาะสำหรับจัดประชุมหรือสังสรรค์ปาร์ตี้กันกับกลุ่มเพื่อนบรรยากาศจะดูรีแล็กซ์กว่า เราสามารถจองเข้าใช้บริการล่วงหน้ากับนิติบุคคลได้เลยครับ ภายในห้องจะแยกออกเป็น 2 ห้องย่อยคือห้องสำหรับรับประทานอาหาร แต่จะไม่มีพื้นที่จัดเตรียมอาหารเหมือนกับ The Parlour ที่ชั้นหนึ่ง ดังนั้นหากจะจัดปาร์ตี้กันแบบจริงจังน่าจะโยกไปใช้บริการที่ The Parlour จะสะดวกกว่า 
ใกล้กันเป็นฟังก์ชันของ Social Club เช่นกัน เป็นพื้นที่เปิดโล่งพร้อมกับจัดโซฟาที่นั่งเอาไว้ให้ได้ชมวิวในบรรยากาศสุด Exclusive มุมโซฟาให้นั่งพักผ่อนชมวิวสวยๆ เพราะภายในห้องค่อนข้างโปร่งโล่งสบายด้วยกระจกทรงสูงบานใหญ่ เปิดรับช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกเข้ามาได้ ให้บรรยากาศที่สบายๆ เป็นกันเอง ได้เทควิวกรุงเทพฯ เต็มตา ห้องนี้ตกแต่งสวยมากครับ ทางโครงการเลือกใช้หินอ่อนรุ่นพิเศษนำเข้า Onyx Van Gogh สีสวยหรูดูแพงมากมาประดับทำให้พื้นที่นี่มีความไม่ธรรมดา เป็นห้องที่กานต์ชอบมากอยากเข้ามานั่งเล่นบ่อยๆ 
ชั้น 40 และ Rooftop เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการ LIFE PHAHON-LADPRAO เพราะเป็นชั้นของ Facilities ที่ผมคิดว่าจัดหนักจัดเต็มที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่เคยไปชมโครงการคอนโดมิเนียมมา มีทั้งพื้นที่ Ourdoor และ Semi-Outdoor จัดวางที่นั่งสำหรับพักผ่อนไว้หลากหลายรูปแบบและกระจายไปในหลายจุด สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสลอยฟ้าที่มองเห็นวิวกรุงเทพฯ จากมุมสูงได้สุดลูกหูลูกตา มีสนามหญ้าสีเขียวเพื่อเพิ่มวิถีชีวิตท่ามกลางธรรมชาติให้กับคนเมือง การออกแบบเป็น Stack เป็นชั้นลดหลั่นกันไป จนเอาจริงๆ กานต์เองก็นับชั้นแทบจะไม่ถูกเลยครับ แต่ยอมรับว่าดีไซน์สวยแปลกตาน่าสนใจ 
เราเริ่มจากชั้น 40 กันก่อนเลยครับ เป็นชั้นสำหรับคนรักสุขภาพ ออกกำลังกายในฟิตเนสและว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่ Sky Lab Pool ไฮไลต์ คือ Sky Pool Pavilion และสระ Jacuzzi
สระว่ายน้ำ Sky Lab Pool ของที่นี่มีความยาว 30 เมตรเกิน Half-Olypic เลยนะครับ แบ่งออกเป็น 5 ฟังก์ชัน

ริมสระออกแบบให้เป็น Sky Pavilion Seat สำหรับนั่งอ่านหนังสือริมสระและมีมุมด้านนอกจัดวาง Sky Pool Bed เอาไว้ให้เราได้นอนเล่นอาบแดดและชมวิวกรุงเทพได้สบายเลยครับ ซึ่งจัดวางเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ทำให้มองเห็นพื้นที่สีเขียวของสวนรถไฟได้อีกด้วย
สระว่ายน้ำ Sky Lab Pool สามารถว่ายออกกำลังกายได้อย่างจริงจังหรืออยากจะนั่งแช่ตัวสบายๆ อยู่ใน Sky Jacuzzi ที่ติดตั้งมาให้ถึง 3 จุด เพื่อผ่อนคลายได้หลายคนพร้อมกัน มีแยกพื้นที่สระว่ายน้ำสำหรับเด็กออกไป
โครงการยังจัดให้มีห้อง Sauna ในฝั่งห้องน้ำชาย เหมาะสำหรับผ่อนคลายสบายตัวหลังออกกำลังกายหรือว่ายน้ำ
ส่วนฝั่งผู้หญิงมีห้อง Steam ในห้องน้ำหญิงจัดมาให้ใช้งานกันด้วย
นอกจากนี้ยังจัดให้มีห้องน้ำซึ่งงานดีไซน์สวยมาก แบ่งออกเป็นห้องน้ำหญิง / ห้องน้ำชายและห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ แยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน อีกทั้งยังมีส่วนของสุขาและมีห้องอาบน้ำ ติดตั้งตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของก่อนเข้าใช้บริการมาให้ด้วย
ในส่วนของโซนออกกำลังกายจะแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท โซนแรกที่เราจะพาไปชมเรียกว่า Burning Club คอนเซปต์คือการแยกห้องออกกำลังกายในลักษณะ Cardio ออกมาไว้เป็นอีกห้องหนึ่ง เพื่อลดเสียงรบกวนจากผู้ที่ออกกำลังกายในสไตล์ Weight Training ซึ่งมักจะมีการส่งเสียงดังเพื่อเรียกพลังตลอดเวลา ตรงจุดนี้เรามองว่าเป็นเรื่องที่ดีมากและแก้ปัญหาได้ถูกต้อง มีความแตกต่างจากคอนโดอื่นๆ
ภายในห้องติดตั้งเครื่องออกกำลังกายครบครันเทียบกับฟิตเนสชั้นนำ เราไม่ต้องเสียตังค์ เสียเวลาออกไปเข้ายิมข้างนอกเลยครับไม่ว่าจะเป็น Treadmill หรือลู่วิ่งไฟฟ้า เครื่องเดินวงรี Elliptical และมีจักรยานไฟฟ้า ทั้งหมดจัดวางหันหน้าออกไปทางสวนสีเขียว เพื่อให้เราได้มองดูวิวระหว่างออกกำลังกายจะได้คลายเหนื่อยได้เร็วขึ้น
Active Club จะเป็นห้องออกกำลังกายสำหรับสาย Weight Training ซึ่งได้ติดตั้งอุปกรณ์เอาไว้ให้ครบครันเช่นกัน สำหรับการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งยังมีการติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ให้คอยเช็คท่วงท่าที่ถูกต้องขณะออกกำลังอีกด้วย
อีกห้องซึ่งต้องเดินผ่านทางเดินเชื่อมสวนก็คือ Private Gym เป็น Yoga Studio มีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใหญ่สำหรับออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ หรือจะปรับเป็นห้องซ้อมเต้น ซ้อมร้องเพลงสำหรับสายเดบิวท์ก็ได้เช่นกัน
พื้นที่สวนส่วนกลางมีขนาดใหญ่ โครงการให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียวมากครับ ปลูกไม้พุ่ม ไม้ดอกและต้นไม้ใหญ่จัดวางไว้ด้านบนของอาคารและมีพื้นยกระดับขึ้นไปอีก ซึ่งถือว่า AP Thai ในฐานะผู้พัฒนาโครงการจัดพื้นที่สีเขียวมาให้ลูกบ้านของ LIFE PHAHON-LADPRAO เยอะมากจริงๆ
ภาพรวมจึงเป็นงานออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ทำให้ได้ฟีลลิ่งของ Organic Architecture ด้วยความที่เป็นปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้บนยอดตึก ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมาก สามารถเดินออกกำลังกายในตอนเช้าหรือวิ่งจ๊อกกิ้งบนดาดฟ้าตอนเย็นหลังเลิกงานได้สบายๆ และรู้สึกสดชื่นดี
ทางโครงการจัดโซนนิ่งโดยตั้งชื่อเรียกแต่ละพื้นที่ให้มีความหลากหลายตามการใช้งานจริง อาทิ Sky Private Seat จัดให้มีพื้นที่เอาไว้นั่งทำงาน อ่านหนังสือหรือชมวิวจากบนดาดฟ้า
มี Sky Rooftop Bar นั่งปาร์ตี้กันเบาๆ รับลมเย็นๆ ได้
Private Sky Yard มุมส่วนตัวสำหรับปลีกวิเวกเงียบๆ
Sky Courtyard เป็นลานสนามหญ้ากว้างๆ
มีมุมนั่งเล่นแยกออกไปเป็น Panoramic Sky Hill พื้นที่ยกระดับสำหรับชมวิวแบบ 360 องศา ตลอดจน Private Backyard สำหรับนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกแบบส่วนตัว
เรามองว่า ด้วยการออกแบบของสถาปนิกที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยมาก่อนนี่แหละ ทำให้กลายเป็นหน้าที่ของงานสถาปัตยกรรมที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขในพื้นที่ของตนมากที่สุด อีกทั้งยังถือเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตในการพักอาศัยให้มีครบทั้งพื้นที่ส่วนตัวภายในห้องและพื้นที่ส่วนรวมคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ให้เป็นโอเอซิสใจกลาง 5 แยกลาดพร้าวอีกด้วย

จากพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดของโครงการคอนโดมิเนียม LIFE PHAHON-LADPRAO ซึ่งจัดหนักจัดเต็มมากๆ เราอยากจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันต่อครับ ซึ่งเลือกมาให้ชม 3 แบบ 3 Layout 3 ขนาด สามารถเลือกพิจารณาได้ตามไลฟ์สไตล์และความต้องการได้เลยครับ
เราเริ่มจากการมาชมห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยขนาดพื้นที่ที่กำลังดี ออกแบบ Layout ห้องได้อย่างลงตัวเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองประกอบกับการขายแบบ Fully Fitted คือติดตั้งเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วบางส่วน ทำให้สะดวกในการย้ายเข้าอยู่ได้ในทันที

ห้องตัวอย่างเป็นแบบ Simplex ชั้นเดียว โดยเริ่มจากด้านหน้าทางเข้า เมื่อเปิดประตูเข้าห้องไปจะพบกับครัวแบบปิด ติดตั้ง Digital Door Lock ยี่ห้อ Kaadas มาให้แล้ว พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ออกแบบให้มีประตูกั้นครัวเป็นกระจกใสบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดออกได้กว้างเพิ่มพื้นที่ได้ มีเคาน์เตอร์ครัว Built-in อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันจาก Teka ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้เราสามารถทำอาหารเบาๆ หรืออุ่นกับข้าวได้โดยไม่มีกลิ่นลอยเข้าไปรบกวนในส่วนพื้นที่พักผ่อนด้านใน อีกทั้งห้องยังดูโปร่งด้วยกระจกใสช่วยเปิดรับแสงจากผนังด้านนอกเข้ามาภายในทำให้ห้องดูกว้างขวาง อยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด

ถัดมาเป็นโซนพักผ่อน จัดให้มีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ถัดจากประตูเชื่อมกับห้องครัว ตรงข้ามเยื้องไปด้านในเล็กน้อยเป็นชั้นวางทีวีที่อยู่ขนานกับมุมนั่งเล่น โดยห้องตัวอย่างจัดเป็นโซฟาหนังขนาด 2-3 ที่นั่งเอาไว้อยู่ด้านในสุด ริมผนังด้านนอกเป็นกระจกใสแบบ 3 ตอนสามารถเปิดออกไปเป็นระเบียงกว้าง ยืนรับลมสบายๆ และระบายอากาศได้ดี โดยมีพื้นที่มุมด้านในเอาไว้สำหรับติดตั้ง Condensing Unit ของเครื่องปรับอากาศ

อีกหนึ่งความน่าสนใจของการออกแบบก็คือ เมื่อเราจัดครัวไว้อยู่ด้านนอกบริเวณทางเข้าซึ่งต่อเนื่องจากโถงทางเดินแล้วออกแบบให้พื้นที่นั่งเล่นไปอยู่ด้านใน ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงรบกวนที่อาจจะดังมาจากทางเดินด้านนอก กลายเป็น Buffer คอยกั้นเสียงไปโดยปริยาย ทำให้ได้อยู่ในห้องที่เงียบ ฟีลสบายๆ ไม่ต้องมีเสียงใดๆ มารบกวนการพักผ่อน
หนึ่งในความฉลาดของงานดีไซน์ คือ การออกแบบให้ห้องน้ำภายในห้องเป็นแบบ Double Access คือสามารถเข้าออก 2 ทาง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ข้อดีก็คือไม่ต้องเดินอ้อมเข้าไปในห้องนอนเพื่อเข้าห้องน้ำเวลามีแขกมาขอใช้บริการ หรือเมื่อเราอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวเข้านอนได้ทันที สะดวกครบจบในจุดเดียว ส่วนงานดีไซน์ของห้องน้ำเป็นลักษณะของห้องน้ำสำเร็จรูปพร้อมติดตั้ง ทำให้ฟังก์ชันครบและแยกส่วนเปียกแห้งในการใช้งานออกจากกันได้อย่างชัดเจน ส่วนอ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ติดตั้งมาให้เป็นของ Kohler พร้อมกับติดตั้ง Shower Box มาให้แล้วเรียบร้อย
ส่วนห้องนอนก็มีขนาดกว้างพอที่จะติดตั้งเตียงนอนขนาดใหญ่มีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สบาย ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มได้ ส่วนหน้าต่างสามารถเปิดออกเพื่อรับลมและระบายอากาศได้ อีกทั้งด้านในยังมีพื้นที่ว่างสำหรับจัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง และโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานมาแล้วเรียบร้อย
พาไปชมห้องตัวอย่างต่อไปเป็นแบบ Vertiplex ขนาด 2 Bedroom พื้นที่โฉนด 40.5 ตร.ม. ส่วนพื้นที่ชั้นลอยจะเพิ่มมาอีก 20 ตร.ม. ทำให้ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 60 ตร.ม. สามารถอยู่อาศัยได้ 1 ครอบครัวที่มีพ่อแม่และลูก 1 คน เพราะจะได้ฟังก์ชัน 2 ห้องนอนจากชั้นลอยมาเพิ่ม ที่น่าสนใจของห้องนี้ก็คือเราจะชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางตามพื้นที่โฉนดเท่านั้น ประหยัดไปประมาณ 20 ตร.ม.เลยทีเดียว
�การออกแบบ Layout ห้องบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าจะคล้ายกับห้องแบบ 1 Bedroom คือมีครัวอยู่ด้านหน้าทางเข้า ติดตั้งเคาน์เตอร์และชุดครัวให้แล้้ว พร้อมเว้นพื้นที่สำหรับจัดวางตู้เย็น ระหว่างทางเดินเข้าไปยังพื้นที่ Common Area จะเป็นพื้นที่เปิดซึ่งเราสามารถติดตั้งประตูกั้นอีกชั้นเพิ่มในภายหลังได้ ประโยชน์ของการเป็นโซนปิดก็คือ เพื่อป้องกันกลิ่นจากอาหารลอยเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน ซึ่งหากติดเป็นประตูกระจกใสก็จะช่วยเปิดรับแสงสว่างจากช่องแสงหน้าต่างธรรมชาติด้านนอกเข้ามาได้ เพื่อให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น และทำหน้าที่เป็นเหมือน Buffer ช่วยป้องกันเสียงรบกวนได้อีกชั้น อันเกิดจากโถงทางเดินส่วนกลางด้านนอกได้อีกทางหนึ่งครับ
ห้องนอนหลักจะถูกแยกออกไปเป็นห้องปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ภายในห้องกว้างขวางสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่และยังมีพื้นที่รอบเตียงเดินได้สบายๆ มาพร้อมระเบียงส่วนตัวสามารถเดินออกไปได้ ช่วงปลายเตียงแนะนำให้ติดตั้งเป็นทีวีแบบแขวนผนัง ส่วนด้านในเป็นพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งและมุมแต่งตัว ทางโครงการติิดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ดีไซน์ให้เชื่อมต่อกับห้องน้ำมาให้เรียบร้อยแล้วครับ
ติดกันด้านหน้าฝั่งครัว จะเป็นห้องน้ำใช้งานร่วมกันคล้ายกับห้อง 1 Bedroom สามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือจากฝั่งครัวและในห้องนอนชั้นล่าง ภายในจัดวางผังคล้ายกัน แยกฟังก์ชันส่วนเปียก-แห้งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ติดตั้งพื้นที่อาบน้ำแบบ Shower Box มาให้และอุปกรณ์สุขภัณฑ์ให้เป็นของ Kohler เช่นกัน
ด้านในเป็นพื้นที่ของ Common Area ความพิเศษคือห้องนี้จะมีเพดานที่ค่อนข้างสูงถึง 4.4 เมตร ผนวกเข้ากับผนังที่เป็นกระจกใสบานใหญ่ ช่วยเปิดรับช่องแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาได้ จึงทำให้ห้องนี้ดูโปร่ง โล่งสบาย สามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งออกเพื่อระบายอากาศและเกิดการไหลเวียนของลมภายในห้องได้ห้องตัวอย่างจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารไว้ใกล้กับพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ทำให้สามารถเพลินเพลินระหว่างมื้ออาหารไปกับซีรีย์เรื่องโปรดได้ หรือจะนั่งพักผ่อนสบายๆ บนโซฟาก็เข้าท่าดี มองเข้าไปในภาพรวมจะเห็นพื้นที่ชั้นลอยอยู่ด้านบน Living Area ทำให้ได้ฟีลเหมือนอยู่บ้าน 2 ชั้นไปโดยปริยาย
ส่วนชั้นลอยเราจะต้องเดินขึ้นบันไดไป โครงสร้างบันไดเป็นเหล็กลูกตั้งลูกนอนปิดผิวด้วยไม้จริงสีน้ำตาลอ่อนดูกลมกลืน ขึ้นไปจะเจอกับพื้นที่เอนกประสงค์สามารถจัดวางโต๊ะทำงานเป็นมุมอ่านหนังสือหรือไลฟ์สดได้
ด้านในกั้นเป็นห้องกระจกทำเป็นห้องนอนรองได้ขนาดพื้นที่พอๆ กับห้องนอนล่าง ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อมาให้แล้วมีขนาดใหญ่พอสมควรสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานเลยครับ
มาดูห้องตัวอย่างแบบ 2 Bedroom ขนาด 57 ตร.ม. กันบ้างครับ ห้องนี้กานต์ก็ชอบเช่นกันเพราะออกแบบ Layout ได้ค่อนข้างลงตัวเป็น 2 ห้องนอนที่กว้างขวางพอสมควร
ฟังก์ชันด้านหน้าทางเข้าจะคล้ายๆ กันคือออกแบบให้เป็นพื้นที่ครัวและมุมรับประทานอาหาร ทางโครงการติดตั้งชุดครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน อ่างล้างจานและตู้เก็บของมาให้แล้ว มีเคานต์เตอร์ด้านหน้าประตู สำหรับวางของชิ้นเล็กๆ เช่น กุญแจ กระเป๋า
ส่วนโถงกลางจัดวางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้สบายเลยครับ ด้านในจะเป็น Living Area จัดวางโซฟาขนาด 3 ทัี่นั่งสำหรับดูทีวีหรือชมวิว สามารถเดินออกไปยังนอกระเบียงเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์จากพื้นที่สีเขียวรอบอาคารและบางห้องจะมองเห็นวิวสวนรถไฟที่มีขนาดใหญ่มากได้ด้วย
ส่วนห้องน้ำจะมี 2 ห้องคือห้องน้ำด้านนอกใช้งานร่วมกันกับห้องนอนรองซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เดินมาเข้าห้องน้ำได้สะดวก ภายในห้องนอนรองก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่จัดวางเตียงควีนไซส์ได้สบายเลยครับ ผนังกระจกใสเปิดรับวิวสวนได้เต็มที่และมีบานกระทุ้งเปิดออกได้ ทางโครงการติดตั้งตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in มาให้แล้ว
“𝐁𝐞𝐟𝐨𝐫𝐞 𝐲𝐨𝐮 𝐜𝐚𝐭𝐞𝐫 𝐭𝐨 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲𝐨𝐧𝐞 𝐞𝐥𝐬𝐞, 𝐚𝐬𝐤 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐭 𝐢𝐬 𝐘𝐎𝐔 𝐜𝐨𝐮𝐥𝐝 𝐝𝐨 𝐭𝐨𝐝𝐚𝐲 𝐭𝐨 𝐛𝐞 𝐚𝐭 𝐡𝐨𝐦𝐞 𝐰𝐢𝐭𝐡𝐢𝐧 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟. 𝐋𝐞𝐚𝐯𝐞 𝐢𝐭 𝐮𝐩 𝐭𝐨 𝐞𝐯𝐞𝐫𝐲𝐨𝐧𝐞 𝐞𝐥𝐬𝐞, 𝐚𝐧𝐝 𝐩𝐞𝐚𝐜𝐞 𝐬𝐞𝐞𝐦𝐬 𝐩𝐢𝐞-𝐢𝐧-𝐭𝐡𝐞-𝐬𝐤𝐲.

𝐓𝐡𝐫𝐨𝐮𝐠𝐡 𝐦𝐢𝐧𝐝𝐟𝐮𝐥𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐜𝐚𝐫𝐞, 𝐲𝐨𝐮 𝐭𝐚𝐤𝐞 𝐛𝐚𝐜𝐤 𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐥𝐢𝐠𝐡𝐭. 𝐀𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐚𝐭’𝐬 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐜𝐨𝐦𝐢𝐧𝐠 𝐡𝐨𝐦𝐞 (𝐭𝐨 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟) 𝐟𝐞𝐞𝐥𝐬 𝐥𝐢𝐤𝐞: 𝐚 𝐩𝐞𝐚𝐜𝐞𝐟𝐮𝐥 𝐬𝐭𝐫𝐞𝐧𝐠𝐭𝐡, 𝐚 𝐬𝐚𝐧𝐜𝐭𝐮𝐚𝐫𝐲.”

– ᴊᴇɴɴɪꜰᴇʀ ʜᴇᴀʟᴇʏ
ส่วนห้องนอนหลักก็จะฟังก์ชันคล้ายๆ กัน แต่จะได้พื้นที่ของห้องน้ำในตัว ด้านในสุดจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ ปลายเตียงแนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังจะประหยัดพื้นที่ได้ดีกว่าสามารถนอนดูหนังเพลินๆ จากบนเตียงได้เลย
ด้านในเป็นพื้นที่แต่งตัวที่มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้ว พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ Shower Box นับว่าสะดวกมากครับ เพราะถ้าเราอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวต่อให้จบได้ในโซนเดียวได้เลยครับ
#โดยสรุป LIFE PHAHON-LADPRAO เป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมที่น่าสนใจ ในทำเล 5 แยกลาดพร้าวซึ่งเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ ข้อได้เปรียบคือตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า 2 สาย ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าวและเซ็นทรัล พหลโยธินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ตัวอาคารออกแบบให้ขยับเข้ามาด้านในเล็กน้อย มีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้เป็นแนวยาวระหว่างทางเข้าอาคาร ทำให้เป็น Buffer ช่วยกรองเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่ง

โครงการออกแบบสวยด้วยงานดีไซน์ที่โดดเด่นเห็นมาแต่ไกล มีพื้นที่ส่วนกลางจัดมาให้เยอะมากถึง 6 ชั้น เพียงต่อการความต้องการใช้งานของลูกบ้านที่มีเพียง 598 ยูนิต ถือว่าจำนวนไม่เยอะเลยครับสำหรับคอนโด High Rise ใจกลางเมือง ส่วนกลางมีทั้ง Living Area Gym สระว่ายน้ำและสวนสีเขียว โดยเฉพาะโซนชั้นบนอย่าง Rooftop Garden เป็นสวนลอยฟ้าชั้นขนาดเต็มพื้นที่อาคารเลยครับถือว่าใหญ่มาก มองเห็นวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนราม่า โดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่คอยให้ร่มเงาและมีไม้ดอกเป็นตัวเพิ่มสีสัน พร้อมจัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่เอาไว้ท่ามกลางสวนสีเขียว โอบกอดเราด้วยท้องฟ้าและดวงดาวในยามค่ำคืน

กานต์เชื่อเหลือเกินครับว่า การสร้างสรรค์งานศิลปะ หรือกระทั่งการจะออกแบบอาคารขึ้นมาสักหลัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะงานที่มีความ Commercial ผู้พัฒนาโครงการอย่าง AP Thai ได้คำนึงถึงองค์ประกอบมากมายเพื่อนำเสนอให้โดนใจ มีการรับฟังเสียงของลูกบ้านมาจัดการแก้ไขในโครงการใหม่ๆ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง งานออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม การจัดวางฟังก์ชันใช้สอยให้ได้ประโยชน์สูงสุด การวางราคาขายที่สมเหตุสมผล สุดท้ายก็เพื่อให้โดนใจผู้ซื้อมากที่สุดและบอกเลยว่า LIFE PHAHON-LADPRAO เป็นคอนโดมิเนียมที่กานต์มองว่าครบเครื่องมากที่สุดแล้วในเวลานี้ อยากไปให้ชมตึกจริงกัน

ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/qwsq 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน