“คราม” เป็นคำไทยแท้แปลว่า “บ้าน” ครับ

กานต์เพิ่งมารู้ความหมายหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมโครงการ KRAAM (คราม) คอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Super Luxury ที่ซอยสุขุมวิท 26

A “Home-Like” Condominium เป็นคอนเซ็ปต์ของที่นี่ครับ เข้ากันได้ดีกับชื่อมาก

สุขุมวิท 26 เป็นซอยใหญ่ที่ผมใช้ลัดผ่านเป็นประจำเวลาจะข้ามจากสาทร ผ่านพระราม 4 เข้ามายังใจกลางเมือง ร่มรื่นด้วยอุโมงค์ต้นไม้ เวลาผ่านหน้าโครงการ KRAAM จะเห็นต้นหางนกยูงอายุกว่า 100 ปี ที่ยืนต้นโดดเด่นอยู่ด้านหน้า ซึ่ง Nye Estate ผู้พัฒนาโครงการเลือกที่จะเก็บต้นไม้ไว้แล้วเปิดระยะถอยร่นเข้าไปด้านในให้ลึกขึ้น

ผมมองว่าแม้จะเสียพื้นที่ในการขาย แต่กลับได้ประโยชน์มากในแง่ของการอยู่อาศัย ทั้งความเป็นสวนสีเขียวกว่า 1 ไร่ด้านหน้า เป็นสนามหญ้าที่จะให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นได้อย่างสบายใจในช่วงเวลาที่ต้นไม้ใหญ่ใจกลางเมืองหายากเต็มที นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ Buffer คอยป้องกันไม่ให้เสียงแห่งความวุ่นวายจากภายนอก เข้ามายังภายในโครงการ เมื่อเข้ามาชมผมจึงรู้สึกได้ทันทีว่าที่นี่สงบดีมาก เป็นภาพตัดราวกับว่าไม่ได้อยู่ใจกลางกรุง

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดคืองานออกแบบที่เคารพผู้อยู่อาศัย เราจะเห็นได้จากดีเทลที่ทางโครงการมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ทำให้แต่ละห้องมีขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกกว้างขวางโอ่โถงเหมือนเราอยู่บ้าน ผนังของแต่ละห้องไม่ติดกันเพื่อความเป็นส่วนตัว มีที่จอดรถประมาณ 140%

ส่วนการวางผังห้องเป็นแนวเหนือใต้ ได้ในเรื่องทิศทางลมที่ไหลเวียนไม่อึดอัดราวกับเป็นคอนโดที่หายใจได้ สระว่ายน้ำชั้นบนที่กว้างมองออกไปเห็นวิวคุ้งบางกระเจ้า ซึ่งตอนเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะเป็นภาพที่สวยมากครับ

ไปชมภาพและอ่านเรื่องราวในคอลเลคชั่น “KRAAM” ที่กานต์นำมาฝากกันต่อด้านในแคปชั่นดีกว่าครับ

𝐊𝐑𝐀𝐀𝐌 𝐒𝐔𝐊𝐇𝐔𝐌𝐕𝐈𝐓 𝟐𝟔 – 𝑻𝒉𝒆 𝑶𝒏𝒆 & 𝑶𝒏𝒍𝒚 𝑪𝒐𝒏𝒅𝒐𝒎𝒊𝒏𝒊𝒖𝒎 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝑵𝒐 𝑺𝒉𝒂𝒓𝒊𝒏𝒈 𝑾𝒂𝒍𝒍 I คอนโดหรู แบบผนังห้องไม่ติดกัน และพื้นที่หลังบ้าน ทุกยูนิต เอกสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว บนทำเลใจกลางพร้อมพงษ์ เชื่อมต่อสุขุมวิท 26 – พระราม 4 – อโศก 𝐒𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥 𝐔𝐧𝐢𝐭𝐬 𝐬𝐭𝐚𝐫𝐭 𝟏𝟓.𝟗 𝐌𝐁.*

𝐒𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥 𝐔𝐧𝐢𝐭𝐬 𝐬𝐭𝐚𝐫𝐭 𝟏𝟓.𝟗 𝐌𝐁.* Register & Visit us at KRAAM, Receive 𝟏𝟎𝟎,𝟎𝟎𝟎 𝐓𝐇𝐁* 𝐂𝐚𝐬𝐡 𝐕𝐨𝐮𝐜𝐡𝐞𝐫 from The Emquartier & Emporium

🌐https://bit.ly/3nJAsJb
📞 062-195-9626
📲 Line@ :@Kraam https://lin.ee/WS3yl804

#NyeEstate#KRAAM#KraamSukhumvit26#LuxuryCondominium#READYTOMOVEIN

สุขุมวิท 26 เป็นซอยที่กานต์ชอบมากครับ เพราะมีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนใคร เป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ทำให้ตลอดทั้งเส้นสวยร่มรื่น เดินตรงเข้ามาประมาณ 400 เมตรก็จะถึงโครงการ KRAAM โลเคชั่นที่ค่อนข้างสะดวก เป็นซอยลัดเชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระรามที่ 4 ขึ้นทางด่วนก็ง่าย ด้านหน้าซอยมีสถานีรถไฟฟ้า BTS และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เข้ามาด้านในยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ไลฟ์สไตล์เก๋ๆ เปิดเยอะเลยครับ

KRAAM : A “Home-Like” Condominium

ผมสังเกตว่าพื้นที่โดยรอบโครงการจะเป็นอาคารสูงไม่เกิน 5 ชั้นและเป็น Residential Area ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องอาคารสูงอื่นมาบังวิว โครงการ KRAAM จึงค่อนข้างโดดเด่น มองเห็นวิวจากมุมสูงได้ไกลถึงคุ้งบางกระเจ้าและแม่น้ำเจ้าพระยา

ผมขับรถเข้ามาด้านใน จึงได้สังเกตเห็นว่าที่นี่จะมี Double Gate ครับ เพื่อความเป็นส่วนตัว ด้านหน้าบริเวณป้อมรปภ. จะมีประตูทางเข้าหลัก และมีลานกว้างสำหรับจอดรถ Visitor หรือแม้แต่พนักงานรับส่งสินค้าก็จะจอดกันบริเวณนี้ ลดความวุ่นวายและมลพิษเสียงและควันด้านใน จากนั้นจึงจะเป็นประตูที่ 2 เพื่อเข้าไปสู่โซนที่พักอาศัย

อาคารทั้งหลังดีไซน์โดยใช้วัสดุหลักเป็นกระจก มองจากด้านหน้าจะเห็นว่ามีการเจาะช่องเปิดเพื่อช่วยระบายอากาศ ด้านข้างเป็นหลักการออกแบบ Cross Ventilation เพื่อให้เกิดการไหลเวียนถ่ายเทของลมภายในอาคาร เพิ่มรายละเอียดของการออกแบบด้วย Vertical Fadade Fin ช่วยเรื่องการทิศทางของแสงที่จะส่องกระทบเข้ามาโดยตรง ขอบตึกด้านข้างเป็นสีส้มอมแดงสีเดียวกับดอกหางนกยูงครับ

ความร่มรื่นและพื้นที่สีเขียวคือสิ่งที่เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกมาถึง ผมชอบการออกแบบแลนด์สเคปที่ดูเรียบง่ายแต่เน้นฟังก์ชัน หัวใจหลักของงานดีไซน์ คือเรื่องการสร้างพื้นที่แห่งความเงียบสงบและพักผ่อน ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่และสวนด้านหน้าโครงการขนาด 1 ไร่ ซึ่งมีพระเอกคือต้นหางนกยูงอายุกว่า 100 ปีที่ยังคงต้องเก็บไว้ ทำให้เกิดพื้นที่ถอยร่นเข้าไปด้านใน กลายเป็นสวนส่วนกลางด้านหน้าที่โอบล้อมด้วยกำแพงต้นไม้และยังมีรั้วที่ทำเป็นสวนแนวตั้งหรือ Vertical Garden ตลอดทั้งแนว เพิ่มความสดชื่นและสวยงามให้กับโครงการอีกด้วยครับ

ด้านในสุดมีศาลาเซน เอาไว้ให้นั่งเล่นพักผ่อน นั่งดูปลาคราฟท์เพลินๆ ไป เป็นมุมนั่งเล่นที่ผมใช้เวลาตรงนี้นานพอสมควรครับ

ด้านหน้าอาคารเป็นจุด Drop-Off เราเดินเข้าไปใน Lobby กันดีกว่าครับ จะมีเคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่คอนโดคอยดูแลอำนวยความสะดวก

พื้นที่ Lobby มีมุมนั่งเล่น นั่งพักผ่อนหลายจุด กระจายตัวกันออกไปทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เน้นวิวกระจกที่เปิดโล่งมองออกไปเห็นสวนสีเขียวด้านนอก สดชื่นดีครับ

“Life is collaboration. Where I think art can be sort of misguided is that it propagates this idea of itself as a solo love affair – one person, one idea, no one else involved.”

— Virgil Abloh : Louis Vuitton Artistic Director.

ด้านในสุดของ Lobby ออกแบบให้เป็น Library Area มีโต๊ะกลางขนาดใหญ่ เพื่อใช้งานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทำงาน อ่านหนังสือหรือว่าจัดมีทติ้งเล็กๆ เราสามารถนับพบปะกับแขกได้ที่บริเวณ Lobby ครับ

จากนั้นด้านในจะเป็นส่วนของผู้พักอาศัยซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้าไปอีกชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว

แต่สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ สามารถตรงจากลานจอดขึ้นบนห้องพักได้เลยครับ

ภายในลานจอดรถจะมีช่องจอด EV Charger ด้วยครับ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 หัว 6 ช่องเพื่อรองรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ส่วนอีกจุดที่ผมชอบในรายละเอียดคือการออกแบบให้มีล็อคเกอร์เก็บของขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าลิฟต์ลานจอด ทำให้เราสามารถเก็บถุงกอล์ฟ หรือข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องนำขึ้นไปบนห้อง นำมาเก็บไว้ที่นี่ได้ซึ่งจะระบุหมายเลขห้องเอาไว้เรียบร้อยเพื่อความเป็นส่วนตัวครับ

กานต์พาไปชมห้องตัวอย่างกันบ้างครับ จะเป็น Room Type 1 ห้องนอนขนาดพื้นที่ใช้สอย 61 ตร.ม. จะเห็นได้ว่าเป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่กว้างขวางกว่าคอนโดอื่นมาก จึงทำให้จำนวนยูนิตของแต่ละชั้นมีไม่มาก เพื่อความเป็นส่วนตัวของแต่ละครอบครัว

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะรู้สึกราวกับอยู่อาศัยภายในบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ทว่ายกพื้นสูงขึ้นมา 10 กว่าชั้นเองครับ พื้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 10 เป็นต้นไป

ทำให้ทุกห้องจะมองเห็นวิวกรุงเทพในมุมสูงจากผนังกระจกกว้างแบบ Full – Height Windows ที่บริเวณระเบียง ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบโครงการให้มีความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้านของตัวเองครับ

ฟีลลิ่งนี้ ผมรู้สึกดีมากเลยอ่ะ

ภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 5 ส่วน คือ ด้านหน้าเป็นครัวและ Pantry ด้านในจะเป็น Living Area ส่วนในห้องจะเป็นโซนพักผ่อนและห้องน้ำในตัว

ด้านหลังสุดออกแบบให้เป็น Yard ซึ่งเป็นพื้นที่ยาวตลอดขนานไปกับแนวผนังห้องทำให้แต่ละยูนิตจะไม่มีผนังที่ใช้ร่วมกัน และกลายเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมส่วนตัวภายในห้อง ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปชมครับ

ห้องของโครงการ KRAAM จะขายแบบ Fully Fitted โดยโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เก็บของหลายจุดเป็นรูปตัวแอล (L) จุของได้เยอะเหมือนอยู่บ้าน ทั้งยังได้ความเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย โดยด้านหน้าห้องจะเป็นตู้เก็บรองเท้าขนาดใหญ่ครับ

ผมชอบการเลือกใช้โทนสีเทาควันบุหรี่ของชุด Built in ภายในห้องนี้ ให้ความรู้สึกที่หรูหราทว่าเรียบง่ายดีครับ

ส่วนครัวออกแบบให้มี Kitchen Island สำหรับจัดเตรียมอาหารให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่บ้านแล้วเข้าครัวทำกับข้าวเลยครับ พื้นส่วนเคาน์เตอร์ครัวเป็นกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อนดูเรียบหรู ส่วน Top ของเคาน์เตอร์เป็นหิน Quartz ทนต่อรอยขีดข่วนดี มีโต๊ะรับประทานอาหารที่ีดีไซน์ให้เหมือนเคาน์เตอร์บาร์ เพื่อที่จะเชื่อมต่อกับส่วนของครัวด้านใน

นอกจากนี้ยังให้ตู้เย็นแบบ Built in ของ Samsung, Hood ของ Siemens, Hobs ของ Gaggenau, อ่างล้างจานของ Blanco Steelart, เตาอบจาก Gaggenau ฯลฯ ทำให้สะดวกมากในการเข้าอยู่อาศัย

เรียกว่าหิ้วกระเป๋าแล้วเข้าอยู่ได้เลยครับ

ภายในห้องจะเห็นพื้นที่ของครัวและมุมนั่งเล่นที่เน้นการออกแบบให้เชื่อมต่อกัน ทำให้พื้นที่ภายในห้องดูกว้างขวาง ไม่รู้สึกอึดอัด ทว่าออกแบบได้เป็นสัดเป็นส่วนดีครับ

Living Area อยู่ถัดจากครัวเข้าไปด้านใน ภาพนี้จะเห็นความต่างของเพดานใน 2 ส่วนคือครัวกับห้องนั่งเล่น ซึ่งจะสูงต่างกันเล็กน้อย คือเพดานครัวจะสูง 2.7 เมตร เพราะด้านบนติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal

ส่วนพื้นที่นั่งเล่นจะสูงกว่าคือ 3 เมตร ช่วยให้มุมพักผ่อนดูมีพื้นที่กว้างขวาง เราสามารถจัดวางโซฟาตัวใหญ่ได้สบายๆ

ห้องตัวอย่างของโครงการเลือกใช้สีเขียวนกเป็ดน้ำ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้อง พร้อมกับโต๊ะกลางดีไซน์เก๋ๆ ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับจัดวางทีวีและมีมุมนั่งทำงานเล็กๆ อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย

เป็นมุมนั่งเล่นมีระยะจากผนัง 2 ด้านห่างกันประมาณ 3.7 เมตร เป็นระยะที่สามารถจัดวางสมาร์ททีวีขนาดใหญ่เพื่อความบันเทิงภายในบ้านได้เลย

ผมลองนั่งดูจากมุมนี้ก็รู้สึกได้ทันทีถึงความผ่อนคลาย ยิ่งได้เห็นวิวจากผนังกระจกที่เปิดรับมุมมองจากภายนอกเข้ามาและเป็นการเปิดช่องแสงจากธรรมชาติ เพื่อให้ส่องสว่างตลอดเวลาไม่รู้สึกอึดอัด ราวกับนั่งอยู่ภายในบ้าน มองออกไปเห็นความเป็นเมืองใหญ่สวยงาม ยิ่งถ้าชั้นสูงจะมองไปได้ไกลจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาเลยนะครับผมว่า 

ห้องนอนจะอยู่ด้านในซึ่งกั้นด้วยผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว ประตูเป็นไม้ปิดผิวด้วยวีเนียร์เต็มบานประตูทรงสูงเกือบถึงฝ้าเพดาน ทำให้ห้องนอนดูอลังการมาก มาพร้อมกับมือจับแบบก้านโยก

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในจะเจอกับผนังกั้นห้องแบ่งพื้นที่ของเตียงนอนและห้องน้ำออกจากกันเพื่อการใช้งานที่ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ผนังกระจกด้านในห้องนอนยังเป็นแบบ Full – Height Windows เช่นเคย ช่วยให้ห้องนอนดูกว้างและโปร่งสบาย ได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน สามารถเปิดบานกระทุ้งกระจกด้านข้างเพื่อระบายอากาศได้ ด้วยความที่เป็นกระจกสามชั้น (Triple Glazed Window) ทำให้ห้องเงียบดีไม่มีเสียงรบกวน

บริเวณพักผ่อนสามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ได้และยังมีพื้นที่รอบเตียงให้เดินได้สบายเลยครับ หัวเตียงจัดวางโคมไฟอ่านหนังสือส่วนปลายเตียงสามารถติดตั้งตู้ลอยหรือ Cabinet เป็นแนวยาวเหมือนห้องตัวอย่างได้เลยครับ สามารถติดตั้งทีวีและมีมุมทำงานอ่านหนังสือภายในห้องได้

อีกด้านจะเป็นมุมแต่งตัวและห้องน้ำที่ลึกเข้าไปด้านใน ตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะ Built in มาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนภายในห้องน้ำติดตั้งมีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวมาให้

แต่ที่ผมชอบคือพื้นที่ Yard ซึ่งจะกลายเป็นมุมส่วนตัวภายในห้องนอนเราไปโดยปริยาย แต่จะไม่ได้รวมอยู่ในโฉนดนะครับถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางในพื้นที่ส่วนตัว สามารถเก็บของ ตากผ้าหรือว่าใช้สอยได้ตามสะดวกครับ

ผมชอบ KRAAM ในแง่ของการออกแบบที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยจริงครับ

โดยนำหลักคิด Cross Ventilation ซึ่งเป็นการระบายอากาศแบบให้ลมไหลผ่านตัวอาคาร โดยใช้การวางตำแหน่งของหน้าต่างบนผนังห้องอย่างน้อยสองด้าน เพื่อให้มีช่องทางให้ลมเข้าและลมออกได้ จึงออกแบบวางตัวบ้านให้ด้านยาวของบ้านขวางทิศทางลมเหนือใต้เป็นหลัก

ดังนั้น บริเวณโถงลิฟต์จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพราะมีลมถ่ายเทตลอดเวลา ไม่อับ และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าส่วนกลางด้วยครับ

อีกทั้ง การวางแปลนห้องให้ไม่มีผนังติดกัน ก็เป็นหลักการเดียวกันคือทำให้มีอากาศไหลผ่านระหว่างห้อง ราวกับเป็นคอนโดที่หายใจได้นั่นเองครับ

มาดูห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนอีกห้องครับ ซึ่งห้องนี้จะคล้ายกับห้องแรกแต่ทางโครงการออกแบบเพื่อเป็นไอเดียสำหรับใครที่ซื้อเพื่อการลงทุนหรือปล่อยเช่า เราจะได้นึกภาพตามได้ว่า ห้องจริงๆ ที่โครงการให้มาจะประมาณไหนและต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมบ้าง ซึ่งเอาจริงๆ ก็ทำเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ปล่อยเช่าได้เลยครับ

เปิดประตูเข้าไปดูห้องนี้กันสักหน่อย ประตูทุกห้องทางโครงการได้ติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ให้แล้วครับ

ด้านหน้าห้องจะเป็นส่วนของครัวและ Kitchen Island เช่นกัน

“Give me books, French wine, fruit, fine weather and a little music played out of doors by somebody I do not know.”

― John Keats

มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งติดตั้งไว้ให้ จัดวางตู้เก็บของไว้เยอะแยะเช่นเคยครับ ทางโครงการติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล่างจาน ตู้เย็น เตาอบเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วอย่างที่เคยเล่าไป

จะสังเกตว่าห้องนี้แม้จะไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากมาย แต่ด้วยดีไซน์เริ่มต้นที่ทางโครงการออกแบบไว้ให้ก็ถือว่าสวยงามหรูหรามากครับ

มุมนั่งเล่นอยู่ด้านในสุดเช่นกันครับ เชื่อมต่อกับผนังกระจกบานใหญ่เป็นกระจกสามชั้น (Triple Glazed Window) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับเสียงและกันความร้อนได้ดี

ผมลองปิดม่านโปร่งดู ก็ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น เงียบสงบเหมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน

อยากจะเปิดเพลง My Way ของ Frank Sinatra คลอเบาๆ ระหว่างที่เข้ามาชมห้องนี้ ผมสามารถอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมโปรดส่วนตัวได้ทั้งวันเลยนะ

ที่สำคัญ ผมชอบแชนเดอเลียร์ที่แขวนอยู่กลางห้อง เพียงชิ้นเดียวก็ช่วยเสริมความหรูหราได้ โดยที่ไม่ต้องมีองค์ประกอบอื่นใดมาเพิ่ม

ห้องนอนจะอยู่แยกออกไปด้านในเช่นกันครับ กั้นด้วยผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว ประตูเป็นบานไม้ปิดผิววีเนียร์

ภายในตกแต่งแบบเรียบหรูดูน่าพักผ่อน

ห้องตัวอย่างเลือกใช้โทนสีขาว-สีเทาควันบุหรี่ที่ดูเรียบง่าย เสริมความโดดเด่นด้วยโคมไฟส่องสว่างเพื่อให้ห้องดูมีสีสันมากขึ้น

ปลายเตียงติดตั้งตู้ Cabinet เพื่อวางของ สามารถแขวนทีวีไว้กับผนังก็ได้ครับ นับเป็นดีไซน์ที่ผมชอบมาก

ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Build-in เช่นกัน มีอ่างอาบน้ำ สุขภัณฑ์จาก TOTO และอ่างล้างหน้าติดตั้งเอาไว้แล้วเรียบร้อย

เมื่อเดินเข้าไปด้านในสุดของห้องจะเป็นประตูเปิดออกไปยัง Yard ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ให้เราได้ใช้สอยโดยในนับเป็นพื้นที่ขาย

ทำให้ผนังของห้องเราและเพื่อนบ้านไม่ติดกัน จะได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่ม และที่สำคัญช่วยเรื่องการไหลเวียนถ่ายเทของอากาศภายในห้องอีกด้วยครับ

ผมชอบไอเดียนี้มาก เพิ่งเคยเห็นจากโครงการ KRAAM เป็นที่แรก

กดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 26 ผมพาไปชม Main Facilities กันบ้างครับ โดยหลักๆ จะอยู่ที่ชั้นนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำที่มาพร้อมกับที่นั่ง Pool Deck และจุดนั่งแช่น้ำแบบ Jacuzzi มีส่วนแยกสระสำหรับเด็ก ด้านซ้ายมือเป็น Fitness ส่วนด้านขวาสุดจะเป็นห้อง Stream ครับ

ผมชอบมุมที่นั่งที่ Pool Deck ที่ออกแบบให้เป็นกรอบขนาดใหญ่ ทำให้เกิดภาพมุมมองภาพแบบ Perspective ช่วยให้สระว่ายน้ำและวิวตึกใหญ่ใจกลางเมืองดูอลังการมากยิ่งขึ้น

ผมชอบมุมที่นั่งที่ Pool Deck ที่ออกแบบให้เป็นกรอบขนาดใหญ่ ทำให้เกิดภาพมุมมองภาพแบบ Perspective ช่วยให้สระว่ายน้ำและวิวตึกใหญ่ใจกลางเมืองดูอลังการมากยิ่งขึ้น

สระว่ายน้ำมีขนาด 24 x 6 เมตร ใหญ่เต็มพื้นที่แนวกว้างของตัวตึกจึงได้วิวแบบพาโนรามิคมากครับ

มุมนี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งที่รับลมเย็นสบายทั้งวัน มีลูกบ้านมานั่งอ่านหนังสือกันตลอดเวลา เพราะว่าเหมือนได้พักผ่อนอยู่ในโรงแรมหรูเลยครับ

Pool Deck ตรงนี้ ถ้าเป็นช่วงเย็นน่าจะเป็นเวลาที่สวยมากเนื่องจากจะมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ที่บริเวณนี้\

อีกด้านของสระว่ายน้ำเป็นสระเด็กที่ออกแบบได้ร่มรื่น ทางโครงการได้ปลูกต้นไม้บังเพื่อให้ร่มเงาและรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ

ขณะเดียวกันก็มีระแนงช่วยบังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อมกับติดตั้งกระจกสูงจรดเพดาน ช่วยเปิดมุมมองภายนอกที่กว้างขึ้น เปิดช่องแสงธรรมชาติให้สาดส่องเข้ามา

ใกล้ๆ มีการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ไว้เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถนั่งดูเด็กๆ ทำกิจกรรมได้อย่างสบายใจครับ

Fitness มีขนาดใหญ่มาก พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ในการออกกำลังกายไว้ครบทั้งแบบฟรีเวทและแมชชีน ภายในห้องจะมีมุมน้ำดื่มและอุปกรณ์ทำความสะอาดเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ให้ด้วยครับ

ผมชอบมุม Cardio ที่หันลู่วิ่งไปทางทิศใต้ ช่วยให้เราวิ่งไปชมวิวไปมองได้ไกลถึงแม่น้ำเจ้าพระยาและคุ้งน้ำบางกระเจ้า ซึ่งเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ช่วยให้สดชื่น สบายตา สบายใจและหายเหนื่อยเลยครับ

โดยรอบห้องจะเป็นผนังกระจกทรงสูง ซึ่งเราจะสามารถเทควิวได้ทั้งสองด้านขณะออกกำลังกายเลยครับ

พื้นที่ส่วนกลางอีกจุดที่น่าสนใจคือศาลาเซนครับ จะอยู่ภายในสวนด้านหน้า ทว่าแทรกตัวอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งของรั้วโครงการ อาจจะต้องเดินเข้ามาเล็กน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ศาลาเซนจะเป็นห้องกระจกใสมองเห็นวิวสวนสีเขียวภายนอกได้ ด้านในศาลาจะมีทั้งส่วนที่เป็นห้องปรับอากาศ จัดวางโต๊ะเก้าอี้ที่นั่ง และชุดโซฟาเอาไว้ให้เรียบร้อย

มีชุดเก้าอี้หวายสำหรับนั่งภายนอกห้องซึ่งอยู่ติดกับบ่อปลาคราฟท์ เป็นมุมพักผ่อนที่ผมชอบมากเลยครับ ส่วนตัวคิดว่าถ้าซื้อที่ KRAAM คงจะมานั่งมุมนี้บ่อยมาก เพราะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่เรียบง่ายใกล้ตัว

#โดยสรุป KRAAM เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ผมชอบในการวางคอนเซ็ปต์เพื่อการอยู่อาศัยเป็นหัวใจหลัก โดยมีโจทย์ในการออกแบบให้เป็นเหมือนบ้าน ดังนั้น ทั้งขนาดห้อง การวางผัง หรือแม้กระทั่งผนังห้องที่ไม่ติดกันเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากที่สุด งานดีไซน์ต่างๆ จะคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของลูกบ้านเป็นหลัก จึงเป็นการตอบโจทย์ผู้พักอาศัยได้ดีในทุกจุด ผมปรบมือให้ในไอเดียของ Yard ภายในห้องซึ่งได้ฟีลลิ่งของลานซักล้างหลังบ้าน เก๋มากครับ กอปรกับพื้นที่ส่วนกลางสวนสีเขียวขนาดใหญ่ด้านหน้ากว่า 1 ไร่ ที่มาพร้อมกับต้นหางนกยูงอายุกว่า 100 ปี ก็ช่วยเสริมบรรยากาศของการพักอาศัยที่ได้อารมณ์แบบ A Home Like Condominium มากยิ่งขึ้นครับ

𝐊𝐑𝐀𝐀𝐌 𝐒𝐔𝐊𝐇𝐔𝐌𝐕𝐈𝐓 𝟐𝟔 – 𝑻𝒉𝒆 𝑶𝒏𝒆 & 𝑶𝒏𝒍𝒚 𝑪𝒐𝒏𝒅𝒐𝒎𝒊𝒏𝒊𝒖𝒎 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝑵𝒐 𝑺𝒉𝒂𝒓𝒊𝒏𝒈 𝑾𝒂𝒍𝒍 I คอนโดหรู แบบผนังห้องไม่ติดกัน และพื้นที่หลังบ้าน ทุกยูนิต เอกสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว บนทำเลใจกลางพร้อมพงษ์ เชื่อมต่อสุขุมวิท 26 – พระราม 4 – อโศก 𝐒𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥 𝐔𝐧𝐢𝐭𝐬 𝐬𝐭𝐚𝐫𝐭 𝟏𝟓.𝟗 𝐌𝐁.*

𝐒𝐩𝐞𝐜𝐢𝐚𝐥 𝐔𝐧𝐢𝐭𝐬 𝐬𝐭𝐚𝐫𝐭 𝟏𝟓.𝟗 𝐌𝐁.* Register & Visit us at KRAAM, Receive 𝟏𝟎𝟎,𝟎𝟎𝟎 𝐓𝐇𝐁* 𝐂𝐚𝐬𝐡 𝐕𝐨𝐮𝐜𝐡𝐞𝐫 from The Emquartier & Emporium

🌐https://bit.ly/3nJAsJb
📞 062-195-9626
📲 Line@ :@Kraam https://lin.ee/WS3yl804

#NyeEstate#KRAAM#KraamSukhumvit26#LuxuryCondominium#READYTOMOVEIN

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน