#บุกครัวร้านอาหารเปิดใหม่ของเชฟเอียน
#KHUMHOM อาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ Casual Fine Dining
วันก่อนเชฟเอียน ชวนไปทานอาหารที่ร้านเปิดใหม่ครับ
ไม่ต้องถามนะครับว่าจะไปมั้ย … เซย์เยส แทบจะไม่ทัน
เพราะถ้าได้ยินชื่อเชฟเอียนมา
ก็ต้องเดาทางก่อนได้เลยว่า “ธรรมดาซะที่ไหน”
ร้านนี้ชื่อว่า “คำหอม” หมายถึงร้านที่กลิ่นหอมและเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติ โดยเฉพาะรสมือแบบไทยๆ ในสไตล์ “Casual Fine Dining”
5 คอร์สสั้นๆ ในมื้อกลางวันของผม กินเวลายาวนานกว่า 2 ชั่วโมง
แต่ก่อนจะไปถึงอาหาร
กานต์อยากเล่าถึงประสบการณ์จากการที่ได้อยู่กับเชฟเอียนหลายชั่วโมง
สัมผัสได้ว่าเชฟเป็นคนที่มีแพชชั่น (Passion) ในการทำอาหารสูงมากครับ!!
แพชชั่นไม่ใช่แอ็คชั่น (Action) แต่แพชชั่นคือจิตวิญญาณที่มันฝังลึกอยู่ข้างใน และมันจะแสดงออกมาโดยที่เราไม่ต้องทำการแสดงครับ เค้าถึงเรียกว่า “ตัวจริง”
มือไม้ สายตา ท่าทาง คำพูดคำจา น้ำเสียงที่เปล่งออกมา ตลอดจนรอยยิ้มบนใบหน้า เหล่านี้คือแพชชั่นของ “เชฟเอียน – พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย” เซเลบริตี้เชฟชื่อดังระดับโลก ที่ผมเห็นไปถึงความหลงใหลเรื่องของการทำอาหาร
ถ้าใครเคยอ่านประวัติเชฟเอียนจะพบว่า เชฟเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งครับ ค้นหาสไตล์ของตัวเองจนเจอ มีการใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป ผสมผสานกับอินโนเวชั่นหรือ นวัตกรรมใหม่ๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่ามื้อนี้ผมจะได้ทานอาหารไทยในการนำเสนอรูปแบบใหม่ภายใต้แก่นของความเป็นอาหารไทยแบบดั้งเดิมซึ่งช่วยเติมประสบการณ์ดีๆ จากการรับประทานอาหารกลางวันมื้อนี้ได้มากเลยครับ
อาหารเริ่มจาก Tasting Menu Coures ” ชุดจ่ายตลาด” เชฟเล่าที่มาง่ายๆ ว่ามาจากวัตถุดิบที่หาได้จากตลาดบ้านเราทั่วไป เอามาปรุงรสใหม่ จัดจานให้จัดจ้าน ด้วยสีสัน รูปแบบการนำเสนอ เช่นห่อหมกในเปลือกหอยนางรม แกงส้มกระทงทอง แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ “ขนมไข่นกกะทา” เอามาทำใหม่จนดูไม่ออก แต่พอทานเข้าไปแล้ว “ใช่เลย”
ต่อมาเป็น “ยำเห็ดรวม” จานนี้เป็นวีแกน กลูเตนฟรีครับ แต่ที่ทำให้ผมอึ้งคือซีอิ้วขาวหรือ Soy Sauce ที่เชฟหมักเอง!! ใส่ส่วนผสมอื่นนอกจากถั่วเหลือง ลงไปเช่น เกลือหิมาลัย ใบหม่อน มะรุม สัปปะรด จึงให้รสสัมผัสที่หอมมีรสเค็มตัดเปรี้ยวหวาน เชฟบอกว่า หยดลงยำเห็ดแล้วจะทำให้อร่อยยิ่งขึ้น
ต่อมาเป็นเมนูปลาเก๋าแดงหรือปลากุดสลาดที่เชฟบังเอิญไปเจอคนรู้จักแหล่งวัตถุดิบที่สุดยอด เอามาทำคล้ายกับปลาเก๋านึ่งมะนาว จากการชิม ผมสังเกตว่า เนื้อปลาจะแน่นหนึบมาก เชฟบอกเทคนิคว่านำไป “Brining” (บรายน์นิ่ง) หรือแช่ในน้ำเกลือหนึ่งชั่วโมงก่อนนำไปนึ่ง
ส่วนเมนคอร์ส ผมเลือกเป็นแกงคั่วเนื้อ ทานกับข้าวสังข์หยด เชฟใช้ชอร์ตริบ (Short Rib) หรือเนื้อส่วนซี่โครงส่วนปลายซึ่งเหมาะสำหรับนำไปเคี่ยวหรือตุ๋น เชฟบอกว่า “นึ่งอยู่ 3 วัน!!” เชฟใช้เนื้อโคขุนโพนยางคำของไทยที่ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมมะพร้าวอ่อนดอง ทานคล้ายสเต็ก ต้องใช้มีดหั่นทานกับซอสแกงคั่ว เก๋ๆ
ตบท้ายด้วยของหวาน “ส้มฉุน2020” เวอร์ชั่นของเชฟที่หน้าตาเหมือนส้ม แต่ทำจากลิ้นจี่เคลือบด้านนอกด้วยเจลใบเตย และลิ้นจี่เจล ทานพร้อมกับส้ม ขิง งาดำ และหอมเจียว ราดด้วยน้ำดอกมะลิหอมหวานชุ่มฉ่ำ ทานคู่กับไอศครีมซอร์เบตลิ้นจี่ เข้ากันดีและให้ความรู้สึก “ว๊าว” มากครับ
ยอมรับเลยว่า เชฟเอียนเป็นคนที่สร้างสรรเมนูอาหารได้น่าสนใจ แม้จะมีร้านอาหารที่ดูแลหลายร้าน แต่ก็ไม่เคยหมดมุขในการนำเสนอเมนูใหม่ๆ
ใครสนใจตามไปทานได้นะครับ “Khum Hom” (คำหอม) ร้านอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ Casual Fine Dining โรงแรม Mövenpick BDMS Wellness Resort ถนนวิทยุครับ เปิดให้บริการทุกวัน มื้อเที่ยง 12.00 น. – 15.00 น. และดินเนอร์ 17.30 น. – 22.00 น.
—
ถ่ายภาพคู่กันสักหน่อย ใครอยากชิมฝีมือเชฟเอียน เชิญได้ที่ร้าน “Khum Hom” (คำหอม) ร้านอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ Casual Fine Dining โรงแรม Mövenpick BDMS Wellness Resort ถนนวิทยุครับ
เปิดให้บริการทุกวัน มื้อเที่ยง 12.00 น. – 15.00 น. และดินเนอร์ 17.30 น. – 22.00 น.
สำรองที่นั่งโทร.02 666 3333
อีเมล์ resort.bdms.khumhom@movenpick.com
หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.movenpick.com/…/bdms…/restaurants/khum-hom/
แกงคั่วเนื้อในรูปแบบของเสต๊กซอสแกงคั่ว
บุกห้องครัวเชฟเอียน กำลังจัดจานเตรียมเสิร์ฟของหวานเป็นคอร์สสุดท้าย
ปกติไม่ค่อยชอบทานปลา แต่ว่าจานนี้เด็ดจริง ต้องยกนิ้วให้ เนื้อสัมผัสของปลาเก๋าแดงนั้นหนึบมาก ไม่ยุ่ย เนื่องจากเชฟได้นำปลาไปบรายน์ก่อน ทำให้เกิดการตึงตัว ทานได้อร่อยมากขึ้นครับ
นัดเชฟไว้ราวๆ 11.30 น. ไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย จะได้มีเวลาถ่ายรูปร้าน ร้านสวยมากตกแต่งสไตล์โมเดิร์นไทย มีการใช้กระด้งมาประดับ ควบคู่กับผ้าไทยทอมือ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายเป็นกันเอง แต่ทรงคุณค่าเนื่องจากเป็นงานคราฟท์ นำมาทำเป็นชิงช้าโซฟา เก๋ๆ ครับ
มีเวลคัมดริงก์ เป็นน้ำสมุนไพรหอมๆ พร้อมผ้าเย็น เช็ดพอให้หายเหนื่อย
ที่นี่มีบาร์ขนาดย่อม เหมาะสำหรับช่วงเย็นหลังเลิกงาน แวะมาจิบก่อนทานอาหารไทยอร่อยๆ ครับ
ความหมายของชื่อร้าน “คำหอม” หมายถึง อาหารที่มีทั้งกลิ่นหอมและเต็มไปด้วยรสชาติ โดยมี “เชฟเอียน – พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย” เซเลบริตี้เชฟชื่อดังระดับโลกนักสร้างสรรค์อาหารไทยแบบสมัยใหม่ เป็นผู้พัฒนาคอนเซ็ปต์และเมนูของร้านอาหารไทยที่โดดเด่นแห่งนี้ ซึ่งนับเป็นการร่วมมือกับโรงแรมในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของเชฟเอียน
แนวคิดของร้าน “Khum Hom” คือการผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีที่สุด โดยยังคงรากเหง้าของสูตรอาหารไทยดั้งเดิมเอาไว้ นอกจากนั้น ทุกจานยังมีประวัติและเรื่องราวของการสรรหา ความเป็นไทย และความสมบูรณ์แบบ ที่สะท้อนถึงความกินดีอยู่ดีของไทยอีกด้วย
ที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นโดยใช้สีธรรมชาติ วัสดุเน้นไม้ ผ้า และล้อมรอบด้วยผนังกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นสวนอันเขียวชอุ่มของรีสอร์ท ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่อบอุ่น พร้อมบริการด้วยมาตรฐานของ “เมอเวนพิค” แบรนด์โรงแรมระดับโลก
ที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นโดยใช้สีธรรมชาติ วัสดุเน้นไม้ ผ้า และล้อมรอบด้วยผนังกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นสวนอันเขียวชอุ่มของรีสอร์ท ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่อบอุ่น พร้อมบริการด้วยมาตรฐานของ “เมอเวนพิค” แบรนด์โรงแรมระดับโลก
เชฟเอียนกำลังบอกเล่าเรื่องราวของเซ็ต “จ่ายตลาด” เป็น Tasting Menu Coures
แค่ทานเซ็ตเรียกน้ำย่อยก็จะอิ่มแล้วครับ
ส่วนตัวชอบที่สุดคือ “ขนมไข่นกกะทา” เอามาทำใหม่จนดูไม่ออก เหมือนมะเขือเลยเนอะ แต่พอทานเข้าไปแล้ว “ใช่เลย”
มีเครื่องดื่มให้เลือกสั่งหลายตัวเลยครับ แต่ละตัวจะมีสัญลักษณ์บอกไว้ว่า ดีและมีประโยชน์อย่างไร เช่นช่วยเรื่องกระดูก ทำให้หน้าอ่อนเยาว์ บำรุงสมอง เก๋ดีครับ เข้ากับตีมของโรงแรม Mövenpick BDMS Wellness Resort (เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท) รีสอร์ทเพื่อสุขภาพใจกลางกรุงเทพฯ
จานต่อมาเป็นยำเห็ดรวมกับผักหวานป่าทอดกรอบแล้วคลุกนำยำรสเด็ด เหยาะด้วยซีอิ๊วขาวออร์แกนิกที่หมักเอง รสชาติแซ่บแบบกลมกล่อม
เชฟสอนทำซอสด้วยครับ ผมเลยเอามาหัดลองทำเองที่บ้าน อีก 3 เดือนรู้ผลกัน
ปลาเก๋ารังเพลิง หรือปลาเก๋าแดง ชาวบ้านเรียกปลากุสลาด รสชาตเหมือนปลานึ่งมะนาว แต่ซับซ้อนกว่า เนื่องจากซอสราดใส่เครื่องเทศหลากหลายกว่า อร่อยมากครับ
จานนี้เป็นแกงคั่วเหมือนกัน แต่เปลี่ยนจากเนื้อโคขุน เป็นใช้กั้งแทน วิธีทานแบบสเต๊ก ส่วนตัวชอบซอสครับ เข้มข้นดีมาก
ระหว่างจบของคาวกำลังรอของหวาน เห็นเชฟกำลังจัดจาน “ส้มฉุน” เมนูถัดไป ผมก็เลยไปแอบเก็บภาพจากด้านนอก แต่เชฟใจดี เรียกเข้าไปถ่ายในครัวเลย
ส้มฉุน 2020 เวอร์ชั่นเชฟเอียน หน้าตาเหมือนส้ม แต่ทำจากลิ้นจี่เคลือบด้านนอกด้วยเจลใบเตย และลิ้นจี่เจล ทานพร้อมกับส้ม ขิง งาดำ และหอมเจียว ก่อนทานจะต้องราดด้วยน้ำดอกมะลิหอมหวานชุ่มฉ่ำ ทานคู่กับไอศครีมซอร์เบตลิ้นจี่
เพราะเชื่อว่า “ความรู้สึกดีมาจากการกินดี” ทีมงานของ “Khum Hom” จึงให้ความสำคัญกับการเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษจากทั่วประเทศไทย ซึ่งต้องเป็นผลผลิตจากธรรมชาติที่ได้มาจากแหล่งกำเนิดที่แท้จริงในแต่ละท้องถิ่นเท่านั้น และมีประโยชน์ด้านสุขภาพ จากนั้นจะนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยสูตรดั้งเดิมจาก 4 ภูมิภาคหลักของไทย แล้วนำเสนอในรูปแบบร่วมสมัยที่มีชีวิตชีวา โดยจะสาธิตให้เห็นถึงที่มาและส่วนผสมที่สดใหม่ของผลผลิตจากธรรมชาติ ซึ่งทำให้ทุกเมนูของที่นี่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากอาหารไทยจานเดิม ๆ รวมถึงเมนูที่หาทานได้ยากก็มีเสิร์ฟที่นี่เช่นกัน
ดังนั้นใครอยากทานอาหารไทยแนวผสมผสาน ก็มาทานได้ที่ร้านอาหาร “Khum Hom” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 15.00 น. (Lunch) และ 17.30 น. – 22.00 น. (Dinner)
มีตัวเลือกเมนูหลากหลาย ได้แก่ มื้อกลางวันแบบ A La Carte, Farmer’s Menu
เมนูพิเศษที่มุ่งเน้นวัตถุดิบจำพวกผักและปราศจากกลูเตน (Gluten-free) และ Tasting Menu Coures เซ็ตอาหารไทย 2 สไตล์ ได้แก่ เซ็ตคำหอม (4 คอร์ส) และ เซ็ตจ่ายตลาด (5 คอร์ส) ราคาเริ่มต้น 1,990 ++ บาท ต่อท่าน
สำรองที่นั่งโทร.02 666 3333