KANT x THE SIAM HOTEL
____________________________
“น้อย วงพรู” หายหน้าจากวงการเพลงไปนาน เพราะอีกนานคือบทบาทของนักธุรกิจโรงแรมเดอะสยาม The Siam ที่มีการนำความเป็นศิลปะ ของศิลปินมาใส่เข้าไปทำให้โรงแรมหรูริมเจ้าพระยาแห่งนี้ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น จนเรียกได้ว่าเป็น “โรงแรมแห่งสยามประเทศ” ที่แท้จริง
.
คุณน้อย ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “การสร้างโรงแรมไม่ต่างอะไรกับการเป็นศิลปิน ทำอัลบั้มเพลง หรือทำหนัง เพราะเป็นการเล่าเรื่อง มีสตอรี่ โรงแรมก็ต้องมีสตอรี่ เล่าเรื่อง เพื่อให้โรงแรมมีความโดดเด่น ไม่เหมือนโรงแรมแห่งอื่น ต้องทำอะไรที่ลึกซึ้งกว่า มีวิญญาณมีความหมายมากกว่าคู่แข่งในตลาด นอกจากแขกจะพอใจในบริการอันยอดเยี่ยมแล้ว แขกควรจะได้รับความพึงใจจากการพักในห้องที่บอกเล่าเรื่องเก่า และเดินดูเรื่องราวเก่าๆ ของประเทศไทยจากมุมต่างๆ ของโรงแรม”
.
ดังนั้น โรงแรมจึงจัดให้เป็นพื้นที่แสดงผลงานสะสมของโบราณชิ้นหายากมาตกแต่งไว้อย่างลงตัว ผนวกกับการออกแบบตกแต่งโดย Bill Bensley เจ้าของ Collection ที่ KANT กำลังนำเสนออยู่นี้ Bensley Design Studios
.
Bill Bensley ได้รับฉายาว่าเป็น “King of Exotic Luxury Resorts” ติดอันดับนักออกแบบ world’s top 100 ของโลก ทุกโครงการออกแบบภูมิทัศน์ของเขาได้รับการยกย่องอย่างสูง เมื่อ Bill และ น้อย วงพรู จับมือกัน จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์งานออกแบบที่ร่วมสมัยที่สุดในสไตล์ Art Deco Thai fusion คุณน้อยถึงกับเอ่ยปากว่า “Bill is entirely original”
Bill ออกแบบให้เดอะสยาม เป็นภาพสะท้อนของช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในสไตล์ Art Deco
.
ตลอดเวลาของการพักผ่อนที่โรงแรมเดอะสยาม ทำให้ “กานต์” ลืมความวุ่นวายของกรุงเทพมหานคร และย้อนเวลากลับไปหาอดีตเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ในยุคที่น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ชาวสยามเราอยู่กันอย่างเรียบง่าย ทว่างดงาม มีความปราณีตในการดำเนินชีวิต ซึ่งกลายเป็นอดีตที่พบเพื่อเพียงผ่านไปเสียแล้ว
.
ระหว่างที่เขียนรีวิว ผมฟังเพลง Live and Learn ที่ร้องโดยคุณกมลา คุณแม่ของคุณน้อย เป็นเพลงหนึ่งที่เมื่อฟังแล้วทำให้ใจมีพลังขึ้น เพราะมีความหมายถึงการเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ทั้งทุกข์ และสุข ที่เราต้องเจอชีวิตมีอะไรให้เข้าใจมากขึ้น มีสิ่งต่างๆ ที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ทำให้เรานั้นรู้ว่าชีวิตคนเรามีแพ้และมีชนะ อาจจะมีท้อบ้างในบางครั้ง แต่เราต้องไม่ถอยหรือหันหลังให้กับปัญหา เพราะชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ ทั้งยิ้ม หัวเราะและร้องไห้ สิ่งเหล่านี้เราต้องไม่ไปควบคุมอะไรทั้งนั้น
” … อยู่ที่เรียนรู้
อยู่ที่ยอมรับมัน
ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด …”
.
ใช่ครับ … จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และอนาคตยังไปไม่ถึง
.
อ่านรีวิวฉบับเต็ม โรงแรมเดอะสยาม >> https://bit.ly/2V2Lx7J
.
#KANT#leisuretravel#hotellifestyle
#JournalistTravel#luxurytravel
#thesiamhotel#thesiam#thesiambangkok
—
เฉกเช่นโรงแรมเดอะสยาม (The Siam Hotel) ในเครือโรงแรมสุโกศล ภายในการนำของ คุณน้อย-กฤษฎา สุโกศล แคลปป์ ฟังชื่อนามสกุลก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ทั้งเครือโรงแรมสุโกศล ประสบการณ์และมาตรฐานในการบริหาร ที่สำคัญคือการนำความเป็นศิลปะ ของศิลปินอย่างคุณน้อย วงพรู มาใส่เข้าไปในโรงแรมหรูริมเจ้าพระยาแห่งนี้ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
.
Hotel of the Year – Asia Pacific: The Siam (Bangkok, Thailand) จาก Preferred Awards เป็นรางวัลล่าสุดที่โรงแรม เดอะสยาม (The Siam) ได้รับในปีนี้ ซึ่งหากย้อนกลับไปดูผลงานที่ผ่านมาจะพบว่า โรงแรม เดอะสยาม คว้ารางวัลระดับโลกทางด้านโรงแรมและการบริการ (hospitality) มาแล้วนับไม่ถ้วน อาทิ รางวัล THE GOLD LIST จาก Condé Nast Traveler (USA 2017-2019), THE GOLD LIST จาก Condé Nast Traveler (UK 2019), Best of Bangkok 2019 จาก TripExpert, Number 1 Hotel in Bangkok จาก TripAdvisor (2018), THE GOLD LIST 2016 จาก Condé Nast Traveler (China 2016-2017), READER’S CHOICE AWARDS 2017 ในหลายสาขารางวัลจาก The Gallivanter’s Guide และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย กลายเป็นเครื่องการันตีว่าความสำเร็จในทุกวันนี้ ไม่ได้เล่นของ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะทุกคนในเดอะสยาม ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา
.
จนเรียกได้ว่าเป็นโรงแรมแห่งสยามประเทศที่แท้จริง
คุณน้อย ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “การสร้างโรงแรมไม่ต่างอะไรกับการเป็นศิลปิน ทำอัลบั้มเพลง หรือทำหนัง เพราะเป็นการเล่าเรื่อง มีสตอรี่ โรงแรมก็ต้องมีสตอรี่ มีการเล่าเรื่อง เพื่อทำให้โรงแรมมีความโดดเด่นและไม่เหมือนโรงแรมแห่งอื่น ต้องทำอะไรที่ลึกซึ้งกว่า มีวิญญาณมีความหมายมากกว่าคู่แข่งในตลาด”
.
โรงแรมได้รับการออกแบบให้เป็นภาพสะท้อนของช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพ ในสมัยรัชกาลที่ 5 (ประมาณปีพ. ศ. 2396 – 2453) ในสไตล์อาร์ตเดคโค
สัมผัสแรกของ “กานต์” กับโรงแรมเดอะสยาม เมื่อก้าวเท้าเดินเข้ามา ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้และไม่เชื่อว่า ที่นี่คือ “โรงแรม” เพราะการตกแต่งภายในและการจัดวางทุกอย่าง ราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งสยามขนาดย่อมแห่งหนึ่ง
คุณน้อย เคยบอกเล่าหัวใจของโรงแรมนี้ไว้ว่า “นอกจากแขกจะพอใจในบริการอันยอดเยี่ยมแล้ว แขกควรจะได้รับความพึงใจจากการนอนพักในห้องพักที่บอกเล่าเรื่องเก่า และเดินดูเรื่องราวเก่าๆของประเทศไทยจากมุมต่างๆของโรงแรม”
.
ดังนั้น หลายมุมภายในโรงแรมจึงถูกแบ่งสันปันส่วนให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับแสดงผลงานสะสมของโบราณชิ้นหายากของคุณน้อย ที่หยิบจับนำของสะสมเก่าแก่ของตัวเองมาตกแต่งไว้ในโรงแรมอย่างลงตัว ผนวกกับการออกแบบตกแต่งภายในโดย Bill Bensley เจ้าของ Collection ที่ KANT กำลังนำเสนออยู่นี้
ระหว่างรอเช็คอิน เราเก็บภาพไปเรื่อยๆ ครับ ทุกจุดล้วนมีเรื่องราวน่าสนใจ ภายใต้การออกแบบของ Bill Bensley เจ้าของ Bensley Design Studios
.
Bill Bensley ได้รับฉายาว่าเป็น “King of Exotic Luxury Resorts” ติดอันดับนักออกแบบ world’s top 100 ของโลก ทุกโครงการออกแบบภูมิทัศน์ของเขาได้รับการยกย่องอย่างสูง และเมื่อ Bill Bensley และ น้อย วงพรู จับมือกัน จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์งานออกแบบที่ร่วมสมัยที่สุดในสไตล์ Art Deco Thai fusion คุณน้อยถึงกับเอ่ยปากว่า “Bill is entirely original”
เส้น สาย แสง สี ล้วนแล้วแต่มีความกลมกลืนกันอย่างเป็นรูปธรรม
Bill ได้นำเอาแรงบันดาลใจจาก พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Paris’ Musée d’Orsay) พิพิธภัณฑ์ศิลปะในกรุงปารีส ของฝรั่งเศส แต่ทุกกระเบียดนิ้วในโรงแรมกลับมีกลิ่นอายของความเป็นไทยแฝงอยู่ ที่สื่อสารถึงโลกแห่งความเขียวชอุ่ม เรียบง่าย ทว่า งดงามตามธรรมชาติ ดังนั้น การออกแบบโรงแรมเดอะสยามจึงนำสีดำ ขาว เทา มาเป็นสีหลัก คู่ไปกับสีเขียวของต้นไม้ และสัมผัสของธรรมชาติอย่าง หิน ไม้และหนัง สื่อสารออกมาผ่านสัญญะแห่งความเป็นไทยประยุกต์ที่ไม่ได้เน้นแต่เพียงลวดลายกนกวิจิตรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผสานความร่วมสมัยไว้อย่างลงตัว เพื่อรองรับผู้เข้าพักหลักซึ่งเป็นชาวต่างชาติ มารังสรรค์ให้เข้ากับของสะสมโบราณที่หาชมได้ยาก
ตั้งแต่โซนหลังประตูนี้ไป จะกลายเป็น Private เฉพาะแขกของโรงแรมที่เข้าพักเท่านั้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะถ่ายทอดให้ได้ชมกัน
Bill เอง ก็ออกปากว่า แม้จะออกแบบโรงแรมและรีสอร์ทมากแล้วหลายร้อยแห่งทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมาย แต่ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าการออกแบบโรงแรมเดอะสยาม แห่งนี้
Photo Spot ที่ผมชอบที่สุดครับ มีความผสมผสานระหว่าง ศิลปะ ธรรมชาติ โบราณ ร่วมสมัย เข้าไว้ด้วยกัน
เข้าห้องพักกันก่อนดีกว่า
.
บนเนื้อที่เกือบ 8 ไร่ ทางโรงแรมมีห้องพักไว้เพียงจำนวน 39 ห้อง โดยในแต่ละห้องพักและห้องกิจกรรมต่างๆ ก็จะมี “นิทาน” ของตัวเองแตกต่างกันออกไป แต่ละห้องถูกตกแต่งแตกต่างกันไปไม่เหมือนกันสักห้อง “กานต์” พักที่ ห้อง Riverview Suite ครับ
ห้องนี้กว้างขนาด 110 ตารางเมตร หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ประดับประดาด้วยภาพเขียนโบราณและการรังสรรค์ออกแบบให้ร่วมสมัย
ภายในประดับด้วยภาพวาดและภาพถ่ายโบราณ เป็นของจริงที่หาชมได้ยาก
ตื่นมาชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและทิวทัศน์โดยรอบที่ทอดยาวและสงบสุข เติมความผ่อนคลายในบรรยากาศที่หรูหราราวกับว่าอยู่บนสวรรค์วิมานชั้นฟ้า อันเป็นมายาคติของคนไทยเรา
ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีตะกร้าผลไม้ไว้ให้รับประทานทุกวัน พร้อมกล้วยเบรคแตกซึ่งอร่อยมาก ทานไม่หยุดจริงๆ อีกด้านเป็นมุมเครื่องดื่ม ซึ่งสามารถดื่มได้ไม่อั้น เพื่อให้ดื่มด่ำกับความงามได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดอารมณ์ เมื่อต้องการสิ่งใดสามารถเรียกหาบัทเลอร์ประจำห้องได้ตลอดเวลา
ชอบเซ็ทนี้ มีความเก๋ เป็นโปสการ์ดที่ส่งได้จาก The Siam
ห้องน้ำกว้าง แยกโซนเปียกแห้ง พร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ สามารถพักผ่อนคลายอยู่ภายในห้องได้อย่างสบายใจ
ภายในโรงแรมมีหนังสือ “Our World” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของโรงแรมเดอะสยามไว้จำหน่าย ราคาเล่มละ 2,200 บาท
นิตยสาร TIME ฉบับที่ทรงคุณค่า
ของสะสมโบราณของคุณน้อยมีหลายชิ้นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน ภาพวาดโบราณ ลายพระหัตถ์ รถเทียมม้าจากสมัยราชวงศ์ฮั่น ป้ายโบราณ เก้าอี้จากขบวนรถไฟเก่า โต๊ะพูล โปสเตอร์และตั๋วชมภาพยนตร์ เครื่องพิมพ์ดีดเก่า จดหมายโบราณ จานชามช้อนส้อม ชุดเครื่องแบบโบราณ ฯลฯ
โต๊ะพูลโบราณ
ของเก่าเหล่านี้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขประตูแห่งอดีตให้คนในยุคปัจจุบันได้เห็น ซึ่งก็จะเป็นแขกผู้เข้าพักจากทั่วโลกนั่นเอง
ห้องฟิตเนสก็มีเวทีมวยไทยไว้สอนศิลปะการต่อสู้ มีกระสอบทราย นวมดีไซน์แบบ retro นิดๆ จาก FBT มีห้องประชุม ห้องทำงานที่มีเครื่องมือเครื่องไม้และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการติดต่อธุรกิจไว้คอยบริการ แต่ที่ชอบคือห้องสันทนาการตกแต่งด้วยของที่ระลีกจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ รวมทั้งจากภาพยนตร์ไทยไว้คอยให้บริการ สามารถที่จะชมภาพยนตร์โบราณที่หาชมได้ยากจากที่นี่
.
นอกจากนี้ยังมีสปา “OPIUM SPA” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความงามตามธรรมชาติเชื่อมโยงเข้ากับสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของไทยที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นสปาที่หอมกลิ่นสมุนไพรไทยชวนให้ผ่อนคลายตลอดทั้งวัน มีกิจกรรมสุขภาพ อาทิโยคะ อายุรเวช เรกิ ไทชิ ภาวนา มาให้แขกได้ร่วม มีห้องสักยันต์ที่ทางโรงแรมเชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสักยันต์มาสักให้กันถึงที่ คนดังระดับโลกหลายคนก็มาสักที่นี่ เหล่านี้จัดไว้เพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้ซึมซับเรื่องราวในอดีต สัมผัสความเป็นไทย และได้รับการพักผ่อนอย่างครบครันที่สุด
มีเข็มขัดแชมป์เปี้ยนมวยไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวทจากเวทีมวยลุมพินีไว้โชว์อีกด้วย
สระว่ายน้ำ infinity pool
โซนริมน้ำ จะมี “BATHERS BAR” สามารถที่จะว่ายน้ำไปดูพระอาทิตย์ตกไป จิบเครื่องดื่มเบาๆ
ช่วงเย็น เราเดินลัดเลาะไปตามทิวไม้ที่ทำไว้เป็นทางเดิน เพื่อไปสู่ท่าเรือส่วนตัวของทางโรงแรม ทำให้ได้รู้ว่านอกจากเดินทางมาโรงแรมโดยทางรถแล้ว ยังสามารถนั่งเรือของโรงแรมที่มีบริการจากท่าเรือบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน แต่ควรโทรสอบถามหรือเช็คเวลาเดินเรือผ่านทางเว็บไซต์ก่อนครับ
บริเวณท่าเรือยังเป็นที่ตั้งของบาร์ริมน้ำ “BATHERS BAR” ซึ่งอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ infinity pool สามารถที่จะว่ายน้ไปดูพระอาทิตย์ตกไป จิบเครื่องดื่มเบาๆ หรือจะสร้างบรรยากาศดีๆ ที่มีแค่สองเราริมเจ้าพระยาก็ได้ครับ
นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือเพื่อนำประสบการณ์ใหม่ในความเป็นไทยมามอบให้กับผู้เข้าพักชาวต่างชาติ ในฐานะที่สยามเป็นเมืองทางน้ำที่สัญจรกันมาตั้งแต่ในอดีต ที่โรงแรมเดอะสยามจึงนำเรือมาให้บริการ “Bangkok by Cruise” ล่องเรือส่วนตัวเพื่อไปเที่ยวยังหลายๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว ชมบรรยากาศ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ล่องยาวไปจนถึงเกาะเกร็ด นนทบุรีหรือจะออกรอบไปตีกอล์ฟก็ได้
นั่งพักผ่อนบริเวณเรือนไทยริมน้ำ
ช่วงหัวค่ำ เราจะไปรับประทานอาหารในบ้านเรือนไทยไม้สักสีดำอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี ถูกนำมาสร้างเป็น “ห้องอาหารช้อน” (CHON) เสิร์ฟเมนูอาหารไทยสูตรโบราณที่ดึงเอากลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อนของสมุนไพรมาเป็นจุดเด่น โดยเน้นความเป็นไทยแบบออริจินัล และไทยฟิวชั่น เพื่อให้เกิดการประสมประสานรสชาติและเท๊กซ์เจอร์ในการรับประทานมื้อค่ำที่สมดุลประณีต
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ใครที่เป็นแฟนอาอาหารไทยแบบผม เราจะพบว่า อาหารไทยเป็นเมนูที่ยากในการปรุงและมีขั้นตอน วัตถุดิบเยอะ จึงเป็นความขัดแย้งที่แสนอร่อยของความแตกต่างและความกลมกลืน ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ปรุงยากมาก ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของเชฟมืออาชีพ
.
ทางโรงแรมก็ได้เชฟดำริห์และทีมงานมาช่วยกันรังสรรค์อาหารจานใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นที่ดีที่สุดปรุงอย่างเชี่ยวชาญและยึดตามความเคารพในรสชาติแบบไทยๆ ด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่นสยามและประวัติศาสตร์อาหารไทยที่แพร่หลาย ทำให้การได้ดินเนอร์ในบ้านไม้สักไทยใน “ห้องอาหารช้อน” กลายเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน
โดยเชฟดำริห์และทีมงานได้จัดเมนู Chef’s Degustation มาให้ได้รับประทานเป็นอาหารไทยสไตล์ home-cooked แสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเกรียบว่าว, ยำตะไคร้หอยเชลล์ฮอกไกโด, ไก่ย่าง พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด, ปลาหิมะนึ่งมะนาว ก่อนจะล้างปากด้วยยำส้มโอที่ให้ความสดชื่นและแตงโมฉ่ำๆ อาหารจานหลักเป็นต้มยำปลาแซลม่อน แพนงเนื้อวากิว และผัดผักตลาด (คือผักง่ายๆ ที่หาได้ทั่วไปในวันนั้น) เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นไอศครีมข้าวหอมมะลิ ครับ
ยำตะไคร้หอยเชลล์ฮอกไกโด
อรุณสวัสดิ์สยาม
ส่วนอาหารเช้า เรารับประทานกันที่ “DECO BAR & BISTRO” ซึ่งเป็นห้องอาหารที่เชื่อมต่อมาจากบ้านไม้สักโบราณ จึงมีการออกแบบให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน ในสไตล์ Art Deco
ซึ่งที่นี่จะเป็น All Day Dining สามารถเข้ามาใช้บริการได้ทั้งวัน ไม่เพียงแต่แขกของโรงแรมเท่านั้น แต่ลูกค้าทั่วไปที่อยากจะมารับประทานอาหารหรือจัดเลี้ยงในโอกาสพิเศษก็สามารถมาใช้บริการได้ครับ
— ที่ The Siam
อาหารมีทั้งไลน์บุฟเฟต์และแบบสั่งทานครับ แนะนำเลยคือข้าวเหนียวหมูปิ้ง นุ่มหอมมันมาก
ก๋วยเตี๋ยวผัดก็อร่อยครับ สั่งไป 2 จาน แคลอรี่เยอะหน่อย แต่ยอมใจในความอร่อยครับ
ตลอดเวลาของการพักผ่อนที่โรงแรมเดอะสยามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ “กานต์” ลืมความวุ่นวายของกรุงเทพมหานคร และย้อนเวลากลับไปหาอดีตเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ในยุคที่น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ชาวสยามเราอยู่กันอย่างเรียบง่าย ทว่างดงาม มีความปราณีตในการดำเนินชีวิต ซึ่งกลายเป็นอดีตที่พบเพื่อเพียงผ่านไปเสียแล้ว
.
หากเทียบกับปัจจุบันที่ทุกอย่างคือการแข่งขัน เพื่อสร้างความแตกต่างและโดดเด่น ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจ “โรงแรม” แต่หากก้าวข้ามเรื่องการแข่งขัน แต่หันมาสร้างจุดเด่น เน้นการพัฒนาตัวเอง ก็คาดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเอาชนะทุกอุปสรรคได้ เหมือนที่โรงแรมเดอะสยาม แห่งนี้ ที่นอกจากชนะใจตัวเองในการแสดงตัวตนที่เด่นชัดทั้งเจ้าของคือคุณน้อย วงพรู และผู้ออกแบบคือ Bill Bensley Studio จนทำให้กลายเป็น Destination ที่สำคัญของนักเดินทางจากทั่วโลก ที่อยากมาเยือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้