Back to the Nature – กลับคืนสู่ธรรมชาติ
ถ้าใจมันเซให้ทะเลเขาหลักเป็นคำตอบสุดท้าย
JW Marriott เป็นเชนโรงแรมสุดโปรดของกานต์ครับ
จากจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจร้านขายเครื่องดื่มรูทเบียร์
John Willard Marriott ได้ก้าวมาเป็นเจ้าของเชนโรงแรมดังมากมาย
มี JW Marriott เป็นหนึ่งในโรงแรมหรู หมวดหมู่ Classic Luxury
ในประเทศไทยมีโรงแรมแบรนด์ JW Marriott ด้วยกัน 3 แห่งครับ
คือที่กรุงเทพ ภูเก็ตและเขาหลัก พังงา
ส่วนอีก 3 แห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญาและก่อสร้าง
คือที่พัทยา, เอเชียทีค กรุงเทพและอ่าวฉลอง ภูเก็ต
อัตลักษณ์ของ JW Marriott คือการบอกเล่าเรื่องราวตัวตน
ของผู้คนและโลเคชั่น นำเสนอผ่านความหรูหรา มีระดับ
เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนร่างกาย ฟื้นฟูจิตใจ
เหมือนกับที่กานต์เพิ่งกลับมาจากบรรยากาศสบายๆ
นั่งปลดปล่อยกายและใจไปกับเสียงคลื่นทะเล ชายหาดและทิวพร้าว
ที่ JW Marriott Khao Lak Resort & Spa มาครับ
โรงแรมเพิ่งกลับมาเปิดเมื่อวันที่ 20 ตุลานี้เอง
ตอนนี้มีราคาโปรช่วงเปิดตัวอยู่ด้วย
ความหรูหรา และมาตรฐานดารบริการระดับสูงสุดยังคงดีอยู่
แต่ที่ดูแปลกตา คือห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางที่รีโนเวทใหม่
สลัดภาพไทยโบราณออกไป ดีไซน์ให้มีความร่วมสมัย
ลดทอนรายละเอียดปลีกย่อยลงแ ต่คงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบไทย
ใส่ความเป็นโมเดิร์นเข้าไป ในบรรยากาศแบบธรรมชาติ
ที่ JW เขาหลัก มีครบทั้งชายหาด ทะเล ป่าเขา ต้นไม้และสายน้ำ
โดยเฉพาะสระว่ายน้ำในรีสอร์ตที่วนรอบยาว 2 กิโลกว่า
ยังไม่นับรวมเฟสใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกด้วยนะครับ
ผมว่าเป็นโรงแรมที่มีสระว่ายน้ำยาวที่สุดในประเทศไทย
หน้าหาดรีสอร์ตก็ยาว ส่วนเรื่องความขาวของทรายไม่ต้องพูดถึง
ผมชอบเวลาที่สีสันของธรรมชาติเจิดจรัสแข่งกัน
มันมีทั้งสีฟ้าเทอควอยซ์ของน้ำทะเล สีขาวของหาดทราย
สีเขียวของทิวสน ต้นมะพร้าวและไม้ทะเลน้อยใหญ่
และสีทองประกายของพระอาทิตย์ยามอัสดง
ผมยกให้เขาหลักเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
ถ้าไม่เชื่อต้องมาพิสูจน์ด้วยตาคุณเองครับ
อ่านรีวิว JW เขาหลักโดยละเอียด
คลิกเข้าไปที่แคปชั่นของแต่ละรูปได้เช่นเคยครับ
#marriott#marriottbonvoy#jwmarriott#jwmarriottkhaolak#jwmarriottkhaolakresort#jwmarriottkhaolakresortandspa
—
I go to nature to be soothed and healed, and to have my senses put in order. John Burroughs นักธรรมชาติวิทยาชาวอเมริกัน ได้เขียนบอกเล่าถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะตรงกับแนวนโยบายของโรงแรม JW Marriott ทั่วโลก ที่เน้นเรื่องสุนทรียะแห่งการพักผ่อนที่แท้ทรู
ภาพนี้ของกานต์ก็เลยจะดูสื่อความหมายได้ตรงจริตที่สุด ในจุดที่เราต้องการให้ธรรมชาติเป็นยารักษาใจ
“ถ้าใจมันเซ ทะเลคือคำตอบ”
JW Marriott เขาหลัก รีสอร์ต & สปา คือโรงแรมล่าสุดที่กานต์มาพักและอยากบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์ให้ได้อ่านกัน เนื่องจากเป็นแฟนของ JW Marriott ครับ ซึ่งแต่ละแห่งทั่วโลก ก็จะมีความโดดเด่นในเรื่องของโลเคชั่น งานออกแบบและการปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป อย่างของไทย หากเป็นที่เขาหลัก ก็จะออกแนวอนุรักษ์นิยมนิดๆ ติดความโมเดิร์นไทยเข้ามาหน่อยๆ แต่ที่แน่ๆ คือโรงแรมมีพื้นที่กว้างใหญ่และดีไซน์สวยมากครับ
ภาพนี้ตั้งใจตื่นมาถ่ายแต่เช้าตรู่ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
ไม่เพียงแต่ตอนเช้าเท่านั้น ที่เขาหลักจะสวยโดยเฉพาะยามสายหมอกที่ระบายไปตามไหล่เขา
แต่ตอนเย็นก็เป็นไฮไลท์ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะช่วงเดือนนี้เป็นต้นไป เข้าสู่หน้าไฮที่แท้ทรู ชายหาดเขาหลักยามเย็นจะเป็นสีเหลืองทอง ยามน้ำทะเลต้องแสงพระอาทิตย์
ส่วนตัวกานต์ ชอบทำเลของเขาหลักมากครับ นอกจากเป็นจุดที่พระอาทิตย์ตกริมทะเลที่สวยที่สุดในประเทศไทยในความคิดของผมแล้ว บรรยากาศและธรรมชาติแวดล้อมของเขาหลัก ชายหาดที่ขาวและทอดยาวคู่ขนานไปกับทิวสนและต้นมะพร้าว ยังเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เลือกมาพักผ่อนที่นี่
แต่ช่วงนี้โควิด อาจจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไร ก็ต้องอาศัยแรงจากนักท่องเที่ยวไทยด้วยกันนี่แหละที่จะมาพักผ่อนที่นี่
ผมลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ตครับ จากนั้นให้ลีมูซีนของรีสอร์ตไปรอรับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงที่หาดคึกคัก เขาหลัก พังงา
สิ่งแรกที่เห็นในตอนนั่งรถเข้ามา คือความแกรนด์ของทางเข้าจากถนนหลัก จนนำเรามาสู่ล็อบบี้ ดีไซน์ใหม่ ที่เปิดโล่งสบายตา มาพร้อมกับดีไซน์โมเดิร์นไทย ให้ความรู้สึกที่แปลกไปจาก JW Marriott เขาหลัก ฉบับก่อนหน้านี้
อารมณ์เหมือนสาวแว่นที่เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ ปรับลุคใหม่ ให้ทันสมัยมากขึ้น ดูน่าค้นหา น่าทำความรู้จัก รีวิวนี้ผมจะได้นำทุกคนมารู้จักโรงแรม JW Marriott เขาหลักกันครับ
Welcome Drink เป็นน้ำกระเจี๊ยบ ตะไคร้ ใบเตย หอมและหวานฉ่ำ ทำให้การเดินทางจากสนามบินมาหายเหนื่อย กลายเป็นความสดชื่นแทน จากนั้น พนักงานของที่นี่ ก็จะทำการเช็คอิน ส่วนใครที่เป็นสมาชิก Marriott Bonvoy ก็มีเซคชั่นแยกออกไปต่างหากนะครับ หรือใครอยากจะนั่งโซฟากว้างๆ สบายๆ ก็แจ้งพนักงานได้เลย
เดินเล่นสำรวจรีสอร์ตกันสักหน่อย ผมลงจากล็อบบี้มา จะเป็นลานหน้าตึกที่หันเข้าหาสระว่ายน้ำและบาร์ ทอดยาวไปจนถึงชายหาด
พูดถึงสระว่ายน้ำ ดูจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยครับ กับสระที่ยาวรอบโรงแรม 2 กิโลกว่า ดำผุดำว่าย เล่นน้ำได้ทั้งวัน
ถ้าเรามองจากภาพมุมสูงลงมา นอกจากจะเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าแล้ว ยังเห็นการแบ่งพาทิชั่นของการพักผ่อนที่กั้นด้วยพุ่มไม้ขนาดใหญ่ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่แขก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการให้บริการของ JW Marriott ทั่วโลกครับ
ห้องพักของกานต์ในวันนี้ ซึ่งเป็นคืนแรกที่โรงแรมเปิดทำการอีกครั้ง เป็นห้องแบบ Pool Access ครับ หลังห้องจะเชื่อมกับสระว่ายน้ำที่เชื่อมกันทั้งรีสอร์ตอีกที (เชื่อมในเชื่อม) สามารถลงเล่นน้ำจากตรงนี้ได้เลยครับ ด้านบนจะเป็นห้องแบบ Pool View และ Duplex จริงๆ แล้วทางรีสอร์ตมีห้องหลายประเภทมากให้เราได้เลือกจอง สามารถดูรูปแบบของห้องได้ที่ www.jwmarriottkhaolak.com
พนักงานน่ารัก วางข้อความต้อนรับคุณกานต์ไว้บนเตียงเรียบร้อย พร้อมของว่าง ยังไม่ทันจะถ่ายเลย เผลอกินไปก่อนเพราะหิว 555
แถมมีผ้าผับเป็นรูปตุ๊กตุ่นตุ๊กตา นอน 3 คืน แม่บ้านเก่งมาก พับได้ไม่ซ้ำกันเลย มีช้าง เต่า และปู ครับ
ผมเก็บไว้ถ่ายรวมญาติเป็นที่ระลึก
ห้องนอนจะแบ่งออกเป็นโซนทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของพร้อมมินิบาร์ ตรงข้ามเป็นห้องน้ำ จากนั้น ด้านในจะเป็นส่วนของเดย์เบดบุผ้าและหมอนอิงลายไทย พร้อมงานตกแต่งภายใน ที่รื้อของเก่าออกไป ใส่ดีไซน์ใหม่แบบไทยโมเดิร์นเข้ามาแทน ทำให้ห้องดูกว้าง โปร่ง สบาย โดยการลดทอนรายละเอียดในงานออกแบบที่ไม่จำเป็นออกไป
ความเก๋ของห้องพักอีกอย่างคือการเชื่อมต่อระหว่างเตียงนอนกับอ่างอาบน้ำที่กั้นกลางเพียงแค่ประตูบานเลื่อนครับ ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับอีกคนภายในห้องได้อย่างสบายๆ
หากเราแช่อ่างอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ เรายังสามารถมองเห็นวิวจากภายนอกได้ ผ่านประตูบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกันไว้
เดินทางมาเหนื่อยๆ ได้แช่น้ำอุ่นๆ สบายตัวมากครับ ห้องน้ำที่นี่ตกแต่งด้วยกระเบื้องดินเผาสีส้มอิฐ ให้ความรู้สึกโมเดิร์นไทยนิดๆ พร้อมจัดวาง Amenities ครบครัน
ถ้าหากหิว เราสามารถสั่ง Room Service มาทานได้ครับ เชฟจัดจานมาอย่างสวยงาม เหมือนนั่งทานที่ร้านอาหาร
ส่วนตัวชอบทานเมนูเบสิคอย่าง ซีซ่าร์สลัด วัดได้เลยว่าโรงแรมไหนอร่อยหรือไม่อร่อย ถูกปากเราหรือเปล่า เทียบกันจานต่อจานกันไปเลย
ช่วงเย็นๆ จะเป็นนาทีทองของคนรัก Sunset ครับ พระอาทิตย์ตกดินที่เขาหลักสวยมาก
ธรรมชาติมีความสวยงามอยู่ในตัวและอยู่กับที่ … เราต่างหากที่ไปอยู่ไหนมา ถึงไม่พาตัวเองกลับสู่ธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้
“A human being is a part of the whole called by us universe, a part limited in time and space. He experiences himself, his thoughts and feeling as something separated from the rest, a kind of optical delusion of his consciousness. This delusion is a kind of prison for us, restricting us to our personal desires and to affection for a few persons nearest to us. Our task must be to free ourselves from this prison by widening our circle of compassion to embrace all living creatures and the whole of nature in its beauty.”
― Albert Einstein
We’re friend.
เย็นนี้เป็นคืนแรกที่ JW เขาหลักเปิดให้บริการครับ เลยมีปาร์ตี้ริมทะเลเล็กๆ สำหรับต้อนรับแขกที่เข้าพักในคืนแรก เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมาก จิบแชมเปญใต้แสงตะวัน
ผมได้คุยกับแขกหลายคน บอกว่าตั้งใจมาพักที่นี่ในคืนแรก เพื่อให้กำลังใจและต้อนรับการกลับมาของโรงแรมโปรดของเขา การเดินทางไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ให้ประสบการณ์ชีวิตเท่านั้น แต่ยังมอบมิตรภาพซึ่งกันและกันเป็นของขวัญกลับมาให้ด้วย
เมื่อคืน ปาร์ตี้จนถึงดึก แต่ก็ยังตื่นเช้าได้ เพราะอยากเห็นแสงทองของวันใหม่ที่เขาหลัก ลุกออกจากเตียงไปที่ระเบียง เก็บภาพในโรงแรมช่วงเช้าๆ มาฝากกัน พลางนั่งคิดไปว่า ชีวิตก็แบบนี้ครับ มีขึ้น มีลง อดีตที่ผ่านไปไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ความทรงจำ
จากนั้น ก็กลับมานอนเอกเขนกต่อบนเตียง ที่นี่มีโปรแกรมหมอนให้เลือกหลากหลาย
อย่างที่บอกไป ผมชอบนอนหมอนแข็งและทรงสูง ออกจะแปลกสักหน่อยถ้าโรงแรมไหนให้บริการหมอนนิ่มๆ และไม่มีทางเลือกอื่น คืนนั้นแทบจะนอนไม่หลับ แต่สำหรับที่ JW เขาหลัก เราแจ้งพนักงานขอหมอนตามที่ต้องการได้เลยครับ
สายๆ Room Service นำ In room Breakfast* มาเสิร์ฟ ผมให้นำไปตั้งไว้ที่ระเบียง จะได้สัมผัสกับธรรมชาติและความสดชื่นในยามตื่นนอน อาหารเช้าที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย เราสามารถแจ้งได้ตั้งแต่เช็คอินเลยครับ
*มีค่าบริการเพิ่ม
ขนมจีนแกงปู Special Menu ที่เชฟจัดมาให้
หรือใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทานที่ห้องอาหารโอลีฟ ก็ได้ครับ เป็นห้องอาหารเดียวที่เปิดให้บริการในตอนนี้
บรรยากาศดี สามารถเลือกนั่งได้ทั้งด้านในห้องแอร์และด้านนอกริมทะเล
สักพักเชฟก็จะเดินมาเสิร์ฟ Special of the day ถึงที่โต๊ะ
Olive (โอลีฟ) ให้บริการอาหารอิตาเลียนและยุโรปเป็นหลักครับ ส่วนครัวไทยและห้องอาหารซากุระซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ยังไม่เปิดในช่วงนี้ ทางรีสอร์ตเลยนำทุกครัวมาอยู่ร่วมกันที่นี่ สามารถสั่งทานได้ทั้งวันเป็น All day dining
ส่วนอาหารเช้าก็ให้บริการหลากหลาย ครบทั้งไทย และอินเตอร์คอนติเนน
ส่วนตัวผมชอบห้องอาหารโอลีฟ ดูเหมือน Garden by the sea มีความเป็นสวนในห้องกระจกอยู่ริมทะเล ยิ่งเช้าๆ แดดส่องเข้ามา สวยดีนะ
หลายวันที่ JW เขาหลัก เลยฝากท้องและฝากใจไว้กับห้องอาหารโอลีฟ นี่แหละ อยากทานอะไรก็บอกเชฟ
มื้อกลางวัน บ่นกับเชฟสาว่าอยากทานอะไรแซ่บๆ บ้าง ผมเลยสั่งเป็นหมี่หมูย่าง
สักพักเชฟสาเดินมาพร้อมกับเมนูใหม่ที่ไม่มีขาย ทำให้ด้วยความรักคุณกานต์ 555 ไม่ใช่หรอก คงสงสารเพราะเปรี้ยวปากมาหลายวัน เชฟจัดส้มตำฟิวชั่นมาให้ทาน เป็นส้มตำใส่กะปิและพริกไทยดำ รสชาติจัดจ้านมากกกก
มื้อนี้เลยอยากเรียกว่า “เชฟสา โอมากาเสะ” เชฟครีเอทเมนูใหม่ๆ ขึ้นมาให้ทาน อย่างจานนี้เป็น Poke Bite เชฟเล่าว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Poke Boul นำเอาซูชิท๊อปด้วยแซลมอนครีมซอสญี่ปุ่น ไข่ปลา และผักโขม วางบนแผ่นเกี๊ยว ทานแบบพอดีคำ
โออิชิมากๆ อยากให้เชฟทำเป็นเมนูขายจริงๆ ขึ้นมา
ตอนบ่ายเชฟ Enzo ชาวอิตาลี ชวนมาเรียนทำอาหารพวกพาสต้า ราวิโอลีและพิซซ่า
เอาวะ หัดไว้ เผื่อจะได้ไปเป็นมาสเตอร์เชฟกับเค้าบ้าง
เชฟ Enzo คุยสนุกมาก สำเนียงอังกฤษสไตล์อิตาเลี่ยน ก็จะลื่นๆ หูหน่อย ต้องคอยตั้งใจฟังให้ดี เพราะเชฟตั้งใจสอนมาก แต่ยังไม่หมดทั้งอิตาลี เพราะแค่เส้นพาสต้า ราวิโอลีก็มีมากกว่า 160 แบบ
ผมลองครีเอทเมนูเป็นราวิโอลีกะเพรา ก็อร่อยดี มีความทวิสต์แบบตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน
จากนั้น ก็เรียนทำพิซซา บอกเลยว่า ไม่ง่าย และไม่สามารถจะโยนแป้งแล้วหมุนๆ แบบเชฟมืออาชีพได้ 555 เลือกทำเป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบ หน้าโฟร์ชีส สนองนี๊ดตัวเองล้วนๆ
พอบ่ายแก่ๆ ต้องรีบไปหาที่นั่งริมชายหาด เพราะแขกส่วนใหญ่จะลงมากันเพื่อรอชมความงามของพระอาทิตย์ตกดิน คล้ายๆ กับดูไลฟ์โชว์ เพราะงดงามมากจริงๆ
เดินเล่นริมชายหาด ให้คลื่นซัดบ้างเล็กน้อยพอสัมผัส ผมว่าการที่เราได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน มันทำให้เราเกิดความคิดบางอย่าง เช่น เราเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจักรวาลเท่านั้น และเราไม่สามารถบังคับให้ทุกอย่างเป็นแบบที่ใจเราต้องการได้
เดินไปก็คิดไป เป็นธรรมชาติบำบัดอีกทาง
“The Khao Lak beach are calling and I must go.”
เย็นนี้ ทางรีสอร์ตจัดให้รับประทานอาหารริมทะเล บรรยากาศดีมาก เคยเห็นแต่ในรูปถ่าย ส่วนมากแขกจองกันหลายโต๊ะเลย ดีที่เป็นช่วงเปิดตัว แขกยังไม่รีเควสเยอะมาก
อย่างที่บอก การได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศที่ดี ก็ช่วยทำให้มื้อนี้ มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
โรแมนติกมาก รูปนี้
ระหว่างรอแขกคนสำคัญจากทางโรงแรมที่จะมาร่วมรับประทานอาหารด้วย ก็จิบเครื่องดื่ม ชมวิวไปพลางๆ
Dinner with คุณ Samer DOSM-Director of Sales and Marketing JW Marriott เขาหลัก เป็นคนซีเรียครับ แต่มาอยู่เมืองไทยนานเกิน 10 ปี คุยสนุกดี
ผมว่าการเดินทางไปทำให้เราได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของบรรยากาศเบื้องหน้า แต่ว่ายังได้ท่องไปในอีกหลายเรื่องตามแต่สถานการณ์จะพาไป
ได้คุยกับคุณ Samer คือการเปิดโลกใบใหม่ในเรื่องของ Hospitality มากๆ ครับ
#โดยสรุปJW Marriott Khao Lak Resort & Spa เป็นอีกรีสอร์ตหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับใครที่ต้องการสถานที่พักผ่อนริมทะเล ในมาตรฐาน 5 ดาวกับโรงแรมเชนใหญ่ สามารถใช้เวลาร่วมกับเพื่อน คนรักและครอบครัวได้อย่างสบายๆ เลยครับ
ผมก็ว่าจะพาเด็กๆ ที่บ้านมาพักที่นี่อีกสักครั้ง เพราะได้ครบทั้งบรรยากาศของทะเล น้ำ ฟ้า ป่าเขาและสระว่ายน้ำที่ยาวมากๆ เด็กๆ คงชอบ
ตอนนี้ สามารถใช้เราเที่ยวด้วยกันได้แล้ว ยิ่งทำให้ราคาเป็นมิตรมากขึ้น จองได้สบายๆ เลยครับ
#ขั้นตอนการจอง
1. จอง โปรโมชั่น Paradise Returns ได้เลยที่ www.jwmarriottkhaolak.com (ต้องกรอกบัตรเครดิตเพื่อการันตีบุ๊คกิ้ง)
2. รอรับหมายเลขการยืนยันห้องพักมาที่อีเมลที่ทำการจอง
3. ติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่สำรองห้องพัก ได้ 3 ช่องทาง
076584888
jw.khaolak.reservation@marriott.com
ทักแชทกับเจ้าหน้าที่ m.me/JWMarriottKhaoLakThailand
พร้อมเตรียมข้อมูลสำหรับทำการส่งลิ้งค์ไปยังแอพกระเป๋าตังดังนี้
➤ชื่อสำหรับทำการจอง ภาษาอังกฤษ
➤อีเมลที่ทำการจอง
➤เบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแอพกระเป๋าตัง
➤หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 4 ตัวสุดท้าย
➤เช็คอิน และ เช็คเอาท์
➤ยอดสุทธิที่ชำระ
*หลังจากได้ Link กรุณาชำระค่าห้องผ่านแอพกระเป๋าตังภายใน 24 ชั่วโมง