“Heaven, please.” #ไปสวรรค์ครับ
โอ๊ยยย จึ้งใจ เมื่อได้พูดประโยคนี้
ปกติมีแต่คนแช่งให้ลงข้างล่าง 555
กานต์อยู่ที่เวียดนามครับ บินมาพักผ่อนที่เมืองดานัง ฟีลเป็นเมืองตากอากาศที่เศรษฐีเวียดนามนิยมมาเที่ยวกัน มีรีสอร์ตติดทะเลสวยๆ ตั้งอยู่เยอะมาก
InterContinental Danang Sun Peninsula Resort รีสอร์ทสุดหรูที่อยู่บนเขาหนึ่งลูก แยกตัวออกไปจากเมือง หน้าหาดเป็นเวิ้งกว้างครึ่งวงกลม รายล้อมเทือกเขาแล้วมีวิลล่าต่างๆ ตั้งอยู่ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง วิวสวยมาก
แน่นอนครับ เรากำลังตามเก็บรีสอร์ตของสถาปนิกเบอร์ 1ในใจผม นั่นคือ บิลล์ เบนสลีย์ (Bill Bensley) ซึ่งดูเหมือนว่าที่อินเตอร์คอนฯ ดานัง (เรียกสั้นๆ แบบนี้) จะมีความเป็นอัตลักษณ์ของ บิลล์ เบนสลีย์ อยู่สูงมาก ถึงขั้นมีแกลอรี่โชว์ผลงานศิลปะของตัวเองอยู่ในรีสอร์ตเลยอ่ะ
เดาว่าน่าจะเป็นอีกที่ซึ่งเจ้าของตีเช็คเปล่าให้บิลล์ สร้างสรรค์ได้ตามใจ เช่นเดียวกับ JW Marriott Phu Quoc ซึ่งเจ้าของเดียวกันคือ Sun Group
อ่ะ!! อย่าเพิ่งดราม่า ในความหมายของการตีเช็คเปล่าก็คือให้สถาปนิกได้ออกแบบตามแต่จินตนาการ โดยอย่าเพิ่งเอาเรื่องเงินเป็นตัวตั้งไรงี้ แต่ละที่ก็เลยดีไซน์ออกมาได้สุดแบบสุด พีคในพีค
งานดีไซน์จึงออกมาในสไตล์เวียดนามแบบพื้นถิ่น มีความปนจีนนิดๆ ใช้สีสันจัดๆ ตัดกับสีขาวและดำ ดูหรูหราทว่าร่วมสมัย งานศิลปะส่วนใหญ่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อรีสอร์ตนี้โดยเฉพาะ
มาพักที่อินเตอร์คอนฯ ดานัง 4 วัน ยังไม่เจอข้อติอะไร ทุกอย่างต้องใช้คำว่า เพอร์เฟค!! ได้มาตรฐานอินเตอร์คอนฯ ของจริง พนักงานซินจ่าวตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้าน คนสวน
ผมพัก Heavenly Penthouse อยู่บนเขาสูงสุด ห้องหน้ากว้าง วิวทะเลเต็มตาแบบว่าวิวคือสวยดีมีความพาโนรามิค แต่ติดนิดเดียว ช่วงมรสุมอ่ะเนอะ พายุเข้าฝนตกทุกวัน แทบจะไม่เห็น sunrise sunset กับเค้าเลยครับ
และตามสูตรก็คือ แดดจะดีวันกลับ!!!
ไฮไลท์ของที่นี่มีเยอะมากจนไม่อยากเรียกว่าไฮไลท์ งงมะ 555 เริ่มตั้งแต่การเดินทางจากห้องพักของเราบนเขาจะใช้วิธีนั่งรถรางลงไปยังสถานีต่างๆ จากที่เราอยู่คือ สวรรค์ (Heaven) จะลงไปยัง ฟ้า (Sky) ผืนดิน (Earth) และ ทะเล (Sea) ไม่ลงไปลึกกว่านี้ละ แต่ก็มีรถบัคกี้ให้บริการเช่นกัน เรียกปุ๊บมาปั้บ ไวดีไม่ต้องรอนาน
ส่วนตัวคิดว่าทะเลไม่สวยเท่าไทยฝั่งอันดามัน พอถ่ายรูปทำคอนเทนต์ได้ แต่ที่ยกนิ้วให้คือ Beach Activities แน่นมาก SUP คายัค วอลเล่ย์บอล มีพายเรือกระด้งชมวิวด้วยนะ ทั้งหมดนี้คือฟรีจ้ะ!!
#VerifiedbyKΔNT มุมถ่ายรูปที่ห้ามพลาดเลยคือสระว่ายน้ำ นั่งตรงขอบสระแล้วหันหน้าเข้าหาวิลล่า เป็นอะไรที่จึ้งมาก ส่วนอีกมุมจะเป็นหันหน้าออกสู่ทะเล เก๋เหมือนกัน
ส่วนห้องอาหารถือว่าดีมากเช่นกัน ผมชอบตอนไปทานที่ La Maison 1888 ร้านของเชฟ 3 ดาวมิชลิน Pierre Gargain เคยติด 1 ใน 10 ห้องอาหารที่ดีที่สุดในโลก เชฟทำเนื้อวากิว A5 ได้ยอดเยี่ยมมาก ละลายและอวลๆ อยู่ในปากตลอดเวลา อยากให้มีมาเปิดในเมืองไทยบ้าง
เล่าให้ฟังเป็นน้ำจิ้มแค่นี้ก่อนนะครับ อ่านเรื่องราวกันต่อในแคปชั่นและรับประกันว่าภาพถ่ายคอลเลคชั่นนี้ ปังสุด!!!
ติดตามรูปของ KΔNT ผ่าน IG ได้ที่ www.instagram.com/kant.co.th
#InterContinentalDanangSunPeninsulaResort#InterContinentalDanang#InterContinental#IHG#Danang#Vietnam#KΔNT
—
สารภาพว่าไม่เคยมาเมืองดานังมาก่อนครับ แต่จากที่เคยไปเวียดนามมาแล้วหลายเมือง พบว่ามีรีสอร์ตสวยๆ งานดีไซน์เก๋ๆ เยอะมาก ตื่นตาตื่นใจสุดๆ เลยครับ
เวียดนามเที่ยวง่ายไม่ต้องมีวีซ่า อารมณ์เหมือนบินไปลงทางใต้ภูเก็ต กระบี่อะไรแบบนี้ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงเองครับ ผมใช้บริการ Bangkok Airways เช่นเคย บินตรงมาลงที่ดานัง จากนั้นให้รถของรีสอร์ตมารับครับ สบายมากๆ
ดูเที่ยวบิน กรุงเทพ-ดานัง >> https://www.bangkokair.com/tha
เมื่อลงเครื่องมีพนักงานมารับถึงสายพานกระเป๋า ที่จริงด้านในมีเล้าจน์ด้วยนะครับ แต่เราไม่ได้นั่งเพราะตื่นเต้นมาก อยากจะมาถึงรีสอร์ตในทันที ที่นี่ใช้ Mercedes-Benz C220d มารับใช้เวลานั่งรถประมาณ 30 นาที ขึ้นเขามา 1 ลูกก็จะเจอกับวิวนี้ครับ
InterContinental Danang Sun Peninsula Resort เป็นรีสอร์ตที่นิยมมากในคนรวยเวียดนาม ซึ่งรีสอร์ตแขกเยอะมากจริงๆ นี่ขนาดว่าต่างชาติยังเพิ่งเริ่มทยอยเข้าประเทศเองนะ อาจจะด้วยเพราะวิวจึ้งจริง ดีไซน์สวย บริการดีมาก กิจกรรมแน่นเหมาะสำหรับมาพักผ่อนสบายๆ ก็แปรผันตรงตามราคาอ่ะเนอะ
InterContinental Danang Sun Peninsula Resor เป็นรีสอร์ตที่ถ่ายรูปมาเยอะมาก และได้รูปสวยเกือบทั้งหมด นี่ขนาดว่าไม่ค่อยมีแสงอาทิตย์นะ แต่ถ้าฝนหยุดคือได้เวลาออกมาเดินเล่นถ่ายรูป ได้ฟีล Green แบบ Jungle นิดๆ Mystery หน่อยๆ
รีสอร์ตมีความเป็นป่าสูงมาก เพราะตั้งอยู่กลางเขาเนื้อที่ 230 ไร่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และด้านหน้าเป็นชายทะเล ที่นี่เรียกว่า Monkey Mountain แน่นอนว่าเป็นเขาที่มีลิงอยู่เยอะมากและในรีสอร์ตก็มีรูปปั้นลิงเป็นซิกเนเจอร์
ห้องพักของเราในทริปนี้คือ Heavenly Penthouse ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร จะมี 2 Penthouse ติดกัน ถ้ามากับเพื่อนคือเหมาหมดได้เลยครับ รับประกันความเป็นส่วนตัว ส่วน roomtype ก็อยู่ลดหลั่นกันไป ช่วงนี้รีสอร์ตมีปรับปรุงนิดหน่อย แต่ได้แจ้งให้แขกทราบล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนจองในเวปไซต์
เมื่อเปิดประตูเข้า Penthouse มา ค่อนข้างตกใจเพราะใหญ่มาก มีขนาด 170 ตร.ม. นี่มันคือบ้านหนึ่งหลังที่มีหน้ากว้างวิวทะเลทุกห้อง แยกเป็นสัดส่วนในการใช้งานชัดเจน มีทีวีและโฮมเธียเตอร์ของ BOSE ให้บริการ เอาไว้ดูซีรีส์เพลินๆ
ห้องนั่งเล่นตกแต่งสวยด้วยอินทีเรียสไตล์จีนผสมเวียดนาม ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เข้ากันแต่มีสีสันหลากหลาย ส่วนใหญ่เน้นสีเหลือง ส้มนะครับสำหรับห้องนี้ ส่วนงานภาพรวมจะคงมีสีดำจากไม้และสีขาวจากผนังเพื่อขับให้สีสันอื่นดูโดดเด่น เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตาจากภายใน Penthouse
คุณจอห์น Director of Marketing เขียนการ์ดเวลคัมด้วยลายมือ ชอบการทำอะไรแบบนี้จัง ดูลงดีเทล
เวลคัมเป็นช็อคโกแลตนานาๆ มีทั้งโลโก้โรงแรมสีเหลือง และมีแกะพิมพ์เป็นรูปลิง น่ารักมาก วางไว้ยังไม่กล้ากิน กะจะเก็บใส่กล่องกลับบ้านเป็นที่ระลึก สุดท้ายแม่บ้านเก็บไปเฉ๊ยยย อดเลย
ห้องนั่งเล่นจะมีครัวแยกออกไป มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ กาน้ำร้อน ตู้เย็นที่ใส่มินิบาร์ เครื่องชงกาแฟแคปซูลพร้อมชากาแฟ วางไว้ให้พร้อม และมีห้องน้ำแบบ Powder Room ที่อยู่ด้านนอก สำหรับแขก
ด้านในเป็นห้องนอนวิวเทพไม่แพ้กัน งานสไตล์บิลล์ยังคงเป็นเตียงนอนแบบสี่เสา พร้อมมุ้งระโยงระยางลากยาวจนถึงเพดานที่ยกสูงขึ้นไป พร้อมโคมไฟสไตล์เวียดนามประยุกต์ เตียงถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อย เวลานอนมองจากบนเตียงจะเห็นวิวทะเลสวยเบื้องหน้า
สถาปนิกใช้เรื่องของสเกลเข้ามาช่วยในการออกแบบเยอะมาก ผมชอบการประดับฝาด้วยกรอบรูปที่ใส่เสาไม้ขนาดใหญ่ดูเป็นงานศิลปะแบบสมัยใหม่ หัวเตียงจัดวางโต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อยากจะมาอยู่ Work from Hotel ที่นี่สักเดือนนึง
แล้วก็ได้ทำสมใจ นั่งทำงานไป ถ่ายรูปชมวิวไปเพลินๆ ต้องพก SSD ติดตัวมาด้วย พร้อมกับ macbook คู่ใจ นั่งอยู่ปลายเตียงมีวิวทะเลจึ้งๆ คอยคลายเครียด
ห้องน้ำยิ่งใหญ่อลังการชนิดที่ว่าเลนส์ไวด์เก็บไม่หมด ตรงกลางเป็นอ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อม Amenities 2 เซ็ทแยกกันชัดเจนดี อ่างหินอ่อนสีดำทำให้ห้องน้ำดูแพงขึ้นไปอีก ตกแต่งในสไตล์เวียดนาม ชอบโคมไฟน่ารักดี
อีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า แต่ว่ารกไปแล้วเพราะรื้อของมากอง เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดู
ห้องอาบน้ำคือใหญ่มาก มีอ่างหินขัดขนาดใหญ่แช่พร้อมกัน 2 คนได้เลยครับ มาพร้อมกับฝักบัวแบบ Rain Shower ที่เรียบเสมอเพดาน 2 อันแยกกัน ให้อารมณ์เหมือนเล่นน้ำฝน พร้อมกันได้เลย ส่วน Amenities ของที่นี่ใช้แบรนด์ HARNN เช่นเดียวกับอินเตอร์คอนฯ อื่นๆ
อ่างอาบน้ำตกแต่งสวยมาก แค่ถ่ายรูปตอนลงอ่างก็น่าจะหมดไปแล้วครึ่งวัน ชอบผนังที่ใช้อิฐมาก่อนขัดกันคล้ายกับลายสาน จริงๆ พอไปดูใกล้ๆ จะเป็นรูปทรงของก้อนอิฐที่ไม่เหมือนปกติ งานดีไซน์คือดีเทลจริงๆ ครับ
ด้านนอกเป็นระเบียงรอบ มองออกไปเห็นเพื่อนบ้านเป็นวิลล่าอีกอาคารดูสวยดี ชอบความมีดีเทลของงานออกแบบที่เราคิดไม่ถึงเช่นทำโต๊ะยื่นออกมาจากขอบระเบียง เที่ยงๆ อาจจะมีนกบินมาเกาะ ดูเก๋ดี
อีกด้านของวิลล่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มาก เป็นสระน้ำอุ่น พร้อมจัดวางที่นั่งรายล้อม ริมสระอีกด้านมีที่นั่งในสระพร้อมกับเคาน์เตอร์บาร์ ผมว่า Penthouse นี้ไม่น่าจะอยู่ 2 คนละ ชวนเพื่อนมาปาร์ตี้กันเยอะๆ น่าจะดีกว่า
อีกด้านของสระว่ายน้ำจะหันหน้าออกสู่ทะเลครับ จริงๆ เราสามารถอยู่บน Penthouse ได้ทั้งวัน ก็ดื่มด่ำกับความสวยงามได้ไม่ต่างกัน แถมได้ความเป็นส่วนตัวกว่า แนะนำเลยครับเผื่อใครอยากมองหารีสอร์ตใกล้ๆ สำหรับบินไปฮันนีมูนทริป
รูปนี้ถ่ายจาก Penthouse มองเห็นอาคารทรงเก๋งจีนที่แทรกตัวอยู่ตามแมกไม้ ดูเป็นงานอาร์ตที่มีชีวิตดีครับ
รูปนี้ก็ยิงมาจาก Penthouse เช่นกัน จะมองเห็นชายหาดยาว เช้าๆ จะยังไม่ค่อยมีแขกตื่น ทำให้เราได้เห็นภาพทะเลที่แสนสงบ จากมุมมองที่แปลกตากว่าที่เคย
สระว่ายน้ำจะยกระดับขึ้นมาอีกชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางดงต้นมะพร้าวและชายหาด เป็นสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่ไซส์โอลิมปิคมากๆ ภาพถ่ายมาจาก Penthouse ก็คือสวยตายไปเลย
เอาละเราจะลงจากสวรรค์ไปชั้นทะเลกันบ้างนะครับ ที่นี่จะใช้เป็นรถรางขึ้นลงแบบนี้เป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชอบกันมาก ขึ้นลงกันทั้งวันสนุกดี
ลงมาถึงที่ Sea หรือสถานีชายทะเล เก๋ๆ มองภาพจากมุมสูงจะเห็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความกว้างใหญ่ของรีสอร์ต ที่เห็นนี่คือเฉพาะส่วนหน้าหาดเท่านั้น ยังไม่รวมวิลล่าต่างๆ ที่ตั้งอยู่ตามเนินเขา ที่นี่เรียกว่าอ่าวลิง หรือ Monkey Bay
สระว่ายน้ำมีด้วยกัน 2 สระ เดี๋ยวจะพาไปชมใกล้ๆ ครับ
หาดทราย ผมว่าไม่แย่แต่ไม่ได้ทรายละเอียดขาวนุ่มขนาดนั้น แต่บรรยากาศต้องยกให้เขาเพราะไม่มีแขกนอกเข้ามาได้เลยครับ มีความส่วนตัวมากๆ เก้าอี้ชายหาดจัดไว้เรียงราย ตอนบ่ายๆ เย็นๆ คนจะมานั่งพักผ่อนทำกิจกรรมกันเต็มไปหมด
มาพักผ่อนที่ InterContinental Danang Sun Peninsula Resort แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ จากทีแรกตั้งใจว่าจะไปเดย์ทริปที่ฮอยอันสักหน่อย แต่ไม่ไปละเพราะว่ากิจกรรมในรีสอร์ตเยอะมาก แค่ถ่ายรูปก็เหนื่อยแล้ว
ที่นี่มีกิจกรรมเยอะมากทั้งทางบกและทางน้ำ มีคาราโอเกะ โรงหนัง ห้องเกมส์ วอลเล่ย์บอล ปิงปอง เทนนิส ส่วนกิจกรรมทางทะเล นอกจากพายเรือคายัค ซับบอร์ด และกิจกรรมอื่นๆ แล้ว ผมว่าไฮไลท์เลยคือไปพายเรือกระด้ง บอกพนักงานว่า Basket Boat เราก็จะได้ออกไปลงเรือกลางทะเลชมวิวทิวทัศน์ หรือบางทีอาจจะมีตกปลาด้วยครับ
มุมนี้ก็สวย เป็นจุดล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำทำเป็นเหมือนถ้ำเข้าไปดูดีไซน์เก๋ดี ต้องมาถ่ายรูปไว้สักหน่อย
สระว่ายน้ำมี 2 สระ ด้านล่างจะเป็นสระสำหรับนั่งนอนพักผ่อนริมทะเล ให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำกัน ในบรรยากาศธรรมชาติสบายๆ ต้นไม้เยอะมาก
สระว่ายน้ำอีกจุดเป็นสระใหญ่ชื่อว่า LONG POOL อยู่บนชั้น 2 ของบาร์ เป็นสระที่ยาวสมชื่อ และมองไปจะเห็นวิวของวิลล่าที่ตั้งเรียงรายตามเนินเขา ให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ กัน
ส่วนอีกด้านจะหันหน้าออกทะเล ถ้ากดกล้องลงต่ำเราจะได้ระนาบเดียวกันระหว่างสระว่ายน้ำกับทะเล ดูเป็นภาพที่ดูเก๋ดี
ชั้นล่างของสระว่ายน้ำเป็นบาร์ที่ยาวใหญ่อีกเหมือนกันชื่อว่า The L_o_n_g Bar พร้อมสนามหญ้าด้านหน้า เหมาะสำหรับมาจัด Private Party หรือแต่งงานริมทะเลที่นี่
วันที่เราไปที่งานเลี้ยงของ GM พอดี เลยได้ฟรีโฟลว์กับเค้าสักหน่อย บรรยากาศให้เต็มร้อยเลยครับ แม้จะไม่ใช่อยู่ในห้องปรับอากาศแต่ก็ไม่ร้อนอย่างที่คิด มีลมทะเลพัดเย็นๆ ทั้งวัน
ด้านในของ The L_o_n_g Bar จะเห็นว่ามีที่นั่งขนาดใหญ่จัดไว้ให้ หันหน้าออกไปหาทะเลขนานกันไป ส่วนด้านหลังเป็นบาร์ที่มีหลายพาร์ติชั่นมากๆ
แต่ที่ชอบคือการออกแบบพัดลมดูเก๋ดี มีความไหวเวียนของอากาศและลมพัดเย็นตลอดเวลา เราเคยเห็นพัดลมแบบนี้แล้วที่เดอะสเลทครับ
“Vodka is kind of a hobby.”
—Betty White
พอตอนค่ำ วิลล่าต่างๆ เริ่มเปิดไฟ ดูสวยงามดีครับ ทั้งหมดที่เห็นจะเป็นวิลล่าขนาดใหญ่ 1-3 ห้องนอนที่เรียงรายกันไปตามเนินเขาริมชายหาด
คืนแรกที่ไปค่อนข้างแปลกใจ เห็นมีไฟส่องอยู่จากทะเล ดูออกว่าเป็นเรือแต่ไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันเยอะแยะ นึกว่ามีเหตุประท้วง ที่ไหนได้เป็นเรือหาปลาของชาวประมงครับ ถามพนักงานเค้าบอกว่า น่านน้ำที่นี่มีปลาเยอะมาก อาจจะเพราะช่วงหน้ารีสอร์ตมีลักษณะเป็นอ่าวพอดี น้ำค่อนข้างนิ่ง ปลาเลยชุก
เราลงมาทานอาหารค่ำกันที่ห้องอาหาร Barefoot ดีไซน์ของห้องอาหาร มีความผสมผสานระหว่างเวียดนามกับจีนคล้ายโรงเตี๊ยม
คอนเซ็ปต์ของห้องอาหารคือการได้ทานซีฟู๊ดสดๆ จากทะเลราวกับขึ้นมาเมื่อสักครู่ ปรุงแล้วเสิร์ฟเลยครับ ห้องอาหารที่นี่จะอยู่ติดกับชายหาด ราวกับว่าเป็นสัมผัสของเท้าเปล่าที่เราได้อยู่กับธรรมชาตินั่นเอง
คืนแรกเราทานดินเนอร์กันที่นี่ ส่วนมากจะเป็นเมนูซีฟุ๊ดกริลล์ มาเวียดนามต้องสั่งอาหารทะเลนะครับเพราะว่าสดและราคาไม่แพงมาก
ถ้าเป็นคืนวันเสาร์จะเป็น Seafood Grill Buffet Night เลือกอาหารทะเล เนื้อ ปลา แกะ และอีกมากมาย ในบรรยากาศริมทะเลเก๋ๆ ห้องอาหารตกแต่งสวยมาก
รูปแบบและวิธีการก็เหมือนๆ กับบุฟเฟต์ทั่วไป ไลน์อาหารเยอะดี ขนมหวานอร่อยสุด (อีกละ) เครื่องดื่มมีให้เลือกว่าจะรับแบบชอฟท์ดริงก์อย่างเดียวหรือเพิ่มเงินเพื่อรับเครื่องดื่มแบบฟรีโฟลว์ เสิร์ฟไม่อั้น
ตอนเช้าตื่นมา ฟ้าไม่ค่อยสวยเท่าไร พระอาทิตย์พักร้อนมั้งช่วงที่ไป แต่ไม่เป็นไร อากาศที่ขมุกขมัวก็ทำให้เราชิลล์ๆ ไป ยังพอมีเวลาได้เอ้อระเหยอยู่บนที่นอน
กดกาแฟมาดื่มก่อนหนึ่งแก้วเบาๆ ตอนเช้า จากนั้น
เราจะไปทานข้าวที่ Club InterCon กัน
แขกที่พัก Penthouse ก็จะได้สิทธิ์เข้าคลับเล้าจน์ของอินเตอร์คอนฯ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามันคือเอกสิทธิ์ที่คุ้มค่าสำหรับใครที่ถามหาเครื่องดื่ม ขนม อาหาร ฟรี มีความเป็นส่วนตัวสูง
ตัวอาคารของ Club Lounge จะเชื่อมต่อกับห้องอาหาร Citron ทางเดินเชื่อมสวยมาก ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารไหน ถ้าชอบแบบเงียบๆ ผมแนะนำให้ทานที่คลับจะดีกว่า ถ้าอยากทานอะไรสามารถสั่งพนักงานได้ หรือจะเดินไปดูในไลน์อาหารแล้วตักมาทานที่นี่ก็ได้เช่นกัน
อาหารเช้าที่นี่ หลากหลายดีมากครับ มีทั้งอาหารอินเตอร์คอนติเนน อาหารเวียดนาม เมนูประจำวันก็มีแตกต่างกันไป มีสเตชั่นเกาหลี ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟอีกหนึ่งสเตชั่น เรียกว่าทานกันไม่หวาดไม่ไหว ตัวเลือกเยอะจนลายตา
Menu of the day วันที่ 2 ชอบมากจำชื่อเรียกจริงๆ ของเมนูนี้ไม่ได้แน่ชัดนัก แต่เป็นเฝอสไตล์ฮานอย ใช้เส้นเหมือนขนมจีนและใส่น้ำพริกเผาแทน เอกลักษณ์คือน้ำซุปที่หอมมากครับ
เมนูสตูว์เนื้อ เป็นอาหารเช้าที่สั่งได้จาก Club Lounge เท่านั้นครับ
ข้อดึของการมาเวียดนามคืออาหารทานง่ายเพราะเราค่อนข้างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Spring Roll เฝอ บุนจ่า ทำให้เอนจอยกับอาหารการกินดีครับ ไม่ต้องปรับตัวอะไรกันเยอะ
ธรรมเนียมในตอนบ่ายที่ Club Lounge จะเป็นอาฟเตอร์นูนที ส่วนตอนเย็นจะเป็น Canape และ Cocktial เสิร์ฟกันไม่อั้น แต่พรีเซนเทชั่นต้องบอกว่านี่ InterContinental Danang Sun Peninsula Resort ทำดีมาก ราวกับเป็น Fine Dining
ที่ Club Lounge เองก็จะมีไลน์อาหารและขนมปังจัดวางไว้ให้บริการในตอนเช้าเช่นกัน หากไม่ต้องการเดินไปยังห้องอาหารใหญ่ เรียกได้ว่าประทับใจสุดๆ
ห้องอาหาร Citron เป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ของที่นี่ มีมุมให้เลือกนั่งเยอะมาก และหลากหลายถ่ายรูปสวย
จะมีระเบียงที่ยื่นออกไปได้วิวทะเลแบบพาโนราม่า เป็น Photo Spot ของที่นี่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปกันกับมุมนี้
เรามาจิบน้ำชายามบ่ายกันที่นี่ครับเพราะบรรยากาศดีมาก ตอนกลางวันจองก่อนได้ แต่ถ้าเป็นช่วงอาหารเช้าจะเป็นแบบ first come, first serve
สังเกตดีๆ เราจะเห็นว่าส่วนที่นั่งที่ยื่นออกมาถ้ามองจากมุมนี้คือเป็นงอบ หรือหมวกสานของคนเวียดนามที่จับหงายขึ้น ดูเก๋มาก คิดได้ไง
ตอนค่ำเราจองห้องอาหาร La Maison 1888 by Pierre Gagnaire เอาไว้ ซึ่งจริงๆ แอบแวะไปถ่ายรูปมาตั้งแต่วันแรก แต่เต็ม!! เลยอด ดีนะมีที่นั่งในคืนสุดท้ายก่อนกลับพอดี เราเลยได้มีโอกาสไปเก็บแต้มมิชลิน 3 ดาวกัน
มื้อค่ำร้าน 3 ดาวมิชลินของเชฟ Pierre Gagnaire คนที่ได้ชื่อว่าปฏิวัติอาหารฝรั่งเศสด้วยงานศิลปะ พรีเซนเทชั่นสวย รสชาติดีทุกจาน ทานง่ายและอร่อย
เดินผ่านห้องนี้ ฮอตมากพนักงานเล่า คนเวียดนามจะมีวัฒนธรรมการกินข้าวในห้องที่เชื่อมต่อกับครัว ซึ่งห้องนี้เป็นครัวที่เชฟทำอาหารกันจริงๆ ได้อารมณ์เชฟเทเบิล คนที่นี่ชอบกันมาก ห้องนี้จึงถูกจองเต็มทุกคืน
อาหารที่นี่ทานง่าย มีความผสมผสานระหว่างสากลกับท้องถิ่น เมนคอร์สเป็นเนื้อวากิว A5 จาก Kagoshima จังหวัดที่มีเนื้อญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในโลก ทำมาเป็นมีเดียมแรร์ ละลายในปากเลยแกรรรรร ไม่ต้องจิ้มใดๆ
ทุกจานจับคู่กับไวน์ไม่เว้นแม้ของหวาน Sommelier เป็นเด็กหนุ่มชาวไต้หวันไปเรียนการโรงแรมที่สวิสแล้วไปอยู่ที่ New York มา ดังนั้น เทสในการเลือกไวน์จึงค่อนข้างดีมีความเอเชียที่โกอินเตอร์
อยากบอกว่า อาหารของเชฟอร่อยทุกจานเลยครับ ชอบที่นำล็อปสเตอร์มาทำเป็นหลายๆ รูปแบบ แต่ที่เป็นราวิโอลี่อร่อยสุด ของหวานทึ่งตรงที่เอาซุปเฝอมาทำเป็นคล้ายๆ ผลไม้ลอยแก้ว หวานหอมกลิ่นสมุนไพรไม่แรง แต่เข้ากันดีแบบแปลกประหลาด
ติดไว้ก่อนเดี๋ยวเขียนรีวิวให้แบบละเอียดๆ อีกทีครับ
ห้องเก็บไวน์ของที่นี่ มีเป็นร้อยๆ ฉลากจากทั่วโลก
Buffalo Bar ที่อยู่ในห้องอาหาร La Maison 1888
เช้านี้ฝนตกปรอยๆ ตอนตื่นนอน สายๆ เราจึงค่อยออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน
ไปชม Bensley Outsider Gallery รวบรวมเอางานอาร์ตของสถาปนิกผู้ออกแบบรีสอร์ตมาไว้ที่นี่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจในเวียดนามมาจากต่างที่ต่างเวลา แต่ว่ามีสไตล์ที่ชัดเจนเฉพาะตัวมาก
รายได้จากการขายภาพบิลล์จะมอบให้กับองค์กรการกุศลซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการรุกล้ำสัตว์ป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
InterContinental Danang เป็นรีสอร์ตที่เดินถ่ายรูปได้เยอะมากครับ ผมชอบบันไดที่เชื่อมระหว่างบนเขากับชายหาด เราสามารถเดินได้หากไม่ต้องการขึ้นลงโดยรถราง จริงๆ ที่นี่จะมีนักสัตววิทยาพาเราเดินชมธรรมชาติด้วยนะครับ
ด้านล่างใกล้กับบาร์จะมี Kid’s Club สำหรับเด็ก พร้อมพี่เลี้ยงคอยดูแล
ใกล้ๆ กันเป็น Lobby ของสปา มีรถลากสไตล์จีนๆ ตกแต่งไว้
ผมว่างานออกแบบของที่นี่ค่อนข้างชัดเจนในสไตล์คือมีความเป็นเวียดนามผสมจีนที่ไม่ดั้งเดิมผสานเป็นวัฒนธรรมและดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจ
สปาของที่นี่แยกส่วนกันระหว่าง Lobby กับห้องทรีตเมนท์ เราจะมากรอกข้อมูลกันที่นี่ เลือกโปรแกรมนวด จากนั้นจะต้องนั่งรถออกไปยังสปาซึ่งอยู่แยกจากบริเวณนี้
ห้องทรีตเมนท์ของสปามีด้วยกัน 4 ห้องถือว่าค่อนข้างน้อยหากเทียบกับจำนวนห้องพักซึ่งมีเกิน 200 ห้อง แต่ต้องยอมรับในความเงียบสงบเป็นส่วนตัวดีมาก บรรยากาศดีมีลากูน
ภายในสปาตกแต่งสวยมาก มีทั้งแบบห้องเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในสปาเป็นของ HARRN
ยอมรับเลยว่าประทับใจการนวดของเทอราพิสที่นี่มาก นวดละเอียดดี รีดกดจุดได้ละเอียดไม่เอาแบบขอไปที ขอเน้นหนักเบาทำได้หมด ไม่มีหน้างอ
ก่อนกลับ แวะไปดูห้องบอลรูม ซึ่งใหญ่มากและแต่งสวยมาก ราวกับอยู่ที่ยุโรป เหมาะสำหรับจัดงานแต่งงาน