ละครก็กำลังสนุก ไอ้เราก็อินตามเค้า
“อกเกือบหักแอบรักคุณสามี”
เห็นน้องเมยพาพี่เธียรไปเที่ยวที่เมียนมา
มี “อินเล” ด้วย เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ในรัฐฉาน
บรรยากาศดี รายล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้
สีฟ้าของน้ำกับสีเขียวของป่าตัดกันอย่างสวยงาม
เห็นฉากนึงคุ้นๆ
อ๋อ!! เป็นโรงแรมที่กานต์เคยไปพัก
ชื่อ Paradise Inle Resort
น่าจะใช่นะ
เลยเก็บบรรยากาศตอนที่เคยไปพักมาฝากกันครับ
จริงๆ มีโรงแรมที่กานต์ก็ชอบ
คือ Hu Pin Hotel, Inle Lake, Myanmar
อยู่กลางน้ำเหมือนกันแต่เพิ่มเติมคือมีต้นมะพร้าวเยอะ
ให้อารมณ์แบบคนติดเกาะ (น้ำจืด) 555
แล้วก็มีต้นบัวดอกบัวเต็มไปหมด นี่สิ! สวรรค์ของจริง
กานต์ไปเที่ยวที่อินเลมา 3 ครั้ง มันสวยมากและใหญ่มาก
ความเก๋ของ “อินเล” คือต้องนั่งเรือเข้า-ออกครับ
รีสอร์ตก็อยู่กลางน้ำ วัดวา บ้านเรือน ร้านอาหาร
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อยู่กลางน้ำเป็นส่วนใหญ่
เหมือนที่เมยพาพี่เธียรไปนั่งเรือเลยอ่ะแกรรรรรรร
แถมยังมีไฮไลท์คือ “ชาวอินทา” ใช้เท้าพายเรือ
พายกันมาเป็นร้อยๆ ปี จนตอนนี้ดังไปทั่วโลก
ไม่หาแล้วปลา มาเป็นดาราซุปตาร์ให้คนถ่ายรูปดีกว่า
นอกจากพาชม 2 โรงแรมสวยน่านอนแล้ว
กานต์ยังพาไปเที่ยวบ้านที่ทอผ้าด้วยใยบัว งานแฮนด์เมด
แต่ราคาสูงอยู่นะ ก็สมกับความยากเค้าแหละ
มี “วัดผ่องต่ออู” วัดที่ประดิษฐาน “พระบัวเข็ม” ซึ่งคนที่นี่บูชา
“วัดงาแพจอง” คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “วัดแมวกระโดด”
เป็นวัดสวยงามกลางน้ำ มีของโบราณหายากให้ดูเยอะ
แมวก็เยอะ เมื่อก่อนหลวงพ่อฝึกแมวกระโดดโชว์นักท่องเที่ยว
ตอนหลังไม่ได้ทำแล้ว เพราะโดนร้องเรียนว่าทรมาณน้อนนนน
หลักๆ อินเล มีให้เที่ยวประมาณนี้
เหมาะเป็นเมืองพักผ่อน เพราะบรรยากาศดี โรงแรมสวย
การเดินทางแนะนำให้นั่งเครื่องมา 2 ตุ๊บ
จากกรุงเทพ > ย่างกุ้ง > เฮโฮ (เป็นชื่อสนามบินของที่นี่)
เดินทางสบายแบบนี้สบายกว่าเยอะ
รับรองว่าจะฟินกับทริปกระชับรักแบบ “หมาก-มิว” แน่นอน
ไปดูรูปกันดีกว่า จบแล้วก็ไปดูละครกันต่อครับ
#Inle#Myanmar#อกเกือบหักแอบรักคุณสามี
—
•รู้จักอินเลกันก่อน•
อินเลเป็นอำเภอหนึ่งในเมืองตองยี รัฐฉานของเมียนมา มีพื้นที่ประมาณ 116 ตร.กม. อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 875 เมตร ความยาวจากเหนือจรดใต้ประมาณ 22 กิโลเมตร กว้าง 11 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเมียนมา ได้รับการขึ้นทะเบียนจากมรดกโลกเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของนกราว 267 สายพันธุ์ รวมถึงปลาและสัตว์ป่าอีกจำนวนมาก
ที่นี่มีรีสอร์ตสวยๆ เยอะมากครับ เชนระดับโลกก็เปิดกันเต็มไปหมด
เห็นจากฉากในละครแวบๆ “อกเกือบหักแอบรักคุณสามี”
น่าจะเป็นที่นี่ Paradise Inle Resort
ตั้งอยู่กลางน้ำครับ แสงยามทไวไลท์สวยงามมาก
ผู้คนที่อาศัยที่นี่เป็นชนเผ่าพื้นเมือง มีอยู่ราว 17 หมู่บ้าน อาศัยอยู่มานานนับร้อยปี เรียกตัวเองว่าชาวอินทา วิถีชีวิตของชาวอินทาคือความสโลว์ไลฟ์ เรียบง่าย เน้นทำการเกษตรปลูกมะเขือเทศขาย และทำประมง รวมถึงหัตถกรรมขนาดเล็ก เช่น การทอผ้า ตีเหล็ก แต่ระยะหลังเริ่มมีรายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการถ่ายรูปคนที่พายเรือ เพราะชาวอินทา พายเรือด้วยเท้าครับ
แต่เราก็ชอบถ่ายรูปอ่ะเนอะ มาเยอะแยะบ้านเรือน วัดวา พระเณร แมวก็ถ่ายมา ที่นี่เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปฟีลแบบอะไรที่เรียบง่ายธรรมดา
เนื่องจากอินเลอยู่กลางน้ำ การสัญจรหลักจึงต้องเป็นทางเรือครับ ชีวิตของคนที่นี่อยู่กลางทะเลสาบ ทั้งบ้าน โรงเรียน วัด หรือแม้กระทั่งการทำเกษตรกรรมบนน้ำโดยใช้วัชพืชและสาหร่ายมาทำเป็นแปลงปลูก
ที่นี่มะเขือเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความหวาน อร่อยทานสดๆ เป็นผลไม้ได้เลย
การเดินทางมาอินเล มีให้เลือก 2 แบบ คือนั่งรถบัสปรับอากาศสายย่างกุ้ง-ตองยี แล้วแวะลงในตัวเมืองอินเล วิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ชม. น่าจะเหมาะสำหรับคนชอบเดินทางชมวิวไปเรื่อย สองข้างทางแบบชีวิตสโลว์ไลฟ์
ส่วนใครเวลาน้อย แนะนำให้บินไปลงย่างกุ้ง แล้วนั่งเครื่องบินต่อจากย่างกุ้งมาลงสนามบินเฮโฮ จากนั้นจะมีแท๊กซี่รอให้บริการเยอะมาก ก็บอกว่าไปอินเล ห่างจากสนามบินประมาณ 30 กิโลเมตร นั่งรถราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงครับ
แต่ทุกเมืองที่กานต์ไปในเมียนมา ใช้วิธีนั่งเครื่องบินหมดทั้งทริปเลยครับ สะดวก ประหยัดเวลากว่า เสียอย่างเดียวคือต้องตื่นเช้า ถ้าเราอยากเก็บให้ครบทุกเมือง
จากนั้น ก็ให้รถของรีสอร์ตมารับไปยังท่าเรือ แล้วนั่งเรือจากท่าเรือมารีสอร์ตอีกที บรรยากาศมองจากภายนอกเข้าไป เหมือนดินแดนอะไรสักอย่างกลางน้ำ
Restaurant of Paradise Inle Resort
ห้องพักของที่นี่ ออกแบบและตกแต่งโดยใช้ไม้เป็นวัสดุหลักครับ ดีไซน์ให้ดูเรียบง่าย แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครันอยู่นะ ความวินเทจคือที่นี่มีมุ้งด้วยจ้า ข้างนอกก็มียุงบ้าง แต่ในห้องไม่ค่อยเจอ ชอบเก้าอี้หวายทรงโบราณที่เราเคยเห็นตามบ้านต่างจังหวัด เอามาวางไว้ที่ระเบียง นั่งรับชม ชมวิว จิบกาแฟ ก็โอเคอยู่นะ
บรรยากาศของแสงเย็น ระหว่างเดินทางจากห้องพักไปห้องอาหาร กานต์พักห้องสุดท้ายในสุดเกือบด้านหน้ารีสอร์ต เพราะว่า เป็นส่วนตัวดีครับ ไม่ค่อยติดวิวห้องอื่น แต่ข้อเสียคือเดินไกลมากกกกกกก คาดิโอไปในตัวเพราะที่นี่ไม่มีฟิตเนส
บรรยากาศยามเช้ามืดช่วงพระอาทิตย์ใกล้ขึ้น แสงสีทองอ่อนๆ ส่องในความมืดของเงาน้ำและหมอกยามเช้า เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์มากครับ
Good Morning Inle
ที่นี่นักท่องเที่ยวเยอะครับ คนพม่าเองก็ชอบมาเที่ยว ด้วยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ มองไปทางไหนก็น้ำ ก็ป่า ก็ฟ้า มลพิษแทบไม่มี
วิถีชีวิตของคนที่นี่ก็เรียบง่าย ปลูกบ้านกลางน้ำ บ้านก็เป็นเรือนไม้ธรรมดา พังก็สร้างใหม่ กินง่ายอยู่ง่ายตามธรรมชาติ
ส่วนนักท่องเที่ยวแบบเรา ก็กินอาหารตามภัตตาคารหรือร้านอาหารทั่วไปครับ มีให้เลือกหลายแบบ ส่วนมากจะเป็นเรือน 2 ชั้น นั่งชั้นบนจะได้บรรยากาศดี รับลมเย็นๆ ดูเรือนักท่องเที่ยววิ่งสวนกันไปมา
ถึงแล้ว “วัดผ่องต่ออู” วัดที่ประดิษฐาน “พระบัวเข็ม”
“พระบัวเข็ม” เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 5 องค์ อันที่จริงมีขนาดเล็กแค่ประมาณ 5 ซม. แกะสลักจากไม้แก่นจันทน์ อายุพันปี ที่พระเจ้าอลองสิทธู ทรงอัญเชิญมาจากแหลมมาลายู แต่ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทำให้มีคนเดินทางมาปิดทองพระบัวเข็มกันเป็นจำนวนมาก
จนปัจจุบันองค์พระบัวเข็มกลายเป็นลูกทรงกลมใหญ่กว่าเดิมมากขึ้นหลายเท่า จึงไม่ไดัเห็นถึงพุทธลักษณะดั้งเดิม เนื่องจากถูกปิดทองจนกลมเกลี้ยงไปหมดทุกองค์ ต้องอาศัยดูจากรูปที่แปะไว้ข้างฝาเอา
ส่วนองค์พระด้านบนไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นไปปิดทองครับ
กองทัพเรือนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ไปดู Signature อีกอย่างคือการทอผ้าด้วยใยบัวครับ งานยากงานละเอียดมาก คล้ายการทอผ้าไหม เป็นหัตถกรรมหลักของที่นี่ครับ
จากที่ไปยืนดูมา คิดเลยว่าต้องราคาแพง เพราะกว่าจะทอได้ กระบวนการเยอะมาก และแต่ละเซ็นต้องใช้เวลา เมื่อจับผ้าจะพบความนุ่มคล้ายผ้าไหมครับ แต่หนักกว่า มีลวดลายสวยงามแล้วแต่การดีไซน์
วิถีธรรมชาติเรียบง่าย ทว่างดงามของชาวอินทา กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกปรารถนามาสัมผัส “วิถีอินเล” ที่อยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ป่าเขาและสายน้ำ
ใครไปใครก็มาอยากถ่ายรูปการพายเรือด้วยเท้าของชาวอินทาหมด
วัดสไตล์พม่า กับงานดีไซน์โบสถ์ที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการใช้สีทองเป็นหลัก
บุษบกและพระพุทธรูปโบราณสไตล์พม่า ที่หาดูได้ยาก เก็บรวบรวมไว้ที่วัดงาแพจอง
วัดงาแพจอง หรือ ที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม “วัดแมวกระโดด” ที่เป็นวัดอันสวยงามกลางน้ำ ที่มีไฮไลท์นอกจากพระพุทธรูปแล้ว แมวก็เป็นจุดดึงดูดให้คนมาเที่ยว เพราะสมัยก่อน หลวงพ่อฝึกแมวกระโดดลอดบ่วงโชว์ แต่โดนร้องเรียนเรื่องการทรมาณสัตว์ จึงต้องเลิกฝึก
คนรักแมวไม่น่าพลาดวัดนี้
น้อนนนนนนนนนนนนน
นี่ก็น่ารักพอๆ กับแมว
หนุ่มน้อยชาวพม่า หลอหล่อมาเชียว
แสงเย็นบริเวณหลังวัดงาแพจองครับ ที่นี่ก็คล้ายกับเมืองไทย คือวัดอยู่ท่ามกลางชุมชน เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทุกบ้าน
แสงเย็นบริเวณหลังวัดงาแพจองครับ ที่นี่ก็คล้ายกับเมืองไทย คือวัดอยู่ท่ามกลางชุมชน เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทุกบ้าน
อินเล จึงเป็นบรรยากาศแบบธรรมชาติที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย คล้ายในต่างจังหวัดเล็กๆ ของไทย
ชอบรูปนี้ครับ พี่คนขับเรือดูทรงพลังด้วยนกที่บินอยู่ด้านหลัง เวลาเราไปตามวัดจะมีคนมาขายอาหารนกครับ เอาไว้ให้นกเวลาเรานั่งเรือ เราโยนขนมวงออกไป นกจะบินมาโฉบขนม
เป็นแป้งทอดธรรมดา จืดๆ ไม่มีรสอะไร คนก็ทานได้ครับ
นั่งเรือกลับรีสอร์ต ซุ้มประตูสวยงามสไตล์พม่า นี่เป็นอีกนรีสอร์ตที่กานต์เคยมาพักครับชื่อว่า Hu Pin Hotel & Resort
ลักษณะก็เหมือนกับรีสอร์ตอื่นๆ คือเดินทางโดยเรือเป็นหลัก ผืนน้ำราวกับเป็นถนน ส่วนสองข้างทางของรีสอร์ตแห่งนี้จะเป็นดอกบัวครับ
ตัวรีสอร์ตตั้งอยู่บนผืนน้ำ
ทางเดินยามค่ำคืน บรรยากาศดี มีแสงจากดาวคอยนำทาง อยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ป่าเขาและผืนน้ำ
และแน่นอนว่ากานต์พักวิลล่าหลังสุดท้ายเช่นเคย ต้องยอมเดินไกลหน่อย
ห้องพักจะดูอลังการกว่าที่แรก ครับ ที่นี่ใหม่กว่า แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นกัน
บางมุมนึกไปถึงวิลล่าไม้สนที่เคยพักตอนไปญี่ปุ่นเหมือนกันนะ ดีไซน์คล้ายๆ กัน แยกส่วนห้องพัก ห้องแต่งตัว ห้องน้ำ ออกจากกันได้ดี
มีโซฟายาวไว้ปลายเตียง ติดกับหน้าต่างเอาไว้ชมวิวภายนอกได้
ถ่ายฝ้าเพดานมาให้ดู โคมไฟทำจากไม้ ฝ้าเป็นผ้าขึง เท่ห์มาก บรรยากาศเหมือนที่ญี่ปุ่นเลยเนอะ
ตอนกลางคืนก็เงียบสงบดีครับ ออกมารับลมเย็นๆ บริเวณระเบียงห้องได้ แต่อาจจะต้องใส่ขายาวหน่อย เพราะมียุง
อินเลจึงเป็นทริปที่แฮปปี้มากๆ เหมาะสำหรับใครที่หาสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากเมืองไทย ได้ความเป็นธรรมชาติ เที่ยวไม่ต้องเยอะ นอนพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศแบบ Leisure Travel บ้าง ก็แนะนำให้มาตามรอยพี่กานต์ เอ๊ยย!! พี่เธียรกับน้องเมยที่อินเลครับ