กานต์ GO กาญจน์
Road Trip ขับรถขึ้นไปจนถึง #สังขละบุรี
ทริปนี้มีเพื่อนลุย เอาวะ ถึงไหนถึงกัน
_
คิดไม่ออกบอกกาญจน์สิจ๊ะ พอเบื่อกรุงเทพฯ อยากขับรถออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปขึ้นเขาทีไร กาญจนบุรี มักเป็นตัวเลือกแรกที่กานต์นึกถึงเสมอไม่รู้ทำไม
อาจจะเพราะชื่อคล้ายกัน ไปเที่ยวกาญจนบุรี ก็เหมือนไปกานต์นะจ๊ะบุรี มีฟีลอบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน ทริปนี้พากันขับรถขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ผมวางเส้นทางเอาไว้ให้แล้วไม่ว่าจะเป็น ถ้ำกระแซ ล่องแพแม่น้ำแคว น้ำตกไทรโยค ช่องเขาขาด ร้านอาหารเก๋ๆ คาเฟ่ก็มีนะ เมืองกาญจน์ขับเที่ยวได้สบายเพราะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก กานต์ขับรถยนต์คู่ใจไปเรื่อยๆ แบบชิลล์ๆ ยิงยาวกันไปจากกรุงเทพฯ สู่ตัวเมืองกาญจน์ จนถึงด่านเจดีย์สามองค์ ก่อนจะมาพักค้างคืนกันที่สังขละบุรี
ทริปนี้สนุกและมีเสน่ห์มาก แถมยังอุ่นใจในการเดินทางเพราะผมมี Go by Krungsri Auto เป็นเพื่อนร่วมทาง อยู่ข้างๆ วางบนเบาะตลอดเวลา เพราะจะช่วยเช็คราคาน้ำมันแบบเรียลไทม์ให้ แถมยังได้ส่วนลดช้อปปิ้ง แลกซื้อของกิน ของใช้ได้ตลอดเส้นทาง จากเหล่าบรรดาร้านค้าพันธมิตรชั้นนำ และยังช่วยนัดหมายการนำรถเข้าซ่อมบำรุงให้ด้วย
Go by Krungsri Auto แอปพลิเคชันที่จะพาเรา Go Go Go!! เที่ยวไปในทุกทริปการเดินทางราวกับเพื่อนคู่ใจหลังพวงมาลัย ก่อนสตาร์ทกุญแจรถ อย่าลืมโหลด แอปพลิเคชัน Go by Krungsri Auto เอาไว้ก่อน อุ่นใจแน่ใจทริปนี้
ใครที่ยังไม่ได้โหลด Go by Krungsri Auto มีให้ทั้งจาก App Store และ Play Store โหลดเลยครับ ลงทะเบียนกันง่ายๆ มาก ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็จะมีสิทธิ์ได้ลุ้นรับทองคำรวมน้ำหนัก 30 บาทกันไปเลยฟรีๆ OMG!! ผมว่างานนี้ Krungsri Auto ใจป้ำมากครับ รีบโหลดกันก่อนหมดเขต 31 ธันวาคม ปีนี้นะ
______________________________
เพียงคุณดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เวอร์ชันล่าสุด ดาวน์โหลดได้ที่นี่ https://bit.ly/3e1t8DH และกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนลุ้นรับรางวัลในแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เพื่อรับ 1 สิทธิ์ /การลงทะเบียน /หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ในการลุ้นรับ ทองคำรวมหนัก 30 บาท (รวมมูลค่าทั้งสิ้น 850,500 บาท) ได้แก่ รางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 รางวัล (มูลค่า 283,500 บาท) และรางวัลที่ 2 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 20 รางวัล (มูลค่า 567,000 บาท) รวมจำนวน 21 รางวัล รวมมูลค่า 850,500 บาท*
*หมายเหตุ อ้างอิงจากราคาทองคำ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564
—
กาญจนบุรี จังหวัดที่กานต์ขับรถไปเที่ยวบ่อยมาก ไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ทริปนี้วางเส้นทางเอาไว้ง่ายๆ ขับตามมาได้เลยครับ
ช่วงหน้าหนาว ต้องขับรถขึ้นเขาถึงจะได้ฟีลครับ เมืองกาญจน์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวกัน
ดูหมอกสิ อากาศมันเย็นสบายจริงๆ นะ แต่กลางวันก็ร้อนอยู่เด้อ ว่าไม่ได้
อ่ะ!! ก่อนออกเดินทาง หยิบมือถือมาโหลดแอปพลิเคชัน Go by Krungsri Auto เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้เค้ามีให้ลุ้นทองคำน้ำหนักรวม 30 บาท ดาวน์โหลดได้ที่นี่ https://bit.ly/3e1t8DH จากนั้นก็ให้กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนให้เรียบร้อย เท่านี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นแล้วจ้า
เอาละภารกิจโหลดลุ้นทองเรียบร้อยแล้วออกเดินทางได้ ทริปนี้เราขับรถไปเที่ยวกันแบบสบายๆ ออกจากบ้านแต่เช้า เราจะค่อยๆหยุดแวะถ่ายรูปกันในหลายจุดตามรูทที่วางไว้ให้ครับ ที่แรกซึ่งจะต้องผ่านหลังขับรถมาจากบ้านที่กรุงเทพ ก็คือ #วัดถ้ำเสือ ครับ เป็นวัดที่ถ่ายรูปสวยมาก โดยเฉพาะมุมจากด้านหลังวัด จะมองเห็นภาพที่แปลกตาออกไป เรามาแวะพักดื่มกาแฟกันที่คาเฟ่แถวหลังวัด จากนั้นจะออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองกาญจน์ครับ
จากอำเภอท่าม่วง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงในเมือง แวะถ่ายรูปกันก่อนที่ #โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี คลาสสิคมาก เป็นอาคารร้างกลางเมืองไม่ทุบแต่ไม่บูรณะ มีสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์น ยุคแรกของประเทศไทย สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สวยมาก
ความเก๋ที่หลายคนไม่ค่อยรู้ก็คือ โรงงานกระดาษแห่งนี้ ถือเป็นตำนานปล่องไฟสัญลักษณ์ของเมืองกาญจน์ เพราะสมัยก่อนที่การเดินทางยังไม่ค่อยดี ยังไม่มีกูเกิ้ลแมพ การที่จะรู้ว่าเราเดินทางมาถึงเมืองกาญจน์แล้วก็คือให้สังเกตปล่องไฟของโรงงานกระดาษเพราะตั้งสูงตระหง่านใจกลางเมือง
แม้จะได้รับการอนุรักษ์ ดูแลและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองกาญจน์ แต่ปัจจุบันโรงงานกระดาษ ยังไม่เปิดให้ชมด้านใน ทำได้เพียงมองดูจากภายนอกอาคารเท่านั้นครับ
จากนั้น ผมแวะเข้าห้างสรรพสินค้า กะว่าจะไปใช้สิทธิ์แลกซื้อโดนัทแสนอร่อยในราคาพิเศษ เอาไปกินระหว่างทาง เพราะต้องขับรถกันอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงสังขละบุรี
นี่เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอดีๆ ที่ได้จากแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ซึ่งมีส่วนลดและข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย รอมอบให้เราอยู่ครับ ใครโหลดแอปพลิเคชันก่อน 31 ธันวาคมนี้ มีสิทธิ์ลุ้นทองคำรวม 30 บาทอีกด้วยนะ
โหลดเลยสิจ๊ะ … จะรออะไร
“กานต์นะจ๊ะบุรี” เอ๊ยย!! กาญจนบุรี จังหวัดที่มาทีไรก็สดชื่น เขียวสบายตา ยิ่งมาช่วงหน้าหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษเลยล่ะครับ
เอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองกาญจน์ ก็คือล่องแพไปตามแม่น้ำแควน้อยหรือจะไปพักบนแพริมน้ำก็ได้
ขับรถชมวิวมาทางเส้นน้ำตกสักพัก เราก็มาถึงถ้ำกระแซ แนะนำให้มาเดินเล่นเก็บบรรยากาศ ถ่ายภาพสวยๆ กันก่อนครับ
ไป #ถ้ำกระแซ ชมวิว เดินเล่นถ่ายรูปบนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์กันเรียบร้อย ผมก็ขับรถข้ามแม่น้ำมายังอีกฝั่ง เพื่อจะรอชมภาพรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก รอสักพัก รถไฟก็วิ่งเลาะมาเรื่อยๆ ผู้คนในขบวนต่างก็ให้ความสนใจวิวด้านนอก ส่วนคนที่มารอถ่ายรูปรถไฟอยู่ด้านนอกขบวนก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เป็นภาพที่สนุกสนานโกลาหลอลม่านมาก
จากถ้ำกระแซ เราแวะเที่ยว #ช่องเขาขาด ชมร่องรอยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่แสนสงบ ภายในมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ ที่เชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำการเจาะภูเขาหินด้วยมือเปล่า เพื่อสร้างทางรถไฟ
มีเรื่องราวและความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏให้เห็นอยู่ อยากให้มาเดินดูกัน
จากช่องเขาขาด เราจะต้องยิงรถยาวออกไปนอกเมืองเรื่อยๆ ขึ้นไปยังฝั่งใกล้ชายแดนไทยพม่า ที่ด่านเจีย์สามองค์ ซึ่งจะอยู่ห่างจากจุดนี้ประมาณ 150 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง อาจจะขับรถช้าหน่อย เพราะบางช่วงมีขึ้นเขา
เราจึงควรเช็คน้ำมันให้เพียงพอ และสามารถเช็คราคาน้ำมันแบบเรียลไทม์ได้เลยทันทีจากภายในแอปพลิเคชัน Go by Krungsri Auto
ถึงแล้วด่านเจดีย์สามองค์ เป็นช่องเขาในเทือกเขาตะนาวศรี ขับรถไปถึงทีแรกคืองงมาก ตรงไหนคือเจดีย์สามองค์กันนะ มองหาตั้งนาน
อ่อ!! เจอละ
เดิมเป็นเพียงก้อนหินวางซ้อนๆ กันสามกอง จึงเรียกที่แห่งนี้ว่าหินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยในอดีตก่อนที่จะเดินทางออกเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า ต่อมา พระศรีสุวรรณคีรี (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) เจ้าเมืองสังขละบุรี ร่วมกับผู้คนในพื้นที่ช่วยกันก่อสร้างองค์เจดีย์ขึ้นบนหินสามกอง แต่ละองค์สูงประมาณ 6 เมตร ตั้งห่างกันประมาณ 5-6 เมตร
ในปี 2546 กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งและพบฐานเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมที่ก่ออิฐอยู่ด้านใต้ซึ่งสันนิษฐานว่ามีการสร้างเจดีย์องค์เดิมมาแล้วในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระเจดีย์สามองค์เป็นโบราณสถานของชาติในปี 2498
แม้ว่าด่านเจดีย์สามองค์จะไม่ได้เป็นที่เที่ยวยิ่งใหญ่อลังการมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ที่เราต้องมาเช็คอินกันสักหน่อยเมื่อมาถึงที่ชายแดนแถบสังขละบุรี
จากด่านเจดีย์สามองค์ ขับรถย้อนกลับมาไม่ไกลก็ถึงสังขละบุรี ซึ่งมีไฮไลท์คือสะพานอุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ถ่ายรูปตอนเย็นก็สวย ตอนเช้าก็ยิ่งสวย มีสาวมอญเดินเทินของบนหัวไปมา มีเด็กๆ ชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยง มาเดินขายดอกไม้และข้าวของเพื่อให้เรานำไปไหว้พระ และมีบริการปะแป้งทานาคา ในบรรยากาศสุดคลาสสิคกับวิถีชีวิตพื้นบ้านที่ยังคงอยู่
“I’m really quite simple. I plant flowers pet a dog and watch them grow… I stay at home and watch the river flow.”
— John Taylor
ถ้าน้ำลดเราจะเห็นวัดบาดาลหรือวัดวังก์วิเวการาม (เดิม) ตั้งอยู่ในจุดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “สามประสบ” (ชื่อเดียวกับรีสอร์ตที่เราพักเลยครับ)
สามประสบก็คือการบรรจบกันของแม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่และแม่น้ำรันตี ต่อมาทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้เกิดน้ำท่วมหมู่บ้านมอญและตัวอำเภอเก่า รวมถึงวัดวังก์วิเวการามหลังเดิมนี้ด้วย จึงทำให้วัดจมอยู่ใต้น้ำ แต่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ไปซะงั้น
วิธีการไปวัดแห่งนี้ต้องอาศัยนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านออกไป ซึ่งในบางช่วงน้ำลดเราสามารถเดินลงไปดูได้
ไม่ไกลกันนักจะเป็นที่ตั้งของวัดวังก์วิเวการามหลังใหม่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ สร้างโดยพระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเชื้อสายมอญ ซึ่งท่านได้รวบรวมชาวกะเหรี่ยง ชาวมอญ รวมทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีช่วยกันสร้างวัดนี้ขึ้น ภายในมีศาลาประดิษฐานสังขารหลวงพ่ออุตตมะ วิหารพระพุทธรูปหินอ่อน และเจดีย์พุทธคยาจำลอง เป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลท์
สะพานมอญ เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของสังขละบุรีเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าใครที่เคยมาแล้วต้องมีรูปกับสะพานอย่างน้อยสักหนึ่งใบ สะพานมอญ จริงๆ แล้วมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ และยังถือว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
เช้าๆ อย่าลืมมาใส่บาตร จากนั้น ค่อยขับรถกลับกรุงเทพกันอย่างสบายใจ โดยมีแอปพลิเคชัน Go by Krungsri Auto เป็นเพื่อนเดินทางในทุกทริปนะครับ
ส่วนใครที่ยังไม่ได้โหลด Go by Krungsri Auto ทั้งจาก App Store และ Play Store โหลดได้ที่นี่ https://bit.ly/3e1t8DH จากนั้นกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนลุ้นรับรางวัลในแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เพื่อรับ 1 สิทธิ์ /การลงทะเบียน /หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ในการลุ้นรับ ทองคำรวมหนัก 30 บาท (รวมมูลค่าทั้งสิ้น 850,500 บาท) ได้แก่ รางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 รางวัล (มูลค่า 283,500 บาท) และรางวัลที่ 2 ทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 20 รางวัล (มูลค่า 567,000 บาท) รวมจำนวน 21 รางวัล รวมมูลค่า 850,500 บาท
หมายเหตุ อ้างอิงจากราคาทองคำ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564
เงื่อนไขการรับคะแนน
1. ผู้ร่วมกิจกรรมที่เป็นบุคคลธรรมดาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามคำจำกัดความและสิทธิ์ร่วมลุ้นโชคที่แตกต่างกัน ดังนี้
1.1 “ผู้ใช้งานทั่วไป” คือ
1.1.1 ผู้ใช้งานที่ยังไม่ใช่ลูกค้า กรุงศรี ออโต้ ปัจจุบัน และยังไม่ได้ยืนยันตัวตนบนแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto
1.1.2 ลูกค้าเก่าของกรุงศรี ออโต้ที่ปิดบัญชีไปแล้ว (กล่าวคือ ไม่มียอดสินเชื่อคงเหลือกับกรงุศรี ออโต้แล้ว) โดยผู้ใช้งานทั่วไปต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เวอร์ชั่นล่าสุด และกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนลุ้นรับรางวัลในแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อรับ 1 สิทธิ์/การลงทะเบียน/หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
1.2. “ลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้” คือ
1.2.1 ลูกค้าที่มีบัญชีสินเชื่อเช่าซื้อรถและสินเชื่อเงินกู้ที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันกับ กรุงศรี ออโต้ (กล่าวคือ มียอดสินเชื่อคงเหลือและไม่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน)
1.2.2 ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยผ่าน กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ทุกประเภท ยกเว้นประกันภัยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์มีความคุ้มครองอยู่ ณ วันที่จับรางวัล โดยไม่มีการบอกเลิกกรมธรรม์ โดยลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto เวอร์ชั่นล่าสุด และกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนลุ้นรับรางวัลในแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto โดย 1 ท่าน จะถือเป็น 4 สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล เมื่อครบกำหนดระยะเวลา บริษัทฯ จะทำการจัดพิมพ์ ข้อมูลของผู้ร่วมรายการ ลงบนชิ้นส่วน ตัดเป็นชิ้นส่วนนำมาจับรางวัลตาวันและเวลาที่กำหนดต่อไป
2. ระยะเวลาเข้าร่วมกิจกรรม: กำหนดจับรางวัล 1 ครั้ง โดยให้ผู้ใช้งานทั่วไป และลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 กำหนดจับรางวัล วันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 11.00 น. และ ประกาศผลทางแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto วันที่ 24 มกราคม 2565
3. สถานที่จับรางวัล: ณ บริษัท ลัคกี้วันกรุ๊ป จำกัด เลขที่ 3/16 ถนนสนามบินน้ำ ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง นนทบุรี 11000
4. รายละเอียดของรางวัล
รางวัลที่ 1 ทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 283,500 บาท
รางวัลที่ 2 ทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 28,350 บาท จำนวน 20 รางวัล รวมมูลค่า 567,000 บาท
รวมจำนวน 21 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 850,500 บาท (แปดแสนห้าหมื่นห้าร้อยบาทถ้วน)
(อ้างอิงจากราคาทองคำ ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564)
เงื่อนไขการร่วมสนุก
1. บริษัทฯจะพิมพ์ข้อมูลของผู้ร่วมรายการ ลงในชิ้นส่วนตามจำนวนสิทธิ์ที่ได้รับ นำมาใส่ในภาชนะเดียวกัน มองเห็นได้เด่นชัดทั่วบริเวณงาน เพื่อคลุกเคล้าชิ้นส่วนทั้งหมดให้ทั่วกันโยนขึ้นบนอากาศแล้วเชิญแขกผู้มีเกียรติจับชิ้นส่วนต่อหน้าคณะกรรมการและสักขีพยานเพื่อให้ได้รางวัลตามที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งอ่านรายชื่อผู้โชคดีทันทีเพื่อให้ทุกๆ ท่านที่มาร่วมงานทราบโดยทั่วกัน
2. หากจับรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลซ้ำซ้อนกัน ผู้โชคดีรายดังกล่าวจะมีสิทธิได้รับรางวัลที่มีมูลค่าสูงสุดเพียงรางวัลเดียว จากนั้นคณะกรรมการตัดสินจะยกเลิกรายชื่อที่ซ้ำซ้อนนั้น แล้วจับรางวัลหาผู้โชคดีรายใหม่
3. ในการจับชิ้นส่วนหากปรากฏชื่อผู้โชคดีแล้วจะต้องรับรางวัลตามที่กำหนดไว้ รางวัลที่ได้รับไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสด หรือโอนเปลี่ยนมือได้ และไม่มีเงินสดเป็นส่วนประกอบของรางวัล
4. การจับรางวัลหาผู้โชคดีบริษัทฯ จะกระทำต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและผู้แทนสื่อมวลชน ซึ่งทางบริษัทฯ จะเชิญมาเป็นกรรมการสักขีพยาน ต่อไป
5. ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลต้องยืนยันการรับรางวัลโดยนำหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการตัวจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด, หน้าแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ที่ประกาศรางวัล, ซิมการ์ด และเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับรางวัล เช่นใบแจ้งหนี้ ฯลฯ มาเป็นหลักฐานเพื่อรับรางวัลด้วยตนเองที่ อาคาร กรุงศรีเพลินจิต ทาวเวอร์ ชั้น 16, 550 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-17.30 น. ยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ขอสงวนสิทธิ์ เฉพาะผู้โชคดีที่แสดงเอกสารครบถ้วนเท่านั้น
6. ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจะต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดต่อข้อกำหนดในข้อ 12 โดยผู้โชคดีต้องติดต่อกลับและมารับของรางวัลภายใน 30 วัน นับจากวันที่ประกาศผล มิฉะนั้น บริษัทฯ ถือว่าสละสิทธิ์ และขอสงวนสิทธิ์มอบรางวัลให้แก่ผู้โชคดีสำรองรายถัดไป ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้โชคดีได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามดุลยพินิจของบริษัทฯ
7. ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือโอนให้บุคคลอื่นได้ ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ตามคำสั่งของกรมสรรพากร ที่ ท.ป.101/2544 และผู้โชคดีจะต้องรับผิดชอบค่าภาษีที่เกี่ยวข้องและ/หรือค่าธรรมเนียมใดๆ
8. ธนาคารฯขอสงวนสิทธิ์ในการนำชื่อของผู้ได้รับรางวัลออกเผยแพร่ และสามารถนำไปใช้ในกรณีอื่น หรือกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องได้ตามที่ธนาคารฯเห็นสมควร
9. คำตัดสินของธนาคารฯถือเป็นสิทธิ์ขาดและสิ้นสุด
10. พนักงานบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน), บริษัทตัวแทนโฆษณา, คณะกรรมการดำเนินรายการ และ ครอบครัว ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมชิงรางวัลในรายการ
11. การจัดรายการ เข้าร่วมสนุกชิงรางวัลในครั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่นำวิธีการที่ขออนุญาตต่อทางราชการ นำไปรวมกับการจัดรายการ กับรายการชิงโชคอื่นๆ