ภาษาน่าจะถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกนะครับ
เพราะแม้อยู่กันคนละประเทศ พูดกันคนละภาษา แต่เราก็สามารถสื่อสารกันเข้าใจได้ โดยการผ่านสัญญะบางอย่าง ทั้งที่เป็นวัจนภาษาและอวัจนะภาษา
อย่างเช่นที่ผมคุยกับคุณป้าคนขับรถตู้ที่เมืองอิวากิ ฟุกุชิมะท่านนี้ครับ
คุณป้าจะตระเวนรับนักท่องเที่ยวตามโรงแรม เพื่อไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฟุกุชิมะ
นัดไว้ 10.30 น. คงเห็นผมนั่งมึนๆ อยู่แถวหน้าประตูโรงแรมจึงเดินมาเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่น
ผมก็เออออ ทึกทักเอาว่าคงเป็นคนขับรถที่เรานัดไว้ เพราะทีแรกเข้าใจว่า ปกติคนขับรถน่าจะเป็นผู้ชาย
ขับรถออกไปจากโรงแรมได้สักพัก ระหว่างติดไฟแดงผมเห็นบ้านสไตล์โบราณหลังนึง ดูท่าผุพังพอสมควร ผมจึงยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพไว้
เสียงลั่นชัตเตอร์ดังขึ้น … เป็นตัวทำลายความเงียบสงบ ราวกับลั่นกลองรบ เปิดม่าน
จากนั้น … คุณป้าก็เริ่มชวนคุย … ด้วยภาษาญี่ปุ่น!?!!
ที่บอกว่าภาษามันช่างมหัศจรรย์นั้น เพราะเราสามารถสื่อสารกันได้ โดยที่ป้าไม่รู้ภาษาไทย ผมก็ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ส่วนภาษาอังกฤษนั้น สเนคๆ ฟิชๆ กันทั้งคู่ครับ
คุณป้าเล่าถึงบ้านหลังนั้น ว่าเป็นผลพวงมาจากสึนามิ “ไม่ใช่แค่หลังนี้นะ แถบนี้ทั้งแถบเลย พังหมด” ผมฟังป้าเล่าพร้อมใช้วิชา “เดาศัพท์จากบริบท”
สลับกับการเปิด google translate แปลงภาษาจากไทยเป็นอังกฤษ จากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น … แล้วก็เปิดลำโพงให้ป้าฟัง ในสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารกลับ
เพราะคุณป้าท่านกำลังขับรถอยู่ จึงเกรงว่าจะอันตราย หากจะให้อ่านเอาเอง!!
พอติดไฟแดง คุณป้าก็หยิบหนังสือเก่าๆ ยับๆ เต็มไปด้วยรอยพับมาเล่มนึง ชี้ชวนให้ผมดูภาพในนั้น แล้วป้าก็บรรยาย …
ในหนังสือเล่มนี้ ภาพทำหน้าที่พระเอกได้ดีครับ ดูแล้วเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นภาพเมื่อคราวเกิดสึนามิปี “ทู-โอ-วัน-วัน” (2011) ป้าพูด
ในหนังสือเล่มนี้ ภาพทำหน้าที่พระเอกได้ดีครับ ดูแล้วเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นภาพเมื่อคราวเกิดสึนามิปี “ทู-โอ-วัน-วัน” (2011) ป้าพูด
หลายรูปเป็นจุดที่เรานั่งรถผ่าน ซึ่งในครานั้น ราบเป็นหน้ากลอง
ความเสียหายไม่ต้องพูดถึง ความโศกเศร้าเสียใจยิ่งพันเท่าทวีคูณ
ผมจับอารมณ์นั้นผ่านน้ำเสียงและแววตาของคุณป้าคนขับรถตู้
ผมเงยหน้าจากหนังสือ เพื่อมองภาพปัจจุบัน สภาพทางกายภาพดีขึ้นมากครับ อาคารบ้านเรือนได้รับการซ่อมแซมและสร้างขึ้นมาใหม่ ในพื้นที่เดิม โดยแทบไม่รู้เลยว่า เคยเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่นี้ ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของชาวอิวากิ ฟุกุชิมะ
กำลังใจก็เป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้ฟุกุชิมะแทบกลายเป็นเมืองร้าง ใครทราบข่าวก็ไม่กล้ามาเที่ยว คนในก็อยากออก คนนอกก็ไม่อยากเข้ามา ยิ่งทำให้อะไรที่แย่อยู่แล้ว กลับเลวร้ายมากขึ้นไปอีก
เจ้าของโรงแรม Spa Resort Hawaiians (สปา รีสอร์ต ฮาวาเอี้ยน) ที่ผมเข้าพักนี่แหละครับ เป็นเจ้าของเดียวกับไอเดียดีๆ ที่อยากมอบกำลังใจให้กับชาวฟุกุชิมะและพื้นที่ประสบภัยสึนามิ
แม้ว่าโรงแรมของตนเองก็ต้องปิดลงเป็นระยะเวลาเกือบปีด้วยก็ตาม!!
หลังเกิดเหตุก็ได้ส่งสาวฮูล่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของโรงแรมนี่แหละครับ ไปเดินสาย สร้างขวัญและเรียกกำลังใจให้กับผู้คนในพื้นที่ประสบภัยใน 26 จังหวัด 124 แห่งกับการแสดงทั้งสิ้น 247 ชุด
สาวฮูล่ากลายเป็นเสน่ห์อย่างนึงของอิวากิไปโดยปริยายครับ!!
ทำให้ทุกวันนี้ใครก็อยากจะมาดูโชว์ของสาวฮูล่าเหล่านี้ในทุกคืน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)
ภายใต้ความโศกเศร้าที่เข้าครอบงำหัวใจคนญี่ปุ่น สาวฮูล่าทำหน้าที่ราวกับแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ ที่ส่องผ่านหัวใจของคนญี่ปุ่นทุกดวงให้มีกำลังใจลุกขึ้นอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าควันไฟแห่งความเศร้า ก็ไม่ได้มอดดับเสียในคราเดียวกันนี้ก็ตาม
ผมจับอารมณ์นั้นผ่านน้ำเสียงและแววตาของคุณป้าคนขับรถตู้ได้อีกครั้ง
แม้น้ำเสียงที่ดูสดใส ท่าทางที่ดูเริงร่า เป็นดัชนีที่บอกว่า “วันนี้ป้าโอเคนะ” ผมถามย้ำ
“โอเกะ โอเกะ” ป้าตอบมา
แต่นัยน์ตาที่ดูเศร้า แต่แฝงความแข็งกร้าวอยู่ในที บ่งบอกว่า …
ป้ายังยินดีจะอยู่ที่นี่ และรอต้อนรับทุกคนมาเที่ยวอิวากิ ฟุกุชิมะครับ