มองเห็นพระราชวังอิมพีเรียลจากในห้องนอน
_____________________
ญี่ปุ่นทริปสั้นๆ ระหว่างไปทำงาน กานต์พักที่โรงแรม Four Seasons Hotel Tokyo ที่ Otemachi
.
ข้อดีเลยคือโลเคชั่นอยู่ใจกลางย่านการเงินของโตเกียว ซึ่งทำให้สะดวกมากสำหรับใครที่มาติดต่อธุรกิจ หรือหากจะมาเที่ยวก็ถือว่าทำเลดี ต่อรถไฟสะดวกใกล้สถานีโตเกียวสุดๆ
.
เข้าไปเช็คอินที่ล็อบบี้ ที่นี่ตกแต่งแบบทันสมัย เรียบง่ายแต่ซับซ้อนโดยได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่น มีงานศิลปะและประติมากรรมประดับไว้ ล็อบบี้ยังมีการติดตั้งไฟทำจากลูกแก้วทำมือกว่า 200 ชิ้น พนักงานทักทายเราด้วยรอยยิ้มกว้าง ต้อนรับดีงามตามมาตรฐานโอโมเตะนาชิ
.
การตกแต่งที่ Four Seasons Hotel Tokyo at Otemachi เป็นฝีมือของ Jean-Michel Gathy ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจเพราะภายในห้องคล้ายกับ FS กรุงเทพฯ
.
ควาที่ห้องเพดานสูงทำให้ดูกว้างและไม่อึดอัด เราต้องไม่ลืมว่านี่คือญี่ปุ่น หาโรงแรมห้องใหญ่ๆ ยาก ถ้ามีก็คือแลกมากับราคาที่สูงมากเช่นที่นี่เป็นต้น
.
แม้จะดูโมเดิร์น แต่ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม รวมเอาองค์ประกอบหลายอย่างมาใช้ เช่น การตกแต่งด้วยไม้ธรรมชาติ ฉากกั้นโชจิ ไม้และเฟอร์นิเจอร์แบบมินิมอล
.
ภายในห้องพักตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา ผนังประดับด้วยอักษรญี่ปุ่นที่สวยงาม มีประตูบานเลื่อนสไตล์ญี่ปุ่นที่แยกห้องนอนออกจากห้องน้ำ โครงเตียงและเฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ธรรมชาติ โทนสีอ่อนและให้ความรู้สึกสงบด้วยเฉดสีเบจ น้ำตาล และเทา
.
Gathy เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องการออกแบบของโรงแรมว่า “เป็นการตีความแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมร่วมสมัย” เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างความดั้งเดิมและสมัยใหม่จำเป็นต้องไร้กาลเวลา โดยได้นำแนวคิดของ “วาบิ-ซาบิ” ซึ่งเป็นความงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ให้คุณค่ากับความเรียบง่าย ความไม่สมบูรณ์ และความงามของวัสดุจากธรรมชาติมาใช้
.
เมื่อเข้าไปในห้องนอน เราจะเห็นได้จากถ้วยจานแก้วที่จัดไว้เรียบง่าย แจกันวางไว้เพียง 1 ชิ้น สวิตช์ไฟที่ดูกลมกลืนกับผนัง การตกแต่งด้วยไม้ธรรมชาติ มินิมอลตามสไตล์ญี่ปุ่น
.
ห้องน้ำก็สวยนะ กานต์ชอบผนังกระจกที่วางอ่างอาบน้ำให้มองเห็นวิวด้านนอก (บอกแล้วว่าวิวเป็นจุดขาย) อ่างไม่ใหญ่ให้อารมณ์ออนเซ็น พื้นและผนังเป็นหินอ่อนเสริมด้วยไม้สีเข้ม นอกจากนี้ยังมีต้นบอนไซที่สวยงามและงานศิลปะญี่ปุ่นอื่นๆ จัดแสดงอยู่ทั่วห้องน้ำ
.
แต่ที่ชอบสุดก็คือตอนที่เดินเข้าห้องครั้งแรกแล้วม่านหน้าต่างค่อยๆ เลื่อนขึ้น จังหวะซิทคอมมากๆ ทำให้เห็นวิวสวนของพระราชวังอิมพีเรียล คือจึ้งสุด มีไม่กี่โรงแรมหรอกที่จะได้วิวแบบนี้ ยิ่งเป็นตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน มีฉากหน้าเป็นพระราชวังและสวนขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยตึกสูงต่างๆ ด้านหลังเป็นพระอาทิตย์สีทองที่ส่องผ่านภูเขาไฟฟูจิมา ผมว่าวิวคือที่สุดละ
.
ตอนกลางคืนพอเปิดไฟทั้งเมืองก็ยิ่งสวย เสียดายที่เราไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่ห้อง เพราะต้องออกไปทำธุระข้างนอกเกือบทั้งวัน กลับมาอีกทีก็ค่ำแล้ว หาเวลาอยู่โรงแรมคือน้อยมาก ภาพเลยอาจจะไม่ค่อยหลากหลายนัก
.
สปาคือสวยดี แต่ก็อดคิดถึงฝีมือนวดของเทอราพิสไทยไม่ได้ ด้านในเป็นสระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวโตเกียวมุมสูง
.
ตอนเช้าตื่นมาพร้อมแสงแดดที่ส่องหาพระราชวังอิมพีเรียล มองไปเห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายเยอะมาก ห้องอาหารมี 2 ห้อง เราได้ห้องฝั่งตะวันออกววิวเมือง ส่วนอาหารเช้าไม่ค่อยหลากหลาย มีเป็นเซ็ทมาให้เลือก แน่นอนว่าต้องเป็นเบนโตเซ็ทเท่านั้นอ่ะเนอะ แต่ห้องอาหารสวยให้อภัยได้นิดนึง กลางคืนมีบาร์ที่ป๊อบอยู่นะ แต่ก็ราคาเอาเรื่องอยู่ไฮ้!!
#FSTokyo#FSTokyoOtemachi#FourSeasons#FSHotel#Tokyo#Japan
—
เนื่องด้วยทริปนี้รีบๆ ทำเวลา เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปตัวเองมาสักเท่าไร ได้แต่สแนปรูปโรงแรมไปเรื่อย แต่ความที่ห้องสวย แสงดี ก็เลยชอบรูปนี้เป็นพิเศษครับ
โชคดีมากที่ช่วงระหว่างเข้าพักฟ้าไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ค่อยสวยมาก เราจึงได้ภาพพระราชวังอิมพีเรียลที่มีฉากหลังเป็นช่วงซันเซ็ทอยู่บ้าง
ทริปนี้ไปทำงานสั้นๆ เช้าก็คือรีบถ่ายรีบกิน ตรงข้ามกับบรรยากาศที่เรียบๆ เรื่อยๆ ดูชิลล์มาก
ระหว่างที่เดินมาเช็คอินจะเห็นวิวนี้ครับ เป็นหน้าต่างทั้งแถบที่เปิดรับวิวสวนและตึกสูงระฟ้าจากด้านนอกเข้ามา ตรงข้ามกับด้านในที่เรียบง่ายมีเพียงน้ำกับหินสองก้อน
ล็อบบี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย Jean-Michel Gathy ดีไซเนอร์ ดึงเอา “เบียวบุ” หรือ “ฉากพับ” ซึ่งคนญี่ปุ่นใช้กั้นหรือประดับห้อง มาตกแต่งดูสวยงามดี คนญี่ปุ่นนิยมใช้ฉากพับเป็นทั้งเครื่องใช้และงานศิลป์ตกแต่งบ้านไปในตัว
กระเป๋าเข้ามาถึงห้องก่อน ส่วนเราค่อยตามมาเพราะว่ามัวแต่ถ่ายรูปโรงแรมอยู่ โถงทางเดินก็สวยละ หง่อววววว
เปิดเข้ามา ม่านค่อยๆ เลื่อนขึ้นตาม แบบว่าว๊าวมาก ภาพรวมของห้องนอนคือดีงาม ดูเรียบหรูโก้ ถ้าจะบอกว่าตามสไตล์ผู้ดีญี่ปุ่นก็มิปาน มาพร้อมกับวิวหมื่นล้านที่หาได้ยากมาก
วิวจากห้องนอนในโรงแรมเมื่อมองไปทางด้านขวาจะมองเห็นตึกระฟ้าเต็มไปหมด ด้วยเว้นตรงกลางเอาไว้เป็นสวนของพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งจะอยู่ด้านซ้ายของรูป
ห้องพักสวยยยยยยยยย ดูเรียบหรูสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น วางผังแบบเดียวกับ FS กรุงเทพ ชอบภาพหัวเตียงที่ประดับไว้ให้ความรู้สึกพริ้วไหวเหมือนกำลังดูเกอิชาร่ายรำ
ติดผนังจะมีเดย์เบดวางไว้ริมกระจกให้เรานอนอ่านหนังสือแล้วชมวิวไปด้วย โดยมีแสงแดดแอบเข้ามาด้านข้าง
ตอนเย็นจะมองเห็นพระอาทิตย์ตกพร้อมกับบรรยากาศของโตเกียวมุมสูงที่สวยมาก
ชอบความมินิมอล มินิใจแบบนี้
แจกัน 1 ใบ วางพร้อมกับดอกไม้ซึ่งเป็นงานศิลป์ชั้นสูงของคนญี่ปุ่น
ด้านในแยกเป็นห้องนอนกับห้องแต่งตัวซึ่งมีฉากกั้นเลื่อนเปิดปิดเพื่อความเป็นสัดส่วน เราเก็บกระเป๋าไว้ในตู้หรือห้องนี้ได้
เปิดลิ้นชักพบว่าจัดเตรียมชุดนอนเอาไว้ให้ สีเทาเข้ม
ใกล้ๆ กันเป็นเคาน์เตอร์บาร์ มีชุดชงชาเตรียมไว้ให้ พร้อมมินิบาร์อื่นๆ น้ำเปล่าก็มีดื่มได้ไม่คิดเงิน
จัดวางที่นั่งพร้อมโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ จิบชา หรือว่าทำกิจกรรมอื่นๆ แต่สงสัยนิดนึงทำไมจัดเก้าอี้ไว้ตัวเดียว
ห้องน้ำเป็นแนวลึก มีขนาดค่อนข้างกว้างกว่าที่คิด ติดกระจกเงาและกระจกใสรอบ ประดับด้วยหินอ่อนและไม้
ด้านในสุดเก็บไว้เป็นมุมไฮไลท์คืออ่างอาบน้ำที่วางไว้ชิดผนังสำหรับแช่อ่างและชมวิวพระราชวังอิมพีเรียลไปในคราวเดียวกัน
บรรยากาศในห้องก็จะประมาณนี้ ชอบการจัดผังห้องให้รับแสงได้ลงตัวพอดี ยิ่งเป็นญี่ปุ่นคือแสงขี้โกง เป็นประเทศที่แสงแดดสวย ถ่ายรูปยังไงก็สวย
ขึ้นไปเดินเล่นที่ล็อบบี้กันบ้าง ต้องใข้คำว่าขึ้นเพราะอยู่ชั้นบนสุดคือ 39 ส่วนห้องพักจะลดหลั่นชั้นลงมา
ชอบการตกแต่งประดับประดาฝาผนังดูเรียบๆ งงๆ หน่อยไม่ค่อยเก็ท แต่สวยแหละ
บางมุมก็ประด้วยถ้วยชาม ความจัดวางงานศิลป์ใดๆ
ล็อบบี้ เคาน์เตอร์รีเซปชั่นจะอยู่ด้านใน ด้านนอกจัดที่นั่งไว้เยอะมาก ตอนนี้แปลงร่างเป็นบาร์ชื่อ Virtù
กลางวันตอนบ่ายใครจะมานั่งจิบชา ทานอาฟเตอร์นูนทีที่นี่ก็ได้ บรรยากาศดี ที่สำคัญคือเงียบ ไม่ค่อยมีเสียงดังเจี้ยวจ๊าว
ใกล้กันมีร้านอาหาร Pigneto เปิดตลอดวันมีอาหารสไตล์อิตาเลียนให้เลือกมากมายมีที่นั่งด้านในด้วยนะ
ตอนทไวไลท์เริ่มเปิดไฟก็ยิ่งสวย ความฉากหลังเป็นฟูจิ ทำให้เป็นอีกหนึ่งภาพที่ชอบเช่นกัน
มุมเรียบง่ายสไตล์คนญี่ปุ่น มีหลายคนมากที่มายืนนิ่งๆ บริเวณนี้เพื่อชมงานศิลปะที่จัดวางเอาไว้แบบเรียบง่าย โดยมีฉากหลังที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในโตเกียวที่กานต์ว่าวิวสวยโดยเฉพาะช่วงค่ำ อาจจะด้วยความที่อยู่ชั้นสูงเลยมองเห็นแสงไฟระยิบระยับ
ทางไปสปา ตกแต่งสวยเก๋ดี ตกแต่งโดยได้รับอิทธิพลมาจากเซน
ด้านในสุดเป็นสระว่ายน้ำในร่มขนาดใหญ่ นวดเสร็จแล้วมานั่งพักผ่อนต่อที่นี่ได้เลย จัดที่นั่งไว้เยอะมาก
เป็นสระว่ายน้ำที่สวย มีบ่อส่วนตัวให้นั่งแช่เล่นๆ มองเห็นวิวโตเกียวตอนกลางคืน
สระว่ายน้ำเป็นอีกมุมที่ชอบมาก ดูเงียบสงบ ไปกี่ครั้งก็แทบไม่เจอแขกคนอื่นเลยครับ เหมาะสำหรับมาออกกำลังกายและพักผ่อนไปในตัว (ถ้ามีเวลานะ 555)
เช้าละ แสงดีแต่เช้า รูปนี้ถ่ายจากปลายเตียง
กดกาแฟจากเครื่องชงมานั่งจิบพร้อมกับอัพเดทข่าวสารไปเรื่อย เดี๋ยวสักพักจะอาบน้ำแต่งตัวลงไปทานข้าว
ห้องอาหารเช้าของเรา ตอนแรกเข้าใจว่าจะได้ทานที่ Pigneto แต่พนักกลับเชิญมาที่ EST เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสซึ่งอยู่อีกฝั่ง บรรยากาศต่างกันเลยนะที่นี่ตกแต่งดูเรียบหรูกว่า
ทางเข้าทำเป็นเหมือนห้องสมุด มีที่นั่งให้พักผ่อนอ่านหนังสือได้จริงๆ ก่อนจะตรงเข้าไปเป็นห้องอาหารด้านใน
ห้องอาหารสวยมาก เน้นสีเบจ ครีม น้ำตาล ทอง คุมโทนได้ดี เปิดวิวโตเกียวฝั่งตะวันออกซึ่งก็แปลกตาไปอีกแบบ
จริงๆ แล้ว EST เป็นห้องอาหารฝรั่งเศสที่เน้นผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นเข้ามา ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการปรุงเป็นหลัก เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและชาวประมง
อาหารเช้ามีให้เลือกไม่มาก เราจึงเลือกเป็นเซ็ทเบนโต เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่น แต่เรื่องพิธีรีตรองต้องยกให้เค้า เป็นการสร้างความประทับใจให้แขกได้ตลอดเวลา
ชา กาแฟ เครื่องดื่ม ขนมปังสั่งได้เรื่อยๆ ส่วนอาหารได้ 1 เซ็ท เลือกเป็นแซลม่อนย่าง จัดมาแบบดีเทลเยอะมาก เหมือนจะน้อยแต่ทานหมดก็มีอิ่มจุก แทบไปทำงานต่อไม่ไหว
Four Seasons Hotel Tokyo Otemachi เป็นอีกหนึ่งโรงแรมในญี่ปุ่นที่ประทับใจอยู่นะ ตกแต่งสวย มีความอาร์ตแบบไม่โฉ่งฉ่าง ดูเรียบๆ หรูๆ สไตล์ญี่ปุ่นดีครับ