Erawan Suite King, Grand Hyatt Erawan Bangkok

นี่คือ #ห้องพักระดับสูงสุดหรูหราและแพงที่สุด‼️

ของ #โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ

กานต์จะพาไปดูความเว่อร์วัง อลังการ งานสร้าง

ของห้องพักระดับสูงสุด Erawan Suite King

ห้องนี้เคยใช้รับรองแขกบ้านแขกเมือง ประมุขของหลายประเทศ

ดาราฮอลลีวูด นางแบบตัวท๊อปของโลกมาแล้ว!!

ชนิดที่ว่าเหมาชั้นกันเข้าพักพร้อมผู้ติดตามเลยครับ

แน่นอนว่า ความเป็นส่วนตัวต้องมาก่อน

สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อโรงแรมนี้

ตามติดมาด้วยความหรูหรา อลังการ งดงาม

ตกแต่งภายในด้วยงานศิลปะแบบไทย

เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก

คืนนี้ กานต์ พักที่นี่ครับ

ห้อง Erawan Suite King อยู่บนชั้น 22

จุดเด่นของห้องนี้คือวิวหน้ากว้างแบบพาโนราม่า

มองไปเห็นสนามม้าสีเขียวที่มีอาคารน้อยใหญ่เป็นฉากหลัง

เป็นภาพที่สวยงามยิ่ง ซึ่งเราไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นกันบ่อยนัก

ต้องมาพักโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ

ถึงจะได้เสพวิวสวยๆ สบายตา

ถ้าใครเคยผ่านไปมาบริเวณแยกราชประสงค์

คงคุ้นเคยกับตึกสีขาวตั้งตระหง่าน

ใกล้กับศาลพระพรหมเอราวัณ

นั่นคือโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ระดับ 5 ดาว

เป็นโรงแรมที่รองรับบุคคลระดับผู้นำของหลายประเทศนับครั้งไม่ถ้วน

เป็นโรงแรมที่นิยมจัดงานประชุมระดับโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพหลายครั้ง

เป็นโรงแรมที่ดารา เซเลป บุคคลในแวดวงสังคม นิยมไปจัดงานแต่งกันที่นี่

ห้องบอลรูมกว้างขวาง ตกแต่งอลังการ มีบันไดเป็น Iconic

และยังเป็นโรงแรมที่มีห้องอาหารบุฟเฟ่ต์ชื่อ “The Dining” อร่อยที่สุด

ตอนนี้ยังคิดถึง หมูหัน กะเพาะปลา และบัวลอยของที่นี่อยู่เลยครับ

หลายคนไม่เคยทราบมาก่อนว่า

จุดเริ่มต้นในการก่อสร้างโรงแรม

คือรองรับการประชุมสหภาพรัฐสภาเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน

ตอนนั้นประเทศไทยยังไม่มีโรงแรมขนาดใหญ่ที่เป็นหน้าเป็นตา

รัฐบาลไทยจึงได้มีมติก่อสร้างโรงแรมนี้ขึ้น

ต่อมาได้มีการรีโนเวทครั้งใหญ่ให้สวยงามอลังการขึ้นมาก

โดยเป็นผลงานของ Tony Chi นักออกแบบตกแต่งภายในชาวอเมริกัน

ออกแบบได้อย่างทันสมัย คงไว้ซึ่งสัมผัสแบบคลาสสิกที่มีกลิ่นอายแบบไทยๆ บ่งบอกถึงความซับซ้อนที่ละเอียดอ่อน

การผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก

ช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน

Grand Hyatt Erawan Bangkok

เป็นโรงแรมระดับ Premium ของ World of Hyatt

เป็นระดับ Grand Hyatt หนึ่งเดียวในประเทศไทย

กานต์ก็สะสมแต้มของเครือนี้อยู่เหมือนกันครับ

แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ก็เป็นโรงแรมที่น่ามาพักผ่อนเหมือนกัน

เปลี่ยนบรรยากาศมา Staycation กันเพลินๆ

ช่วงวันหยุดถ้าเราไม่อยากออกต่างจังหวัดหรือไปไหนไกลๆ

ช่วงนี้ออกโปรใหม่ คนจองกันเยอะมาก

มาว่ายน้ำ ทำสปา ทานอาหารอร่อยๆ กัน

เอาละ อยากให้เปิดเข้าไปดูทีละรูป

และอ่านในแต่ละแคปชั่นกันเช่นเคยครับ

#KANT#KΔNT#leisuretravel#hotellifestyle

#journalisttravel#luxurytravel#grandhyatterawanbangkok

#grandhyatt#worldofhyatt

ห้องพักแบบ Erawan Suite King เป็นห้องพักที่หรูหราที่สุด จริงๆ มีบุคคลระดับสูงของหลายประเทศเคยพักห้องนี้ ระดับเดียวกับชื่อห้องก็มี แต่ไม่อาจเขียนบอกได้ แต่ให้รู้ไว้เลยว่าห้องพักนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

ทั้งการตกแต่งที่หรูหรา มีความเป็นไทยร่วมสมัย ทั้งขนาดที่กว้างใหญ่ ที่หลายห้องเหมือนคฤหาสน์หลังหนึ่งกันเลยทีเดียว พร้อมกับวิวหน้ากว้างที่โดดเด่นมาก

ไฮไลท์ของห้องนี้อีกอย่างคือห้องน้ำครับ ประดับด้วยหินอ่อนลายขาวนำเข้าจากต่างประเทศ ตกแต่งด้วยดอกไม้สดเพื่อเพิ่มความสดชื่นและสีสัน เพื่อให้การอาบน้ำอบอวลไปด้วยช่วงเวลาแห่งความสุข

วิวจากในห้องเมื่อมองมาทางซ้าย จะเห็นราชกรีฑาสโมสร (The Royal Bangkok Sports Club : RBSC) เป็นสโมสรกีฬาในประเทศไทย หรือที่เรียกกันว่า สนามฝรั่ง คิดดูถ้ามีการแข่งม้าก็สามารถนั่งชมบรรยากาศจากบนห้องได้อย่างสบายๆ

บันไดทางขึ้นห้องบอลรูมก็เป็น Iconic อีกมุมที่ต้องมาถ่ายรูปอัพลงโซเชียลครับ เนื่องจากเป็นบันไดที่หรูหรา ประดับประดาด้วยแชนดาเลียร์พวงใหญ่ ไฮโซสมชื่อแกรนด์ไฮแอทจริงๆ

โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่ของโรงแรมเอราวัณในตำนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

สมัยก่อนตอนที่มีการก่อสร้างโรงแรมดิเอราวัณ มีปัญหาในการก่อสร้างมากมาย จึงได้เชิญนักโหราศาสตร์มาดูที่และมีการเสนอให้สร้างศาลเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพพรหม สี่หน้าซึ่งคนไทยรู้จักกันในนามท้าวมหาพรหมเพื่อเป็นมงคลสูงสุด

เชื่อกันว่าท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาเห็นใจ และมีความสง่างามเหมือนกับโรงแรมเอราวัณเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้ง คนทั่วไปจึงรู้จักในนามศาลพระพรหมเอราวัณ

ด้านหน้าบริเวณล็อบบี้เช็คอิน มีที่นั่งจำนวนมาก บริเวณโดยรอบตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีการประดับด้วยภาพศิลปะและงานประติมากรรม สอดรับกับตัวอาคารภายในที่มีหน้ามุขยื่นออกมาดูคลาสสิกมาก การออกแบบและจัดวางที่นั่งไว้อย่างเรียบหรู

โถงหน้าลิฟต์แต่ละชั้น ประดับด้วยข้าวของโบราณ ตั้งตระหง่านเอาไว้ ราวกับเป็นการโชว์งานศิลปะที่มีฉากหลังเป็นตึกน้อยใหญ่ของกรุงเทพมหานคร

ส่วนตัวชอบภาพนี้มากครับ ดู contrast ดี

ห้องของกานต์คืนนี้หมายเลข 2210 จะเป็นห้องเดียวในตึกที่มีโถทรงไทยประดับไว้หน้าประตูห้อง เมื่อเปิดเข้ามาเราจะพบกับความโอ่อ่า ที่ประดับประดาด้วยงานศิลปะแบบไทยร่วมสมัย มีความหรูหรา ทว่าคลาสสิก ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายเหมือนพักอาศัยอยู่บ้าน

มุมที่เห็นนี้เป็นส่วน Living Room มีหน้าต่างเป็นกระจกใสบานใหญ่ มองเห็นวิวได้แบบพาโนราม่า

โรงแรมจัดวางการ์ดเขียนข้อความต้อนรับ พร้อมกับเซ็ทน้ำชายามบ่ายที่เชฟขนมหวานจัดเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ

เป็นการต้อนรับที่แสนอบอุ่นครับ

กานต์ไปยื่นตรงริมหน้าต่าง มองออกไปจะเห็นวิวประมาณนี้ มีความเป็นตึกน้อยใหญ่ของกรุงเทพ ข้อดีที่ทำให้โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักคือ การอยู่ใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านช้อปปิ้งอย่างราชประสงค์ ทำให้สะดวกสบายอย่างมาก

สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส และที่สำคัญ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งสามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที

จึงเป็นโรงแรมที่บุคคลสำคัญระดับโลกนิยมเข้าพักที่นี่

ส่วนวิวอีกด้าน ซึ่งเป็นภาพที่กานต์ชอบมาก คือวิวที่มองเห็นราชกรีฑาสโมสร Royal Bangkok Sport Club (RBSC) ในมุมสูงแปลกตา มีคนมาตีกอล์ฟในวันพักผ่อน

ฉากหลังเป็นอาคารน้อยใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ผมว่าเป็นภาพที่ตัดกันดี แต่มีความลงตัวและมีความหมาย

ถัดจาก Living Room จะเป็นห้องรับประทานอาหารครับ ซึ่งก็ยังคงมองเห็นวิวจากหน้าต่างบานใหญ่เช่นกัน เป็นโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ 8 ที่นั่ง สำหรับรับรองแขกของผู้พักอาศัยด้วย เป็นการประชุมโต๊ะกลมได้สบายๆ

ประตูบานเฟี้ยมสามารถเปิดออกจากกันได้ ยิ่งทำให้ห้องดูกว้่างมากขึ้นไปอีก

ถัดไปด้านในเป็นห้องทำงานและมุมอ่านหนังสือครับ ประดับด้วยชั้นวางหนังสือและตู้โชว์ที่ดูสวยงาม อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

ถ่ายรูปนี้แล้วนึกถึงเวลาที่มี Magazine พวก Hello Prestige ไปถ่ายบ้านเซเลปคนดัง จะต้องมีช็อตที่เห็นชั้นหนังสือด้วย

รูปนี้ดูภูมิฐานดีครับ 555

ด้านในสุดจะเป็นห้องนอน ซึ่งเป็นห้องที่กานต์ชอบมากที่สุดครับ เหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่งที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะอยู่ด้านใน

เตียงนอนขนาดใหญ่ที่หนาและนุ่มเป็นพิเศษ นอนสบายมาก ภายในจัดวางเก้าอี้โซฟา ไว้ตามมุมต่างๆ ให้นั่งอ่านหนังสือผ่อนคลายก่อนเข้านอน

คิดดูสิครับว่าห้องต้องกว้างขนาดไหน ถึงสามารถวางที่นั่งได้ทุกมุม

ส่วนหน้าต่างวิวคือสวยที่สุดครับ มองออกไปจากห้องนอนก็จะได้มุมแบบรูปที่เห็น

ไม่ต้องพูดกันเยอะ วิวคือเดอะเบสท์จริงๆ ครับ

แม่บ้านพับผ้าเป็นรูปช้างวางไว้บนเตียง น่ารักมาก ช้างเอราวัณเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมครับ ได้รับอิทธิพลมาจากช้างสามเศียรในตำนานของไทย

ถัดไปในห้องนอนมีห้องออกกำลังกายด้วยครับ ธรรมดาซะที่ไหน สามารถปั่นจักรยาน ยกเวทและดูทีวีไปด้วย ชมวิวไปด้วยก็ยังได้

ชอบภาพนี้ เพราะข้อความที่ขึ้นมาในจอทีวี จังหวะลงตัวเป๊ะ

ห้องน้ำก็ถือเป็นไฮไลท์ของห้อง Erawan Suite King ครับ ประดับประดาอย่างหรูหรา ผมชอบความตัดกันของคู่สี ไม่ว่าจะเป็น ขาวดำของลายหินอ่อน และสีทองกับสีบานเย็นของดอกไม้ เพิ่มความสดชื่นมีชีวิตชีวาให้กับห้องนี้มาก

Amenities ในห้องน้ำเป็นของแบรนด์ BALMAIN ซึ่งเป็นแบรนด์ดังจากฝั่งยุโรป โดดเด่นเรื่องกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ติดทนนาน

ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าแยกซ้ายขวา บนชั้นจะวางอควาปานน่าน้ำแร่ธรรมชาติ ไว้ให้ด้วยทั้ง 2 ฝั่ง ตรงกลางเป็นอ่างอาบน้ำที่หรูหรามาก

ช่วงนี้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเย็นจะเปิดให้ใช้บริการ Grand Club Lounge สำหรับผู้เข้าพักห้อง Suite ตั้งอยู่ชั้น 17

หรูหรา มีระดับ คือนิยามที่ผมอย่างมอบให้ Grand Club Lounge ของแกรนด์ไฮแอท วิวคือดีอย่างที่บอก ส่วนเรื่องอาหารเครื่องดื่ม ถือว่าไม่ธรรมดาครับ สามารถเดินไปสั่งที่สเตชั่น หรือแจ้งพนักงานได้

มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย ส่วนผมขอไวน์แดงสักแก้ว กับหนังสือดีๆ ให้อ่านสักเล่มก็พอแล้วครับ

ส่วนอาหารค่ำ ผมไปทานที่ห้องอาหาร The Dining Room ซึ่งจริงๆ แล้วให้บริการตลอดทั้งวัน แต่ไฮไลท์คือช่วงค่ำหลัง 18.00 น. จะเป็นบุฟเฟ่ต์ครับ ซึ่งเชื่อไหมว่า เป็นห้องอาหารเดียวในกรุงเทพที่ผมมาทานบุฟเฟต์บ่อยที่สุด และหลายท่านก็เป็น

อย่างในวันที่ไป มีแขกมารอทานบุฟเฟ่ต์เยอะมาก จากการสอบถามพูดคุย ก็บอกว่า อาหารที่นี่ ใช้วัตถุดิบชั้นดี มีคุณภาพ รสชาติถูกปาก ส่วนราคาตอนนี้เพื่อให้จำง่าย จะอยู่ที่ 2,390 บาท ราคาสุทธิแล้วครับ

เนื้อขอแบบสุกกำลังดีแบบนี้เลย

ไลน์อาหารมีให้เลือกหลากหลายจริงๆ ครับ ทานตั้งแต่ห้องอาหารเปิดจนปิดก็ยังไม่ครบ

ที่ขายดีคนชอบทานกันมาก เห็นจะเป็นหมูหัน สั่งกันเยอะจริงๆ

ส่วนคอชีสที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบทำเองและนำเข้าครับ

#เชฟหล่อบอกต่อด้วย

สเตชั่นพาสต้าเส้นสดทำเอง ปรุงกันสดๆ เลยครับ เวลามาสั่งอาหารอย่าลืมนำป้ายหมายเลขโต๊ะติดมือมาด้วย

ส่วนคุณแม่ไม่ขอเน้นสวย แต่เน้นแซ่บ

ครกส้มตำไทยฝีมือชนะเลิศมากครับ

อาหารมีทั้งไทยและเทศครับ เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว ที่ขายดีอีกอย่างคนสั่งกันเยอะมากและขึ้นชื่อ คือกะเพาะปลาครับ รู้เลยว่าใช้ของดี

ซีฟู๊ดสเตชั่นก็เป็นไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็นซีฟู๊ดเย็น หรือยำที่ทำสำเร็จ ส่วนตัวชอบยำปูอัดไทยสไตล์ อร่อยมาก

ส่วนใครเน้นปู ไม่อยากให้พลาด บอกเลยเสิร์ฟไม่อั้น สั่งได้ตลอดเวลา ไม่มีกั๊กของ ถ้ายังไม่สั่ง พนักงานจะเดินมาถามเองที่โต๊ะ ว่ารับปู หรือรับอะไรเพิ่มไหม สามารถแจ้งพนักงานได้เลยครับ

ปลาดิบ ซูชิ ซาซึมิ ขาดไม่ได้สำหรับไลน์อาหารอินเตอร์บุฟเฟ่ต์

แต่ละวันจะมีเมนูที่เชฟ recommend ปรุงและเดินมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะเลยครับ อย่างวันที่ไป เชฟเดวิดปรุงข้าวรีซอตโต้ กับซอสและทรัฟเฟิลออยล์ คลุกลงไปในชีส หอมมัน อร่อยมากกกกกกกก

นั่งๆ ไปสักพัก ทีมเชฟคงว่างมาก ไปหาทำเบอร์เกอร์บ้าง ขนมบ้าง เดินเสิร์ฟตลอดเวลา ผมว่าเป็นบริการที่อบอุ่นดีครับ

อาจจะด้วย Head Chef อย่างเชฟเดวิด ซึ่งเป็นคนอารมณ์ดีและตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้พนักงานทุกคนพลอยสนุกกับการทำงานไปด้วย

เชฟบอกว่าคืนนี้หลังมื้อของคาว อย่าเพิ่งรีบไปไหน เจอกับไอศครีมสุดพิเศษที่ตั้งใจปรุงให้แขกในคืนนี้โดยเฉพาะ เป็นไอศครีมฟักทองและวานิลลาขิง ท๊อปด้วย Almond Tuiles Cookie คุกกี้แผ่นบางๆ อร่อยมาก

ส่วนถ้าใครชอบดื่ม แนะนำให้ลงมาชั้นใต้ดินครับ

แต่ไม่ใช่ Spasso นะ เพราะตอนนี้ปิดอยู่ แต่ได้ข่าวว่าใกล้เปิดให้บริการละ สมัยก่อนตอนผมยังเด็กที่นี่ดังมาก ร่ายยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้

ใกล้กันจะมี Bar @494 ให้บริการเครื่องดื่มที่หลากหลายโดยเฉพาะไวน์ชั้นนำจากทั่วโลก เป็นสวรรค์สำหรับคนรักไวน์ตัวจริง เพราะคัดสรรโดยซอมเมอลิเย่ร์หรือจะเรียกว่าไวน์กูรูก็ได้

ตอนนี้เห็นมีบุฟเฟ่ต์ไวน์อยู่นะ

ซอมเมอลิเย่ร์ ของ Bar @494 กำลังเล่าประวัติไวน์ชั้นดีของโลกให้ผมได้ฟัง สนุกสนานมากครับ

โลกของไวน์ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องดื่มมึนเมา แต่เข้าไปถึงมารยาททางสังคม เรื่องราวทางชนชั้น การเกษตร อุตสาหกรรม นำไปสู่เอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของไวน์ ทั้งโลกเก่าโลกใหม่เต็มไปหมด

ชักอยากจะไปเทคคอร์สไวน์สักหน่อยละ

เช้านี้ตื่นแต่เช้าเพราะเสียงปลุกของบัทเลอร์ที่เสิร์ฟอาหารให้เราถึงในห้องครับ

ก่อนนอนเขาจะถามก่อนว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะทานอะไร ให้เสิร์ฟเวลากี่โมง จากนั้นก็มาตรงเวลาเป๊ะ!!

อาหารที่เสิร์ฟก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอินเตอร์คอนติเนน ไทยก็มี เช้านี้ก็แอบสั่งมาเยอะเหมือนกัน ขนมปังของที่นี่คือดีมาก อร่อยจนต้องลงไปซื้อที่ Erawan Bakery หลังเช็คเอ้าท์

ทานอาหารเช้าด้วยกันไหมครับ

สายๆ หลังมื้ออาหาร กานต์ไปนวดที่ ไอยสวรรค์ เรซิเดนเชียล สปา แอนด์คลับ (i.sawanResidential Spa & Club) ไว้รองรับเรื่องการดูแลสุขภาพและความงาม สปาของที่นี่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากลในเรื่องคุณภาพของการนวดครับ

แต่ละวันเตียงนวดแทบไม่พอ กว่าจะล็อคได้คิวว่าง ต้องบอกว่า ลูกค้าประจำแน่นจริงๆ ครับ

ช่วงนี้ทางสปาก็ดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ มีการฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งาน ตามมาตรการป้องกันโควิด เราจึงมั่นใจได้ในเรื่องความสะอาดสะอ้าน

ส่วนเรื่องการนวดไม่ต้องพูดถึงครับ เทอราพิสนวดดี มีผ่อนหนักเบา ลงน้ำหนักมือได้สบายๆ

ใครมีเวลาว่าง ผมแนะนำเป็น i.sawan Retreats
Wellbeing Retreat ดูแลทุกส่วนของร่างกาย แต่ใช้เวลาเกือบทั้งวัน

ส่วนกานต์เลือกทรีตเม้นท์ที่เป็น Signature ของ i.sawan ครับ

#โดยสรุป โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ คือแกรนด์สมชื่อจริงๆ ครับ ทั้งเรื่องโลเคชั่น การให้บริการ ห้องพักที่หรูหรา สวยงาม ที่สำคัญอาหารอร่อยมาก ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าคนไทย ผมว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ระดับโลกจากโรงแรมแห่งนี้

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน