1.
ช่วงนี้ผมมีความอยากพิซซ่าเป็นพิเศษ ไม่รู้ทำไม
จะว่าอยากเพิ่มน้ำหนักก็คงไม่ใช่
เพราะที่มีอยู่นี้ก็ทุบสถิติตัวเองไปหลายครั้งแล้ว
ความอยากไม่มีเหตุผล เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ
ที่ชี้ช่องชวนให้ลำบากต้องไปเสาะสรรหาสนองความอยาก
ไปตระเวนทานมาหลายที่
ไอ้ที่คนเขาว่าดี ว่าดัง ก็ไปลองนั่งมาเยอะ
ช่วงนี้ไม่ได้อ้วนนะครับ แค่น้ำหนักขึ้นตามภารกิจพิซซ่า ฮ่ะฮ่า!!
ล่าสุดไปเปิด google เจอคลิปวีดีโอเชฟกำลังอบพิซซ่าหน้าไฟ
ภาษาในเมนูเขาเรียกว่า Flambe ไฟจะลุกพรึ่บ!! ท่วมหน้าพิซซ่า
แต่ว่าไม่ต้องเรียกรถดับเพลิงนะครับ สักพักมันจะดับเอง
ดูมีความแปลกดี มีความตื่นเต้น สมกับที่เป็น Sunday Brunch
ท้าทายกันให้ไปลองเป็นอย่างมากครับ
2.
ผมกำลังพูดถึง ห้องอาหาร DaVinci
ที่โรงแรม Rembrandt อยู่แถวสุขุมวิทเข้าซอย 18
เป็นบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch คุณภาพดี Al Fresco Brunch
ห้องอาหารอยู่ที่ 4 ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ
บรรยากาศจึงออกแนว Pool Party
นี่ถ้าได้พักที่โรงแรมแล้วลงมาทานอาหารริมสระ น่าจะฟินกว่านี้
หิวก็กิน เบื่อๆ ก็แช่น้ำ หิวอีกก็ขึ้นมาหาอะไรทานต่อ
ชีวิตดี๊ดี!!
แต่ไม่เป็นไร กินไปดูไปก็เพลิน (ตา) ดี
มีภารกิจพิชิตอิตาลี่ของเรารออยู่ครับ
3.
บรรยากาศร้านด้านในตกแต่งสไตล์บ้านทัสคานี
เติมความหรูหราด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีมะฮอกกานี
บุด้วยหนังแท้โทนสีเดียวกัน
โซฟานุ่ม นั่งสบายให้ความรู้สึก elligant ขึ้นไปอีก
ประดับด้วยแจกันดอกไม้ และภาพวาด
(ที่ดูแล้วไม่น่าใช่ของ Leonardo DaVinci)
วิวเบื้องหน้าเป็นสระว่ายน้ำที่เต็มไปด้วยฝรั่ง
ฉากหลังเป็นตึกสูงของย่านสุขุมวิท
ส่วนตัวชอบความรู้สึกวินเทจนิดๆ ของผ้าใบสีแดงสลับขาว
ที่ยื่นคลุมบริเวณส่วนเอ้าท์ดอร์ของห้องอาหาร
เป็นการแอบแทรกตัวอยู่ท่ามกลางความหรูหรา
4.
มาดูไลน์อาหารกันบ้าง
นอกจากจะมีพิซซ่าเมนูเด็ดหน้า Flambe
พิซซ่าชีสแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันทรัฟเฟิล
แล้วจุดไฟด้วยบรั่นดี ส่งผลให้กลิ่นนี้หอมมากกกกก
ท๊อปด้วยพาร์ม่าแฮมและมะกอกดำก่อนเสิร์ฟ
รสชาติโดยรวมอร่อยดีครับ
พิซซ่าของที่นี่จะทำใหม่ทุกถาด ไม่มีวางเอาไว้
ถ้าอยากได้ต้องสั่งแล้วรอประมาณ 20 นาที
แนะนำให้มาที่สเตชั่นพิซซ่า แล้วสั่งทิ้งไว้ก่อนเลยครับ
จากนั้นก็ไปสเตชั่นยอดฮิตอย่าง ฟัวกรา (Foie Gras) ชิ้นหนาเนื้อสัมผัสนุ่ม
ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของห้องอาหารก็เข้ากันดี
ที่สำคัญคือทานแบบเท่าไรก็ได้! เช่นเดียวกับบาร์บีคิว
อีกเมนูที่ชอบคือ ราวิโอลี (Home Made Ravioli) ที่เชฟทำสดใหม่ทุกวัน
แป้งนุ่มหอมหวานเต็มคำฉ่ำซอส
และเพื่อเป็นการตัดเลี่ยน ก็สั่งพาสต้าไปอีกจาน กำชับเชฟว่า
ให้ครีเอทเมนูแซ่บๆ เผ็ดๆ มาสักจาน … ได้ผลแหะ
.
สมแล้วที่เป็นครัวอิตาลี
เพราะกลิ่นแองโชวี่หอมลอยมาเตะจมูกแต่ไกล
เดรสของซีซาร์ผมว่าที่นี่รสชาติจัดจ้านเจ้มจ้นที่สุดละ
มุมสลัดก็มีผักสดกรอบวางไว้ให้คลุกเคล้าเอง
Sea Foods Gill ก็มีนะครับ เลือกแล้วสั่งให้ย่างกันตรงนี้เดี๋ยวนี้
ส่วนใครชอบชีส ที่นี่ก็มีชีสชั้นดี นำเข้าจากอิตาลี ทานคู่กับผลไม้
ยิ่งใครชอบพาม่าแฮมทานกับเมล่อนเข้ากันดีมากครับ
จิบกับเครื่องดื่มที่มีให้แบบแบบไม่อั้น ฟินที่สุดแล้ว
ตบท้ายด้วยของหวาน มีเครปซอสส้มทานกับไอศครีมโฮมเมด
และมีวอลล์แมกนั่ม ที่จะทานกี่ไม้ก็ได้!! มันเริ่ดตรงนี้
ที่สำคัญการันตีว่าอร่อยทุกอย่าง ไม่อั้น!!
ให้เป็นไอเดียไว้ เผื่อวันอาทิตย์นี้ใครจะหาร้านอาหารทานครับ
สามารถทานได้ยาวๆ ตั้งแต่ 11.30 – 15.00 น.
ราคา 1,250 บาท/Net เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี 450 บาท Net
5.
ถ้าใครเคยอ่านเรื่องที่ผมเล่าถึง Leonardo Da Vinci
ตอนที่ไปทานข้าวกับการท่องเที่ยวฝรั่งเศส
คงอดทึ่งในความสามารถและอัตลักษณ์ทางความคิด
ของอัศวินแห่งอิตาลีที่ย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสในช่วงบั้นปลายชีวิต
Leonardo Da Vinci สำหรับคนฝรั่งเศสที่ว่ายิ่งใหญ่
ยังไม่เท่ากับที่คนอิตาเลี่ยนมีให้อัจฉริยะศิลป์ท่านนี้
ชื่อ Da Vinci
จึงกลายเป็นอัตลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นอิตาเลี่ยนไว้มากมาย
และกลายเป็นชื่อมงคลไปโดยปริยาย
แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเพียงชื่อที่คนนิยมนำมาใช้
ในการสื่อความถึงอิตาลี
หากชั้นเชิงไม่ดี กิจการงานธุระก็อาจจะพังมากกว่าปังได้
แต่สำหรับห้องอาหาร Da Vinci
จริงๆ ถ้าไม่หยิบชื่อของอัศวินอิตาลี่มาเป็นจุดขาย
ผมว่ายังไงก็ไปได้สวยครับ ทั้งบรรยากาศ รสชาติ ฟิลลิ่งครบ
ชื่อร้านอาจจะเป็นเพียงสัญญะทางการสื่อสาร
แต่จิตวิญญาณของร้านอาหารต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ