ตั้งแต่ที่กานต์เคยถ่ายรีวิวมาเลยครับ
มีความขาวๆ คลีนๆ หลุดมาจากพินเทอเรสชัดๆ
.
บอกเลยว่า ชอบบ้านซีรีย์ COMO ของอารียามากกกกกก
ดูดี เรียบง่าย มีสไตล์เฉพาะ เข้ากับกลุ่ม Gen Y ที่มีไลฟ์สไตล์ชิคๆ
ยิ่งมาเจอ COMO BIANCA ที่มาในลุคแบบ Minimalist
นี่มันแบบบ้านในฝันของใครหลายคนชัดๆ เลย ว่าไหมครับ
ถึงกับปิดการขายเฟสแรกได้ในวันเดียว ไม่ธรรมดาจริงๆ
.
ผมชอบที่ดีไซน์เนอร์ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ
เป็นการถอดรหัสมาจากกระแสสังคมที่วุ่นวาย
พอได้กลับมาอยู่ในบ้านสไตล์ Minimal Eco Living
จะทำให้ความรู้สึกทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งในที่สุด
.
งานดีไซน์จึงปรับภาพภายนอกเสียใหม่
ออกแบบให้เป็นบ้านทรงเหลี่ยม หลังคาตัด
เน้นการนำสัจจะวัสดุมาใช้
มีความเขียวของต้นไม้น้อยใหญ่
ให้ดูเป็นบ้าน ที่นอกจากจะมีความ Minimal แล้ว
ยังสะท้อนแนวคิดแบบ Eco-Living อีกด้วย
ใช้สีขาวคลีนๆ เข้ามาทำให้งานดีไซน์ดูน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
ให้เข้ากับชื่อแบรนด์ COMO (โคโม่) อยู่แล้วได้ฟีลแบบริมทะเลสาบ
และ BIANCA ที่แปลว่าสีขาว นั่นเองครับ
.
พอพูดถึงสีขาว ก็นึกไปถึงคอนเซ็ปต์ The Canvas of life
บ้านจะเป็นเหมือนผ้าใบผืนใหญ่ที่จินตนาการแห่งความสุขเข้าไป
ผมว่าแม้ใครอยู่บ้าน COMO BIANCA เหมือนกัน
แต่ก็เลือกที่จะออกแบบตกแต่งภายในไปตามรสนิยม ความชอบ
บ้านแต่ละหลังทั้ง 126 ยูนิตก็จะน่าอยู่ น่าสนใจแตกต่างกันไป
กลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างของการอยู่ร่วมกันในโครงการนี้ครับ
COMO BIANCA บางนา
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ : https://bit.ly/3xmHoyq
Line@ : https://lin.ee/3rgob9d
สอบถามเพิ่มเติมโทร 1797
#ComoBianca#CanvasOfLife#AreeyaHome#MinimalEco
#บ้านมินิมอล#โซนบางนา#เมกาบางนา
—
COMO BIANCA บางนา ถือว่าเดินทางสะดวกมาก ผมขับรถมาทางคู่ขนานถนนบางนา-ตราด ขาออก ผ่านหน้าเมกาบางนาแล้วตรงไปยูเทิร์นหน้า Homepro Market Village ตรงช่วงบางนา กม.10 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าซอยมหาชัย ตรงไปอีกนิดเดียวก็มาถึงหน้าโครงการ ซึ่งโดดเด่นด้วยซุ้มประตูทางเข้าที่ออกแบบอย่างเรียบหรูดูดีด้วยวัสดุหิน Terrazzo แกะสลักชื่อโครงการ COMO BIANCA
บ้านตัวอย่างตกแต่งสวย เลือกเฟอร์มาใช้ได้เก๋ดี ใครที่ชอบบ้านแนวมินิมอล แนะนำให้มาเยี่ยมชมโครงการครับ
โครงการคุมโทนดีมากครับ บ้านตัวอย่างทั้งหลังคุมโทนสีขาว และสีน้ำตาลจากไม้ ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ได้ฟีล Minimal Eco Living
บ้านตัวอย่างที่กานต์พามาชมนี้เป็นบ้านเดี่ยวพื้นที่ใช้สอยรวม 162 ตารางเมตร มี 3 ห้องนอน + 1 ห้อง Multi Purpose ชั้นล่าง, 3 ห้องน้ำ, จอดรถได้ 2 คัน
ตรงลานจอดรถลงเสาเข็มแบบปูพรมลึก 6 เมตร แยกส่วนจากตัวบ้านเอาไว้ให้แล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการทรุดตัวครับ
ตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์ Minimal Eco Living เน้นสีขาวเป็นพื้น ด้านหน้าตกแต่งผนังบ้านด้วยกระเบื้องลายไม้ เข้ากับฝ้าชายคาที่เป็นไม้เช่นกัน ได้ฟีลดีมากครับ หน้าบ้านใกล้กับลานจอดรถออกแบบให้เป็นชานนั่งเล่นหน้าบ้านขนาดใหญ่เอาไว้นั่งรับลมเย็นๆ อ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน ผมชอบ Facade ด้านนอกออกแบบให้เสาและคานมุมเหลี่ยมซ้อนกันไปมาทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น มองไปชั้นบนมีระเบียงพร้อมราวกันตกเป็นกระจกเทมเปอร์
งานดีไซน์ผมว่าสอบผ่าน โดนใจคนรุ่นใหม่ Gen Y ซึ่งกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ด้วยความขาวคลีนๆ แบบ Modern Monolithic Minimalism ของตัวอาคาร เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ดูสบายตา น่าอยู่ สอดรับกับสีเขียวของต้นไม้ให้ความรู้สึกร่มรื่นดีมากครับ
เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาด้านในจะพบกับโถง Living ขนาดใหญ่พร้อมกับแสงธรรมชาติที่ส่งผ่านบานหน้าต่างแบบ Bay Window Oversize ซึ่งถือว่าเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ประกอบกับการออกแบบภายในให้มี Space เเบบ Open Plan และโปร่งสบายด้วยเพดานที่ยกสูงถึง 2.7 เมตร ทำให้ตัวบ้านชั้นล่างดูโอ่โถงมาก
การจัดวางฟังก์ชั้่นในบ้านตัวอย่างออกแบบให้โซนด้านหน้าเป็นมุมรับแขกและดูทีวีของสมาชิกในครอบครัว ผมชอบมุมนี้มาก บ้านตัวอย่างได้ให้ไอเดียของการออกแบบที่ดูมินิมอลและฟรีฟอร์มด้วยเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวดีไซน์หลากหลาย ส่วนริมหน้าต่างกลายเป็นที่นัั่งแบบโซฟาฝังเข้าไปแบบกว้างเต็มผนัง สามารถนั่งหรือนอนเล่นได้สบายๆ ระยะห่างระหว่างที่นั่งกับชั้นทีวีก็ไกลพอที่จะวางระบบโฮมเธียเตอร์ขนาดใหญ่ได้สบายเลยล่ะครับ
ตรงกลางบ้านจะวางบันไดเอาไว้ แต่ก่อนจะขึ้นไปชั้นบน ผมอยากพาไปชมห้องโปรดของผมที่เห็นแล้วรู้สึกว๊าวในความครีเอทของสถาปนิกมากว่า ออกแบบให้ห้องนี้เป็น Multi Purpose ได้อย่างน่าสนใจและเชื่อมต่อกับลานหน้าบ้านทำให้ด้านหน้าสามารถใช้ประตูทางเข้าได้ถึง 2 ทางด้วยกัน
ห้องนี้จึงเป็นห้องที่วิวดีมาก เพราะเห็นสวนหน้าบ้าน สามารถปรับเป็นพื้นที่ Work From Home ผมคงหยิบ Notebook แล้วมานั่งทำงานตรงนี้ทั้งวัน หรือหากมีเพื่อนมาเยี่ยมที่บ้านก็คงชวนกันมาทำกิจกรรมยามว่างที่ห้องนี้ เพราะได้เห็นวิวธรรมชาติสบายตา ปรับอารมณ์ให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น จริงๆ แล้ว พื้นที่เอนกประสงค์ตรงนี้สามารถออกแบบได้ตามใจ เข้ากับคอนเซ็ปต์ The Canvas of life ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียวครับ
แต่บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นมุมนั่งเล่นสำหรับเด็ก พร้อมกับปูพื้นนุ่มๆ ให้เหมาะกับกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีลูกเล็ก พร้อมกับ Build In บานตู้เก็บของไว้เยอะมาก เป็นระเบียบเรียบร้อยดีดูแล้วมีความ Minimal มากครับ
หน้าบ้านออกแบบให้เป็นสวนขนาดเล็ก สามารถนั่งพักผ่อนหย่อนใจรับลมสบายๆ ได้
มองย้อนกลับเข้ามายัง Living Area มีการแยกฟังก์ชั่นการใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี ถ้ามีแขกมาเยี่ยมบ้านคนในบ้าน เรายังสามารถแยกตัวมาพักผ่อนที่ห้องนี้แทนได้
ส่วนพื้นที่ถัดไปด้านในออกแบบให้เป็นมุมรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง หรือจะวางให้มากกว่านั้นก็ได้เพราะมีพื้นที่มากเพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ ยังมีประตูกระจกเปิดสู่สวนข้างบ้านได้อีกด้วยครับ
หน้าต่างโดยรอบ ช่วยทำให้บ้านดูโปร่งสบาย กว้างขวางเหมาะแก่การอยู่อาศัยและพักผ่อน
อาหารเช้า เมนูโปรดของผม เริ่มต้นบนโต๊ะนี้ครับ
บริเวณชั้นล่างใต้บันไดจะเป็นห้องเก็บของ ห้องน้ำ และห้องครัวครับ
มุมนี้จะเชื่อมต่อกับเค้าท์เตอร์รูปตัวแอล สำหรับวางเครื่องชงกาแฟเก๋ๆ ได้ ติดกันจะเป็นครัวด้านในที่กั้นด้วยประตูกระจกอีกชั้น ส่วนด้านนอกเมื่อเปิดประตูออกไปจะเป็นลานซักล้าง หรือใครที่ชอบทำอาหาร สามารถปรับเป็นครัวไทยได้
อีกเรื่องที่เห็นแล้วประทับใจอยากหยิบมาเล่าต่อก็คือ นวัตกรรม Zero Waste ที่หลายโครงการหลงลืมไป แต่ด้วยนโยบาย Urban Eco Living ของอารียาที่ต้องการให้ทุกโครงการเป็นหมู่บ้านปลอดขยะ จึงต้องมีการจัดการขยะแบบครบวงจร ซึ่งจะตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่จะให้ความใส่ใจกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยครับ
อย่างที่ COMO BIANCA นอกจากจะจัดเตรียมถังขยะแบบแยกประเภทไว้ด้านนอกสำหรับบ้านทุกหลัง พร้อมกับออกแบบให้มีแอปพลิเคชัน “Recycle Time” ที่จะคอยบอกวันเวลาที่รถเก็บขยะแบบรีไซเคิลจะเข้ามารับขยะ จากนั้นจะบอกจำนวนเงินที่ขายขยะรีไซเคิลได้จากบ้านของเรา แล้วก็โอนเงินกลับเข้ามาให้เราในแอปได้เลย เป็นการแปลงขยะให้มีมูลค่าได้จริงๆ ครับ นอกจากนี้ ทางโครงการยังให้เครื่องกำจัดเศษอาหารมาให้ที่บ้านด้วย เพื่อที่จะเปลี่ยนเศษอาหาร (ขยะเปียก) ให้กลายเป็นปุ๋ยได้
ซึ่งที่ผ่านมาทุกโครงการของอารียาก็ทำได้ดีครับ สามารถรีไซเคิลได้ 158,981 กิโลกรัม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 222,838.31 KG/CO2 เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ (ต้นมะม่วง) 24,760 ต้น หรือ 495 ไร่ กันเลยทีเดียว
จึงเป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เพราะเราสามารถมีส่วนช่วยในการรักษ์โลกของเราง่ายๆ โดยเริ่มต้นจากที่บ้านของเราเองครับ
พื้นที่สวนด้านข้างบ้าน เหมาะแก่การมานั่งจิบกาแฟยามเช้าๆ ผมว่าร่มรื่นดีครับ
But first, coffee.
ขึ้นมาบนชั้น 2 ของบ้านกันบ้างดีกว่าครับ บันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
ตัวโถงบันไดเจาะช่องแสงเอาไว้ทำให้บ้านดูสว่างขึ้นโดยธรรมชาติ พร้อมลูกเล่นการตกกระทบของแสงเงา ช่วยให้บ้านเรามีมิติมากขึ้น ผมชอบการตกแต่งแบบเรียบง่ายโดยใช้โคมไฟลูกกลม ห้อยไว้ดวงเดียว เข้ากับสไตล์ของบ้านที่ดูมินิมอลดี มีเพียงกรอบรูปที่แขวนไว้ทำให้มุมนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
เมื่อเราขึ้นมาที่ชั้น 2 ของบ้านจะเจอกับโถงบันไดเพื่อที่จะไปยังห้องต่างๆ ผมแยกเป็นสองปีกก็แล้วกันครับ เลี้ยวซ้ายจะเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้อง หรือจะปรับเป็นห้องเอนกประสงค์อื่นก็ได้ หากสมาชิกในบ้านไม่ได้เยอะ ส่วนตรงกลางเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง
เมื่อเลี้ยวขวาจะเป็นในส่วนของ Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวบ้านชั้นบน ตัวห้องเพดานสูง 3 เมตร
ห้องนอนหลักสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้สบายๆ พร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเดินได้แบบเหลือๆ บริเวณช่วงปลายเตียงสามารถวาง Cabinet สำหรับวางทีวีขนาดใหญ่สามารถนอนชมซีรีย์เรื่องโปรดจาก Netflix บนเตียงเลยได้สบายๆ เลยครับ
ห้องนอนใหญ่มาพร้อมกับแสงธรรมชาติจากประตูกระจกบานใหญ่เต็มผนัง สามารถเปิดออกไปยังระเบียงด้านหน้าบ้านได้ หรือจะนำไม้กระถางขนาดใหญ่มาวางเพิ่มก็จะช่วยให้มุมมองจากด้านหน้าบ้านดูมีมิติและสดชื่นมากยิ่งขึ้นด้วยครับ
มองจาก Top View ลงมาจะเป็นสวนด้านหน้าบ้าน
“Simplicity is the ultimate sophistication.”
—Leonardo da Vinci
ด้านในกั้นเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ขนาดใหญ่พอๆ กับห้องนอนอีกห้องเลยครับ ผมว่าเป็นมุมในฝันของสาวๆ หลายคนแน่นอน ห้องนอนหลักมาพร้อมกับห้องน้ำในตัวครับ ตู้เสื้อผ้า Build in เต็มผนังทำให้เกิดการใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ส่วนตัวผมชอบการออกแบบมุมนี้มาก ชอบการเลือกใช้สีเอิร์ธโทนอ่อนๆ นุ่มนวลสบายตา ดูเรียบเก๋ด้วยกระจกทรงกลมมน มาปรับให้บ้านทรงสี่เหลี่ยมดูสมูธมากยิ่งขึ้นครับ
ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องมีขนาดพอๆ กันครับ สำหรับบ้านไหนที่อยู่กันแค่ 2 คน สามารถปรับฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตามใจ จะทำเป็นห้องนอนแขกก็ได้ หรือจะปรับให้เป็นห้องทำงานอ่านหนังสือก็ได้ครับ ข้อดีที่เห็นได้ชัดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องนี้ คือขนาดที่กว้างกำลังดี แต่มีแสงธรรมชาติจากกระจกที่ส่องผ่านเข้ามาภายใน ช่วยทำให้ห้องดูสว่างและโล่งขึ้นอยู่สบายไม่อึดอัด โดยห้องด้านซ้ายจะได้หน้าต่าง 1 บาน ส่วนห้องฝั่งขวาจะได้หน้าต่างเพิ่มเป็น 2 บานคนละมุมครับ
มาดูห้องนอนฝั่งซ้ายกันก่อนครับ
ห้องนอน 2 ตกแต่งคุมโทนสวยดีครับ
ห้องนอนเล็กฝั่งขวา ตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน นั่งพักผ่อนเงียบๆ ในบรรยากาศสบายๆ
#โดยสรุป COMO BIANCA จากอารียา พรอพเพอร์ตี้เป็นอีกโครงการที่น่าสนใจในโซนตะวันออกย่านบางนา ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่น เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคน Gen Y ที่ชื่นชอบความมินิมอล ขาวๆ เบาๆ คลีนๆ ยอมใจในการออกแบบจริงๆ ครับ ระหว่างที่ถ่ายรีวิวก็มีลูกค้าเข้ามาดูบ้านตลอดเวลา ถือว่าฮอตจริงๆ ครับสำหรับโครงการนี้
ใครสนใจงานดีไซน์เรียบ เท่ เก๋ คลู ก็แวะเข้าไปดูกันได้ครับ
โครงการ COMO BIANCA ราคาเริ่มต้นที่ 5.39 ล้านบาท พร้อมช่วยผ่อน 3 ปี*
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1797
Line@ : https://lin.ee/3rgob9d
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษคลิก :
https://bit.ly/3xmHoyq