Club Med 2

#จิบแชมเปญล่องเรือหรูฟีลผู้ดีฝรั่งเศส 🥂✨

.

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเรือท่องเที่ยวแบบนี้ดูน่าเบื่อ คงจะมีแต่คนแก่ และไม่สนุก แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเรากับการล่องเรือที่ฉีกทุกกรอบความคิดที่เคยมีต่อเรือสำราญท่องเที่ยวจาก Club Med Exclusive Collection

.

“𝐂𝐥𝐮𝐛 𝐌𝐞𝐝 𝟐 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚 𝐜𝐫𝐮𝐢𝐬𝐞 𝐬𝐡𝐢𝐩. 𝐈𝐭’𝐬 𝐚 𝐬𝐚𝐢𝐥𝐢𝐧𝐠 𝐬𝐡𝐢𝐩” คุณฌอง-ชาร์ลส์ Cruise Director บอกกับกานต์อย่างนั้น

.

ที่เลือกขึ้นเรือ Club Med 2 ก็เพราะเรื่องนี้ ด้วยความที่เรือเป็นเรือยอร์ชแล่นใบ มีขนาดไม่ใหญ่แต่หรูหราสไตล์ French Riviera ซึ่ง Club Med ทุ่มเงินไปเยอะมาก บนเรือไม่มีคาสิโน ไม่มีสนามบาส สนามเทนนิส ไม่มีห้างให้ช้อปปิ้ง ยกเว้นบูทีคเล็กๆ ของ Club Med เอง

.

บนเรือมีสระว่ายน้ำ 2 แห่ง ให้เราว่ายแล้วมองผ่านออกไปเห็นทะเล มีเก้าอี้อาบแดดสีฟ้า เหลือง ขาว วางเอาไว้เรียงรายในหลายจุด มีบาร์ 4 แห่งกับ 2 ห้องอาหาร และ 1 สปา เพียงพอต่อแขก 386 คน มันจึงไม่วุ่นวาย เป็นเรือที่เหมาะแก่การพักผ่อนสบายๆ นั่งจิบแชมเปญแกล้มชีสสไตล์ปารีเซียง นอนอ่านหนังสือ มองท้องฟ้า ชมวิวทะเลที่เรือล่องผ่านราวกับงานอาร์ตในแกลอรี่ที่มีชีวิต

.

เราเรียกทริปนี้ว่า Leiture Yacht Trip ของจริง

.

8 วัน 7 คืนจากนี้ไป เราจะล่องเรือไปตามทะเลไอโอเนียน ตอนกลางเมดิเตอร์เรเนียน จากทางแคว้น Sicily ทางตอนใต้ของอิตาลี ผ่านช่องแคบข้ามไปยังกรีซก่อนจะกลับมาปิดท้ายที่ท่าเรือเมือง Brindiri ของอิตาลี

.

กานต์ว่าเสน่ห์ของการล่องเรือคือการค้นพบจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ในทุกวัน โปรแกรมของเราก็เช่นกัน นอกจากล่องเรือแล้วเรายังได้ไป Excursions เมืองต่างๆ ที่เรือแวะจอด ซึ่งข้อดีของ Club Med 2 ก็คือสามารถเข้าจอดใกล้ท่าได้มากกว่า คนไม่เยอะ รอไม่นาน ไม่ค่อยวุ่นวาย

.

เป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจ ถ่ายรูปมา 4 พันใบ คัดมาให้ดูแล้วบางส่วนเท่านั้นเองครับ กานต์ชอบมาก อยากกลับไปอีก ซึ่งคิดว่าจะเลือกเส้นทางเดินเรือที่ต่างไปจากนี้ดูบ้าง

.

ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดเส้นทางเดินเรือได้ที่ https://www.clubmed.co.th ซึ่งทริปเยอะมากจริงๆ ในเวปไซต์อาจจะลงไว้ไม่ครบ ถ้ามีเส้นทางอื่นในใจแนะนำให้โทรไปสอบถามที่ 02 035 6788 หรืออีเมลล์ askme.th@clubmedcustomerservice.com จะดีที่สุดครับ

.

นี่เป็นเพียงการเกริ่นนำเท่านั้น เมื่อกัปตันถอนสมอและออกจากท่าที่ Palermo กานต์จะโม้!! เอ๊ยย เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของเรือยอร์ชลำใหญ่ที่สุดในโลกกับทริป From Palermo to the Ionian Sea อ่านต่อในแคปชั่นนะครับ

_________________________________

Previously, I assumed that such cruise trips would be boring, dominated by older people, and lacking excitement. However, my experience on the Club Med 2 cruise shattered those preconceptions.

I chose Club Med 2 because it’s the world’s largest sailing yacht, boasting 386 seats. Its luxury is reminiscent of the French Riviera style. Notably, the ship lacks casinos, basketball and tennis courts, and large shopping areas, except for a small Club Med boutique.

Each trip has different boarding points. Ensure the departure location is convenient. For our trip, I boarded at Palermo, Italy, arriving before 4 p.m. Departure I flew from Bangkok to Munich, then to Palermo, using Lufthansa.

My journey through the Ionian Sea in the Mediterranean, starting from Palermo in Sicily, Italy, passing through Greece, and ending in Brindisi, Italy. The ship’s interior is luxurious, with teak flooring and well-equipped rooms.

The cruise offers a “Digital Nomad” lifestyle, allowing work with changing views daily. There are two swimming pools, sun loungers, and a relaxed ambiance perfect for reading or enjoying the sea view.

Club Med 2 offers all-inclusive food and drinks, with many free activities, though some, like excursions, cost extra.

Each day has a different dress theme for evening parties on the cruise’s three-tiered deck. There are two main dining rooms, one offering a luxurious buffet and the other a fine dining experience curated by a chef from FERRANDI Paris.

After dinner, there are nightly performances, from DJs to stage plays. One highlight was a tour of the captain’s control room, a truly inspiring experience.

The charm of cruising is discovering new destinations daily. I visited several interesting cities, including Lipari with pristine beaches, and Catane, a cultural hub in Italy. Onboard, there are numerous activities, from yoga to water skiing and wing foiling.

In conclusion, Club Med 2 offers a unique cruising experience, perfect for relaxation. The ship operates year-round in the Mediterranean and the Caribbean, with trips ranging from 3 to over 10 days. For more details, visit the Club Med website https://www.clubmed.co.th or call hotline 02 035 6788.

#ClubMed #ClubMed2 #ExclusiveCollection #ClubMedExclusiveCollection #ClubMedThailand #Italy

..

Club Med 2 เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Exclusive Collection ซึ่งรวมถึงรีสอร์ท วิลล่า และชาเลต์ระดับไฮเอนด์ทั่วโลก

ถือเป็นเรือยอทช์แล่นเรือใบที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในปี 1992 ที่อู่ต่อเรือ Ateliers et Chantiers ในเมืองเลออาฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส และเป็นเรือพี่น้องของ Wind Surf ของ Windstar Cruises หลังจากการปรับปรุงใหม่มูลค่า 10 ล้านยูโรที่ใช้ระยะเวลา 2 เดือน ก็ได้เวลาเปิดตัวในเดือนธันวาคมในปี 2022 เพื่อล่องอวดโฉมไปทั่วยุโรป

.

เรือลำนี้เป็นของ Club Med เรารู้จักกันดีในนามผู้ประกอบการด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวสัญชาติฝรั่งเศสที่ขายความเป็น All-inclusive แบบครบวงจร

เรือห้าเสากระโดง 386 ที่นั่งลำนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เรือยอร์ชแล่นใบในตำนานของฝรั่งเศส”

กานต์เลยถือโอกาสนี้ใช้บนเรือเป็นสถานที่ทำงานครับ

วิวออฟฟิศเคลื่อนที่ของเราเปลี่ยนไปในทุกวัน หอบ Macbook มานั่งทำงานบนชั้นดาดฟ้าเรือ เชื่อมต่อไวไฟได้สบายเลยครับ พร้อมกับจิบเครื่องดื่มเบาๆ เรียกเสิร์ฟได้ตลอดทั้งวัน

นอกจากไฮไลท์เรื่องอาหารและเครื่องดื่มแบบ All-inclusive แล้ว ที่ Club Med 2 ยังมีกิจกรรมให้ลองร่วมสนุกเยอะมากครับ ส่วนมากฟรี เช่น Nautical Hall แต่ก็อาจมีบางกิจกรรมที่เสียเงินเพิ่ม

หนึ่งในกิจกรรมที่เราชอบ (แต่เสียเงินเพิ่ม) ก็คือการได้ออกไป Excursions ตามเมืองต่างๆ ที่เรือไปจอด ซึ่งก็จะเป็นสถานที่ไฮไลท์ของเมืองนั้นๆ ทำให้แต่ละวันก็ได้เที่ยวต่างกันไป

ทริปนี้เราขึ้นที่ท่าเรือเมือง Palermo ทางตอนใต้ของอิตาลี เวลานัดหมายในการขึ้นเรือคือประมาณ 4 โมง เรามาตรงเวลาก็เห็นเรือมาจอดเทียบท่ารออยู่แล้วครับ

เรือยอร์ชสีขาวลำใหญ่ 5 ใบเรือ สวยงามมาก จากนั้นก็ทำการลงทะเบียนเช็คชื่อ

นักท่องเที่ยวทยอยมากันแล้ว เราเดินขึ้นเรือไปแบบชิลล์ๆ พวกกระเป๋าเดินทางจะมีเจ้าหน้าที่เรือนำไปเก็บและส่งให้ที่ห้องพัก

เรามีสัมภาระติดตัวเป็นกระเป๋ากล้อง 1 ใบ พกเลนส์มาหลายระยะเลย เพราะรู้เลยว่าทริปนี้ต้องได้รูปสวยกลับไปแน่นอน

เมื่อเดินเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่เรือจะพาเราไปยัง Le Yacht Lounge อารมณ์เหมือนเราไปพักโรงแรมหรูนี่แหละครับ มี Welcome Drink เป็นแชมเปญเย็นๆ เพิ่มความสดชื่น

จากนั้นก็จะมอบคีย์การ์ดเป็นริสแบนด์สวมข้อมือเอาไว้ตลอดเวลาซึ่งจะเป็นกุญแจห้องไปในตัวและหากต้องการใช้จ่ายอะไรเพิ่มก็แตะแถบแม่เหล็กได้เลยครับ มีการกันวงเงินจากบัตรเครดิตเราไว้อยู่แล้ว

เจ้าหน้าที่จะเก็บพาสปอร์ตเราไว้ จะได้เป็นบัตรแข็งที่มีชื่อและรูปเรามาเก็บไว้แสดงตัวแทน

บรรยากาศบนเรือหรูหราเหมือนพักในโรงแรมลอยน้ำที่มีวิวสวยๆ มองผ่านหน้าต่างไปรู้สึกเลยว่าตื่นเต้น เพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าจะแตกต่างจากเรือสำราญท่องเที่ยวทั่วไป

ท่าเรือ Palermo ตอนเย็น เรือจะออกจากท่าเวลา 4 ทุ่ม เราต้องมาขึ้นเรือให้ทันก่อน ต้องกะเวลาของการเดินทางให้ดี

อย่างเราใช้วิธีบินจากกรุงเทพมาลงที่มิวนิค (การบินไทยช่วงนี้ยังไม่เปิดบินอิตาลี) แล้วต่อเครื่องจากมิวนิคมา Palermo ได้เลย มีไฟล์ทของ Luftansa ก็ถือว่าสะดวกอยู่นะ

ยังไม่ทันจะออกเดินเรือก็เจอวิวสวยแล้วครับ เรามีเวลาช่วงเย็นในการพักผ่อนสบายๆ

ถ่ายมาจากบนดาดฟ้า เพราะว่าช่วงเย็นจะมีพรีดินเนอร์ จิบเครื่องดื่ม และคานาเป้ต่างๆ ระหว่างรอบอร์ด ส่วนใหญ่แขกจะออกมาเดินเล่นถ่ายรูปกัน ซึ่งคนไม่เยอะบรรยากาศบนเรือก็จะสบายๆ ไม่แออัด

เรือลำนี้มีทั้งหมด 184 ห้อง ซึ่งราคาจะต่างกันไปตาม Deck รวมไปถึงมีห้อง Suite 10 ห้องและ Owner’s Suite อีก 1 ห้องซึ่งใหญ่โตอลังการ ตกแต่งใหม่ที่เติมความหรูหราด้วยพื้นไม้สัก

ห้องนอนสำหรับ 2 คน เป็นห้องแนวลึกเข้าไป แบ่งออกเป็นส่วนพักผ่อนเตียงนอนอยู่ด้านใน มีพอร์ต USB และ USB C-type ที่ติดตั้งข้างเตียงในห้องนอน ถัดมาเป็นตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้า มีมินิบาร์ โต๊ะเครื่องแป้ง กระจกเงาบานใหญ่ ชั้นแขวนทีวี และห้องน้ำที่แยกส่วนสุขากับห้องอาบน้ำออกจากกันคั่นกลางด้วยเคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า ถือว่าครบครันดีครับ 

ที่สำคัญทุกห้องนอนมีหน้าต่าง มองเห็นวิวด้านนอกเรือครับ พร้อมกับรูดม่านปิดได้หากไม่ต้องการแสงสว่าง

รูปนี้น่ารักจังเหมือนดวงตา

Club Med 2 เป็นหนึ่งในเรือยอร์ชแล่นใบที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรือลำนี้มีน้ำหนัก 14,983 ตัน ความยาว 637 ฟุต รองรับผู้โดยสารได้ 386 คน และลูกเรือ 207 คน

ติดตั้งเครื่องยนต์สองเครื่อง เสากระโดงทั้ง 5 เสา พร้อมใบเรือขนาด 185 ตารางเมตรซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานของเรือได้มากถึง 30% เมื่อลมปะทะกัน ใบเรือใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุม

บนเรือจัดวางเก้าอี้อาบแดดไว้กระจายไปในหลายจุดเพื่อรองรับการพักผ่อน เลือกใช้ผ้าในเฉดสีที่ให้ฟีลทะเล ชายหาด ไม่ว่าจะเทอร์ควอยซ์ เหลือง ครีม และชมพู

ด้านในมีร้านบูติกที่เน้นขายเสื้อผ้า เครื่องประดับและสินค้าที่มีโลโก้ Club Med มี The Spa by Sothys ใช้ทรีทเมนท์ของแบรนด์ Sothys Paris มีห้องซาวน่าหนึ่งห้องอยู่ข้าง Nautical Hall และมีคลินิกขนาดย่อมอยู่บนเรือ

บนเรือมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ คือ บนดาดฟ้าชั้น G และ E มีสโมสรสำหรับเด็ก พร้อมกีฬาทางน้ำ เกม และกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งวัน เช่น วินด์เซิร์ฟและแพดเดิลบอร์ดดิ้ง และกิจกรรมที่เจ๋งมากอย่าง Wing Surfing และ Hobi Eclipse Mirage (เป็นเรือใบจิ๋วเหมาะสำหรับเล่นสองคน!)

นอกเหนือจากการมุ่งเน้นการใช้เชื้อเพลิงให้น้อยลงแล้ว Club Med 2 ยังมีความมุ่งมั่นต่อหลัก 3Rs; เพื่อกำจัด ลด และรีไซเคิล โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลาสติกทั้งหมดภายในสิ้นปี 2024

เห็นได้จากเครื่องใช้ในห้องน้ำ Sothys แบรนด์ฝรั่งเศสจะเป็นขวดขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นขวดเล็ก แล้วทิ้ง นอกจากนี้เรายังได้รับถุงซิปเล็ก ๆ เป็นของขวัญพร้อมประวัติ Club Med เล็กน้อยจากการรีไซเคิลใบเรือ

ผมชอบมาเดินเล่นตรงกราบเรือเพื่อชมวิวซึ่งไม่ค่อยมีใครเดินผ่านทางนี้ทำให้ได้พื้นที่ส่วนตัว บรรยากาศตอนเย็นเป็นวิวที่สวยมาก

แต่ละวันจะมีตีมการแต่งตัวที่แตกต่างกันไปให้เป็นกิมมิค ซึ่งก็จะมีการแจ้งตั้งแต่ก่อนเดินทางว่าให้เราจัดเตรียมเสื้อผ้าร่วมปาร์ตี้ในแต่ละคืน เช่น ตีมชุดขาว-ฟ้า แบบนี้ ซึ่งถ่ายรูปออกมาดู Cozy ดีมาก

บางวันก็เป็นตีมนีออน เน้นสีสดใส แต่จะมีหนึ่งวันที่ให้สวมเสื้อ Club Med 45 เป็นเลขมงคลของเขา ซึ่งอุทิศให้กับปีที่ 45 ของ Club Med ซึ่งนำเราไปสู่เรื่องราวของ Club Med อื่นๆ ทั้งหมด หากเราไม่มีก็สามารถไปซื้อได้ที่บูทีคช้อป หรือถ้าจะไม่ใส่ก็ได้เช่นกัน ไม่มีการบังคับ

ตอนเย็นของทุกวันก็จะเป็น Pre-Dinner มีปาร์ตี้เล็กๆ ให้เราได้นั่งชิลล์กันบริเวณดาดฟ้าท้ายเรือซึ่งมีด้วยกัน 3 ชั้น แต่ละชั้นจะมีบาร์เรียกชื่อต่างกัน

ชั้นบนสุดของเรือเป็น Bar Le-Saint Barth จะค่อนข้างเงียบกว่า เหมาะสำหรับมานั่งสวีทกับคนรัก บรรยากาศโรแมนติคสุดๆ

กิจกรรมช่วงหัวค่ำก็จะมีนักร้องมาขับกล่อมบรรเลง พร้อมกับอาหารเครื่องดื่ม จาก Bar le Portofino เสิร์ฟไม่อั้น เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนไปดินเนอร์กัน บรรยากาศ Vibes ดีสุดๆ มองเห็นพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทุกวัน

“𝐀 𝐌𝐞𝐝𝐢𝐭𝐞𝐫𝐫𝐚𝐧𝐞𝐚𝐧 𝐬𝐮𝐧𝐬𝐞𝐭 𝐢𝐬 𝐚 𝐬𝐲𝐦𝐩𝐡𝐨𝐧𝐲 𝐨𝐟 𝐜𝐨𝐥𝐨𝐫𝐬, 𝐝𝐚𝐧𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐜𝐫𝐨𝐬𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐤𝐲 𝐥𝐢𝐤𝐞 𝐚 𝐜𝐞𝐥𝐞𝐬𝐭𝐢𝐚𝐥 𝐛𝐚𝐥𝐥𝐞𝐭. 𝐈𝐭 𝐢𝐬 𝐚 𝐬𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐭𝐨 𝐛𝐞𝐡𝐨𝐥𝐝, 𝐚𝐧𝐝 𝐚 𝐫𝐞𝐦𝐢𝐧𝐝𝐞𝐫 𝐨𝐟 𝐭𝐡𝐞 𝐛𝐞𝐚𝐮𝐭𝐲 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐬𝐮𝐫𝐫𝐨𝐮𝐧𝐝𝐬 𝐮𝐬.”

– Bard

ห้องอาหารหลักมีด้วยกัน 2 ห้อง ตกแต่งสวยหรูหรานึกว่านั่งทานอยู่ที่ภัตตาคารฝรั่งเศสในปารีส เมนหลักเลยคือห้องอาหาร Saint Tropez จะเปิดบริการ 3 รอบต่อวันคือ เช้า กลางวัน และค่ำ มื้อค่ำจะเริ่มราว 2 ทุ่ม

การตกแต่งจะเน้นฟีลลิ่งของทะเล การเดินเรือ ดีไซน์เนอร์เลือกใช้เชือกขึงเพื่อทำเป็นการกั้นพื้นที่ของแต่ละโต๊ะ แต่ว่าทำให้ห้องอาหารดูโล่งดี

Saint Tropez เป็นไลน์บุฟเฟต์ที่เน้นความหรูหราแบบ French Crusine ที่เป็นครัวเปิดเพื่อโชว์ความสดใหม่ของการประกอบอาหาร

เนื่องจาก Club Med เป็นแบรนด์ฝรั่งเศส จึงต้องแสดงความเคารพต่อศาสตร์การทำอาหารชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นชีสฝรั่งเศส ขนมอบ ฟัวกราส์ และแชมเปญ และอย่าลืมว่านี่เป็นราคาแบบ All-inclusive เราสามารถดื่มกินได้ไม่อั้น ยกเว้นเครื่องดื่มพิเศษและอาหารพิเศษบางจานที่ต้องจ่ายเพิ่ม

ส่วนห้องอาหาร Le Monte Carlo ตกแต่งเน้นสีฟ้า เหลือง และขาว ได้รับแรงบันดาลใจจาก French Riviera และท้องทะเล ติดตั้งกระจกที่โดดเด่นซึ่งมีลักษณะคล้ายเลนส์ Fresnel นี่คือสิ่งที่ดีไซเนอร์ Sophie Jacqmin นิยามว่า “เก๋แต่อบอุ่น”

Le Monte Carlo เสิร์ฟอาหารแบบ Fine Dining 3 Courses เมนูจะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลซึ่งคัดสรรโดย Chef จาก FERRANDI Paris องค์กรทำอาหารชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งจะสะท้อนถึงจุดหมายปลายทางของเรือพร้อมทั้งไล่ตามอุณหภูมิที่อบอุ่นตั้งแต่ทะเลแคริบเบียนไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เสิร์ฟอาหารเมนูต่างกันไป แต่เน้นความสดใหม่ ดีต่อสุขภาพ และสร้างสรรค์ บางเช้าถ้าเราจอดที่ท่าเรือ เชฟใหญ่จะไปตลาดเพื่อซื้อปลาและผัก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สดใหม่ในท้องถิ่น

ดังนั้น อาหารแต่ละคืนที่เสิร์ฟใน Le Monte Carlo จึงมีเมนูที่หลากหลายไม่ค่อยซ้ำ ที่สำคัญ เสิร์ฟชีสให้ทานคู่กับไวน์และแชมเปญตลอดทั้งคืน

หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีของเรือ Club Med 2 คือสามารถจอดเทียบท่าที่ท่าเรือขนาดเล็กที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยเรือขนาดใหญ่ ได้โดยตรงในใจกลางเมือง ทำให้สะดวกกว่า

หากจะต้องจอดห่างจากฝั่งออกไป ก็มีเรือเล็กให้บริการนั่งต่อมาอีกประมาณ 5 นาที ไม่ต้องรอคิวนานเพราะคนไม่เยอะ

เมืองแรกที่เราไป Excursions กันคือ Lipari เกาะเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ Lipari เป็นเกาะภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Aeolian นอกชายฝั่งซิซิลี มีหน้าผาอันน่าทึ่ง ชายหาดที่บริสุทธิ์ และล้อมรอบด้วยน้ำทะเลใสดุจคริสตัล

เมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้โดดเด่นด้วยถนนแคบๆ บ้านสีพาสเทล และร้านค้าที่มีเสน่ห์แปลกตา ลิปารียังเป็นฐานที่ดีเยี่ยมสำหรับการสำรวจเกาะอื่นๆ ที่มีเสน่ห์ของหมู่เกาะ โดยแต่ละเกาะมีเสน่ห์เฉพาะตัว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Lipari คือ ป้อมปราการและมีพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ดีที่สุดในยุโรป ที่น่าสนใจคือจัดแสดงโถและวัตถุอื่น ๆ ที่ค้นพบโดยนักดำน้ำของ Club Med

เมื่อเสร็จแล้วเราก็เดินกลับผ่านทาง Marina Corta ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารและคาเฟ่สไตล์อิตาเลี่ยน

ส่วนอีกวันเรานั่งรถลัดเลาะไปตามไหล่เขาเพื่อจะขึ้นไปชมวิวหมู่เกาะภูเขาไฟ ระหว่างทางมองไปจะเห็นผู้คนมากมายที่ว่ายน้ำในทะเลไทเรเนียน และพักผ่อนบนชายหาด

วิวหมู่เกาะภูเขาไฟที่ Lipari ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดย Unesco ซึ่งเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ที่สวยมากของเมือง มองเห็นเรือยอร์ชจอดชมวิวเต็มไปหมด

Vulcano เขาไฟที่ยังไม่ดับมีไอพ่นและก๊าซพวยพุ่งขึ้นตลอดเวลา ถ้าจากจุดนี้ก็มองเห็นเช่นกันแต่จะไกลนิดนึง

วันต่อมาเรือมาจอดที่เมือง Catane เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอิตาลี เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และการเมือง

เมืองมีความอุดมสมบูรณ์ด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ มีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร โบสถ์ สวนสาธารณะ และโรงละครหลายแห่ง

เรานั่งรถไปที่ ภูเขาไฟ Etna ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง Catane ไปราว 30 กิโลเมตร เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 3,323 เมตร วัดฐานโดยรอบได้ 150 กิโลเมตร

ภูเขาไฟ Etna เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก เคยเกิดการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อปี 2021 พ่นเถ้าถ่านและควันสูงกว่า 1 กิโลเมตร

ภูเขาไฟ Etna มีดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์ส่งผลดีต่อการทำการเกษตรอย่างกว้างขวาง โดยมีไร่องุ่นและสวนผลไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินลาดด้านล่างของภูเขาและในที่ราบทางตอนใต้ของแคว้น Catane

ชอบภาพนี้จัง มองเห็นเขาปั่นขึ้นมาบนเนินดินภูเขาไฟ ทุลักทุเลพอสมควร แต่ก็เป็นจังหวะดีที่ทำให้เราได้รูปมา

ตอนบ่ายไปเดินเล่นช้อปปิ้งที่ Taormina มองเห็นวิวทะเล Ionian มีจุดไฮไลท์คือน้ำพุช้าง

จากนั้นก็ไปเดินเล่นรอบๆ Castello Ursino ซึ่งเป็นคูน้ำที่เต็มไปด้วยลาวาในปี 1669 และยังมีถนนคนเดินให้ช้อปปิ้งแบรนด์เนมมากมาย

ใกล้ๆ มี Chiesa di San Giuseppe โบสถ์ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่นักบุญยอแซฟ ไฮไลท์ก็คือสร้างขึ้นจากหินอ่อนที่ขึ้นชื่อของ Taormina

ภายในตกแต่งด้วยงานปูนปั้นสมัยศตวรรษที่ 18 จำลองลวดลายดอกไม้และเศียรของเทวดามีปีก มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดภาพนักบุญยอห์น บอสโก กุมารระหว่างพระแม่มารีและพระเยซู ส่วนด้านหลังแท่นบูชา มีรูปปั้นของ Maria Ausiliatrice

อย่างที่บอกไปว่าข้อดีของการล่องเรือที่มีขนาดไม่ใหญ่คือสามารถเทียบท่าแล้วจอดให้เราลงเดินเที่ยวต่อได้เลย ไม่ต้องเสียเวลา

ระหว่างนี้ พนักงานก็จะทำความสะอาดภายนอกเรือให้ดูสวยงามเสมอ เก็บภาพนี้มาได้จังหวะพอดีครับ

วันนี้เป็นวัน Free & Easy ให้เราได้ออกไปเดินเล่นชิลล์ๆ ที่เมือง Crotone บรรยากาศชิลล์ๆ ดีครับ ช่วงนี้เป็นซัมเมอร์ของยุโรป มองดูผู้คนกำลังพักผ่อนริมอ่าวตารันโต ทะเลไอโอเนียน

จากนั้น ก็เดินเล่นชมบ้านเรือนผู้คน สีสันสดใส เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ 710 ปีก่อนคริสต์ศักราช เริ่มแรกเป็นอาณานิคมที่ก่อตั้งขึ้นโดยพวกกรีก หรือชาวอะเคียน (Achaeans) ชาวกรีกโบราณเรียกเมืองนี้ว่า “Croton”

วันต่อมา เรือจอดที่เมือง Parga เป็นเมืองริมทะเลสุดงดงามของกรีซ ตั้งอยู่ในแคว้นอิไพรัส

สมัยก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Thesprotians ตอนนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว ผู้คนนิยมมาเล่นน้ำทะเล อาบแดด ดำน้ำ ตกปลา ปั่นจักรยานชมเมือง

เมื่อพูดถึง Parga ก็จะนึกไปถึง สวนมะกอก ชายหาด และทะเลสีฟ้า … เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนเกาะกรีกที่มีชื่อเสียงด้านชายหาดที่สวยงามและบรรยากาศสบายๆ เดี๋ยวเอาไว้ลงรูปให้ดูเต็มๆ อีกทีเพราะเป็นเมืองที่ Vibes ดีมาก

บ้านเรือนที่ลดหลั่นกันตามไหล่เขา มองเห็นวิวทะเล โดยที่ล่างสุดจะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่สไตล์กรีซ เราจะเดินผ่านตรงนี้เพื่อขึ้นรถต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ

ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Nekromanteion หรือ “The Oracle of the Dead” ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และค้นพบถ้ำในตำนาน มีวัตถุโบราณภายในถ้ำเยอะมาก

Nekromanteion ที่ตามตำนานโบราณว่า Oracle ทำให้เราสามารถติดต่อกับคนตายได้

จากนั้น เราก็ไปชม Nikopolis ของโรมัน ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราชโดย Octavian Augustus Ceasar เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือกองเรือของ Mark Antony และ Cleopatra

ที่น่าสนใจคือ การขุดค้นพบโมเสคสมัยโรมัน ซึ่งมีลวดลายแตกต่างกันไปในห้องต่างๆ

มีเวลาเหลือเล็กน้อย เราจึงแวะไปชมพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนิโคโพลิส ซึ่งพาเราย้อนไปตั้งแต่สมัยออคตาเวียน ก่อนคริสต์กาล เวลาค่อนข้างสั้น อาจจะทำความเข้าใจยากนิดนึง

แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินเพิ่มเพื่อออกไป Excursions ก็สามารถพักผ่อน นอนอาบแดดกันอยู่บนเรือได้นะครับ

เพราะบางทีเราอาจจะเจอความลับของมหาสมุทรที่โผล่มาทักทายแบบไม่ทันให้รู้ตัวแบบนี้

#แชร์โลมา

บนเรือก็มีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโยคะที่ร่วมมือกับ Heberson ซึ่งสอนโยคะในปารีส ทุกวันบนเรือจะมีชั้นเรียนโยคะ การทำสมาธิ การยืดเหยียด ฝึกการหายใจหลายช่วงเวลาเลยครับ

แต่ถ้าสายลุยก็อาจจะรอคอยวันที่ Nautical Hall ซึ่งไม่ได้เปิดทุกวัน จะมีตารางแจ้งให้ทราบ สำหรับใครที่ชอบทำกิจกรรมทางน้ำ

ชอบภาพนี้จัง สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์แบบปารีเซียง ที่เน้นจิบไวน์ ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลในวันพักผ่อน

หนึ่งในกิจกรรมที่หลายคนชอบก็คือ Water-Skiing คนต่อคิวกันเยอะมาก ซึ่งดูแล้วน่าสนุก แต่เหมาะสำหรับคนที่เคยฝึกและมีทักษะมาก่อนพอสมควร

Water-Skiing ผมลองดูแล้วก้น่าสนุก แต่เหมาะสำหรับคนที่เคยฝึกและมีทักษะมาก่อนพอสมควร

Sailing นักท่องเที่ยววัยรุ่นกำลังล่องเรือใบ ทักษะชำนาญดีมาก ดูท่าทางว่าจะเล่นเก่งกันทั้งบ้าน เพราะเห็นแล่นเรือพร้อมคุณพ่อด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ฮิตและเล่นยากคือ วิงฟอยล์ (Wing Foil) ดูจากภายนอกคล้ายวินด์เซิร์ฟ ตัวอุปกรณ์จะมีแค่ใบ (Wing) ที่บังคับด้วยสองมือได้ 360 องศา ฟรีสไตล์มาก และใช้บอร์ดแบบพิเศษที่ยกตัวลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ (Foil Board)

คนนี้เป็น Activities Manager ของเรือ เล่น Wing Foil เก่งมาก

ทริปนี้แฮปปี้มาก แม้จะไม่ค่อยได้เล่นกิจกรรมทางน้ำ แต่ก็ได้เก็บภาพรอยยิ้มของผู้คนที่กำลังเล่นสนุกสนานกัน ได้ภาพสวยๆ มาแบ่งให้ดูเยอะเลยครับ

ใครที่สายถ่ายรูปไม่ถนัดกิจกรรมที่โลดโผนต้องใช้ทักษะมากนัก ก็ยังมีคายัค แพดเดิลบอร์ดให้เล่น

Nautical Hall เปิดแค่ 2 วันทั้งทริป จึงเป็นวันที่นักท่องเที่ยวหลายคนเฝ้ารอกับการได้เล่นกิจกรรมทางน้ำกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ครั้งหนึ่งในชีวิต

อีกกิจกรรมที่คนชอบก็คือดำน้ำดูปลาและปะการัง จะมีเรือนั่งพาออกไป

อีกกิจกรรมที่คนชอบก็คือดำน้ำดูปลาและปะการัง จะมีเรือนั่งพาออกไป

ช่วงเย็นๆ จะเป็นเวลาที่กานต์ชอบมากครับ เพราะพระอาทิตย์ตกกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หาชมได้ยากมาก

แนวคิดศิลปะแห่งการใช้ชีวิตของเรือ Club Med 2 ส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศเก๋ไก๋รื่นเริงบนเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเย็นโดยมีธีมยามค่ำคืน อย่างเช่นคืนนี้เป็น White Night และค่ำคืนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแต่งกายสไตล์โบฮีเมียน แขกทุกคนจะแต่งกายด้วยชุดสีขาว

Manager ของเรือกล่าวทักทายก่อนจะเริ่มจิบแชมเปญฉลอง White Night

อีกหนึ่งความพิเศษคือเราจะได้พบกับทีมกัปตันที่ขับเคลื่อนเรือลำนี้ ซึ่งมีจำนวนเยอะกว่าที่คิดมาในชุดทหารเรือสีขาว ดูเท่ห์ชะมัด

จากนั้น ก็เป็นการแสดงของ GO ซึ่งจะมีการแสดงให้ชมทุกคืนสลับกันไป แต่ไฮไลท์คือการเต้นรำในเพลงที่เป็นตีมของ Club Med เอง จะมีการสอนท่าเต้นก่อน เต้นง่ายๆ วนไปแต่สนุกสนานเร้าใจมากครับ เดี๋ยวจะลงคลิปไว้ให้ดู

การแสดงจะสลับกันไปในทุกคืน มีทั้งดีเจที่มีจังหวะสนุกสนาน การร้องเพลง แสดงละครเวที ไปจนถึงการเล่นเปียโน ทั้งหมดนี้ แสดงโดย GO ร่วมกับแขกรับเชิญตลอดการเดินทาง เพื่อสร้างความสนุกสนาน

ที่นี่จะไม่มีนักเต้นมืออาชีพ แต่จะมีบรรดา GO นี่แหละที่สับบทบาทกันไป ทั้งทำหน้าที่ดูแลแขก พิธีกร แดนเซอร์ เอนเตอร์เทนเนอร์

ส่วนเพลงหรือบทละครที่ใช้จะเป็นภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักครับ อาจจะฟังยากนิดนึงแต่ก็เข้าใจในท่วงท่าและทำนองได้ง่าย

ตกดึกหน่อยก็จะเปลี่ยนเป็นลานเต้นรำบนดาดฟ้าเรือ กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีแสงดาวและพระจันทร์ คอยทำหน้าที่ไฟส่องสว่าง บรรยากาศสนุกสนาน กันเอง ผมชอบมากครับ

ส่วนด้านใน Le Lounge Yacht Club ก็มีเวทีสำหรับจัดการแสดงเช่นกัน ในบรรยากาศของ Bar ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มตลอดทั้งคืน

การแสดงก็มีหลากหลายชุดเช่นกัน สลับสับเปลี่ยนกันไป ต้องยอมใจในเอนเนอร์จี้ของ GO ที่หมุนเวทีแสดงกันเป็นว่าเล่นตลอด 7 คืน

อีกหนึ่งไฮไลท์คือการเปิดให้แขกได้มีโอกาสเข้าไปชมห้องควบคุมเรือของกัปตันซึ่งจะเปิดให้ลงชื่อเป็นรอบๆ

เราก็ตื่นเต้นและโชคดีที่จองทันในรอบสุดท้าย เพิ่งเคยเห็นห้องบังคับการเรือ เครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมดเลยครับ กัปตันก็จะคอยเล่าให้ฟังถึงการทำงาน

ผมว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดี

มีโอกาสได้กระทบไหล่กัปตัน Club Med 2 อย่างใกล้ชิด หล่อเท่ตามสไตล์หนุ่มฝรั่งเศส

Club Med 2 เป็นเรือที่ต้องยอมรับว่า สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ต่างจากเรือสำราญทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศแบบ Vibes เน้นพักผ่อนสไตล์ Leiture เสิร์ฟแชมเปญแท้สไตล์ French Riviera เรียกได้ว่าไม่เบื่อเลยครับเพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก

เส้นทางมีหลากหลายเพราะเรือจะแล่นตลอดทั้งปี ทั้งฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนและแคริบเบียน ทริปมีทั้งแต่ 3 วันไปจนถึง 10 กว่าวัน หรือจะล่องยาวเป็นเดือนๆ ไปกับเรือเลยก็ได้ครับ ถ้ามีตังค์จ่าย เหมือนได้ท่องโลกกว้างไปตลอดทั้งปี

ใครสนใจสามารถดูรายละเอียดเส้นทางเดินเรือได้ที่ https://www.clubmed.co.th ซึ่งเส้นทางเยอะมากในเวปไซต์อาจจะลงไว้ไม่ครบ

ถ้ามีเส้นทางอื่นในใจแนะนำให้โทรไปสอบถามที่ 02 035 6788 หรืออีเมลล์ askme.th@clubmedcustomerservice.com จะดีที่สุดครับ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน