โอซาก้า (OSAKA) กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากโตเกียว (TOKYO) ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปเที่ยวกัน เนื่องด้วยจุดยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการเชื่อมต่อเมืองต่างๆ ในภูมิภาคคันไซ (KANSAI) คือ เกียวโต (Kyoto), Nara (นารา), Kobe (โกเบ) Himeji (ฮิเมจิ)
แม้โอซาก้าจะไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากเท่าโตเกียว หรือเกียวโต แต่โอซาก้าก็เป็นเมืองที่เสน่ห์เฉพาะตัว นอกเหนือไปจากการเป็นพี่ใหญ่ที่คอยอำนวยความสะดวกในเป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อการท่องเที่ยวแล้ว โอซาก้าเองก็ถือเป็นเมืองท่าที่เจริญ การเดินทางที่ครอบคลุม สะดวกสบาย ซึ่งสามารถใช้บริการได้ ตั้งแต่รถไฟใต้ดิน รถบัส รถไฟสายท้องถิ่น ชินคันเซน และสนามบินคันไซ รวมไปถึงโรงแรมที่พักก็มีให้เลือกมากมาย ครบทุกรูปแบบเหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ราคาถูกจนถึงโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว
พูดถึงเรื่องของการหาข้อมูลเลือกที่พัก เรื่องแบบนี้ต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับจริตและเงินในกระเป๋าของแต่ละคนจริงๆ ส่วนตัวผมก็มีหลายอารมณ์ในหนึ่งทริป #กานต์เดินทาง แต่ที่แน่ๆ ไม่นิยมพักโรงแรมในย่านช้อปปิ้ง ไม่นิยมเดินเท้าลากกระเป๋าแบกเป้ ฝ่าฝูงชน คนก็เยอะ เดินก็ลำบาก กระเป็าก็หนัก
ดังนั้นปัจจัยในการเลือกที่พัก ก็จะประกอบด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น บางทีอยากจะเน้นพักผ่อนจริงๆ พักให้เต็มที่ ก็ต้องเลือกโรงแรมดีๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบสรรพ แต่บางครั้งก็ยั้งใจไม่อยู่ อยากจะตะลุยเที่ยวทั้งวันทั้งคืน ก็ต้องเลือกโรงแรมที่เหมาะสม โดยพิจารณาจาก ทำเลที่ตั้ง การคมนาคมที่สะดวกและคุ้มกับเงินที่จ่าย
ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นอย่างหลัง โดยเฉพาะทริปญี่ปุ่น มักจะเลือกโรงแรมที่เป็นลักษณะ Bussiness Hotel หรือโรงแรมสำหรับนักธุรกิจ ซึ่งจุดเด่น แน่นอนเลยคือ ทำเล ต้องติดหรือใกล้รถไฟในระยะที่เดินเท้าได้สะดวก ห้องพักสะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักครบ เหมือนพวกนักธุรกิจที่มีแค่กระเป๋าเจมส์บอนด์ใบเดียว ก็หิ้วมาเข้าพักได้เลย ซึ่งโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวก็ ลุงโต (โยโกอินน์) หรือ อาป้า (APA)
เมื่อคราววางแพลนไปโอซาก้า (รอบที่ 5) ได้รับภารกิจพาเด็กๆ ไปตะลุย Universal Studios Japan (USJ) เลยมองหาโรงแรมใหม่ๆ ราคาไม่สูงจนเกินไป ก็ได้ไปค้นข้อมูลเจอว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เชนโรงแรมระดับโลกจากอเมริกาอย่าง “เบส เวสเทิร์น” (Best Western Hotels & Resorts) ได้มาเปิดโรงแรมใหม่ในโอซาก้าเป็นแห่งที่ 2 ต่อจาก โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นโฮเทล ฟิโน่ โอซาก้า ชินไซบาชิ นั่นก็คือ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะ (Best Western Osaka Tsukamoto) ซึ่งถูกวางให้เป็นโรงแรมระดับกลางในราคาที่เป็นมิตร
ดังนั้น อันดับแรกเลยที่ผมใช้เป็นปัจจัยในการเลือกโรงแรมนั่นคือเรื่อง “ราคา” นั่นเองครับ ถ้าราคาพอคบหา ก็จะพิจารณาลำดับต่อไป คือ ทำเลตั้งอยู่ใกล้ “สถานีรถไฟ” หรือระบบขนส่งอะไรหรือเปล่า ซึ่งเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะ ก็โดนใจเข้าอย่างจังครับ เพราะวัดระยะแล้ว เพียง 150 เมตร ใช้เวลาเดินเท้า 2 นาที จากสถานีซึคาโมโตะ
สถานีซึคาโมโตะ (Tsukamoto) อาจจะไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวไทย แต่หากกางแผนที่มาดูจะพบว่า อยู่ห่างจากสถานี Osaka (Umeda) โอซาก้า (อุเมดะ) เพียง 1 สถานีเท่านั้น
แน่นอนว่า โอซาก้า (อุเมดะ) มีสถานีรถไฟถึง 7 สถานี นับเป็นย่านที่สะดวกต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆ ในคันไซ การเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟชินคังเซ็น อย่างสถานี Shin Osaka ซึ่งอยู่ถัดไปอีกแค่ 1 สถานี ที่นี้ก็จะสะดวกสบายกับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ปราสาทโอซาก้า ย่านนัมบะ โดทงโบริ และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ
ส่วนสถานีOsaka (Umeda) โอซาก้า (อุเมดะ) ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์ค ไม่ว่าจะเป็น ชิงช้าสวรรค์ HEP Five, จุดชมวิว Umeda Sky Building, สวนสนุกในร่ม Sega Amusement Theme Park (Umeda Joypolis) และห้าง Hankyu, Hanshin, Daimaru, Isetan Mitsukoshi สามารถชอปปิ้งได้แต่สายๆ จนถึงดึกเลย หรือจะเดินทางต่อโดยเปลี่ยนเป็นสาย Osaka Loop Line ไปย่านนัมบะ โดทงบุริ ก็สามารถทำได้ทันที
โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะจึงถือว่าเป็นเหมือนการขุดค้นพบขุมทรัพย์ กับการตะลุยโอซาก้า 555
เมื่อเครื่องลงที่สนามบินคันไซ (KIX) ตอนเช้า เรานั่งรถไฟจากสนามบินมาลงที่สถานี JR Osaka แล้วเปลี่ยนไปเป็นสาย JR Tokaido Sanyo ใครมี JR PASS ใช้ได้นะครับ เดินต่ออีก 2 นาที ก็ถึงโรงแรม จึงถือว่าค่อนข้างสะดวกในการเดินทางมาจากสนามบิน มีเพียงการลากกระเป๋าเปลี่ยนสายรถไฟซึ่งสามารถทำได้ทันทีภายในชานชาลา
โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะหาไม่ยาก ออกจากสถานีซึคาโมโตะก็ลงบันได หรือใครกระเป๋าหนักเกินจะลากไหวก็สามารถใช้ลิฟท์ได้ครับ สถานีไม่ใหญ่ เมื่อแตะบัตรผ่านออกจากประตูอัตโนมัติ จะพบว่ามีให้เลือก
… ไม่ซ้าย ก็ขวา
ให้เดินเลี้ยวซ้าย มองเห็นร้านโยชิโนยะ ขายข้าวหน้าเนื้อชื่อดังล่ะใช่เลย เมื่อพ้นจากตัวอาคารสถานีเลี้ยวขวาอีกทีแล้วเดินตรงไป ระหว่างทางเดินก็สำรวจตรวจตราบรรยากาศสองข้างทางไปด้วย ผมชอบนะ ดูเงียบๆ ไม่พลุกพล่าน แต่ไม่เปลี่ยวนะ ถือเป็นย่านที่พักอาศัยมากกว่า ไม่ใช่ย่านธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่า ระยะเพียงแค่ 1 แม่น้ำกั้น จะส่งผลให้บรรยากาศของการเดินทางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
กลางซอยมีร้านแฟมิลี่มาร์ท มองจากตรงนี้ไป เห็นโรงแรมอยู่ในระดับสายตา ด้านหน้ามีร้านอาหารแนวอิซากายะ รอทำหน้าที่ต้อนรับแทน
ผมไปถึงโรงแรมตอนประมาณ 10 โมง เช้า ตั้งใจว่าจะขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะโรงแรมคงไม่ให้เช็คอินแน่ๆ ซึ่งเป็นไปมาตรฐานของโรงแรมญี่ปุ่นที่จะให้เช็คอินได้หลังบ่าย 2 (บางแห่งก็บ่าย 3)
ผมลองสอบถามพนักงานที่ Front ว่า Can I left luggage or Check-in?
“โอเกะ” พนักงานตอบเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงญี่ปุ่น
“แต่รอแป๊ปนะ” พนักงานบอก พร้อมกับยื่นฟอร์มให้เซ็นต์ชื่อ
ใครเป็นสมาชิกโปรแกรมเบสท์เวสเทิร์นรีวอร์ดส Best Western Rewards สามารถยื่นบัตรตอนเช็คอินรับสิทธิ์ส่วนลด 10% เมื่อสำรองห้องพัก รวมถึงสามารถสะสมคะแนนจากการเข้าพักที่โรงแรมในเครือเบสท์เวสเทิร์นกว่า 4,200 แห่งทั่วโลก โดยคะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุ เมื่อมีคะแนนสะสมมากพอตามสิทธิ์ก็นำไปแลกห้องพักฟรี หรือจะนำไปแลกรับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบัตรกำนัลสำหรับช้อปปิ้งหรือการสะสมไมล์กับสายการบินพันธมิตร และดีตรงทีเราจะใช้คะแนนน้อยกว่าโปรแกรมของโรงแรมอื่นๆ แถมคะแนนสะสมไม่มีวันหมดอายุด้วย ใครจะจองโรงแรมสามารถสมัครสมาชิกเบสท์เวสเทิร์นรีวอร์ด ไปก่อนได้ที่ BestWestern.com/Rewards
นั่งรอบริเวณล็อบบี้ ซึ่งเป็นจุดทานอาหารเช้าไปในตัว มองไปรอบๆ เห็นมี Business Center เป็นห้องส่วนตัวไว้รับรองแขกด้วย เผื่อนัดคุยงานคุยธุรกิจ ก็มานั่งที่ห้องนี้ได้ ขนาดว่าพื้นที่ชั้นล่างไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้กับแขกซึ่งเป็นนักธุรกิจหรือพนักงานออฟฟิศที่ต้องมาค้างอ้างแรมเพื่อติดต่องาน
ประมาณ 10 นาที พนักงานก็ให้ Key card มา ห้องพักอยู่ชั้น 6 ตอนจองระบุมาด้วยว่าขอเป็นห้องปลอดบุหรี่ ที่นี่จะแยกชั้นกันชัดเจน ซึ่งดีต่อสุขภาพผมมากๆ จะได้ไม่ต้องทนได้กลิ่นบุหรี่ตามทางเดินส่วนกลาง ทางเดินในชั้นปูพรมสวยงาม
ประตูห้องพักเป็นแบบ Digital Door Lock เอา Key card ทาบที่ประตู กลอนก็จะปลดออก เข้ามาในห้องต้องเสียบ Key Card ให้ระบบไฟฟ้าทำงาน
พื้นในห้องปูพรม มีพื้นที่วางกระเป๋าข้างประตู เหนือที่วางกระเป๋าเป็นที่แขวนเสื้อผ้า กลิ่นในห้องถือว่าโอกาส หอมสะอาดไม่เหม็นอับ ที่สำคัญกวาดตาไปรอบๆ
ห้องกว้างมาก!
ประตูห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายมือ ด้านในมีบริการพื้นฐานทั่วไป ชุดแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้าของชิเซโด้ ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว แชมพู ครีมนวดผม โลชั่น ใช้ของ POLA แบรนด์ดังประจำญี่ปุ่น ถือว่าใจป้ำมากๆ
บนเตียงมีชุดยูกาตะให้เตียงละชุด ที่นอน หมอน ดูใหม่สะอาด เตียงนอนนุ่มแบบดูดวิญญาณจนแทบไม่อยากตื่น
ปลายเตียงมีทีวี (ซึ่งไม่เคยเปิดดู) ตู้เย็น กระติกทำน้ำร้อน น้ำ แก้วน้ำ มีนาฬิกาดิจิตอล ไดร์เป่าผม ทิชชู่ ขนม ชา กาแฟและแทปเลต …. เอาไว้ดูข้อมูลต่างๆ ของโรงแรมและหาข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม
ไดร์เป่าผมไม่ต้องพกมานะครับ ที่นี่มีให้บริการสำหรับคุณผู้หญิง
เนื่องจากห้องค่อนข้างกว้างจึงมีโซฟา สำหรับนั่งพักผ่อน ใกล้กันวางเครื่องทำความชื้นไว้ให้ เครื่องทำความชื้นจะมีประโยชน์มากในช่วงหน้าหนาว อากาศจะแห้งมาก เจ้าเครื่องนี้จะพ่นไอน้ำออกมาเพิ่มความชื้นในห้อง ดีต่อสุขภาพไปอี๊กกกก
รักษาความสะอาดด้วยการเก็บแก้ว ชา กาแฟ ไว้ในตู้กันฝุ่นอีกชั้นหนึ่ง ถือเป็นโรงแรมที่ใส่ใจในรายละเอียดมากๆครับ
กาแฟสำหรับทานในห้อง หอมดีครับ ชงทานคู่กับชีสต์เค้ก PABLO ของดีของเด็ดแห่งโอซาก้า
เสียดายวิวไม่ค่อยมีอะไรน่ามอง หน้าต่างมีช่องเล็กๆ แต่ป้องกันเสียงจากภายนอกได้ดี
สำรวจห้องอาหารเช้า หากเทียบกับบัดเจ็ทโฮเทลหรือบิสสิเนสโฮเทล ตามมาตรฐานญี่ปุ่นทั่วไป อาหารเช้าที่นี่ถือว่าดีขึ้นไปอีกระดับ มีทั้งไลน์อินเตอร์ ครัวซองก์ ไข่คน เบคอน ไส้กรอก แฮม แฮชบราวน์ ขนมปัง คอนเฟล็กซ์ สลัดและไลน์อาหารญี่ปุ่น แซลม่อนย่าง ทาโกะยากิ โยเกิร์ต ผลไม้ เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ กาแฟ ชา ห้องอาหาร
การบริการก็เป็นไปตามมาตราฐานโรงแรมญี่ปุ่น พื้นที่ของโรงแรมไม่ใหญ่ แต่หัวใจของโรงแรมที่ส่งต่อมายังลูกค้านั้น … ขอคารวะครับ
ระหว่างที่กำลังเพลินกับอาหารเช้า ได้เจอพี่น้อย สาวนครศรีธรรมราช พนักงานของโรงแรมที่อยู่ญี่ปุ่นมา 20 กว่าปีแล้ว เข้ามาทัก คงได้ยินเสียงผมพูดภาษาไทย … ก็ตามประสาคนบ้านเดียวกันครับ ทักทายพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ไปเที่ยวไหนมา มีที่ไหนน่าเที่ยว พี่เค้าถามและชวนคุย พูดไทยสำเนียงใต้สลับกับศัพท์ญี่ปุ่นบางคำ ฟังแล้วก็สนุกหูดีครับ พี่น้อยน่ารักมาก ใครไปพักที่โรงแรมนี้อย่าลืมแวะไปให้กำลังใจเธอหน่อยนะครับ
เพราะฟังจากปากคำที่เล่า เอาเข้าจริงการญี่ปุ่นก็ไม่ได้สบาย รายได้ดีเหมือนที่ใครอยากมาขุดทองหรอกครับ ยิ่งคนไทยความรู้ไม่มาก กะจะมาตายเอาดาบหน้า ก็ต้องท่องคาถา ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทนเอาไว้ก่อน
สรุปโดยรวมโรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะ
เป็นโรงแรมระดับกลาง วางราคาที่เป็นมิตร สามารถเดินทางได้สะดวก กับทำเลถือว่าเหมาะสำหรับมาพัก เมื่อมาเที่ยวภูมิภาคคันไซ
สามารถใช้ทำเล Umeda เป็นจุดศูนย์กลางในการไปเที่ยวเมืองข้างๆ เช่นเกียวโต นารา ฮิเมจิ และโกเบ ได้สะดวก สถานที่ชอบปิ้งมีเยอะมาก เช่นห้าง Hankyu, Whity Umeda, Hanshin, Daimaru และที่ถูกใจคนไทยก็เป็นร้านดองกี้ Don Quijote ร้านขายของสารพัดอย่าง ตั้งแต่ Supermarket ไปจนถึงสินค้า Brand name ใกล้โรงแรมมีร้านสะดวกซื้อ อย่าง Family mart ในส่วนของร้านอาหารด้านหน้าโรงแรมก็มีหลายร้านคอยให้บริการ ในสถานีก็มีร้านข้าวหน้าเนื้อชื่อดัง Yoshinoya คอยให้บริการ รับรองไม่อดแน่นอน
ระยะหลังมานี้โรงแรมในญี่ปุ่นโดยเฉพาะแถบคันไซราคาปรับขึ้นเยอะมาก หากเทียบกับราคาโรงแรมระดับ 3 ดาวทั่วไป ตั้งอยู่ใกล้สถานีใหญ่จะอยู่ในช่วง 2,500 บาท – 5,000 บาท แต่ เบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะ ราคาถูกกว่านั้นมาก
สามารถจองห้องพักโรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะได้ที่
https://www.bestwestern.com/en_US/book/hotel-details.78536.html
หรือจองห้องพักที่โรงแรมเบสท์เวสเทิร์นในญี่ปุ่นได้ที่ https://goo.gl/2hQj2X
พิเศษสำหรับช่วงปีใหม่นี้! เบสท์เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท มอบของขวัญสุดพิเศษสำหรับสมาชิกโปรแกรมเบสท์เวสเทิร์นรีวอร์ดสที่เข้าพักที่โรงแรมในเครือเบสท์เวสเทิร์นกว่า 4,200 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2561 รับฟรี บัตรกำนัลเบสท์เวสเทิร์น ทราเวิลการ์ด มูลค่า 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ
โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น โอซาก้า ซึคาโมโตะ จึงถือว่าคุ้มค่าครับ ด้วยราคาที่พักไม่แพงมากจนเกินไป บวกกับมาตรฐานการให้บริการในความเป็นเชนระดับสากลของ Best Western การอำนวยความสะดวก คุณภาพของห้องพักของโรงแรม และพนักงาน ตลอดจนที่โดดเด่นแซงโค้งมากคืออาหารเช้าจัดหนักของที่นี่ เรียกว่า ต้องยกให้เป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในใจ สำหรับใครที่จะมาเที่ยวและพักที่โอซาก้า ครับ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้าครับ