นิตยสาร Lonely Planet เคยเขียนบรรยายถึง “พิพิธภัณฑ์โลร็องเชอรี” (Musee de l’Orangerie) ประเทศฝรั่งเศสเอาไว้ว่า “The Musee de l’Orangerie is a perfect place to escape the hustle and bustle of Paris. The museum’s gardens are tranquil and serene, and the paintings are simply mesmerizing.”
.
Musee de l’Orangerie เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลบหนีความวุ่นวายของกรุงปารีส สวนของพิพิธภัณฑ์นั้นเงียบสงบและเงียบสงบ และภาพวาดที่ชวนให้หลงใหล
.
สะท้อนถึงความงามจนกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบอาคาร Clubhouse ของโครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โครงการที่ SC Asset รังสรรค์มาสำหรับคนรักงานศิลปะ
.
Claude Monet ศิลปินระดับโลกที่มีผลงานจัดแสดงใน Musee de l’Orangerie เชื่อว่าศิลปะมีพลังในการทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น ศิลปะสามารถช่วยให้ผู้คนเชื่อมโยงกับธรรมชาติและแสดงอารมณ์ของพวกเขาได้ เขาจึงต้องการให้ภาพวาดของเขานำความสุขและความสวยงามมาสู่โลก
.
การนำเอาสถานที่ทางศิลปะมาเป็นโจทย์ในการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต กานต์คิดว่ามีความน่าสนใจมาก ตรงที่ว่าเราจะร่วมเดินทางไปค้นหาคำตอบของชีวิตที่มีสุนทรียะในการพักอาศัยได้อย่างไร
.
ซึ่งหากใครได้เข้าไปสัมผัสกับโครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ เหมือนผม ก็จะเข้าใจได้ในทันทีถึงความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะแบบของบ้านหรูซีรีส์ใหม่ Modern Colonnade Style งานสถาปัตยกรรมกลิ่นอายยุโรปที่ให้ความเรียบหรู ดูอลังการ ตลอดจนการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รวมถึงการตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมของกรุงเทพฯ ตะวันตก เชื่อมต่อถนนหลายสาย ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
.
ไปชมภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากกันพร้อมกับอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในได้เลยครับ
.
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://m.scasset.com/FPMh
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 065-414-8299
LINE : @BBSPB
โครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ ตั้งอยู่บนถนนศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา
ด้านหน้าโครงการเป็นถนนใหญ่ที่สัญจรได้ง่ายและสะดวกสบาย เนื้อที่โครงการ 26-2-1 ไร่ รังสรรค์เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู 2 ชั้น บนที่ดินขนาดใหญ่ 100 ตร.วาขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 47 ยูนิต จึงนำเสนอจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยได้เป็นอย่างดี
ไฮไลท์ของโครงการคือเป็นบ้านหน้ากว้าง เน้นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ ให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัว พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่รังสรรค์บรรยากาศการพักผ่อนที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Musee de l’Orangerie พิพิธภัณฑ์ชื่อดังในฝรั่งเศส
ในการเดินทางมาชมโครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ นั้น กานต์ขับรถมาจากทางสาทร ตรงไปทางถนนราชพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าพุทธมณฑลสาย 2 เพื่อไปยังถนนศาลาธรรมสพน์ ซึ่งสะดวกมากหากใครจะต่อไปทางมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
ข้อดีของทำเลนี้ก็คือเชื่อมต่อกับถนนหลายสาย ไม่ว่าจะเป็นทางพิเศษศรีรัช (ประจิมรัถยา) ด่านตลิ่งชัน ถนนวงแหวนตะวันตกกาญจนาภิเษก ทั้งยังใกล้ MRT สายสีแดงอ่อน สถานีตลิ่งชัน และ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีหลักสอง
รอบโครงการรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โครงการตั้งอยู่ใกล้ Central Westville ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ และยังมีเดอะคริสตัล ราชพฤกษ์, ฟู๊ดวิลล่า ราชพฤกษ์, เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์, เซ็นทรัล ศาลายา ฯลฯ
สถานศึกษาใกล้เคียงได้แก่ โรงเรียนเพลินพัฒนา, โรงเรียนอนุบาลนานาชาติฮั่มมิงเบิร์ด, โรงเรียนสารสาสน์วิเทศธนบุรี, โรงเรียนนานาชาติไพโอเนีย รวมถึงมหาวิทยาลัยมหิดล
ส่วนสถานพยาบาลและศูนย์สุขภาพใกล้เคียงได้แก่ โรงพยาบาลธนบุรี 2, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก, โรงพยาบาลเจ้าพระยา, โรงพยาบาลศิริราช และ โรงพยาบาลพญาไท 3 เป็นต้น
ซุ้มทางเข้าโครงการดีไซน์เส้นสายทรงโค้งเพื่อล้อไปกับอาคาร Clubhouse ของโครงการ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Musee de l’Orangerie พิพิธภัณฑ์ชื่อดังของฝรั่งเศส ประดับด้วยไฟ LED ทำให้มีความโดดเด่นงดงาม สำหรับผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
ด้านหน้าโครงการมีการรักษาความปลอดภัยแบบ Triple Security ได้แก่
ควบคุมการเข้าออกโครงการด้วยระบบ Smart Gate จดจำทะเบียนรถ ผ่าน Application “ RueJai ” สำหรับลูกบ้านให้เปิดอัตโนมัติ
มีการติดตั้งระบบ CCTV ทั่วโครงการทั้งหมด 32 จุด รั้วโครงการสูง 2.8 เมตร และ Metal Fence อีก 0.2 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบกับ Clubhouse ทรงกลมความสูง 2 ชั้นสีขาวที่มีความโดดเด่นมากครับ สถาปนิกนำเสนอดีไซน์เป็นมีความโค้งมน ทำให้เกิดความรู้สึกพริ้วไหวกลมกลืนไปกับธรรมชาติแวดล้อม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก “โลร็องเชอรี” (Musee de l’Orangerie) พิพิธภัณฑ์ชื่อดังในฝรั่งเศส
ตัวอาคารตั้งตระหง่านอยู่บนลานสนามหญ้า โดยรอบประดับประดาด้วยไม้ดอกและไม้พุ่ม ที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อมองจากฝั่งถนนทางเข้าโครงการเข้ามา ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าของบ้านที่พักอาศัยในโครงการนี้ และยังใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับแขกได้ด้วย เพราะเราสามารถนัดหมายแขกที่มาพบพูดคุยธุระได้ที่ Clubhouse ของโครงการ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องชวนเข้าบ้าน เป็นการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับเราและเพื่อนบ้านด้วยครับ เมื่อขับรถเข้ามาด้านในจะเจอกับวงเวียนซึ่งจัดวางงาน Installation Art ไว้ตรงกลาง
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องของพิพิธภัณฑ์โลร็องเชอรี (Musee de l’Orangerie) สักเล็กน้อย ตั้งอยู่ในสวนตุยเลอรี กรุงปารีส ฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1862 เดิมทีใช้เป็นโรงเรือนสำหรับต้นส้มในฤดูหนาว ต่อมาได้กลายเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินอิมเพรสชันนิสม์และโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์
พิพิธภัณฑ์โลร็องเชอรีมีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานภาพวาดชุด “Water Lilies” ของ Claude Monet แสดงถึงภาพสวนดอกบัวในสวนกุหลาบของ Monet ที่เมืองจิแวร์นี ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้เริ่มวาดภาพชุดนี้ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1890 และใช้เวลาวาดนานกว่า 30 ปี กลายเป็นภาพวาดที่งดงามและน่าประทับใจมาก
Musee de l’Orangerie จึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนรักงานศิลปะอิมเพรสชันนิสม์
ถึงกระนั้นโครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ ก็ได้หยิบยกเอาความงามมาถ่ายทอดใหม่ให้สอดรับกับบริบทของที่พักอาศัยที่มีความสวยงาม หรูหรา ทว่าเน้นความเป็นส่วนตัวสูง
สระว่ายน้ำของ Clubhouse ดีไซน์เป็นรูปวงรีล้อไปกับรูปทรงของอาคาร เป็นสระระบบเกลือแบบกึ่งกลางแจ้ง (Semi-Outdoor) Infinity Edge Pool ที่มีขนาดใหญ่ 7.5×20 เมตร แยกฟังก์ชันออกเป็นสระสำหรับผู้ใหญ่ และสระเด็ก
สระว่ายน้ำมาพร้อมกับ Sundeck พร้อมร่มสีขาวขนาดใหญ่วางไว้อยู่ริมสระ ให้ได้มานั่งอาบแดด รับลม ส่วนอีกด้านจัดวาง Beanbag กระจายออกไป เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือในวันสบายๆ ได้ฟีลเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรู
ส่วนด้านในจะเป็นห้องน้ำแยกชายและหญิง มีตู้ล็อคเกอร์กับห้องอาบน้ำ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ
พื้นที่ส่วนกลางกระจายตัวออกไปโอบรับสระว่ายน้ำ ด้านขวาเป็น Lobby Lounge สำหรับรับแขก แต่ปัจจุบันยังเป็นสำนักงานขายของโครงการ ซึ่งลูกบ้านสามารถขึ้นไปใช้บริการที่ Co-Multi Space บริเวณชั้น 2 แทนก่อนได้ครับ
ใกล้กันเป็น Kids Room ห้องสันทนาการสำหรับเด็กที่มองเห็นวิวได้โดยรอบผ่านกระจกใสทรงสูงจรดเพดาน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของธรรมชาติสีเขียวจากต้นไม้รายรอบ และอีกด้านเป็นวิวสระว่ายน้ำ
ภายใน Kids Room จัดวางของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กเอาไว้กระจายตัวกันไปพร้อมโต๊ะที่นั่งลายขาวดำเป็นทางม้าลายดูน่ารักสดใส มีสไลเดอร์และบ่อบอลให้เล่นสนุก โดยหลักการออกแบบจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ชั้นบนเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับลูกบ้านเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว ออกแบบให้เป็น Co-Multi Space ผมจะพาเดินขึ้นบันไดไปชมกันครับ
อีกจุดที่ผมต้องเขียนถึงทุกครั้งที่ได้มาเยี่ยมชมโครงการบ้านของ SC Asset เพราะค่อนข้างประทับใจในการใส่ใจรายละเอียดของการอยู่อาศัย แม้ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผมคือความงดงามที่ยิ่งใหญ่ในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
นั่นคือการออกแบบ Universal Design ในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีทั้งทางลาดสำหรับเข้าสู่ Clubhouse เพื่อรองรับผู้ใช้งานรถเข็น วีลแชร์
นอกจากนี้ ยังมี Stairlift หรือลิฟต์เก้าอี้เลื่อนขึ้นบันไดเพื่อนำผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษขึ้นไปยังบนชั้น 2 ของ Clubhouse ซึ่งผมเองพบเห็น Service นี้ในทุกโครงการของ SC Asset ที่ได้ไปรีวิวมาเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงลูกบ้านทุกคนอย่างเท่าเทียมที่แท้จริง
ชั้นบนเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับลูกบ้านเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว ออกแบบให้เป็น Co-Multi Space จัดวางที่นั่งไว้หลากหลาย รองรับการใช้งานทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม
ใกล้กันมีห้องประชุมสำหรับรองรับการทำธุรกิจของบลูกบ้านได้ เรียกได้ว่านอกจากจะออกแบบได้สวยงามแล้ว ยังคำนึงถึงหลักฟังก์ชันการใช้งานจริง
ผมลองไปนั่งแล้วรู้สึกได้ถึงการออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานและพักผ่อนชมวิวสบายๆ มองออกไปเห็นวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใส สีสันของธรรมชาติที่แต่งแต้ม งดงามราวกับเป็นภาพวาด ได้อารมณ์อิมเพรสชั่นนิสต์เหมือนงานของ Monet
ภายในจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ฟรีฟอร์ม เน้นสีน้ำตาล สีเทา สีดำ มีมุมเคาน์เตอร์บาร์ได้ฟีลคาเฟ่ พร้อมทั้งจัดชุดครัวและอ่างล้างจานสำหรับเตรียมจัด Exclusive Party จึงเหมาะสำหรับใครที่อยากปลีกวิเวกมาใช้เวลากับตัวเองหรือเปลี่ยนบรรยากาศชวนเพื่อนมานั่งทานข้าวเม้าท์มอยกันที่นี่ก็ได้เช่นกัน
ถัดจาก Co-Multi Space จะเป็นห้องฟิตเนสครับ มีขนาดใหญ่มาก เพดานสูงโปร่ง ออกกำลังกายสบายไม่อึดอัด จัดวางเครื่องเล่นและอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้เยอะมาก ทั้งฟรีเวทและแมชชีน รองรับได้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้าน
โดยลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน เครื่อง Elliptical จะจัดวางเป็นแนวยาวขนานไปกับหน้าต่างเพื่อให้เราสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวสีเขียวของต้นไม้ และวิวสระว่ายน้ำภายนอกได้ด้วย ส่วนด้านในจัดวางอุปกรณ์ฟรีเวทพร้อมกระจกเงา เอาไว้เช็คท่วงท่าที่ถูกต้อง
ติดกันเป็น Studio อเนกประสงค์สำหรับออกกำลังกาย ซ้อมร้องซ้อมเต้น เป็นพื้นที่ปลดปล่อยจินตนาการ ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะซึ่ง SC Asset ได้หมุนเวียนนำเสนอไปยังโครงการต่างๆ ของ Bangkok Boulevard Signature
เดินลงบันไดไปชมพื้นที่กลางแจ้งกันบ้างดีกว่าครับ ผมสังเกตว่าตอนเย็นๆ บรรยากาศดีมาก ด้วยความที่ต้นไม้เยอะจึงมีความร่มรื่น เย็นสบาย กระตุ้นให้ลูกบ้านได้ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านบ้าง เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ
บรรยากาศของ Clubhouse ช่วงเวลาเย็นๆ เป็นอะไรที่ดูสดชื่น เย็นสบายมากๆ ครับ
ติดกันกับสระว่ายน้ำจะเป็นสนามเด็กเล่นแบบกลางแจ้ง สีสันสดใสเลือกใช้เป็นโทนสีฟ้า สีน้ำเงิน ตัดกับสีเขียวของแมกไม้และสีสันสดใสของไม้ดอกที่ปลูกไว้รอบบริเวณ
เป็นมุมที่ผมคิดว่าเด็กๆ น่าจะชอบเนื่องจากได้ทำกิจกรรมแบบ Adventure ที่ท้าทายประสบการณ์ โดยเฉพาะปีนเขา ดูจะเป็นของเล่นที่สร้างความเร้าใจและน่าตื่นเต้นให้กับเด็กๆ มากเลยครับ
จากพื้นที่ส่วนกลาง กานต์พามาชมบ้านตัวอย่างกันบ้างครับ
สำหรับโครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า – บรมฯ จะมีบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ
โดยแบบบ้านที่กานต์พามาชมจะเป็นบ้าน TYPE L หลังใหญ่สุดชื่อว่า Corinthian ขนาดพื้นที่ใช้สอย 524 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้าน 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, Double Living Room, ด้านหลังมีห้องแม่บ้านพร้อมลานซักล้าง ส่วนหน้าบ้านสามารถจอดรถได้มากถึง 4 คัน
โครงการลงเสาเข็มพื้นลานจอดไว้ลึกเท่ากับโครงสร้างหลักของบ้าน หมดกังวลเรื่องการทรุดตัว ในส่วนของผนังได้ติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ด้านหลังลานจอดมีตู้เก็บของสำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถุงกอล์ฟ จักรยาน อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีประตูเล็กเชื่อมต่อเข้าบ้านฝั่งครัว จึงนับว่าสะดวกมากหากเราแวะซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าบ้าน ไม่ต้องเดินผ่าน Living Area ส่วนรอบๆ บ้านจะมีที่ดินเหลือไว้สำหรับจัดตกแต่งสวนได้อีก เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
กานต์พาเดินเข้าชมบรรยากาศภายในบ้านผ่านทางประตูหลักด้านหน้าบ้านครับ เป็นประตูบานไม้สักแท้ Oversize แบบบานครึ่งเปิดกว้างได้ 2 ฝั่งซึ่งผมว่าสะดวกมาก หากเราต้องการขนของชิ้นใหญ่เข้าบ้าน หรือสำหรับบ้านที่มีผู้พักอาศัยจำเป็นต้องใช้รถเข็นวีลแชร์ก็จะอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยทางโครงการยังได้ติดตั้ง Digital Door Lock ที่มือจับประตูมาให้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor ซึ่งจะเห็นอยู่ตรงบริเวณของช่องหน้าต่างและประตูบ้านทั้งหลังมาให้แล้วเช่นกัน
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือบ้านของที่นี่จะรายล้อมภายในบ้านด้วยกระจก ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน
ตรงกลางบ้านเป็นโถงต้อนรับเพดาน ที่สูงถึง 6.8 เมตรแบบ Double Volume จรดชั้นบน ทำให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายทันทีที่กลับมาถึงแล้วเปิดประตูเข้าสู่ภายในบ้าน
บ้านตัวอย่างดีไซน์ฟังก์ชันสำหรับพักผ่อนเอาไว้ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อจะได้เป็นไอเดียในการออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ด้านซ้ายออกแบบเป็นเล้าจน์ สำหรับนั่งจิบเบาๆ ก่อนเริ่มมื้ออาหาร และด้านขวาเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มองเห็นวิวสวนสีเขียวรอบบ้าน
เมื่อเข้ามาด้านใน เราจะพบกับการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เน้นพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกคนภายในบ้านได้ดี
โดยมีไฮไลท์คือ Common Area กลางบ้าน ซึ่งออกแบบให้ Living & Dining Area เชื่อมต่อกัน จัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวได้สบายเลยครับ สามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัน เป็นไปตามไอเดียคอนเซปต์ของการจัดวางผังภายในบ้านแบบ Open Plan ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ไม่ซ้ำกันตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว
พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ ประกอบกับบ้านตัวอย่างตกแต่งโทนสีน้ำตาลอ่อน ตัดกับสีน้ำเงินของเฟอร์นิเจอร์และสีเขียว ก็ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่ มุมนั่งเล่นจัดวางโซฟาขนาดใหญ่ 8-10 ที่นั่ง ด้านหน้าชิดผนังจะติดตั้งทีวีเอาไว้ สามารถใช้เป็นมุมรับแขกและพักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน
ชั้นล่างของบ้านจึงดูค่อนข้างโล่งและโปร่งสบายด้วยการเปิดช่องแสงธรรมชาติโดยรอบทำให้บ้านสว่างได้ตลอดทั้งวันเป็นการประหยัดไฟไปในตัว และเปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไป
ด้านซ้ายมือของประตูบ้าน ตามแปลนบ้านมาตรฐานแล้วจะเป็นห้องนอน 4 ชั้นล่างครับ สถาปนิกตั้งใจออกแบบมาให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations มาพร้อมกับฟังก์ชันห้องน้ำในตัว ที่ออกแบบรองรับสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุเผื่อเอาไว้ให้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้าห้องและประตูห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ พื้นห้องใช้เป็น SPC และเป็นแบบ Stepless คือไม่มีธรณีประตูเพื่อป้องกันการสะดุดล้ม การออกแบบให้พื้นห้องใช้เป็น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทกเวลาที่เกิดการณ์ไม่คาดคิด ส่วนห้องน้ำติดตั้งราวจับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหว
บ้านตัวอย่างปรับการตกแต่งให้เป็นเล้าจน์สำหรับนั่งดื่มเบาๆ หรือเป็นพื้นที่ต้อนรับแขกคนสนิท ภายในดีไซน์เรียบขรึมดูเท่ดีครับ ประกอบกับโซฟาหนังสีดำสไตล์วินเทจทำให้ห้องนี้สะท้อนคาแรกเตอร์ของเจ้าของบ้านที่มีความเรียบนิ่งเท่ได้ดี
ห้องนอนผู้สูงอายุบริเวณชั้นล่างยังเชื่อมต่อกับสวนและลานเฉลียงภายนอก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของแบบบ้าน Type L เพราะจะมีพื้นที่ว่างรอบบ้านให้เราจัดสวนสวย เชื่อมต่อกับทุกห้องด้วยผนังเป็นกระจกใสบานใหญ่สามารถชมวิวสีเขียวได้จากภายในห้อง หรือหากผู้สูงอายุอยากจะเปิดประตูออกมาเดินเล่นหรือขยับร่างกายเบาๆ หน้าบ้านตอนเช้าก็สะดวกมาก เพราะไม่ต้องรบกวนสมาชิกคนอื่นๆ ภายในบ้าน
ส่วนด้านหลังบ้าน นอกจากจะเป็นสวนแล้วยังออกแบบให้มีเคาน์เตอร์ปูนสำหรับจัดวางอุปกรณ์ทำครัวเพื่อรองรับการสังสรรค์ปาร์ตี้นอกบ้านในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง สามารถเลื่อนเปิดประตูกระจกออกเพื่อเชื่อมต่อการใช้งานภายในและภายนอกบ้านเข้าด้วยกัน
บริเวณภายนอกบ้านยังออกแบบให้เป็นเฉลียงที่นั่งด้านข้างบ้านพร้อมโต๊ะกลาง สำหรับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้าท่ามกลางพื้นที่สวนสีเขียว มีสายลมอ่อนๆ พัดสบายเข้าสู่บ้านตลอดทั้งวัน
ด้วยความที่บ้านจัดวางแปลนในทิศเหนือ-ใต้ เป็นการออกแบบโดยเน้นหลัก Ventilation ทำให้การไหลเวียนของอากาศทำได้ดีเป็นไปตามทิศทางลมพัดผ่าน ไม่ได้หันหน้าไปปะทะกับแสงแดดโดยตรง ทำให้บ้านรู้สึกเย็นสบายตลอดเวลา
ไฮไลท์อีกอย่างที่น่าสนใจของโครงการนี้คือการติดตั้ง Solar Cell บนหลังคาโครงการเพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าพร้อมติดตั้งระบบแปลงไฟเข้ามาใช้ในบ้านก็ถือว่าช่วยประหยัดค่าไฟไปได้พอสมควร
ขณะเดียวกัน SC Asset ยังได้นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้อำนวยความสะดวกและสร้างความสบาย ปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย โดยภายในบ้านยังได้วางระบบ Active Air Quality ระบบขจัดมลพิษทางอากาศ กรองอากาศให้สะอาด และดันอากาศเสียออกออกบ้านโดยอัตโนมัติ ทำให้อากาศภายในบ้านสะอาด สดชื่นเหมือนนั่งอยู่ในสวน
โดยมุมบ้านด้านหลังจัดเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน เชื่อมต่อกับเฉลียงกว้างด้านหลังและด้านข้างบ้าน เป็นการเปิดมุมมองจากภายในสู่ภายนอก ผ่านผนังกระจกบานใหญ่ สามารถเปิดรับลม ชมวิวสวนสีเขียวด้านนอกได้
ถัดเข้าไปด้านในเป็นมุมรับประทานอาหาร ขนานไปกับความกว้างของตัวบ้านชั้นล่าง บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะขนาด 8 ที่นั่ง ซึ่งเอาเข้าจริงผมว่าเราสามารถจัดโต๊ะแบบ Long Table ได้สบายๆ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือมากเลยครับ
บรรยากาศระหว่างมื้อสามารถเพลินเพลินกับอาหารอร่อยบนโต๊ะไปพร้อมกับการชมวิวสวนสีเขียวภายนอก เราสามารถเปิดประตูกระจกออกเพื่อเชื่อมต่อความสุขจากภายในสู่ภายนอกระหว่างที่จัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ได้ด้วยครับ สามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัวหรือชวนเพื่อนสนิทมาทานข้าวสังสรรค์ที่บ้านได้สบายเลยครับ
ติดกันกับโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็น Pantry พร้อม Island และเตาไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหาร ผมว่าเราสามารถเชิญเซเลบริตี้เชฟมาทำอาหารให้ทานที่บ้านแบบส่วนตัวได้เลยครับ ด้านในเป็นเคาน์เตอร์เข้ามุมขนาดใหญ่เป็นรูปตัวแอล (L-Shape) พร้อมทั้งติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 2 หลุมเอาไว้ให้แล้ว ข้างใต้และด้านบนเป็นตู้เก็บของที่ปิดหน้าบานเรียบร้อย ด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่ 2 ประตูได้ลงล็อค
ชั้นล่างจะมีห้องน้ำส่วนกลางแบบ Powder Room ที่มีขนาดค่อนข้างกว้างเอาไว้บริเวณทางออกด้านข้างติดกับประตูลานจอด โดยบริเวณผนังประตูทางเข้าบ้านจะติดตั้งแผง Ruejai Home Automation และแผงหน้าจอแสดงผลและควบคุมระบบสัญญาณกันขโมยรอบบ้าน
ทั้งนี้ เมื่อเดินลึกเข้าไปด้านในสุด เปิดประตูไปจะเป็นลานซักล้างด้านหลังบ้าน โดยทางโครงการได้เดินงานระบบไฟฟ้า ประปา แยกท่อน้ำดีน้ำทิ้งมาให้เรียบร้อยแล้วครับ จะได้ลดความยุ่งยากให้กับลูกบ้าน
นอกจากนี้ยังจัดให้เป็นพื้นที่ทำงานของแม่บ้านและมีห้องนอนแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังอีกด้วยครับ
ด้านในเป็นส่วนของครัว โดยบ้านจะกั้นผนังและทำเป็นห้องแยกสัดส่วนการใช้งานมาให้ เพื่อจะได้เป็นการป้องกันกลิ่นและควัน จากการทำอาหารไม่ให้ย้อนกลับเข้าสู่ภายในบ้าน โครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวพร้อมทั้งติดตั้งเตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานเป็นแบบ 2 หลุมมาให้แล้ว พร้อมทั้งตู้เก็บของบนล่างและพื้นที่ว่างสำหรับจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่ ผนังห้องครัวส่วนที่เชื่อมกับหลังบ้านจะมีหน้าต่างมาให้ เราสามารถเปิดบานสไลด์หรือเปิดประตูออกไปเพื่อช่วยระบายอากาศได้
ภายในครัวยังดีไซน์ให้มีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับนั่งทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ก่อนไปทำงานและไปโรงเรียน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็สามารถเดินออกทางประตูเล็กที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถได้ทันที ทั้งนี้ โครงการได้ติดตั้งมือจับและ Digital Door Lock มาให้แล้ว
เราเดินขึ้นบันไดไปชมชั้นสองของบ้านกันต่อครับ บันไดขึ้น-ลง ถูกออกแบบให้อยู่ช่วงกึ่งกลางของบ้าน รับกับโถงสูงที่อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าบ้าน โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้มะค่าสีเข้ม ราวกันตกเป็นเหล็กทาสีดำ ส่วนมือจับเป็นลายไม้เข้ากันดี
ชานพักทั้ง 2 ระดับมีพื้นที่ใหญ่ สามารถเดินสวนกันขึ้นลงได้สบายเลยครับ ระหว่างชานพักมีหน้าต่างเปิดช่องแสงธรรมชาติเพื่อช่วยส่องสว่างบริเวณบันได เราสามารถติดตั้งผ้าม่านเพื่อเปิดปิดแสงได้
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนจะเป็นโถงทางเดินกว้างๆ ที่เชื่อมต่อห้องนอนทุกห้องเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีราวกั้นทั้ง 2 ฝั่งแบบเปิดโล่ง ทำให้บ้านดูโปร่ง สามารถรับแสงผ่านกระจกใสจากโถงหน้าบ้าน ช่วยให้ชั้นบนดูสว่างมากและยังมองเห็นความเคลื่อนไหวจากประตูใหญ่หน้าบ้านได้
ด้านข้างบันไดบริเวณชั้นสอง ออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายเบาๆ ภายในบ้าน อาจจะติดตั้งเครื่องปั่นจักรยานและลู่วิ่งไฟฟ้าคู่กันได้ เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างมาก หรืออาจจะทำเป็นห้องพระเพิ่มเติมในภายหลังก็ได้เช่นกัน
ด้วยความที่โถงบันไดค่อนข้างสูง ผมแนะนำให้เลือกแชนเดอร์เลียร์หรือโคมไฟระย้าเป็นทางยาวก็จะช่วยให้เป็นอีกหนึ่งมุมที่โดดเด่นของบ้านได้ครับ
ชั้นบนเมื่อเดินพ้นบันไดขึ้นมาจะเป็นพื้นที่ของ Family Area ชั้นบนปูด้วยพื้น Engineering Wood ต่อเนื่องกันไปทุกห้อง
มุมนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านที่ผมประทับใจ เพราะออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัวให้ได้พักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ และทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นมุมสังสรรค์ปาร์ตี้ เป็นมูฟวี่ไนท์ ด้านในยังแยกเป็นห้องเล็กในบรรยากาศแบบส่วนตัว สำหรับนั่งอ่านหนังสือพักผ่อนในวันสบายๆ และกั้นไว้หากต้องการได้สัมผัสกับลมธรรมชาติผ่านระเบียงชั้นบน
ชั้นบนจะมีห้อง Master Bedroom และห้องนอนรองอีก 2 ห้อง เราจะเริ่มจากห้องนอนหลักซึ่งอยู่ทางปีกขวาของบ้านมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งชั้น เมื่อเข้าไปด้านในจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสูงโปร่งดูโออ่าด้วยเพดานสูงถึง 4 เมตร เรียกได้ว่าเป็นห้องนอนที่ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนสบายๆ ในบรรยากาศแบบส่วนตัวจริงๆ หัวเตียงและบริเวณด้านข้างเตียง เปิดช่องแสงขนาดใหญ่เอาไว้
นอกจากนี้ยังจัดให้มีอาร์มแชร์สำหรับนั่งจิบเบาๆ ในเคาน์เตอร์บาร์ส่วนตัวภายในห้องนอน
ด้านข้างเตียงเป็นประตูกระจกบานสไลด์ขนาดใหญ่ ติดตั้งให้เกือบเต็มผนัง ทำให้ห้องนี้รับแสงธรรมชาติได้อย่างดี และยังช่วยให้ห้องดูกว้างมากขึ้นอีกด้วย สามารถเปิดออกไปเป็นระเบียงขนาดใหญ่ให้เราได้ยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนได้ หรือจะจัดวางไม้กระถางประดับพื้นที่ก็เข้าทีดีเหมือนกัน ขณะเดียวกัน เราก็ยังสามารถเปิดรับธรรมชาติสีเขียววิวผ่านกระจกใสด้านข้างเตียงที่มียอดไม้คอยโบกทักทายเราในทุกเช้า
บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้บริเวณด้านใน หัวเตียงเปิดช่องแสงเอาไว้ให้พระอาทิตย์ทำหน้าที่นาฬิกาปลุก พร้อมกับเว้นพื้นที่ว่างเดินได้รอบเตียงแบบเหลือๆ ปลายเตียงจัดวางเดย์เบดสำหรับเอนกาย ไว้นั่งอ่านหนังสือหรือดูทีวีแบบส่วนตัวในห้องนอน
ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และ Master Bathroom จะอยู่ถัดเข้าไปด้านในสุด ห้องแต่งตัวมีขนาดใหญ่มากครับ มีพื้นที่จัดเก็บค่อนข้างเยอะ
บ้านตัวอย่างออกแบบให้มีตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดานขนานกันทั้งสองฝั่งสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าได้เต็มพื้นที่ ตรงกลางมี Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับ ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ตรงกลางติดผนัง บ้านตัวอย่างติดตั้งกระจกแบบ 2 บานเพื่อให้เราสามารถใช้งานได้พร้อมกัน
ถัดเข้าไปเป็น Master Bathroom มีขนาดค่อนข้างกว้าง เปิดช่องแสงส่องสว่างและระบายอากาศได้เต็มที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกได้ช่วยให้ห้องน้ำไม่อับชื้น ภายในติดตั้งอ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่มี Shower อยู่ด้านในเป็นพื้นลดระดับลงไปกั้นส่วนเปียกแห้ง ส่วนมุมห้องน้ำด้านในติดตั้งสุขภัณฑ์อัตโนมัติเอาไว้แล้วครับ
สถาปนิกออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง เช่นเดียวกับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องซึ่งอยู่ปีกซ้ายของบ้าน ความน่าสนใจและถือว่าทีมออกแบบทำการบ้านได้ครีเอทดีก็คือการ Combined ห้องนอนทั้ง 2 เข้าด้วยกัน โดยยังคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว
ห้องตัวอย่างตกแต่งให้มีความกลมกลืนกัน แต่บ่งบอกความเป็นไลฟ์สไตล์ของเจ้าของห้องคือ เด็กสาวฝาแฝดวัยสดใส แยกฟังก์ชันการใช้งานของทั้ง 2 ห้องออกจากกัน
ห้องนอนแรกตกแต่งในโทนพาสเทลสีชมพูดูน่ารักสมวัย ด้านหน้าเป็นโต๊ะทำการบ้านอ่านหนังสือซึ่งจะอยู่ติดกันกับอีกห้อง ส่วนด้านในเป็นพื้นที่พักผ่อน จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมเปิดช่องแสงเอาไว้บริเวณหัวเตียง
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่แต่งตัวที่แยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วนและมีห้องน้ำอยู่ด้านใน สุขภัณฑ์ภายในห้องให้เป็นของ Kohler
ส่วนห้องติดกันจะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ตกแต่งในโทนสีฟ้าพาสเทลเช่นกัน จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง เปิดพื้นที่ว่างรอบเตียงให้เดินได้โดยรอบ ระเบียงสามารถเปิดออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ได้
ถัดเข้าไปด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet มีการเว้นพื้นที่สำหรับเปิดช่องแสงผ่านกระจกจากบริเวณหน้าบ้าน ช่วยเพิ่มแสงสว่างจากธรรมชาติภายนอกเข้ามาในห้องแต่งตัวโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟ ทำให้เราได้รับแสงธรรมชาติขณะที่เราแต่งตัว ขณะเดียวกันห้องนอนนี้ก็มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน
#โดยสรุป โครงการ Bangkok Boulevard Signature ปิ่นเกล้า-บรมฯ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจโดยหยิบยกเอาเสน่ห์ของงานศิลปะมาเป็นส่วนสำคัญของการสร้างบรรยากาศแห่งการพักอาศัย ราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางปารีส ฝรั่งเศส ไฮไลท์คือ Clubhouse ขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Musee de l’Orangerie ดังนั้นงานออกแบบสโมสรจึงมีเอกลักษณ์คือความโค้งมนราวกับอยู่ในแกลอรี่ที่จัดแสดงงานของ Claude Monet
ส่วนตัวบ้านดีไซน์ซีรีส์ใหม่ Modern Colonnade Style เป็นงานสถาปัตยกรรมกลิ่นอายยุโรปที่เรียบหรู ดูโมเดิร์น ล้ำสมัย ออกแบบเป็นบ้านหน้ากว้างหลังใหญ่ที่ให้ความอลังการทว่าเน้นความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย สมกับที่เป็นงานดีไซน์สไตล์ตะวันตกที่ผมมองว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัวมากครับ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร. 065-414-8299
LINE : @BBSPB