Bangkok Boulevard Ramintra 109

🍁ใครจะไปคิดว่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเศร้า จะทำให้เราดูสดใส เมื่อได้เจอกับวลีของ Albert Camus นักเขียนรางวัลโนเบล เขียนถึงช่วงเวลานี้ในมุมมองที่สวยงาม📸✨

“𝐋’𝐚𝐮𝐭𝐨𝐦𝐧𝐞 𝐞𝐬𝐭 𝐮𝐧 𝐝𝐞𝐮𝐱𝐢è𝐦𝐞 𝐫𝐞𝐬𝐬𝐨𝐫𝐭 𝐨𝐮 𝐜𝐡𝐚𝐪𝐮𝐞 𝐟𝐞𝐮𝐢𝐥𝐥𝐞 𝐞𝐬𝐭 𝐮𝐧𝐞 𝐟𝐥𝐞𝐮𝐫.” -ฤดูใบไม้ร่วง เป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิอีกครั้งที่ทำให้ใบไม้ทุกใบกลายเป็นดอกไม้🍃

จะว่าไปกานต์ไม่เคยคิดถึงมุมนี้เลยครับ แม้เราจะรู้กันดีว่าฝรั่งเศสในช่วงเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสีก็มีสวยงามในตัวเองอยู่แล้ว

แสงแดดในช่วงฤดูหนาวคือกล่องของขวัญที่ให้ความอบอุ่นแก่เรา ใบไม้เปลี่ยนสีก็เหมือนโบว์ประดับที่คาดไว้ เปิดกล่องออกมาเมื่อไรก็จะพบแต่ความสุข

ฟีลลิ่งของ Autumn in Paris จึงเป็นช่วงเวลาที่สวยงามและน่าจดจำมากๆ ครับ

Bangkok Boulevard Ramintra 109 จึงมาพร้อมกับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บรรยากาศของโครงการให้มีกลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วงที่ปารีส มหานครแห่งความทรงจำที่น่าประทับใจของใครหลายคนรวมถึงผมด้วยครับ

เมื่อได้ไปชมโครงการ เราได้เห็นเส้นสายสีน้ำตาลอมแดงของอาคารสโมสรส่วนกลางที่ได้รับอิทธิพลมาจากโครงสร้างของหอไอเฟล (Tour Eiffel) ตลอดจนการตกแต่งบ้านตัวอย่างที่หรูหรา เพราะว่าสถาปนิกได้นำเอาอัตลักษณ์ที่น่าสนใจของสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มาสร้างสรรค์ ออกแบบและตกแต่งได้อย่างสวยงาม ภายใต้แบบบ้าน Lanai Series เน้นความเป็นบ้านหน้ากว้าง ฟังก์ชันครบ เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้กับสมาชิกทุก Generations ภายในบ้าน แต่ยังคงผสานความสัมพันธ์ภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

.

รีวิวนี้ KΔNT จึงอยากชวนไปเที่ยวปารีส ในบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงที่สุดแสนโรแมนติค นำเสนอผ่านภาพถ่ายในคอลเลคชั่น Autumn in Paris ที่โครงการ Bangkok Boulevard Ramintra 109 พร้อมกับอ่านเรื่องราวกันต่อที่แคปชั่นด้านในไปพร้อมกันครับ

โครงการ Bangkok Boulevard Ramintra 109 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 28-3-66 ไร่ จำนวน 87 ยูนิต เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู 2 ชั้น ไฮไลท์ของโครงการคือเป็นบ้านหน้ากว้าง เน้นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่

มีจุดเด่นที่การออกแบบแปลนให้มีพื้นที่ Semi Outdoor เชื่อมต่อธรรมชาติภายนอกและการอยู่อาศัยภายในตัวบ้านได้ นำเสนอภายใต้แบบบ้านใหม่ LANAI SERIES ซึ่งได้พัฒนาขึ้นมาในช่วงโควิดที่ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านกันมากขึ้น

จึงทำให้แบบบ้านของโครงการนี้ มีความพิเศษเพราะได้ทั้ง Space ส่วนตัวภายในบ้านที่เชื่อมต่อไปยัง Space ส่วนรวมที่ใช้งานร่วมกันภายนอกบ้านได้ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่หลายคนต้องการ ดีไซน์พื้นที่ภายในบ้านสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้บ้านเป็นได้มากกว่าการอยู่อาศัย

ไม่ว่าจะเป็น การทำงานแบบ Work From Home การประชุมออนไลน์หรือคุยกับเพื่อนผ่านวีดีโอคอล ได้ใช้ชีวิตที่เป็นสัดส่วนและบริหารพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างลงตัวมากขึ้น

ดังนั้น LANAI SERIES จึงตอบโจทย์ของการเป็นบ้านเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของมหานครปารีสภายในโครงการได้ครับ นับเป็นโครงการแรกของ SC Asset กับบ้านซีรีย์นี้ที่ตั้งอยู่ในทำเลย่านรามอินทรา

โครงการ Bangkok Boulevard Ramintra 109 ตั้งอยู่ในซอยแสงศรี หรือซอยพระยาสุเรนทร์ 30 บนถนนพระยาสุเรนทร์ หรือซอยรามอินทรา 109 ใกล้ถนนรามอินทรา 2.8 กม. เราสามารถขับรถออกไปยังถนนกาญจนาภิเษกหรือขึ้นทางด่วนฉลองรัชได้อย่างรวดเร็ว ตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีบางชัน เพียง 3 กม. (กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ

สิ่งอำนวยความสะดวกสบายในย่านรามอินทราต้องบอกว่าครบครันครับ ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Fashion Island และ The Promenade ซึ่งอยู่ติดกัน

อีกทั้งยังมี Community ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ มากมายในย่านนี้ รายล้อมด้วยสถานศึกษาชื่อดัง โรงเรียนนานาชาติเลิศหล้า โรงเรียนนานาชาติ Bromsgrove และ IBS3 มีโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย อาทิ โรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลอินทรารัตน์ โรงพยาบาลนพรัตน์ และโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะมากกับการพักอยู่อาศัย

Clubhouse และสวนส่วนกลางได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์บรรยากาศให้เป็นแบบมหานครปารีสที่มีความโรแมนติคในฤดูใบไม้ร่วง มีการนำฟอร์มทรงโค้งมาใช้ Facade เน้นเส้นสายแนวดิ่งเพื่ออำพรางสายตา ให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวเมื่อมาใช้บริการ โดยออกแบบให้สามารถใช้งาน และ Take view ได้ถึงสามด้านด้วยกัน ซึ่งเราจะได้พาไปชมในทุกรายละเอียดของการออกแบบครับ

ด้านหน้าโครงการออกแบบ Main Gate เป็นซุ้มประตูทางเข้าขนาดใหญ่ เห็นมาแต่ไกลด้วยความกว้างมากถึง 61 เมตร ดูโอ่อ่า น่าอยู่ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากไลฟ์สไตล์สุดเก๋ของผู้คนปารีสเชียง ทั้งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ และอาร์ตสเปซชื่อดังในกรุงปารีส เน้นโครงสร้างเป็นเหล็กสีน้ำตาลอมแดง ทำให้ได้ฟีลลิ่งของฤดูใบไม้ร่วงแบบ Autumn in Paris ได้ดี มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่น

ด้วยความที่ Main Gate จะมีระยะถอยร่นจากถนนใหญ่ด้านหน้าพอสมควร ทำให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศของความเงียบสงบ ที่สำคัญคือลดปัญหาเรื่องมลพิษที่จะมารบกวนการอยู่อาศัย ทางเข้าจะมีสะพานต้องขับข้ามไป ก่อนที่จะพบกับบรรยากาศของปารีสในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้านในโครงการครับ

โดยแบบบ้านที่กานต์พามาชมจะเป็นบ้านหลังใหญ่สุดชื่อ Captivate ดูหรูหรา Modern Elegant มากครับ ขนาดที่ดินเริ่มต้น 69.2 ตร.วา ภายในบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้านขนาด 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ พร้อมห้องรับแขก ห้องพักผ่อนชั้นบน ห้องพระ ห้องรับประทานอาหารและครัว ด้านหลังเป็น Maid Plaza และห้องแม่บ้าน สามารถจอดรถได้ 3 คัน

ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านต้องสวยดูดี ดูหรูหรา สมฐานะ และต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยเข้ามาประกอบด้วย

สถาปนิกจึงออกแบบให้มี Terrace เพื่อการพักผ่อนรับลมด้านข้างบ้าน มีระเบียงขนาดใหญ่ด้านบน ดีไซน์ Exterior ของบ้านให้มี Facade ด้านหน้าทั้ง 2 ชั้น เป็นลักษณะฟินที่เปิด-ปิดได้ ตีเป็นซี่คล้ายระแนงไม้สีน้ำตาลเพื่อให้ได้ฟีลลิ่งของความเป็นบ้านฟีลธรรมชาติมากที่สุด ช่วยในการเปิดรับแสงจากภายนอกและเพิ่มความเป็นส่วนตัว เพราะสามารถปิดเพื่อบังสายตาจากภายนอกที่จะมองเข้ามา ทั้งยังทำให้บ้านดูมีดีเทลในการออกแบบที่มากขึ้นและยังคงความหรูหราสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของโครงการ Bangkok Boulevard

จอดรถแล้ว ถือโอกาสขอใช้ทางเข้าประตูเล็กที่โรงรถก่อนนะครับ

เดินเข้ามาภายในบ้าน ทางโครงการติดตั้งสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor พร้อม Smoke Detector และ Heat Detector มาให้แล้วทุกหลังครับ

ด้านหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน มี Wall Box รองรับ EV Charger ทุกรุ่น จากที่จอดรถจะมีประตูเล็กเพื่อเชื่อมไปสู่ครัวด้านในโดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่านห่้องรับแขกโซนด้านหน้าบ้าน ทำให้สะดวกมากหากเราซื้อของมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วสามารถถือเดินไปเก็บไว้ในครัวได้ทันที

โครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวรูปทรงตัวแอล (L-shape) เว้นพื้นที่ด้านในสำหรับจัดวางตู้เย็น Side by Side ขนาดใหญ่ได้สบาย มีช่องเปิดเพื่อเชื่อมต่อกับลานด้านหลัง และยังสามารถใช้ระบายอากาศจากการทำครัวได้

พื้นปูแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ขนาด 60 x 60 ซม. ข้อดีคือเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย เพราะในห้องครัวคือค่อนข้างจะเลอะไวกว่าปกติ

ด้านหลังเป็น Maid Plaza และลานซักล้างพร้อมกับห้องนอนแม่บ้าน 

ด้านหน้าประตูเล็กพอมีพื้นที่ว่างให้เราสามารถติดตั้งตู้รองเท้า หรือ Buit-in ตู้เก็บของเพิ่มได้ ติดกันเป็นห้องน้ำสำหรับแขกชั้นล่างพร้อมติดตั้ง Shower มาให้ด้วยครับ

จากประตูเล็กบริเวณลานจอด เราจะพาเดินกลับมาเข้าบ้านผ่านทางประตูหลักกันดีกว่าครับ ประตูหน้าบ้านดีไซน์เป็นบานสไลด์โดยใช้กระจกแผ่นใหญ่เต็มบานแบบเข้ามึุมมีความสูงเกือบถึงฝ้าเพดานประมาณ 3 เมตร ทำให้ได้รับช่องแสงขนาดใหญ่ส่องผ่านเข้ามาภายในมากขึ้น ช่วยให้บ้านสว่างและเปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไป

เข้ามาภายในตัวบ้านเราจะพบกับพบกับ Common Area ที่มีขนาดใหญ่ เชื่อมต่อส่วนของ Living Dining และครัวเข้าไว้ด้วยกัน บ้านตัวอย่างจัดเป็นมุมสำหรับรับรองแขก โดยจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ เก้าอี้ดีไซน์สวย พร้อมทีวีติดผนัง เราสามารถเลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลยครับ

พื้นที่ในห้องรับแขก จะมีประตูกระจกด้านข้างเพื่อเชื่อมมุมมองออกไปยังสวนข้างบ้านได้ โดยความตั้งใจคืออยากให้เป็นมุมเปิดโล่งเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกคนอื่นภายในบ้านที่นั่งทำกิจกรรมอยู่ที่ Terrace และในสวนด้านข้าง

อีกหนึ่งข้อดีก็คือ เราสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านช่องแสงขนาดใหญ่เข้ามา ทำให้บ้านในมุมนี้ดูโปร่ง โล่ง สว่าง อยู่สบายไม่อึดอัดเลยครับ

บ้านตัวอย่างตกแต่งได้สวยงามมากครับ ผมชอบดีไซน์ของชั้นโชว์ด้านในที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของโครงเหล็กหอไอเฟล สะท้อนถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านนี้ได้เป็นอย่างดี

Dining Area ที่บ้านตัวอย่างจะเป็นโถงยาวเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่นั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหาร บาร์ Pantry และครัวด้านใน ทำให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งและดูหรูหรา

แต่สำหรับบ้านเปล่า เราจะพบว่าบริเวณนี้ถูกกั้นไว้เป็นห้องนอนอีกห้อง ซึ่งผมมองว่าถ้าเราไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็สามารถปรับให้เป็นแบบบ้านตัวอย่างได้ครับ นับเป็นไอเดียดีมาก ทำให้เราสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่ง หรือมากกว่านั้นได้สบายเลย เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง

ระหว่างนี้ ผมจึงเดินไปหยิบแผ่นเสียงเพลงคลาสสิกของ Cole Porter เนื้อเพลงว่าด้วยความรักที่มีต่อปารีสไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เปิดคลอไประหว่างที่เดินชมบ้านเพราะให้ความหมายที่ดี ท่อนหนึ่งในเพลงยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับชื่อภาพยนตร์ของ Audrey Hepburn เรื่อง Paris When It Sizzles ที่ผมชอบอีกด้วย

เนื่องจากตัวบ้านจะออกแบบมาให้รองรับผู้อยู่อาศัยได้ถึง 3 Generations ทำให้มีพื้นที่สำหรับรองรับการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุอยู่หลายจุด เช่น ห้องน้ำภายในห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำแขกชั้นล่างพื้นจะราบเสมอกันไม่มีธรณีประตูเพื่อป้องกันการสะดุด รองรับการใช้งานรถเข็น Wheel Chair เช่นเดียวกับ บริเวณทางเชื่อมจากลานจอดรถสู่ Terrace หน้าบ้านก็ทำออกมาให้เป็นทางลาดที่สามารถขึ้นลงได้สะดวก

ชั้นล่างเชื่อมต่อกับ Common Area ออกแบบให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations

สถาปนิกดีไซน์ในทุกดีเทลให้รองรับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัว ติดตั้งราวจับเพื่ออำนวยความสะดวก พื้นห้องน้ำและพื้นห้องเสมอกัน จะไม่มีการลดระดับเพื่อจะได้ไม่สะดุด พื้นห้องใช้เป็น SPC ให้ความรู้สึกเหมือนเดินบนไม้จริงและสวยงาม ทนทาน แต่การดูแลรักษาทำได้ง่าย โดยสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ใช้ของ Cotto ครับ

ภายในห้องจัดวางเตียงควีนส์ไซซ์ที่มีพื้นที่รอบเตียงค่อนข้างกว้าง สามารถเดินเหินได้อย่างสะดวกสบาย ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งจัดไว้อย่างเรียบร้อย

ข้างเตียงจะเป็นประตูกระจกที่เปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกและวิวของสวนต้นไม้สีเขียว ๆ สดชื่นสบายตาและยังสามารถเปิดออกไปนั่งเล่นพักผ่อนบริเวณ Terrace ด้านนอกได้ทันที

ดังนั้นจึงสะดวกมากหากผู้สูงอายุอยากจะออกไปขยับร่างกายเบา ๆ ยามเช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ เพื่อความสดชื่น เพราะผู้สูงวัยมักจะตื่นก่อนนั่นเอง จะได้ไม่เป็นการรบกวนสมาชิกคนอื่นในบ้านครับ

พื้นที่ Common Area ด้านนอก ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอนชั้นล่าง เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้าน ไม่ว่าจะติดตั้งอุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือทำให้เป็น Relaxing Area พื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือหรือจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด เปิดเพลงฟังเบา ๆ คลอตามกันไป ให้ความรู้สึกลื่นไหลราบเรียบเพราะสถาปนิกออกแบบให้ยกพื้นที่ส่วนนี้สูงขึ้นมาจากพื้นดินจนเสมอกับพื้นที่ในตัวบ้าน จนเป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเป็นหนึ่งเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังเข้ากันดีกับบรรยากาศของสวนด้านข้างบ้านที่มาพร้อม Pavillion ซึ่งจัดวางชุดที่นั่งแบบ Semi-Outddor เอาไว้เพื่อรองรับการใช้งานในบรรยากาศในวันสบาย ๆ ได้ยินเสียงน้ำพุที่ตกกระทบตลอดเวลาทำให้รู้สึกเย็นสบายเหมือนได้สัมผัสสายลมหนาวของกรุงปารีส 

กลับเข้ามาชมพื้นที่พักผ่อนภายในบ้านกันต่อครับ Coomon Area มีขนาดใหญ่ออกแบบพังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เพราะถัดจากโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นบาร์เล็ก ๆ พร้อมเคาน์เตอร์ สำหรับนั่งจิบเบาๆ

หรือหากใครจัดปาร์ตี้ที่บ้านเป็นแบบ Private Chef ก็ทำได้สบายเลยครับ เชิญ Mixologist มาชงเครื่องดื่มให้ที่บาร์ภายในบ้านก็ได้ไม่ต้องออกไปสังสรรค์ร้านอาหารนอกบ้าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal

เราสามารถนั่งจิบหรือขยับไปนั่งฟังเพลงที่มุมนั่งเล่นอีกฝั่งของโต๊ะอาหารก็ได้ ผมว่าโครงการตั้งใจดีไซน์ให้พื้นที่นี้เหมาะสำหรับการพรีดินเนอร์ นั่งคุยกัน จิบเครื่องดื่มเบา ๆ ก่อนจะเข้าสู่มื้ออาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ถัดไป

บันไดขึ้นลงชั้นบนจะเชื่อมกับมุมรับประทานอาหาร ที่อยู่โถงกลางบ้าน ตัวโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้เทียม พร้อมราวจับไม้ระแนงเหล็ก ใต้บันไดมีห้องเก็บของและเป็น Service Room ในตัว

เราจะพาเดินขึ้นไปชมชั้น 2 ของบ้านกันดูบ้างครับ

ก่อนจะไปชมพื้นที่บนชั้น 2 ขอพาไปยังมุมโปรดของผมซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการออกแบบบ้าน LANAI Series นั่นคือพื้นที่ชั้นลอยอเนกประสงค์ที่อยู่ถัดจาก Family Area

เราสามารถใช้บริเวณนี้ในการสำหรับทำกิจกรรมของเด็กๆ ได้ครับ อาจจะเป็นมุมสำหรับทำการบ้าน ฟังนิทาน อ่านหนังสือ หรือปรับเป็นห้องพระก็ได้

โดยคอนเซ็ปต์ก็คือ Extra space extra function for living เป็นพื้นที่สำหรับความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรวมและสมาชิกคนอื่นในบ้านนั่นเอง

บริเวณโถงชั้น 2 จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับสมาชิกในครอบครัว บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะทำงานและเก้าอี้นั่งพักผ่อนเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบาย ๆ

จุดเด่นคือการเปิดช่องแสงขนาดใหญ่บริเวณด้านหลังและยังได้แสงจากพื้นที่ชั้นลอยอเนกประสงค์เพิ่มอีกด้วย

อีกจุดที่ชอบคือชั้นสองจะได้ความสูงของฝ้า 3.4 เมตร ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับบ้านเดี่ยว ส่งผลให้พื้นที่ชั้นบนดูโปร่งโล่งสบาย ไม่อึดอัดเลยครับ สามารถทำกิจกรรมร่วมกันที่บริเวณนี้ได้ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับทั้ง 3 ห้องนอน ให่้ความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรวมและสมาชิกคนอื่นในบ้าน

เรามาชมในส่วนของห้องนอนรองห้องแรกกันก่อนครับ จะอยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน ทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบกว่า

บ้านตัวอย่างออกแบบเป็นห้องนอนสำหรับเด็กผู้ชาย เตียงนอนดีไซน์เป็นแบบยกพื้นสไตล์ญี่ปุ่น ดูเท่ดีครับ เพดานตกแต่งด้วยเส้นสายของไฟที่ให้ฟีลลิ่งของโครงเหล็กของหอไอเฟล ด้านในเป็นมุมแต่งตัวพร้อมห้องน้ำในตัว

ส่วนด้านข้างเตียงนอน Built-in ให้เป็นโต๊ะทำการบ้าน และจัดวางชุดคอมพิวเตอร์ระดับซุปเปอร์พาวเวอร์ เพื่อให้เด็กๆ ได้มีกิจกรรมใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนในการแคสต์เกมออนไลน์หรือซักซ้อมสำหรับการเป็นนักกีฬา E-Sport ดูน่าสนุกมาก

ส่วนห้องนอนรองอีกห้องซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกันแต่จะอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน จากภาพที่ถ่ายมาจะเห็นว่าทั้ง 2 ห้องเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว แต่การตกแต่งภายในจะน่ารักสดสมคนละสไตล์

โดยห้องนอนรองด้านหน้าจะมาในดีไซน์สีชมพูพาสเทล ดูเป็นสาวแฟชั่นนิสต้าที่หลุดออกมาจากแคทวอล์คปารีสแฟชั่นวีค ออกแบบฟังก์ชันภายในห้องได้อย่างน่าสนใจ เริ่มจากตรงกลางห้องจัดวางเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ซึ่งจะลงตัวกับระยะผนังที่เว้นปิดทึบเอาไว้ช่วงบริเวณหัวเตียงพอดี

ส่วนด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ด้วยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดกลางติดตั้งไว้ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องน้ำในตัว แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย

ข้างเตียงออกแบบให้ป็นพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ สำหรับอ่านหนังสือ ซึ่งเราสามารถขยับเก้าอี้ไปยังส่วนด้านหน้าซึ่งจะเปิดช่องแสงขนาดใหญ่เอาไว้จนเกือบถึงฝ้าเพดาน ส่วนปลายเตียงมีที่ว่างให้เราสามารถติดตั้งตู้คาบิเนทเตี้ยสำหรับวางทีวีได้

เราสามารถเปิดประตูออกสู่พื้นที่ระเบียงหน้าบ้านได้ ออกแบบให้ใช้งานแบบ Semi-Outdoor บ้านตัวอย่างดีไซน์ให้เป็นมุมศิลปะของอาร์ตทิส ดูเก๋ดี ซึ่งเราสามารถเปิด-ปิด Facade เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ ทำให้ได้ใช้พื้นที่บริเวณระเบียงด้านนอกบ้านได้อย่างสบายใจในงานสร้างสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ

มาดูในส่วนของ Master Bedroom กันบ้างครับ ห้องนอนหลักของบ้านตัวอย่าง ตกแต่งได้สวยงามดูคลาสสิคมาก นำเอาเส้นสายที่ได้แรงบันดาลใจจากโครงสร้างเหล็กของหอไอเฟลมาประดับตกแต่งไว้บริเวณเตียงนอน ทำให้คงคอนเซ็ปต์ Autumn in Paris ได้ดี

ห้องนอนมีพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวบ้านชั้นบน ถือเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่มาก คอนเซ็ปต์ของแบบบ้าน LANAI Series คือการออกแบบให้ห้องนอนเป็นมากกว่าห้องนอนทั่วไป

ดังนั้นเราจะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง

เริ่มจากด้านหน้าเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน ห้องนอนดูสูงโปร่งกว่าบ้านทั่วไป จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟแบบแขวนเพื่อทำให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

ด้านข้างเป็นผนังกระจกบานใหญ่แบบ Floor to Ceiling สามารถเปิดประตูออกไปเป็นระเบียงได้ ข้อดีก็คือทำให้เปิดช่องแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้สว่างไสวจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ แต่ถ้าอยากให้ได้ความมืดก็สามารถติดตั้งผ้าม่านมาปิดได้

ปลายเตียงเป็นชั้นวางของหรือจะติดตั้งตู้หนังสือก็ได้ครับ ส่วนมุมดูทีวีจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่นภายในห้องนอนเพื่อความเป็นสัดส่วนมากขึ้นและไม่รบกวนกันเวลาพักผ่อน

Ladies and Gentlemen, here is Paris!

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมว่าน่าสนใจ คือระเบียงที่ห้องนอนชั้นบน โดยเฉพาะแบบบ้าน Captivate จะมีระเบียงที่ใหญ่มาก เป็นรูปตัวแอล (L Shape) ขนานไปกับพื้นที่ของ Master Bedroom ทำให้เราสามารถจัดเป็นมุมพักผ่อน อ่านหนังสือริมระเบียงตอนเช้าหรือขยับร่างกายเบาๆ ตอนเย็น หรือจัดวางไม้กระถางเพื่อทำให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มให้กับบ้านจะได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

งานดีไซน์ดังกล่าวเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของแบบบ้าน LANAI คือการเปิดให้มีพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกบ้านเชื่อมต่อกัน โดยเฉพาะการออกแบบให้มีชายคายื่นออกมา เพื่อเปิดพื้นที่การใช้สอยแบบ Semi-Outdoor เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การที่ผนังบ้านไม่ได้รับแดดโดยตรง ก็จะช่วยลดการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านได้ ทำให้อยู่สบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ห้องนอนแบ่งสัดส่วนการใช้สอยภายในห้องได้ค่อนข้างดีและแยกฟังก์ชั่นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระเบียงและมุมนั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องแต่งตัวขนาดใหญ่

ถัดไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวออกแบบเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) แบบเข้ามุม ตู้เสื้อผ้ามีขนาดใฟญ่มาก ตรงกลางจัดวาง Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับและทำให้ห้องดูสวยขึ้น

ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกบานใหญ่จะขยับไปอยู่ชิดผนัง ที่มีช่องแสงจากหน้าต่างบานเล็กสามารถเปิดมู่ลี่ขึ้นได้ เพื่อให้ได้รับแสงธรรมชาติระหว่างแต่งหน้า เรียกได้ว่าเสริมความสวยความหล่อกันได้แบบครบ 360 องศาเลยทีเดียวครับ

Master Bathroom มีพื้นที่กว้างขวาง มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ที่พิเศษคือห้องนี้มีอ่างอาบน้ำด้วยครับ อยู่ติดกับหน้าต่างซึ่งสามารถเปิดออกได้ เพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้น

ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่างล้างหน้า มาพร้อมกับเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่และกระจกเงาบานสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มผนัง ถัดกันด้านในเป็นโซนอาบน้ำ แต่ไม่ได้ติดตั้ง Shower Box มาให้นะครับ ภายในที่มีทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ชั้นวางของพร้อมเดินระบบติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้ว

นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้ติดตั้งโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติแบบ Washlet มาให้ด้วย ดูหรูหราสมราคาจริงๆ ครับ 

จากบ้านตัวอย่างแบบบ้านหลังใหญ่สุด Captivate ใน LANAI Series กานต์จะพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางกันบ้างครับ

การออกแบบ Clubhouse และสวนส่วนกลางได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์บรรยากาศให้เป็นแบบมหานครปารีสที่มีความโรแมนติคในฤดูใบไม้ร่วง มีการนำฟอร์มทรงโค้งมาใช้ Facade เน้นเส้นสายแนวดิ่งเพื่ออำพรางสายตา ให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวเมื่อมาใช้บริการ โดยออกแบบให้สามารถใช้งาน และ Take view ได้ถึงสามด้านด้วยกัน

ผมชอบไอเดียของโถงทางเข้าที่นำเอาจักรยานดีไซน์วินเทจมาประดับไว้ให้ความรู้สึกที่นึกย้อนไปในการปั่นจักรยานไปออกเดทกันริมแม่น้ำแซนด์ ชมหอไอเฟล เพราะตอนนี้เองฝรั่งเศสกำลังปั้นปารีสให้กลายเป็นเมืองใหญ่ที่เป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ภายใน Clubhouse เต็มไปด้วย Facilities ที่ครบครันและเพียงพอต่อการใช้งานของทุกครอบครัวแน่นอน

เริ่มจากด้านในของชั้นล่างที่เป็น Lobby ออกแบบให้เป็นห้องที่มีโถงเพดานสูงแบบ Double Volume ช่วยให้ดูโปร่ง นั่งพักผ่อนได้สบายตลอดทั้งวัน ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง จัดวางที่นั่งไว้หลากหลายมุม เน้นเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เป็นหนังกำมะหยี่สีแดงเลือดนกดูเก๋ดีเข้ากับสีของโครงเหล็กที่ประดับด้วยกระจกใส ช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้ผู้ใช้งานพื้นที่ส่วนนี้มองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน

ปัจจุบันพื้นที่ส่วนนี้ ปรับให้เป็น Sales Gallery สำหรับว่าที่ลูกบ้านที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมโครงการครับ ใครสนใจสามารถโทรนัดหมายได้เลยครับ ได้ที่เบอร์ 1749

ด้านนอกของ Clubhouse โดดเด่นด้วยสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกับอาคารสโมสร เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบกึ่งกลางแจ้ง (Semi-Outdoor) ขนาด 5×18 เมตร แยกสระสำหรับเด็กเอาไว้

บริเวณรอบนอกของสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกับถนนหลักจะปลูกต้นไม้และไม้พุ่มเอาไว้เพื่อช่วยบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้บริการสระว่ายน้ำ ที่สำคัญช่วยให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นมากยิ่งขึ้น ว่ายน้ำออกกำลังกายได้นานแล้วยังรู้สึกเฟรชอยู่ตลอดเวลา

โครงการจัดให้มีมุมจิบน้ำชาสไตล์ปารีสเชียงเอาไว้บริเวณริมสระว่ายน้ำ ด้านหลังของ Lobby จะเป็นห้องน้ำแยกชายและหญิง มีตู้ล็อคเกอร์กับห้องอาบน้ำ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ

เราเดินขึ้นบันไดมาบนชั้น 2 กันบ้างครับ Clubhouse เป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design เพื่อรองรับการใช้งานสำหรับทุกคน

จุดที่ผมประทับใจและสังเกตว่า SC Asset ในฐานะผู้พัฒนาโครงการใส่ใจในรายละเอียดของการอยู่อาศัยคือ นอกจากจะออกแบบให้มีทั้งทางลาดสำหรับรองรับผู้ใช้งานรถเข็น วีลแชร์แล้ว ยังมี Stairlift หรือลิฟต์เก้าอี้เลื่อนขึ้นบันไดเพื่อนำผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษขึ้นไปยังบนชั้น 2 ของ Clubhouse

ซึ่งผมเองพบเห็น Service นี้ในทุกโครงการของ SC Asset ที่ได้ไปรีวิวมาเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงลูกบ้านทุกคนอย่างแท้จริง 

บริเวณโถงชั้นสองจะเชื่อมต่อกับ 3 ห้องฟังก์ชั่นที่ใช้งานแตกต่างกันไป เริ่มจาก Co-Working Space กันก่อนครับ ภายในจัดวางที่นั่งไว้หลากหลาย รองรับการใช้งานทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม มีห้อง Meeting Room ที่สามารถปิดประตูแยกเพื่อใช้งานส่วนตัวได้

Co-Working Space ค่อนข้างโปร่งสบายเพราะเปิดโล่งรับวิวจากภายนอก ผ่านกระจกบานใหญ่ที่เรียงรายกันไปรอบอาคาร ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงาน

เป็นอีกหนึ่งมุมที่ผมชอบมาก อยากหยิบหนังสือเล่มโปรดที่ยังอ่านค้างไว้จากที่บ้าน มานั่งอ่านต่อที่ Co-Working Space ภายใน Clubhouse แห่งนี้

ภายใน Kid’s Room ตกแต่งด้วยสีสันสดใสสมวัย จัดเตรียมของเล่นและอุปกรณ์เสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็กๆ ไว้มากมาย มีที่นั่งอ่านหนังสือดีไซน์เป็นขั้นบันไดไต่ระดับขึ้นไป

อีกด้านจัดวางโต๊ะสำหรับดูไอแพด ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรือต่อเลโก้ร่วมกับเพื่อนๆ ทั้งนี้ภายในห้องออกแบบให้เป็นห้องกระจกแบบเปิดโล่งด้วยหลังคากระจกยื่นออกไปแบบ Glass House เพื่อให้ดูปลอดโปร่งไม่รู้สึกอึดอัดครับ

ส่วนใครที่เป็นสายเวิร์คเอ้าท์ ชอบออกกำลังกาย ที่โครงการก็จัดให้มีห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ในบรรยากาศแบบโปร่งสบาย ออกกำลังกายได้ไม่อึดอัด จัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ครบครันทั้งแบบฟรีเวทและแมทชีน

ติดตั้งลู่วิ่งสำหรับคาดิโอ จักรยานไฟฟ้าและเครื่อง Elliptical กระจายกันไปรอบห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยตามมาตรการเว้นระยะห่าง ในบรรยากาศของวิวสวนสีเขียวเบื้องหน้า ผมว่าเป็นมุมออกกำลังกายที่เติม Energy ได้ดีมาก ถ้ารู้สึกเหนื่อยๆ ก็แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง เพียงเท่านี้ก็ได้ Reboost ตัวเองขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าได้ระดับหนึ่งแล้วครับ

พื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Outdoor ประกอบไปด้วยสวนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 1 ไร่ ภายในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มสีเขียวสดใส สลับกับสีหวานของไม้ดอกที่ผลิบานอยู่ภายใน ต่างโบกทักทายไปตามแรงลมที่พร้ิวไหว เชื้อเชิญให้เราเข้ามาด้านในสวนเพื่อชมความงามของดอกไม้ พร้อมกับสีสันของงานศิลปะที่แต่งแต้มลงไปในจุดต่างๆ ของสนามเด็กเล่น ซึ่งถ้ามองจากมุมด้านบนลงมาจะเห็นชัดเจนมาก

สวนสาธารณะภายในโครงการมีต้นไม้นานาพันธุ์ ดีไซน์เป็นสวนสไตล์ยุโรปที่มีไอคอนคือบ้านเด็กรูปทรงลูกวอลนัทดูแปลกตาน่ารักดี เข้ากับคอนเซ็ปต์ของสวนแห่งนี้ก็คือ ลูกวอลนัทมักจะเป็นอาหารของกระรอกที่จะออกมาหากินในช่วงฤดูใบไม้ร่วงทำให้ได้ฟีลสวนยุโรปแบบเต็มๆ

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีพื้นที่รองรับการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้งอเนกประสงค์ เลนจักรยาน ลานสเก็ต สนามเด็กเล่น บ้านวอลนัท ฯลฯ

ที่นั่งกลางแจ้งในสวน ออกแบบเป็นรูปใบไม้เป็นแฉกน่ารักมากครับ ทำให้เหมาะสำหรับออกมานั่งพักผ่อนกลางแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช่้า ให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศของฝรั่งเศสในฤดูใบไม้ร่วงได้เป็นอย่างดี

ปารีสไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองสำหรับคู่รักเท่านั้น แต่เป็นเมืองที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมรักได้โดยง่าย

เหมือนกับที่ Adriana คุยกับ Gil ใน Midnight in Paris ว่า “𝐼 𝑐𝑎𝑛 𝑛𝑒𝑣𝑒𝑟 𝑑𝑒𝑐𝑖𝑑𝑒 𝑤ℎ𝑒𝑡ℎ𝑒𝑟 𝑃𝑎𝑟𝑖𝑠 𝑖𝑠 𝑚𝑜𝑟𝑒 𝑏𝑒𝑎𝑢𝑡𝑖𝑓𝑢𝑙 𝑏𝑦 𝑑𝑎𝑦 𝑜𝑟 𝑏𝑦 𝑛𝑖𝑔ℎ𝑡.”

ซึ่ง Gil กลับตอบว่า เราไม่สามารถเลือกได้หรอก เพราะไม่มีใครที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ได้เท่ากับปารีสอีกแล้ว “Paris is the hottest spot in the universe.” Gil บอก

กานต์ว่าเป็นคำกล่าวที่จริงมาเลยนะครับ สำหรับใครที่มองหาฟีลลิ่งของโครงการที่ได้กลิ่นอายแบบปารีสในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่มีแต่ความโรแมนติค อยากให้แวะเข้ามาชมโครงการ Bangkok Boulevard Ramintra 109 ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านในทำเลรามอินทราที่สามารถสัญจรเข้าออกได้หลากหลายเส้นทาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้รถไฟฟ้า เพียง 3 นาที* และที่สำคัญคือโครงการนี้สวยมาก จนอยากแนะนำให้รีบตัดสินใจมากเป็นเจ้าของเลยครับ

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่
https://www.scasset.com/th/house/bangkok-boulevard-ramintra/
สอบถามโทร. 1749

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน