ถ้าใครเคยอ่านบทกวีของคู่รักนักประพันธ์ Percy Bysshe Shelley และ Mary Shelley เรื่อง “Mont Blanc: Lines Written in the Vale of Chamouni” ได้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางข้ามทวีปยุโรปของพวกเขาและพรรณาถึงความงามของ “Mont Blanc” (มงต์บล็อง) หลังจากการเยือนหุบเขาชาโมนิกซ์ (Chamonix) ในปี 1816
.
Mont Blanc เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าภูเขาสีขาว ฉายภาพสีของหิมะที่ปกคลุมยอดเขาแหลมขรุขระให้ขาวโพลนอยู่ตลอดทั้งปี ตั้งอยู่ที่เมืองชาโมนีซ์ เมืองพักตากอากาศสุดหรูของฝรั่งเศสที่อยู่ใกล้ชายแดนสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่โรแมนติกมากของยุโรป
.
การหยิบยกเอาเส้นสายปลายแหลมของยอดเขา Mont Blanc ด้วยการใช้สีขาวแบบหิมะปกคลุม มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ จึงทำให้อาคาร Clubhouse ของโครงการ Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ มีความโดดเด่นทันทีที่ได้เห็น เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ
.
ส่วนสระว่ายน้ำด้านหน้าที่โอบล้อมด้วยตัวอาคารสโมสร ทำให้เรานึกไปถึงทะเลสาบ Lac d’Emosson ระหว่างนั่งเฮลิคอปเตอร์บินผ่านเพื่อจะไปชมความงามของ Mont Blanc จากมุมสูง เรานั่งจิบกาแฟอยู่ริมสระว่ายน้ำยามเช้า เอาเข้าจริงก็ดูจะเป็นฟีลลิ่งของการพักผ่อนที่ดีมากเลยครับ
.
บรรยากาศของพื้นที่โดยรอบ Clubhouse เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ให้พื้นที่สีเขียว สดชื่นสบายตา สลับกับไม้ดอกสีสันสดใสที่พริ้วไหวไปตามแรงลมพัด ความรู้สึกจึงคล้ายกับการนั่งชมวิวของยอดเขา Mont Blanc ทั้งจากสวิส และเข้าใกล้อีกนิดกับการได้อยู่บ้านภายในโครงการ เพื่อชมความงามของสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากยอดเขาสูงแห่งยุโรปตลอดเวลา
.
รีวิวนี้กานต์พามาสัมผัสกับบรรยากาศของบ้าน Lanai Series ที่มองเห็น Clubhouse สีขาวสูงใหญ่ในโครงการ Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ ซึ่งกานต์เขียนถึงหลายครั้งแล้วว่า เป็นแบบบ้านหลังใหญ่ที่เน้นบรรยากาศของการพักผ่อนในวันสบายๆ ด้วยระเบียงกว้าง และ Facade ช่วยบังสายตาเพื่อให้ได้รับความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันก็ดื่มด่ำกับความงามของสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยอดเขา Mont Blanc
.
ไปชมภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากกันพร้อมกับอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในได้เลยครับ
.
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://m.scasset.com/FGcW
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 080-043-0064
Line : @bb-jr https://lin.ee/Y0SH0BE
—
โครงการ Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 26-0-3.2 ไร่ จำนวน 82 ยูนิต เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรู 2 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนหอการค้าไทย อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นถนนใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ให้ความร่มรื่นตลอดเส้นทาง
.
“Mont Blanc is a mountain that has inspired poets, artists, and mountaineers for centuries.”
-Jon Krakauer, “Into Thin Air” (1997)
ไฮไลท์ของโครงการคือเป็นบ้านหน้ากว้าง เน้นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่รังสรรค์บรรยากาศการพักผ่อนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยอดเขา Mont Blanc ในฝรั่งเศส
โครงการนำเสนอดีไซน์ภายใต้แบบบ้าน LANAI SERIES มีจุดเด่นที่การออกแบบแปลนให้มีพื้นที่ Semi Outdoor เชื่อมต่อธรรมชาติภายนอกและการอยู่อาศัยภายในตัวบ้านได้
ซึ่งทาง SC Asset ได้พัฒนาขึ้นมาในช่วงโควิดที่ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านกันมากขึ้น จึงเน้นบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยมาก รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของสวนสวยด้านหน้าและบริเวณรอบบ้าน
ซุ้มทางเข้าโครงการดีไซน์เป็นยอดปลายแหลมสีขาวล้อไปกับอาคาร Clubhouse ของโครงการ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากยอดเขา Mont Blanc ในเมือง Chamonix ของฝรั่งเศส
ในการเดินทางมาชมโครงการนั้น กานต์ขับรถมาจากทางสาทรจากนั้นตรงมาเรื่อยๆ เลยครับ เลี้ยววนซ้ายไปทางชัยพฤกษ์ตัดราชพฤกษ์ หรือใครมาจากถนนกาญจนาภิเษก เข้ามาทางถนนสาย 345 ก็ถือว่าสะดวกมากเช่นกัน
ข้อดีของทำเลก็คือเชื่อมต่อกับถนนหลายสาย ไม่ว่าจะมุ่งหน้าปากเกร็ด ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ เข้าศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและศูนย์ราชการนนทบุรีได้ง่าย หรือข้ามสะพานนนทบุรีไปดอนเมืองก็สะดวก ถ้าจะขึ้นสาทรก็แค่วิ่งมาทางราชพฤกษ์
นอกจากนี้ยัง มีทางด่วนศรีรัช (ด่านแจ้งวัฒนะ) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 8 กม.* ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีปากเกร็ด ระยะทางจากโครงการประมาณ 7 กม.*
ทำเลนี้ยังถือว่าร้อนแรงเพราะเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้สะดวกและง่ายในการเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ในบริเวณนี้
ทั้งยังมีสถานศึกษาชื่อดังอย่าง โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี (SISB) ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการที่สุด ทำให้สะดวกมากในการรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ไม่ไกลนักก็ยังมีโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี ,โรงเรียนนานาชาติเด่นหล้า (DBS) เป็นต้น
ทำเลนี้ มีสถานพยาบาลใกล้เคียงคือโรงพยาบาลปากเกร็ด, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล, โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ และโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
ด้านหน้าโครงการเป็นการรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate Security คือจะมี Main Gate พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัย ทางเข้าออกเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติ โครงการใช้ระบบ Smart Gate With License Plate สแกนทะเบียนรถสำหรับลูกบ้านเปิดอัตโนมัติ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัย มีการติดตั้ง CCTV 28 จุดรอบโครงการ รั้วโครงการปลายแหลมสูง 3 เมตร จากนั้นจะมี Double Gate อีกชั้นเพื่อกั้นโซนพักอาศัยด้านในให้เกิดความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบกับ Clubhouse ความสูง 2 ชั้นสีขาวที่มีความโดดเด่นมากครับ
ดีไซน์เป็นมีความโค้งมน ให้ความรู้สึกพริ้วไหวเป็นธรรมชาติ ตัดกับเส้นสายและฟอร์มของสามเหลี่ยม ส่วนยอดปลายแหลมดีไซน์คล้ายกับยอดเขาสีขาวสวยงามราวกับมีหิมะปกคลุม ตั้งตระหง่านอยู่บนลานสนามหญ้าและพุ่มไม้ที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อมองจากฝั่งถนนทางเข้าโครงการ
เมื่อมองเข้ามา ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าของบ้านที่พักอาศัยในโครงการนี้ และยังใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับแขกได้ด้วย เพราะเราสามารถนัดหมายแขกที่มาพบพูดคุยธุระได้ที่ Clubhouse ของโครงการจะได้ไม่ต้องชวนเข้าบ้านเพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับเราและเพื่อนบ้านด้วยครับ
สระว่ายน้ำของ Clubhouse เป็นสระระบบเกลือแบบกึ่งกลางแจ้ง (Semi-Outdoor) ที่มีขนาดใหญ่ แยกฟังก์ชันออกเป็นสระสำหรับผู้ใหญ่ สระเด็ก และน้ำพุตกแต่งด้านหน้า
มาพร้อมกับ Sundeck สีขาววางไว้ในน้ำ เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือในวันสบายๆ ได้ฟีลเหมือนกำลังท่องเที่ยวอยู่ในแถบยุโรป ส่วนด้านหลังจะเป็นห้องน้ำแยกชายและหญิง มีตู้ล็อคเกอร์กับห้องอาบน้ำ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ
ภายใน Clubhouse ชั้นล่างเป็น Lobby Lounge จัดวางชุดที่นั่งสีเหลืองทองกระจายออกไปทั่วห้อง เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของลูกบ้านและใช้ในการต้อนรับแขกด้วยครับ แต่ปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ของสำนักงานขาย ซึ่งจะเตรียมส่งมอบภายหลังจากปิดโครงการ ขณะเดียวกันหากลูกบ้านต้องการใช้พื้นที่ก็สามารถขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นบริเวณชั้นบนก่อนได้ครับ
อีกจุดที่ผมประทับใจและสังเกตว่า SC Asset ในฐานะผู้พัฒนาโครงการใส่ใจในรายละเอียดของการอยู่อาศัยคือการออกแบบ Universal Design ตั้งแต่การออกแบบให้มีทั้งทางลาดสำหรับเข้าสู่ Clubhouse เพื่อรองรับผู้ใช้งานรถเข็น วีลแชร์
นอกจากนี้ ยังมี Stairlift หรือลิฟต์เก้าอี้เลื่อนขึ้นบันไดเพื่อนำผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษขึ้นไปยังบนชั้น 2 ของ Clubhouse ซึ่งผมเองพบเห็น Service นี้ในทุกโครงการของ SC Asset ที่ได้ไปรีวิวมาเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงลูกบ้านทุกคนอย่างแท้จริง
ชั้นบนออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อน มีมุมอ่านหนังสือหรือว่าจะนั่งคุยกันเบาๆ ที่ Clubhouse พร้อมชมวิวสวยๆ ไปพร้อมกัน
ส่วนตัวผมชอบงานตกแต่งภายในที่ออกมาในสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีแบบเอิร์ธเพื่อให้รู้สึกสบายตาและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ชั้นบนจัดวางชุดโซฟา เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ผมว่าดูดีไซน์โมเดิร์นคลาสสิคดี มีทั้งความหลากหลายของงานออกแบบที่คละเคล้ากันไปและเน้นเรื่องการเลือกใชัสีเทา-ขาว-ดำ เป็นหลัก ดูหรูหราดีครับ
มี Co-Working Space จัดวางที่นั่งไว้หลากหลาย รองรับการใช้งานทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม มีห้องประชุมสำหรับรองรับการใช้งาน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานและพักผ่อนชมวิวสบายๆ
มองออกไปเห็นวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใสอยู่เบื้องล่าง สีสันของธรรมชาติที่แต่งแต้ม งดงามราวกับเป็นภาพวาด
ส่วนตัวคิดว่าเป็นมุมที่นั่งที่ผมรู้สึกว่าค่อนข้างเงียบและไพรเวทดี เหมาะสำหรับใครที่อยากปลีกวิเวกมาใช้เวลากับตัวเอง หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศชวนเพื่อนมานั่งเม้าท์มอยกันที่นี่แทนที่บ้านก็ได้เช่นกัน
ถัดจาก Co-Working Space จะเป็นห้องฟิตเนสครับ มีขนาดใหญ่มาก เพดานสูงโปร่ง ออกกำลังกายสบายไม่อึดอัด จัดวางเครื่องเล่นและอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้เยอะมาก ทั้งฟรีเวทและแมชชีน รองรับได้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้าน โดยลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน เครื่อง Elliptical จะจัดวางเป็นแนวยาวขนานไปกับหน้าต่างเพื่อให้เราสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวสีเขียวของต้นไม้ และวิวสระว่ายน้ำภายนอกได้ด้วย
บางครอบครัวก็พาเด็กๆ มาว่ายน้ำและเล่นสนุกกันอยู่ที่ Kids Room ซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 ของ Clubhouse พื้นที่เชื่อมต่อกันกับสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง เพื่อให้น้องๆ หนูๆ ได้ทำกิจกรรมในบริเวณนี้ได้ตลอดทั้งวันทั้งกลางแจ้งและในห้อง
โดยภายในจัดวางชุดของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก มีโต๊ะเก้าอี้เล็กๆ น่ารัก พร้อมภูเขาจำลองให้ปีนป่ายราวกับซ้อมไว้ปีนเขา Mont Blanc ในอนาคต
เรียกได้ว่าเป็น Kids Room ที่ออกแบบได้สีสันสดใส อบอุ่น สมวัย เด็กๆ น่าจะชอบห้องนี้กันมาก
ส่วนข้างนอกก็มีของเล่นสนุกๆ เช่นกัน ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักความปลอดภัย พื้นด้านนอกเป็นวัสดุแบบกันกระแทกสีสันสดใสเพื่อที่เด็กๆ จะได้เล่นสนุกอย่างปลอดภัย คลายความกังวล
Clubhouse ช่วงเย็นๆ บรรยากาศดีมาก ผมสังเกตว่าลูกบ้านพาน้องหมามาเดินเล่นกันในช่วงเวลาเย็น แดดร่มลมตก บางคนจะนิยมมาออกกำลังกายเวลานี้ หรือใครจะมานั่งเล่นพักผ่อนริมสระว่ายน้ำสบายๆ หยิบหนังสือเล่มโปรดติดมือมานั่งอ่านกันตอนเย็นๆ ก็ฟีล Vibes ดีเหมือนกันนะครับ ผมไปลองนั่งมาแล้ว ลมพัดไอน้ำจากสระขึ้นมาด้วย รู้สึกเย็นสบายดี และสวนก็ปลูกดอกไม้ไว้สวยมากด้วยครับ
มองออกไปจาก Clubhouse เราจะเห็นบ้านตัวอย่างในโครงการซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม กานต์จะพาเดินไปชมกันครับ
สำหรับโครงการ Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ จะมีบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ โดยแบบบ้านที่กานต์พามาชมจะเป็นบ้านหลังใหญ่สุดชื่อ Captivate ที่ดินเริ่มต้น 70 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอย 360 ตร.ม. ขนาดฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น มีพื้นที่รับประทานอาหาร ครัวไทยและส่วนเตรียมอาหาร หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน
ดีไซน์เป็นแบบบ้านซีรีส์ใหม่ที่มีชื่อว่า “LANAI” (ลา-ไน) ซึ่งได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเริ่มใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านกันมากขึ้น จึงเน้นพื้นที่ใช้สอยทั้งภายในและภายนอกบ้าน
ภายใต้การออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เห็นได้จากการดีไซน์ Exterior ให้มี Facade ด้านหน้าบ้านที่มีทั้ง 2 ชั้น เป็นลักษณะฟินที่เปิด-ปิดได้ ตีเป็นซี่คล้ายระแนงไม้สีน้ำตาลเพื่อให้ได้ฟีลลิ่งของความเป็นบ้านมากที่สุด ช่วยในการเปิดรับแสงจากภายนอกและเพิ่มความเป็นส่วนตัว สามารถปิดเพื่อช่วยบังสายตาจากภายนอกที่จะมองเข้ามา และช่วยให้บ้านดูมีดีเทลในการออกแบบที่มากขึ้น
ทั้งยังออกแบบให้มี Terrace เพื่อการพักผ่อนรับลมด้านหน้าบ้าน มีระเบียงขนาดใหญ่ด้านบนเพื่อให้เราได้ใช้เวลาอยู่บ้านกันอย่างเต็มที่และปลดปล่อยความเป็นตัวเองในพื้นที่ส่วนตัวให้ได้มากที่สุดนั่นเองครับ
แบบบ้าน Captivate สามารถจอดรถได้ 3 คัน โครงการลงเสาเข็มพื้นลานจอดไว้ลึกเท่ากับโครงสร้างหลักของบ้าน หมดกังวลเรื่องการทรุดตัว ในส่วนของผนังได้ติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ด้านหลังลานจอดมีตู้เก็บของ 2 จุดสำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถุงกอล์ฟ อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีประตูเล็กเชื่อมต่อเข้าบ้านฝั่งครัว นับว่าสะดวกมากหากเราแวะซื้อของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าบ้าน ไม่ต้องเดินผ่าน Living Area ส่วนรอบๆ บ้านจะมีที่ดินเหลือไว้สำหรับจัดตกแต่งสวนได้อีก เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
A Warm Welcome ทันทีที่เปิดประตูก้าวเข้ามาสู่ Foyer ภายในบ้าน เราจะพบว่าตรงนี้คือพื้นที่ส่วนตัวที่รอกางแขนต้อนรับเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าการผจญภัยในชีวิตนอกบ้านจะเหนื่อยเพียงไหนก็ตาม
เมื่อเข้ามาด้านใน เราจะพบกับการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เน้นพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกคนภายในบ้านได้ดี
โดยมีไฮไลท์คือ Common Area กลางบ้าน ซึ่งออกแบบให้ Living & Dining Area เชื่อมต่อกัน จัดงานเลี้ยงได้สบายเลยครับ สามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัน เป็นไปตามไอเดียคอนเซปต์ของการจัดวางผังภายในบ้านแบบ Open Plan ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ไม่ซ้ำกันตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว
ชั้นล่างของบ้านดูค่อนข้างโล่งและโปร่งสบายด้วยฝ้าเพดานสูง 3 เมตร เปิดช่องแสงธรรมชาติโดยรอบทำให้บ้านสว่างได้ตลอดทั้งวันเป็นการประหยัดไฟไปในตัว และเปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไป
ชั้นล่างปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ ประกอบกับบ้านตัวอย่างตกแต่งโทนสีขาว สีเทาก็ช่วยให้บ้านดูสว่างอบอุ่นน่าอยู่ ดูแล้วสบายใจ มุมนั่งเล่นจัดวางโซฟาขนาดใหญ่ 4-6 ที่นั่ง ด้านหน้าชิดผนังจะติดตั้งทีวีแบบแขวนเอาไว้เพื่อให้ดูโมเดิร์นขึ้น ผมชอบผนังหินอ่อนสีขาวดำที่อยู่ด้านหลังทีวีแผ่นนี้มาก มันช่างดูยิ่งใหญ่เสริมให้ห้องนั่งเล่นดูอลังการมากขึ้นไปอีก
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือที่นี่จะรายล้อมภายในบ้านด้วยกระจก ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน
อย่างเช่นพื้นที่ด้านซ้ายของ Common Area บ้านตัวอย่างออกแบบเป็นเคาน์เตอร์บาร์ สำหรับนั่งจิบเบาๆ ก่อนเริ่มมื้ออาหาร
แต่ตามแปลนบ้านมาตรฐานแล้วจะเป็นห้องนอน 5 ครับ สถาปนิกตั้งใจออกแบบมาให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกันหลาย Generations มาพร้อมกับฟังก์ชันห้องน้ำในตัว ที่ออกแบบรองรับสำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุเผื่อเอาไว้ให้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้าห้องและประตูห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ พื้นห้องใช้เป็น SPC และเป็นแบบ Stepless คือไม่มีธรณีประตูเพื่อป้องกันการสะดุดล้ม ส่วนห้องน้ำติดตั้งราวจับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหว โดยสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ใช้ของ Cotto ครับ
บ้านตัวอย่างยังได้ออกแบบให้มีห้องกระจกขยายพื้นที่ออกไปสำหรับรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยความที่เป็นการสร้างแบบ Conventional ก่ออิฐมวลเบา
ข้อดีก็คือบ้านมีความแข็งแรง สามารถระบายความร้อนได้ดี และยังสะดวกในการจะทุบหรือต่อเติม เพื่อปรับฟังก์ชันการใช้งานในบ้านได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่รับแขกแบบส่วนตัว หรือเป็น Home Office แยกออกไปจากตัวบ้านอย่างเป็นสัดส่วน นับเป็นไอเดียที่เข้าท่าลงตัวดีครับ
สมกับมอตโต้ For Good Morning ของ SC Asset เลยครับ คือวันดีๆ เริ่มต้นจากการมีเช้าที่ดี
หน้าบ้านยามเช้าจึงออกแบบให้มี Terrace เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ให้เราได้ทำกิจกรรมเบาๆ นอกบ้าน เช่น จิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า จะทำโยคะรับอรุณก็ได้ หรือออกกำลังกายเวิร์คเอ้าท์ตอนเย็นหลังเสร็จงานก็ดี เพราะเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยครับ
อีกทั้งเราสามารถออกแบบให้มี Facade มาบังสายตาเพิ่มได้ เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ Semi-Outdoor แบบส่วนตัว เหมือนเป็นอีกห้องหนึ่งด้านนอกบ้าน
ทั้งยังเชื่อมต่อกับห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่าง สามารถเดินออกมาชมสวนยามเช้าสูดอากาศบริสุทธิ์เบาๆ แบบส่วนตัวได้เลยครับ
ถัดจากบาร์เข้าไปด้านในเป็นมุมรับประทานอาหาร ขนานไปกับความกว้างของตัวบ้านชั้นล่าง บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะขนาด 10 ที่นั่ง พร้อมกับเก้าอี้สตูลทรงสูงที่บริเวณเค้าน์เตอร์บาร์อีกทั้งยังเป็นพื้นที่เข้ามุมแบบเปิดโล่งด้วยวิวสวนด้านหลัง เป็นการเปิดมุมมองจากภายในสู่ภายนอก ผ่านผนังกระจกบานใหญ่ ช่วยเติมเต็มให้มื้ออาหารของเรามีความสุขมากยิ่งขึ้น
ถ้าดูตามแปลนบ้านมาตรฐานเดิม ออกแบบให้พื้นที่ที่เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหารและ Pantry จะเป็นห้องนอนรอง 4 ครับ แต่บ้านตัวอย่างปรับเพื่อเป็นไอเดียให้เข้ากับไลฟ์สไตล์สมาชิกในบ้านที่อาจจะยังไม่จำเป็นต้องใช้ห้องนอนนี้ จึงทำให้พื้นที่ Dining Area ชั้นล่างค่อนข้างกว้าง สามารถจัดปาร์ตี้ภายในครอบครัวหรือชวนเพื่อนสนิทมาทานข้าวสังสรรค์ที่บ้านได้สบายเลยครับ
ด้านในเป็นส่วนของครัว โดยบ้านจะกั้นผนังและทำเป็นห้องแยกสัดส่วนการใช้งานมาให้ เพื่อจะได้เป็นการป้องกันกลิ่นและควัน จากการทำอาหารไม่ให้ย้อนกลับเข้าสู่ภายในบ้าน
โครงการได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้วเป็นรูปตัวยู (U-Shape) พร้อมทั้งติดตั้งเตาไฟฟ้ามาให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนอ่างล้างจานเป็นแบบ 2 หลุมซึ่งโครงการจัดเอาไว้ให้แล้ว ข้างใต้เป็นตู้เก็บของที่ปิดหน้าบานเรียบร้อย เราสามารถตกแต่งตู้ลอยเพิ่มเติมได้เพื่อใช้เก็บของให้เป็นระเบียบ โดยเว้นพื้นที่ว่างด้านข้างสำหรับติดตั้งตู้เย็นขนาดใหญ่ ผนังห้องครัวส่วนที่เชื่อมกับหลังบ้านจะมีหน้าต่างมาให้ เราสามารถเปิดบานสไลด์หรือเปิดประตูออกไปเพื่อช่วยระบายอากาศได้
ชั้นล่างจะมีห้องน้ำที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง เพราะต้องรองรับการใช้งานของสมาชิกภายในบ้าน ตลอดจนผู้ที่จะพักอาศัยอยู่ที่ห้องนอน 4 รวมถึงแขกผู้มาเยือนด้วย โดยห้องน้ำได้ติดตั้งฝักบัวสำหรับอาบน้ำไว้แล้ว ซึ่งหากต้องการให้เป็นสัดส่วนมากกว่านี้อาจจะติดตั้ง Shower Box หรือกระจกฉากกั้นห้องอาบน้ำก็จะช่วยได้อีกทางครับ
เมื่อเปิดประตูไปด้านหลังจะเป็นลานซักล้าง สามารถต่อเติมหลังคาและเคาน์เตอร์เพื่อทำเป็นครัวไทยด้านนอกได้ โดยส่วนงานหลังบ้าน ทางโครงการได้เดินงานระบบไฟฟ้า ประปา แยกท่อน้ำดีน้ำทิ้งมาให้เรียบร้อยแล้วครับ จะได้ลดความยุ่งยากให้กับลูกบ้าน นอกจากนี้ยังจัดให้เป็นพื้นที่ทำงานของแม่บ้านและมีห้องนอนแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังอีกด้วยครับ
ทางโครงการยังได้ติดตั้ง Ruejai Home OS เพื่อสั่งการเปิด-ปิดไฟภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนได้ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย Magnetic Shock Sensor ซึ่งเชื่อมต่อสัญญาณจากหน้าต่างและประตูบ้านทุกบาน รวมถึงติดตั้ง Touch Switch มาให้อีกด้วย
นอกจากนี้ SC Asset ยังได้วางระบบ Active Air Quality ระบบขจัดมลพิษทางอากาศ กรองอากาศให้สะอาด และดันอากาศเสียออกออกบ้านโดยอัตโนมัติ เราสามารถควบคุมการทำงานผ่านแอป Ruejai ได้เลยครับ
ใกล้กันจะมีประตูเล็กที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถสามารถเข้าออกบ้านผ่านช่องทางนี้ได้เช่นกัน โครงการติดตั้งมือจับและ Digital Door Lock มาให้แล้ว ส่วนพื้นที่ใต้บันไดออกแบบให้เป็นห้องเก็บของและห้องควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
เราเดินขึ้นบันไดไปชมชั้นสองของบ้านกันต่อครับ บันไดออกแบบให้อยู่ช่วงกึ่งกลางของบ้าน โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้มะค่าลายไม้สีเข้ม ราวกันตกเป็นเหล็กทาสีดำ ส่วนมือจับเป็นลายไม้เข้ากันดี ระหว่างชานพักมีหน้าต่างเปิดช่องแสงธรรมชาติเพื่อช่วยส่องสว่างบริเวณบันได
Family Area จะอยู่กลางบ้าน ทำให้สมาชิกในครอบครัวได้เชื่อมต่อสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เช่นลูกๆ กำลังทำการบ้านอยู่ชั้นลอย ส่วนคุณพ่อก็กำลังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานบริเวณ Family Area โดยมองเห็นกันอยู่ตลอดเวลาครับ
ความพิเศษของบันไดคือเดินขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงชั้นลอยที่มีความสูง 1.8 เมตร และเปิดช่องแสงเอาไว้เล็กน้อยทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการออกแบบบ้าน LANAI Series นั่นคือพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ถัดจาก Family Area
เราสามารถใช้บริเวณนี้ในการทำกิจกรรมของเด็กๆ ได้อาจจะเป็นมุมสำหรับ ทำการบ้าน ฟังนิทาน อ่านหนังสือ หรือปรับเป็นห้องพระก็ได้ โดยคอนเซ็ปต์ก็คือ Extra space extra function for living เป็นพื้นที่สำหรับความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรวมและสมาชิกคนอื่นในบ้าน
ชั้นบนจะมีห้อง Master Bedroom และห้องนอนรองอีก 2 ห้อง สถาปนิกออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง
เริ่มจากห้องนอนหลักจะอยู่ทางปีกขวาของบ้าน ซึ่งกินพื้นที่เกือบครึ่งชั้น ถือว่ามีขนาดใหญ่ ดูสูงโปร่ง เป็นห้องนอนที่ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนสบายๆ ในบรรยากาศแบบส่วนตัว
ห้องนอนหลักเปิดช่องแสงขนาดใหญ่เอาไว้บริเวณด้านข้างเตียง เป็นระเบียงที่สามารถเปิดออกไปชมวิว Clubhouse ราวกับพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตที่มองเห็นยอดเขา Mont Blanc ตลอดเวลา
บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงไว้บริเวณทางเข้าห้องโดยเว้นพื้นที่ว่างเดินได้รอบเตียงแบบเหลือๆ เราชอบการเลือกใช้สีเทาเข้มเป็นเมนหลักทริมด้วยสีทองในการตกแต่งห้องนี้ ดูหรูหราดีมีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศส ปลายเตียงโดดเด่นด้วยสตูลสีแดงชาด สำหรับนั่งพักผ่อน
ส่วนห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และ Master Bathroom จะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน
ห้องแต่งตัวมีขนาดใหญ่มากครับ มีพื้นที่จัดเก็บค่อนข้างเยอะ บ้านตัวอย่างออกแบบให้มีตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดานเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าได้โดยรอบห้อง ตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดเก็บเครื่องประดับ ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ติดผนัง ถัดออกไปทางหน้าบ้าน โดยเชื่อมต่อกับประตูเล็กที่ระเบียง ซึ่งข้อดีคือมีการเปิดรับแสงธรรมชาติและสามารถเปิดออกไปได้เช่นกัน
Master Bathroom มีขนาดค่อนข้างกว้าง เปิดช่องแสงส่องสว่างและระบายอากาศได้เต็มที่ด้านหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้ห้องน้ำไม่อับชื้น ภายในติดตั้งอ่างล้างมือพร้อมเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังเป็นกระจกเงา มี Shower อยู่ด้านในเป็นพื้นลดระดับลงไปกั้นส่วนเปียกแห้ง เราติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมได้ครับ มุมห้องน้ำด้านในติดตั้งสุขภัณฑ์อัตโนมัติเอาไว้แล้วครับ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมว่าน่าสนใจ คือระเบียงที่ห้องนอนชั้นบน โดยเฉพาะแบบบ้าน Captivate จะมีระเบียงที่ใหญ่มาก ขนานไปกับพื้นที่ของ Master Bedroom แบบเข้ามุมเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) ทำให้เราสามารถจัดเป็นมุมพักผ่อน อ่านหนังสือริมระเบียงตอนเช้าหรือขยับร่างกายเบาๆ ตอนเย็น หรือจัดวางไม้กระถางเพื่อทำให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มให้กับบ้านจะได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
งานดีไซน์ดังกล่าวเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของแบบบ้าน LANAI คือการเปิดให้มีพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกบ้านเชื่อมต่อกัน โดยเฉพาะการออกแบบให้มีชายคายื่นออกมา เพื่อเปิดพื้นที่การใช้สอยแบบ Semi-Outdoor เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การที่หน้าบ้านไม่ได้รับแดดโดยตรง ก็จะช่วยลดการสะสมความร้อนภายในตัวบ้านได้ ทำให้อยู่สบายมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
เราจะเห็นได้ว่าพื้นที่ต่างๆ ในโครงการมีการผสมผสานกันระหว่างงานสถาปัตยกรรมและยอดเขาสูงซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของธรรมชาติ พัฒนาดีไซน์จนกลายเป็นสไตล์การออกแบบที่เข้ากับยุคสมัยมากครับ
ออกแบบมาให้เป็น Private Living Area เพราะเราอยากมีชีวิตที่คอนเนคกับธรรมชาติแบบส่วนตัว แต่ไม่อยากออกไปข้างนอก ก็ยกเข้ามาไว้ในโครงการเสียเลย ทำให้อยู่บ้านได้อย่างสดชื่นและสวยงามไปพร้อมกับ ช่วย Boost Energy ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี
ส่วนห้องนอนรองทั้งสองห้องจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องนอนหลักต้องเดินผ่าน Family Area จากภาพที่ถ่ายมาจะเห็นว่าทั้ง 2 ห้องเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว แต่การตกแต่งภายในจะน่ารักสดใสคนละสไตล์
ห้องนอนรอง 3 อยู่โซนด้านหลังบ้าน มีขนาดเล็กกว่าห้องนอนรอง 2 เล็กน้อย แต่จะได้เปรียบเรื่องความเงียบออกแบบให้เป็นห้องนอนสำหรับเด็กชายเน้นสีสันเอาใจวัยรุ่นด้วยไฟ LED สีเข้มอารมณ์เหมือนห้องสตรีมของเกมเมอร์ จัดเตียงไว้ตรงกลางหัวนอนชิดผนังมีช่องแสงซ่อนไวเคอยปลุกเราตอนเช้าโดยอัตโนมัติ
กานต์ชอบไอเดียการออกแบบบานเลื่อนเปิดปิดช่องแสงหัวเตียงมาก ดีไซน์เป็นภาพการ์ตูนขนาดใหญ่ ราวกับออกแบบมาให้อยู่ในโลกส่วนตัว แต่ก็พร้อมเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายในเข้ามาได้เช่นกัน
จริงๆ แล้ว หากบ้านไหนมีสมาชิกจำนวนไม่มาก ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานเป็นห้องนอน ผมแนะนำว่าห้องนี้สามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ สำหรับดูหนัง ฟังเพลง หรือทำเป็นห้องพระ ห้องสมุดภายในบ้าน หรือจะทำเป็นสตูดิโอไลฟ์สดก็เข้าท่าดีนะครับ ด้วยความที่อยู่โซนด้านหลังจะค่อนข้างเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก
ปลายเตียงเป็นเคาน์เตอร์ยาวพร้อมเก้าอี้ สามารถนั่งทำการบ้าน เล่นเกมหรือทำกิจกรรมส่วนตัวที่ชอบภายในห้องได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก ติดกันเป็นห้องน้ำในตัว แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อย
ส่วนห้องนอนรอง 2 จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านมาพร้อมกับระเบียงส่วนตัวบ้านตัวอย่างตกแต่งด้วยสีสันม่วง บานเย็น น้ำเงิน เป็นโทนสีที่เข้ากันได้ดี มีความเป็น Fashionable เล็กน้อย เหมาะสำหรับหญิงสาววัยรุ่น
จัดวางเตียงนอนหันหัวนอนไปทางหน้าบ้าน เปิดช่องแสงด้านข้างเตียงเป็นระเบียงที่กว้างขวาง อีกฝั่งจัดเป็นอาร์มแชร์สำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือเล่น iPad ดูซีรีย์ ทั้งนี้หากรู้สึกเบื่อๆ ก็สามารถเปิดประตูออกไปนั่งรับลมชมวิวที่ระเบียงได้ จัดวางที่นั่งกลางแจ้งเอาไว้ให้ ออกแบบให้ใช้งานแบบ Semi-Outdoor สามารถใช้ในการเปลี่ยนบรรยากาศในการอ่านหนังสือ โดยไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านหรือการทำกิจกรรมส่วนตัวในพื้นที่ของเราเอง
ลึกเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่ของมุมแต่งตัว ติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดใหญ่ไว้ริมผนัง ตรงกลางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่ออกแบบมาได้อย่างลงล็อค ส่วนห้องน้ำจะอยู่ถัดไป โดดเด่นด้วยกระจกเงาบานใหญ่ ภายในมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน
#โดยสรุป Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ โครงการที่มาพร้อมบรรยากาศของธรรมชาติจากฝรั่งเศส ไฮไลท์ Clubhouse ขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mont Blanc ตั้งอยู่ที่เมือง Chamonix ซึ่งเป็นงานออกแบบที่ผมว่าสร้างสรรค์ดีมาก
ส่วนตัวบ้านดีไซน์ของ Lanai Series ยังเป็นแบบบ้านที่ผมมองว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัวกับคอนเซปต์ของการเชื่อมต่อชีวิตและกิจกรรมภายในกับภายนอกบ้านเข้าไว้ด้วยกัน เราจึงได้เห็นดีเทลที่ใส่มาใน Facade วางไว้ในแนวตั้งและบิดองศาออกไปเล็กน้อย ไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงามแต่ต้องใช้งานได้จริง ช่วยเรื่องทิศทางแสงและลมและเปิดปิดได้ให้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://m.scasset.com/FGcW
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 080-043-0064 Line : @bb-jr https://lin.ee/Y0SH0BE