Haruki Murakami นักเขียนชาวญี่ปุ่นคนโปรดของกานต์ เคยเขียนไว้ในนิยายเรื่อง Kafka on the Shore ว่า “In the midst of the city, I found a forest”
.
เป็นประโยคสั้นๆ ที่คมคายในแง่ของการพูดถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ วลีสั้นๆ นี้เป็นอุปมาสำหรับการเดินทางของชีวิต เช่นเดียวกับที่ Kafka พบป่าท่ามกลางเมือง
.
Murakami คงอยากจะบอกว่า เราทุกคนมีศักยภาพที่จะพบความสงบสุขท่ามกลางชีวิตของเราเอง เราเพียงแค่ต้องรู้ว่าจะอยู่ที่ไหน
.
ชีวิตในเมืองก็เป็นเรื่องจำเป็นในการประกอบกิจการ หน้าที่การงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มันก็สบายไปอีกอย่าง ขณะเดียวกัน ป่าก็เป็นตัวแทนของสถานที่แห่งความสงบ เพื่อให้เราได้ใช้เวลาค้นพบตัวเองอย่างเงียบๆ
.
จึงเป็นเรื่องดีหากเราจะได้มีบ้านทำเลใจกลางเมืองย่านอโศก-พระราม 9 มีจุดเด่นคือเดินทางเข้าออกสะดวก เชื่อมต่อสาธารณูปโภคได้ครบครันและรวดเร็ว ทว่า เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว มีต้นไม้น้อยใหญ่ ไม้ดอก ไม้พุ่ม เสียงน้ำที่ไหลมากระทบ ค่อยๆ ทำให้เราเกิดความสงบในจิตใจทันทีที่กลับจากที่ทำงานแล้วมาถึงบ้าน
.
กานต์กำลังเล่าถึง “ARTALE” อโศก-พระราม 9 New Urban Luxury Pool Villa โครงการใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นโครงการ Flagship จาก Ananda Development เน้นเรื่องบรรยากาศของการพักอาศัยให้เรารู้สึกเหมือนได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติตลอดเวลา
.
กานต์ไปสัมผัสบ้านตัวอย่างมาแล้วครับ ยอมรับเลยว่า งานดีไซน์ดีมาก ฟังก์ชันครบ บ้านออกแบบสวยสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายแบบ Tropical เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาและบังสายตาเอาไว้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างพักอาศัย ออกแบบโดยเน้นหลักการไหลเวียนถ่ายเทของอากาศภายในบ้าน ได้ร่มเงาแสงแดดจากธรรมชาติ
.
บรรยากาศภายในบ้านค่อนข้าง Flow ด้วยทิศทางแสงและลม ทำให้รู้สึกเย็นสบายได้ตลอดทั้งวัน ท่ามกลางบรรยากาศของแมกไม้ที่พริ้วไหวเบาๆ ราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงแห่งความสุขให้กับเรา ทำให้ทุกวันกลายเป็นวันพิเศษเมื่อได้อยู่ในโครงการ ARTALE อโศก-พระราม 9
.
ไปชมภาพที่กานต์ถ่ายมาฝากกันพร้อมกับอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในได้เลยครับ
.
ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-316-2222
.
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://anan.ly/3E1IfKf
—
โครงการ ARTALE อโศก-พระราม 9 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ซอย 13
เนื้อที่โครงการ 20–1–94.2 ไร่ รังสรรค์เป็นโครงการวิลล่าสุดหรู จำนวนทั้งสิ้น 87 ยูนิต แต่ละซอยมียูนิตไม่มาก จึงนำเสนอจุดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยได้เป็นอย่างดี
.
โดยรอบโครงการไม่พลุกพล่าน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการพัฒนาเป็นที่พักอาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ด้านหน้าโครงการแม้จะอยู่ติดถนนที่มีรถราสัญจรไปมาก็ตาม
ทว่าโครงการได้ออกแบบให้มีระยะถอยร่นจากถนนหลักมากพอสมควร จัดทำเป็นสวนด้านหน้าและมีแนวต้นไม้ใหญ่คอยเป็น Buffer ช่วยป้องกันเสียงได้ดีทีเดียวครับ เมื่อขับรถเข้ามาในโครงการเราจึงแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถราที่วิ่งอยู่ข้างนอกเลยครับ
ARTALE อโศก-พระราม 9 เป็นโครงการระดับ Luxury ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศ Modern Tropical ได้อย่างกลมกลืน
ทำเลของโครงการถือว่าเป็น The Incomparable Location ด้วยหลักคิดที่ว่า “เวลาคือต้นทุนที่แพงที่สุด” เหมาะสำหรับกับคนเมืองที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลา เพราะว่าเป็นสิ่งเราที่ไม่สามารถหามาทดแทนได้
ดังนั้น โลเคชั่นของโครงการจึงต้องสะดวกในการเชื่อมต่อถนนหลายสาย เป็นทางลัดเชื่อมต่อไปยังถนนเทียมร่วมมิตรได้ เข้าสู่ทองหล่อได้ภายใน 5 นาที
ทั้งยังใกล้ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษศรีรัช และสามารถใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม Interchange ของสายสีน้ำเงินและสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มที่ใกล้ที่สุด คือ สถานีประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งอยู่บนถนนพระรามเก้าครับ
ใกล้โครงการมีสถานศึกษาชั้นนำ ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติ Regent โรงเรียนนานาชาติ Shrewsbury โรงเรียนนานาชาติ SISB ฯลฯ
สถานพยาบาลใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลพระรามเก้า โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช ฯลฯ
ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระรามเก้า เจ อเวนิว ทองหล่อ ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ และอาคารสำนักงานชั้นนำของกรุงเทพ
ARTALE อโศก-พระราม 9 ถือว่ามีพื้นที่ให้มีส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ ที่ร่มรื่นและเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากกว่า 370 ต้น เพื่อให้สมกับความเป็น “ป่ากลางกรุง” ที่ออกแบบตามหลักภูมิสถาปัตย์คือเน้นปลูกพันธ์ุไม้เมืองร้อนใบโปร่งเปิดรับแสงแดดธรรมชาติ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของเมือง
บรรยากาศช่วงเย็น แดดร่มลมตกถือว่าดีมาก เพราะการได้ใช้ชีวิตกลางแจ้งสัมผัสธรรมชาติสีเขียวเราว่าก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้นะครับ
ด้านหน้าโครงการโดดเด่นด้วยซุ้มประตูทางเข้าที่มีดีไซน์แบบ Modern Oriental พร้อม Water Feature เพิ่มความสดชื่นทันทีที่มาถึง
ส่วนการรักษาความปลอดภัยของที่นี่เป็นระบบ Double Security Gate จึงให้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง โดยลูกบ้านจะเป็นระบบ อ่านป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติ (License Plate Recognition) พร้อมระบบกล้อง CCTV โดยรอบโครงการ 32 จุด รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
นอกจากนี้ ยังมีบริการ Video Door Phone เพื่อให้แขกของเราสามารถกดโทรเข้าไปเพื่อติดต่อกับเราที่บ้านได้โดยตรงอีกด้วย
ผมชอบการครีเอทชื่อและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ของโครงการมาก จริงๆ ประทับใจในทุกโลเคชั่นที่ผ่านมาเลยครับ เพราะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น พัฒนาการ-ทองหล่อหรือที่ เอกมัย-รามอินทรา ซึ่งต่างก็ Sold Out ไปนานแล้ว สะท้อนถึงการตอบโจทย์ได้ตรงใจลูกค้าอย่างเรา
ARTALE เป็นการสนธิคำมาจาก 2 คำ คือ Art = A house that fulfill your imagination คือเป็นบ้านที่เติมเต็มจิตนาการให้แข็งแกร่งด้วยการออกแบบพื้นที่ระหว่างศิลปะและฟังก์ชันอย่างลงตัว
และ Tale = A place where your life stories can simply unfold เป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงเรื่องราวแสนวิเศษในทุกช่วงของชีวิตอย่างไม่รู้จบ
เมื่อเราเข้ามาภายในจะพบกับอาคารสโมสรด้านหน้าโครงการ เป็นอาคาร 2 ชั้นขนาดใหญ่ ยกพื้นให้อยู่สูงกว่าระดับถนนทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น อยู่ถัดจาก Main Gate เข้ามาเล็กน้อย
ด้วยความที่ Clubhouse อยู่ด้านหน้าโครงการ ทำให้มีข้อดีคือเราสามารถทำนัดหมายกับแขกทั่วไปที่มารอพบได้ที่ Lobby Lounge & Guest Area ของสโมสรส่วนกลางได้เลยครับ โดยที่ไม่ต้องเชิญเข้าบ้าน เพื่อความเป็นส่วนตัวของเราและเพื่อนบ้าน
ด้านหน้าเป็น Crestside Club สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ บริเวณขอบสระด้านนอกจะปลูกต้นไม้ไว้เป็นแนวยาวเพื่อความร่มรื่นและช่วยบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวขณะออกกำลังกาย
สระว่ายน้ำมีขนาด 6 x 16.65 เมตร สำหรับว่ายออกกำลังกาย หรือพักผ่อนในวันสบายๆ แบ่งออกเป็น 3 โซน เริ่มจากทางด้านซ้ายจะแยกเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแยกมาให้ 1 สระ มี Jacuzzi ที่เป็นสระปรับอุณหภูมิและมีโซนสปาให้ด้วย ส่วนด้านในจะมีจุดล้างตัว รวมถึงห้องน้ำแยกชายและหญิง มีตู้ล็อคเกอร์กับห้องอาบน้ำ สำหรับผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำ
ผมว่าช่วงเช้าเรื่อยไปจนถึงตอนสายถือว่าเป็นเวลาดีในการออกกำลังกายเพราะสระจะร่มรื่น มีอาคารสโมสรช่วยบังแดด แต่หากมาว่ายน้ำช่วงบ่ายๆ เย็นๆ อาจจะมีแสงแดดส่องผ่านต้นไม้เข้ามาบ้างก็ถือว่าได้เติมวิตามินดีให้กับผิวพรรณ และได้ออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วยครับ
ดีไซน์ภาพรวมของ Clubhouse มีความเรียบหรูดี นอกจากจะมีพื้นที่พักผ่อนภายนอกอย่างสระว่ายน้ำแล้ว
พื้นที่ด้านในมี Guest Lobby ตกแต่งในโทนสีอบอุ่นเพิ่มสีสันของธรรมชาติให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเขียวมะกอกไว้เป็นที่นั่งเอนกายด้านในอาคาร เป็นสถานที่สำหรับรับรองให้มานั่งพักคอยหรือพบปะพูดคุยธุระกัน กรณีที่เราไม่ต้องการให้แขกเข้าไปภายในโซน Residential เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัย
ถือเป็นข้อดีของการที่จัดให้มี Clubhouse อยู่โซนด้านหน้าทางเข้าโครงการเลยครับ ปัจจุบันยังเป็นสำนักงานขายอยู่และเตรียมจะส่งมอบกรรมสิทธิ์เมื่อปิดโครงการ
ตรงกลางดูโดดเด่นด้วยบันไดวน Signature Spiral Staircase สี Copper ตัดกับสีเขียวของไม้พุ่มสไตล์ Tropical ดูงานดีไซน์แล้วโมเดิร์นดีครับ ติดกันมีลิฟต์ขึ้นลง Clubhouse เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน
กานต์จะพาขึ้นไปชมชั้นบนของ Clubhouse กันต่อครับ
เดินขึ้นไปดูชั้นบนของ Clubhouse กันบ้างครับ ด้านขวามือสุดเป็นที่ตั้งของฟิตเนสด้วยครับ บรรยากาศเปิดโล่ง
ผมชอบแนวคิดในการตกแต่ง ด้วยการเลือกใช้วัสดุจากไม้และหินที่ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ราวกับได้ออกกําลังกายในรีสอร์ทหรูที่อยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายและให้ความเป็นส่วนตัว
ภายในมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครันจัดมาให้เป็นของ Technogym ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine แต่ที่เราชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวนส่วนกลาง บรรยากาศดูแล้วสดชื่นดีเวลาที่เห็นต้นไม้สีเขียวระหว่างที่เรากำลังวิ่งออกกำลังกายก็ช่วยให้หายเหนื่อยได้
ติดกันเป็น Kid’s Room ตกแต่งโทนสีเขียวแบบไล่เฉดสีที่บริเวณผนังซึ่งบุด้วยนวมเพื่อรองรับการเล่นสนุกของเด็กๆ ภายในห้องมีสไลเดอร์และอุปกรณ์ ของเล่นเสริมทักษะและพัฒนาการของเด็กๆ เต็มไปหมด เป็นอีกห้องที่ดูแล้วสดใสพลอยให้ใจฟูมากครับ
Kid’s Room อีกหนึ่งห้องที่เราชอบและดูเหมือนว่าโครงการนี้จะให้น้ำหนักกับการออกแบบประสบการณ์ใหม่และความสนุกสนานนอกห้องเรียนของเด็กๆ มากเป็นพิเศษซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ตลอดจนหลักการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการเล่นเป็นสำคัญ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือโถงทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคาร Clubhouse ทั้ง 2 ฝั่งที่ออกแบบเป็นโถงกระจกใส ติดกันเป็นเพดานที่เจาะช่องวงกลมขนาดใหญ่เพื่อให้แสงส่องผ่านมาถึง Vertical Garden ที่อยู่บริเวณโถงบันได นับว่าเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดมากครับ
หากลูกบ้านต้องการพักผ่อน เราแนะนำให้เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองก็จะพบกับ Co-Working Space ซึ่งจัดที่นั่งไว้หลากหลายมุม สำหรับลูกบ้าน เอาไว้นั่งทำงาน อ่านหนังสือหรือนั่งคุยกันในบรรยากาศสบายๆ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดวางที่นั่งแบบกระจายกันไปตามความต้องการรองรับการใช้งานทั้งแบบเดี่ยว แบบกลุ่มหรือจะนั่งประชุมกันหลายๆ คนก็ได้เช่นกันครับ
โดยมี Meeting Room สีเขียวมะกอกดูสดชื่นผ่อนคลาย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการประชุมเตรียมไว้ให้ สามารถจองเข้าใช้งานกับทางนิติบุคคลได้เลยครับ
จาก Clubhouse เราจะพาเดินลงบันไดเพื่อไปชมสวนส่วนกลางกันต่อครับ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยครับในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับวิถีชีวิตของคนเมือง
“ร่มรื่นดีจัง” กานต์กำลังรำพึงรำพันกับตัวเองระหว่างเดินชม Clubhouse ดีไซน์โมเดิร์นที่มีการผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและความร่วมสมัย ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ ทำให้รู้สึกเราผ่อนคลายทันทีที่กลับเข้าบ้าน
สวนส่วนกลางก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด เพราะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลากหลายสายพันธ์ุเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่หลากหลายคล้ายผืนป่าใจกลางกรุง บางต้นมีความสูงไล่เลี่ยกับบ้านจนแทบจะคลุมมิด สะท้อนถึงแนวคิด Biophillic Design ที่ดึงความเป็นธรรมชาติสีเขียวเข้ามาอยู่ภายในโครงการ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย มีที่นั่งกลางสนามหญ้าไว้สำหรับนั่งพักผ่อนในวันสบายๆ
โครงการจัดวางผังให้มีสวนส่วนกลางขนาดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามอาคาร Clubhouse เป็นสวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้ดอก ช่วยให้บริเวณนี้ดู ร่มรื่น สดชื่น สบายตา สบายใจ เหมาะแก่การเปลี่ยนบรรยากาศจากการพักผ่อนภายในบ้านมานั่งเล่นที่ส่วนกลางดูบ้างครับ
ใกล้ๆ กันมีที่นั่งยกสูงดีไซน์เป็นประมาณครึ่งวงกลม ผมลองไปนั่งแล้วรู้สึกได้ถึงการออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวสบายๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่วิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใส สีสันของธรรมชาติที่แต่งแต้ม งดงามราวกับเป็นภาพวาด ได้อารมณ์อิมเพรสชั่นนิสต์เหมือนกำลังชมงานศิลปะของศิลปินชื่อดัง
นอกจากนี้ยังจัดให้มี Playground โครงการได้แรงบันดาลใจมาจากการอยากให้ลูกบ้านได้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสกับธรรมชาตินอกบ้านบ้าง และเน้นให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ชวนกันออกไปรับวิตามินดีในวันที่อากาศเป็นใจ มีสนามเด็กเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่พร้อมสไลเดอร์ พื้นติดตั้งเป็นยางกันกระแทกเพื่อป้องกันอันตราย ตลอดจนมีสะพานไม้โดยรอบสำหรับให้เด็กๆ ได้มาเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่อีกด้วยครับ
ถัดจาก Clubhouse ด้านหน้า ก็จะเป็น Gate 2 เพื่อคัดกรองไม่ให้แขกสามารถตรงเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยได้ทันที เราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างของทางโครงการกันต่อครับ
ARTALE อโศก-พระราม 9 บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์ Modern ภายใต้ดีไซน์คอนเซ็ปต์คือความเป็น Forest in the City มีบ้านทั้งหมด 3 แบบ ทุกแบบสามารถรองรับครอบครัวแบบ 3 Generation มาพร้อมกับแนวคิด New Urban Luxury Pool Villa เพราะว่าบ้านทุกหลังจะมีสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัว
-ARCHE (อา-เช) เป็นวิลล่าแฝด 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 335 ตร.ม. ฟังก์ชันขนาด 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ Family Area และ 3 ที่จอดรถพร้อมสระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่และลิฟต์ส่วนตัว
-APEX (เอ-เพ็กซ์) วิลล่าหรู 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 434 ตร.ม. ขนาดฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ Family Area และครัวไทย จอดรถได้ 3 คัน พร้อมสระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
ส่วนแบบบ้านที่เรามาชมกันในครั้งนี้เป็นบ้านดีไซน์โมเดิร์น ชื่อว่า AMPLE (แอมเพอ) วิลล่าสุดหรู 3.5 ชั้น เป็นบ้านที่สร้างเต็มพื้นที่ ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546 ตร.ม. ฟังก์ชันขนาด 4 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ มีห้องอเนกประสงค์ Family Area ครัวยุโรปและครัวไทย หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คันพร้อมสระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่และมีลิฟต์ส่วนตัว รองรับการพักอาศัยได้ในทุก Generations เลยครับ
หน้าบ้านมาตรฐานจะเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อน โดยทางโครงการได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการติดตั้งระบบรั้วไฟฟ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยงานออกแบบที่ลงรายละเอียดไว้เยอะมาก ทั้งโครงเหล็ก กระจก ลวดลายประดับ แผ่นหิน Stone Surface หลังคาแบบเซาะร่องป้องกันน้ำฝนไหลย้อนเข้าบ้านและมีการทำขอบกันน้ำเอาไว้ด้านบนอีกทาง
หน้าบ้านชั้นบนโดดเด่นด้วย Facade เป็นแนวฟินที่ช่วยบังสายตา เมื่อกระทบกับแสงจะเกิดเป็นลวดลายคล้ายเงาของร่มไม้ ซึ่งผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของบ้าน ARTALE มากเลยครับ นอกจากนี้ ยังออกแบบบ้านโดยคำนึงถึงหลัก Universal Design ให้มีพื้นทางลาดสำหรับการใช้งานรถเข็นวีลแชร์ด้วย
พื้นที่หน้าบ้านชั้นล่างเป็นลานจอดรถ บ้าน AMPLE สามารถจอดได้ทั้งหมด 4 คัน แบ่งเป็นช่องจอดในร่ม 3 และช่องจอดแบบ Semi-Outdoor ด้านข้างจอดรถได้อีก 1 คัน โครงสร้างลานจอดรถลงเสาเข็มยาวมาให้จนถึงแนวเสาของตัวบ้าน พื้นเป็นแบบ Stamp Concrete ข้อดีคือดูมีความแข็งแรง ดูสวยงามและทำความสะอาดง่าย ในส่วนของผนังได้ติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ว่างด้านข้างบ้าน เป็น Back of House สำหรับใช้เดินอ้อมเข้าด้านหลังบ้านเพื่อเป็นทางเข้าออกสำหรับแม่บ้านไปยังพื้นที่ทำงานได้ โดยไม่ต้องผ่านพื้นที่พักอาศัยทำให้ได้เรื่องความเป็นส่วนตัว
ก่อนเข้าบ้าน มองออกไปจะเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้าอยู่ภายนอกบ้าน เชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นภายใน ท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้สีเขียว มีเฉลียงว่างด้านนอก สามารถจัดชุดเก้าอี้ที่นั่งกลางแจ้งมาวางได้ ทุกองค์ประกอบล้วนเข้ากันได้ดีครับ ผมว่าสระว่ายน้ำ น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนแน่นอน
ก่อนเข้าบ้าน จากทางเข้าด้านหน้าประตูออกแบบให้เป็น Foyer เล็กๆ บ้านตัวอย่าง Build-in ตู้เก็บของ ตู้เก็บรองเท้าที่บริเวณนี้ ตกแต่งโดยใช้สีโทนเข้มเพื่อรับกับประตูลายไม้ของ Tostem มาพร้อมกับ Digital Door Lock และติดตั้ง Magnetic & Shock Sensor ที่ประตูชั้นล่างและชั้นลอยทุกบาน ตลอดจนการซีลขอบประตูด้วยยางเพื่อป้องกันแมลงและลดเสียงรบกวนเข้าสู่ตัวบ้าน
ภายในติดตั้งระบบ VDO Door Phone เป็น Intercom เชื่อมต่อกับหน้าประตูหลักของโครงการจะได้มองเห็นชัดเจนว่ามาใครมาหาที่บ้าน พร้อมระบบ Home Automation ช่วยควบคุมแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศภายในบ้านผ่านมือถือ
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับความใหญ่โตโอ่โถงแบบ Double Volume ของ Common Area ภายในบ้าน ประกอบด้วย Living Area จัดชุดที่นั่งโซฟาขนาดใหญ่ ด้านในเป็นโถงบันไดและลิฟต์ภายใน ทางด้านซ้ายโต๊ะรับประทานอาหารหลายที่นั่ง ติดกับสระว่ายน้ำ ทำให้เป็นบ้านที่ออกแบบบรรยากาศภายในได้ดี เหมาะต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นรางวัลให้กับชีวิต
ชั้นล่างของบ้านจึงดูค่อนข้างโล่งและโปร่งสบายด้วยการเปิดช่องแสงธรรมชาติโดยรอบทำให้บ้านสว่างได้ตลอดทั้งวันเป็นการประหยัดไฟไปในตัว และเปิดมุมมองที่กว้างกว่าบ้านทั่วไป
พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ ประกอบกับบ้านตัวอย่างตกแต่งโทนสีน้ำตาลอ่อน เข้ากันดีกับสีเอิร์ธโทนของเฟอร์นิเจอร์และสีเขียวของต้นไม้ด้านนอก ก็ช่วยให้บ้านดูอบอุ่นน่าอยู่ มุมนั่งเล่นจัดวางโซฟาขนาดใหญ่ 8-10 ที่นั่ง ด้านหน้าชิดผนังจะติดตั้งทีวีเอาไว้ สามารถใช้เป็นมุมรับแขกและพักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน
ผมไปเก็บภาพทั้งตอนช่วงเช้าและช่วงบ่าย ทำให้ได้เห็นการหักเหของแสงและเงาเข้าบ้านผ่านผนังกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน กลายเป็นเฉดที่สวยงามตามธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามา เราสามารถติดตั้งม่านโปร่งและม่านทึบเพิ่มเติมได้ จัดเป็นมุมต้อนรับแขกและมุมพักผ่อน จิบกาแฟ อ่านหนังสือในวันสบายๆ
หากเปิดม่านออกไป เราจะได้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านที่เชื่อมต่อพื้นที่พักผ่อนระหว่างภายในกับภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศสบายๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
เราสามารถเปิดประตูกระจกออกได้เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างมุมนั่งเล่นภายในและสระว่ายน้ำภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่มีขนาดประมาณ 4.7 x 3.5 เมตร ถือว่าลงตัวกับขนาดบ้าน
กานต์ว่ามุมนี้ Vibes มากครับ เหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้า หรือนั่งพักเหนื่อยเบาๆ ระหว่างที่ว่ายน้ำ หากว่ามีพูลปาร์ตี้หรือกิจกรรมภายในบ้านก็สามารถเปิดออกได้
ด้านในเป็นมุมรับประทานอาหาร บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่งเอาไว้ พร้อม Pantry ด้านใน แต่ผมว่าถ้าหากเราต้องการโต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็สามารถทำได้ครับเพราะพื้นที่บริเวณชั้นล่างค่อนข้างกว้างขวาง
จากมุมรับประทานอาหารสามารถชมบรรยากาศของสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำด้านนอกไปพร้อมกันได้ สามารถเปิดประตูกระจกออกไปเพื่อเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่กลางแจ้งในช่วงที่จัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ หรือมีงานเลี้ยงภายในบ้านกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท
ด้านในถัดจากโต๊ะรับประทานอาหาร จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือเป็นห้องน้ำที่จะไม่มีพื้นที่อาบน้ำ สำหรับแขกและทุกคนในบ้านใช้งานร่วมกัน มีอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์แบบ Washlet ของ TOTO
ติดกันเป็นทางเข้าห้องครัวไทยขนาดใหญ่ที่แยกไว้ด้านหลังอย่างเป็นสัดส่วน ทางโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวครบชุดพร้อมตู้เก็บของบานปิดบนและล่างมาให้ดูเป็นไอเดียแล้ว ทว่าบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องโล่งให้เราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ อีกด้านเป็นมุมสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า เชื่อมต่อกับ Maid Plaza พื้นที่หลังบ้าน ลานซักล้าง ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว
ทางโครงการยังได้ติดตั้งลิฟต์เอาไว้ให้แล้วครับ เชื่อมต่อกับบันไดที่อยู่บริเวณตรงกลางบ้าน เป็นลิฟต์แบบเลื่อนเปิดด้านข้างสองชั้น ตกแต่งหน้าบานลิฟต์แบบเรียบง่ายสีโทนอ่อนเข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์ เราลองใช้ลิฟต์เพื่อขึ้นมายังชั้นลอยของบ้านครับ
เมื่อมาถึงชั้นลอย เราจะพบกับการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว เน้นพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกคนภายในบ้านได้ดี โดยมีไฮไลท์คือ Family Area กลางบ้าน ซึ่งออกแบบให้เชื่อมต่อกับ Living & Dining Area ชั้นล่าง จัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวได้สบายเลยครับ สามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดได้ในคราวเดียวกัน เป็นไปตามไอเดียคอนเซปต์ของการจัดวางผังภายในบ้านแบบ Open Plan ทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ไม่ซ้ำกันตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว
Family Area ผมชอบการตกแต่งมุมนี้เป็นพิเศษ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์ม สีครีม สีเขียวมะกอกและสีน้ำตาลอ่อน จัดวางท่ามกลางผนังลอนไม้สีเข้มทำให้มุมนี้ของบ้านดูเรียบขรึม เท่ดีมากครับ ด้านในมีห้องน้ำพร้อมชาวเวอร์ออกแบบไว้รองรับการใช้งานเช่นกัน เพราะสามารถปรับมุมนี้เป็นห้องนอนเพิ่มได้ในอนาคต ทำให้สะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
อีกด้านจัดเป็นที่นั่งเชื่อมต่อกับโถงชั้นล่างแบบ Double Volume มองเห็นความเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นส่วนตัว ติดกันจะมีประตูสำหรับเปิดออกไปพื้นที่ Service ด้านนอกฝั่งหน้าบ้าน สามารถจัดเป็นพื้นที่เก็บของ วางคอมเพรสเซอร์แอร์ และกระถางต้นไม้ได้
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือบ้าน ARTALE อโศก-พระราม 9 จะบรรยากาศรายล้อมภายในบ้านด้วยกระจกใสบานใหญ่ ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในได้เต็มที่ สามารถเปิดประตูออกไปสู่สระว่ายน้ำภายในบ้านได้ ให้อารมณ์เหมือนพักผ่อนอยู่รีสอร์ตใจกลางกรุง
นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมุมอ่านหนังสือ หรือนั่งพักผ่อนอยู่ริมสระ
ตรงกลางบ้านเป็นโถงต้อนรับเพดาน ที่สูงถึง 6.7 เมตรแบบ Double Volume จรดชั้นบน ทำให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายทันทีที่กลับมาถึงแล้วเปิดประตูเข้าสู่ภายในบ้านและยังเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างชั้นล่างและชั้นลอยด้วย
ขึ้นบันไดไปชมชั้น 2 กันบ้างครับ โถงบันไดมีช่องแสงเปิดรับความสว่างจากภายนอกเพื่อไม่ให้มืดจนเกิดไป ภายในยังได้ติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโมชั่นเซนเซอร์ตามขั้นบันได เราสามารถติดตั้งไฟกิ่งบริเวณโถงบันไดเพิ่มเพื่อเติมความสวยงามได้
ผมชอบมุมบันไดมาก ทั้งการออกแบบและจัดไลท์ติ้ง ติดตั้งเป็นบันไดไม้ปิดผิวลูกตั้งลูกนอนด้วยกระเบื้อง SPC ลายไม้สีน้ำตาลอ่อนเข้ากับการตกแต่งภายในได้ดี บันไดดูแข็งแรงด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ออกแบบราวกันตกใช้เป็น Tempered Glass ที่มีความหนามากขอบกระจกเป็นราวกับไม้ให้ความอบอุ่นภายในบ้าน
ชั้น 2 เป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ซึ่งอยู่ทางโซนด้านหน้าบ้านกินพื้นที่เกือบครึ่งชั้น ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ภายในตกแต่งโทนสีน้ำตาลเขียว พื้นปูด้วย Hybrid Engineered Wood ลายไม้ให้ความรู้สึกถึงสัมผัสของธรรมชาติ
บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยช่องแสงที่เปิดออกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหัวเตียงซึ่งหันไปทางหน้าบ้าน เรื่อยไปจนถึงโซนแต่งตัวที่เป็นผนังกระจกใส ภายในห้องนอนหลักติดตั้งระบบ Heat Reclaim Ventilator (HRV) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยระบายความร้อน เปลี่ยนให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย ช่วยให้มีอากาศไหลเวียนถ่ายเทได้ดีตามคอนเซ็ปต์ Flow
ภายในห้องนอนหลักจัดวางเตียงนอนไว้ด้านใน หัวเตียงประดับด้วยโคมไฟสำหรับอ่านหนังสือ
ฝาผนังด้านข้างประดับภาพศิลปะแนว Abstract ผมจึงถ่ายภาพนี้มาในคอนเซปต์ของการออกแบบที่ก้าวไปสู่ความคิดนอกกรอบ แปลงความนามธรรมของการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติให้มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมว่าอนันดาออกแบบโครงการนี้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
สถาปนิกออกแบบให้ห้องนอนหลักเป็นมากกว่าห้องนอนทั่วไป จะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง
ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านมีความสวย ดูหรูหรา สมฐานะ โดยต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่จะช่วยเติมเต็มสุนทรียะในการพักผ่อนเข้ามาประกอบ
ดังนั้น สถาปนิกจึงออกแบบให้ห้องแต่งตัวมีผนังกระจกใสขนาดใหญ่เพื่อเปิดรับวิวสวนสวยและต้นไม้สีเขียวจากภายนอกให้ความรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งยังช่วยในการเปิดรับแสงจากภายนอกทำให้บ้านดูสว่าง โดยไม่ต้องเปิดไฟ
ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงกว้างด้านนอกได้ เป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ขอบระเบียงเป็นกระจกนิรภัย เราสามารถจัดหาชุดที่นั่งแบบ Out Door มาวางพร้อมไม้กระถางเติมความร่มรื่นให้กับห้อง
เดินเข้าไปด้านในสุดเป็น Master Bathroom ซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้าง ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ ข้อดีก็คือทำให้เรารู้สึกสบายใจและใช้เวลาอยู่ภายในพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ เราสามารถตีฟองนอนแช่อ่างอาบน้ำแล้วอ่านหนังสือ หรือจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด เปิดเพลงคลอไปด้วยเบาๆ เท่านี้ก็ทำให้การพักผ่อนอยู่บ้านของเรา สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นครับ
ภายในห้องน้ำแบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสัดส่วนดี มีพื้นที่แยกส่วนเปียกแห้ง มาพร้อมกับสุขภัณฑ์แบบ Washlet จาก TOTO โดดเด่นด้วยกระจกเงาบานใหญ่แบบเต็มผนัง มาพร้อมกับอ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกกันระหว่างคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงใช้งานกันคนละมุม
แต่ที่เราชอบคือออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk in Closet ชนิดที่ว่า ออกจากห้องน้ำมาก็เดินเข้าห้องแต่งตัวได้ทันที ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกมากครับ
ชั้นสองมีห้องนอนรองอยู่โซนด้านหลัง บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องในโทนสี Red & White ดีไซน์โมเดิร์นสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่
เท่าที่สังเกต แม้จะเรียกว่าเป็นห้องนอนรอง แต่ต้องถือว่าทุกห้องออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่า Master Bedroom ของบ้านมาตรฐานในโครงการทั่วไปเลยครับ
ภายในห้องนอนแยกส่วนพักผ่อนกับการใช้งานภายในห้องออกจากกันชัดเจน
ด้านในจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟ มีพื้นที่โดยรอบเตียงเดินได้สบายเลยครับ มาพร้อมกับระเบียงขนาดใหญ่ให้เราเดินออกไปรับลมได้
ด้านข้างออกแบบพื้นที่นั่งเล่นแบบส่วนตัวภายในห้องนอน พื้นที่ภายในห้องค่อนข้างกว้าง สามารถจัดวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางสำหรับนั่งจิบกาแฟพักผ่อนภายในห้องได้สบายเลยครับ
ส่วนปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวียาวขนานไปกับมุมพักผ่อน พร้อมเก้าอี้เพื่อจัดเป็นโต๊ะทำงานภายในห้องนอน
มุมแต่งตัวจะอยู่ถัดไปด้านใน เป็นแบบ Walk-in Closet ติดตั้งตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดานเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) ตรงกลางติดผนังเชื่อมจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มองเห็น Pocket Garden ส่วนตัวภายในห้องนอน
ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านขวามือในสุด โครงการออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ภายในห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำติดตั้งเป็นของ American Standard ตามมาตรฐาน
“𝐌𝐲 𝐰𝐢𝐬𝐡 𝐢𝐬 𝐭𝐨 𝐬𝐭𝐚𝐲 𝐚𝐥𝐰𝐚𝐲𝐬 𝐥𝐢𝐤𝐞 𝐭𝐡𝐢𝐬, 𝐥𝐢𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐪𝐮𝐢𝐞𝐭𝐥𝐲 𝐢𝐧 𝐚 𝐜𝐨𝐫𝐧𝐞𝐫 𝐨𝐟 𝐧𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞.”
-Kant J. Smyth
บนชั้น 3 เป็นพื้นที่ของห้องนอนรองอีก 2 ห้องเช่นกัน จัดวางผังคล้ายกับชั้น 2 แต่จะเพิ่มห้องอเนกประสงค์ตรงกลางเข้ามา จัดวางที่นั่งสำหรับสมาชิกในครอบครัว เพราะถือว่าชั้นนี้เป็น Living Area อีกจุดครับ
บ้านตัวอย่างจัดวางอาร์มแชร์หนังแท้ ตกแต่งคล้ายซิการ์รูม บรรยากาศสุดหรูดูคู่ควรกับคุณสุภาพบุรุษ ทำให้บ้านดูคลาสสิค ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาลเข้ม พร้อมเคาน์เตอร์ติดผนัง
ทั้งนี้ ยังสามารถปรับเป็นที่นั่งทำงาน ทำการบ้าน นั่งเล่น iPad พักผ่อน ดูทีวี เล่นเกม ทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับสมาชิกในครอบครัวด้วยกันที่บริเวณนี้ได้ จึงถือเป็นพื้นที่สำหรับความเป็นส่วนตัวที่ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรวมและสมาชิกคนอื่นในบ้าน
ชั้นบนสุดจะมีพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับบันไดขั้นสั้นๆ เราสามารถใช้บริเวณนี้ในการสำหรับจัดวางงานศิลปะ จัดทำเป็น Hall of fame หรือเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำกิจกรรมของเด็กๆ ได้ครับ อาจจะเป็นมุมสำหรับทำการบ้าน ฟังนิทาน อ่านหนังสือ หรืออาจจะปรับเป็นห้องพระก็ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าสามารถปรับฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของทุกคนในบ้าน
ห้องนอนรองบนชั้น 3 ด้านหลังจะจัดวางผังคล้ายกับชั้น 2 แต่ไม่มีระเบียงทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่ม เข้าไปด้านในจะเจอกับโซนพักผ่อน
เตียงนอนของบ้านตัวอย่างสวยมากอยากได้เลยครับ ภายในห้องค่อนข้างกว้าง ดังนั้นจึงสามารถวางเตียงขนาดใหญ่และยังมีพื้นที่โดยรอบให้เดินหรือวางของประดับห้องได้สบายเลย
ส่วนพื้นที่ว่างด้านข้างเตียงจัดวางโซฟาสีแดงอมส้ม ซึ่งทอดขนานยาวไปจนถึงเตียงนอน เป็นอีกหนึ่งห้องที่ผมชอบมาก กับการตกแต่งที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผมดี
พื้นที่ปลายเตียงจัดเป็นชั้นวางทีวี มีระยะห่างจากโซฟาที่นั่งพอสมควรทำให้เราสามารถจัดวางสมาร์ททีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับเพราะมีระยะในการรับชมค่อนข้างมาก
สิ่งที่เราสัมผัสได้ขณะนั่งพักผ่อนภายในห้องนอนคือความ Flow ของอากาศภายในบ้าน ด้วยความที่บ้านจัดวางแปลนในทิศเหนือ-ใต้ เป็นการออกแบบโดยเน้นหลัก Ventilation ทำให้การไหลเวียนของอากาศทำได้ดีเป็นไปตามทิศทางลมพัดผ่าน ไม่ได้หันหน้าไปปะทะกับแสงแดดโดยตรง ทำให้บ้านรู้สึกเย็นสบายตลอดเวลา เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้ตลอดทั้งวันเย็นสบายราวกับนั่งพักผ่อนอยู่ในสวนสาธารณะ
ด้วยความที่ผังภายในห้องออกแบบเป็นรูปตัวไอ (I-Shape) ขนานไปกับความกว้างของบ้านด้านหลัง โดยมีประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง
ด้านขวาเป็นส่วนของเตียงนอน คั่นกลางด้วย Pocket Garden เป็นพื้นที่สวนส่วนตัวภายในห้องนอน ขณะที่ปีกซ้ายของห้องออกแบบให้เป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำ ที่เชื่อมต่อกันสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่
ภายในห้องนอนมีห้องน้ำที่ครบครันด้วยอุปกรณ์ภายในจาก American Standard พร้อมแยกโซนเปียกแห้งเอาไว้แล้ว
ห้องนอนรองอีกห้องจะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ด้านในเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่โดยตั้งใจให้มีพื้นที่เปิดโล่งบริเวณปลายเตียง ทำให้ได้วิวสวนด้านหน้าผ่านกระจกใสบานใหญ่ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า กลายเป็นช่องแสงส่องสว่างจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ
ด้านในจัดวางโซฟาหนังดีไซน์วินเทจขนาดใหญ่เอาไว้พร้อมกับมีเคานต์เตอร์ยาวขนานไปกับพื้นที่ด้านหน้า เพื่อให้เป็นมุมดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือแบบส่วนตัวภายในห้องนอน เราสามารถทำเป็นชั้นวางทีวีได้และเป็นพื้นที่จัดเก็บของได้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยผมชอบการจับคู่สีน้ำเงินของผนังและเฟอร์นิเจอร์บางส่วนกับสีน้ำตาลอมส้ม ดูแตกต่างอย่างลงตัว
ถัดไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวติดตั้งตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ขนานไปกับผนัง สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้เยอะมาก
ส่วนด้านในสุดเป็นห้องน้ำที่วางเป็นแนวขวาง ทำให้แยกฟังก์ชันการใช้งานได้ค่อนข้างดี มีอ่างล้างหน้า Shower ด้านข้างเจาะช่องสำหรับทำเป็นแท่นวางสบู่ แชมพู ส่วนอีกด้านเป็นโถสุขภัณฑ์
#โดยสรุป โครงการ ARTALE อโศก-พระราม 9 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจโดยหยิบยกเอาบรรยากาศของผืนป่าในเมืองหลวง มาเป็นส่วนสำคัญของการสร้างบรรยากาศแห่งการพักอาศัย ราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวอันเงียบสงบ ทว่า อยู่ใจกลางกรุงเทพ ดังนั้น เรื่องของการเชื่อมต่อการสัญจรต่างๆ จึงค่อนข้างได้เปรียบ เพราะใกล้จุดขึ้นทางด่วน เข้าสู่ทองหล่อได้ภายใน 5 นาทีและยังมีทางเชื่อมไปสู่ ถนนเทียมร่วมมิตร ถนนประชาอุทิศ ห้วยขวางและพระราม 9 ได้
ทำเลนี้ยังถือว่าเป็นที่สุด ด้วยความครบครันของสาธารณูปโภคและรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ฯลฯ
ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในปัจจุบันที่จะเห็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ใจกลางพระราม 9 เช่นนี้ เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดที่ดินทำให้ผู้พัฒนาโครงการนิยมสร้างคอนโดมิเนียมมากกว่า ดังนั้น ARTALE อโศก-พระราม 9 จึงเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูที่น่าสนใจและได้กระแสตอบรับที่ดีทันทีที่เปิดตัว
โครงการบ้าน ARTALE อโศก – พระราม 9 เตรียมเปิดให้จองอย่างเป็นทางการ และพร้อมให้ชมบ้านตัวอย่างในวันที่ 26 – 27 สิงหาคมนี้ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการบนทำเลศักยภาพ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-316-2222
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://anan.ly/3E1IfKf