ARNA RAMA 9

✨“New Luxury ไม่เกี่ยวกับว่ามีอะไรใหม่กว่ากัน แต่เกี่ยวกับอะไรที่ต้องให้ความสำคัญ”

.

Juan DeLeon บรรณาธิการหนังสือ The New Luxury เคยกล่าวถึงกระบวนทัศน์นิยามของคำว่า New Luxury ที่เปลี่ยนจากการขายสินค้ามาเป็นเรื่องของกระบวนการและประสบการณ์

.

ในขณะที่โลกดิจิทัลเร่งตัวเร็ว ผู้คนได้รับข้อมูลมากมาย นิยามความหรูหรากำลังเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันผู้บริโภคแสวงหาการเติมเต็มทางอารมณ์มากขึ้น ดังนั้น ความหรูหราที่แท้จริงจะอยู่เหนือข้อจำกัดของพื้นที่และเวลา มีแต่จะเพิ่มมูลค่าและไม่ลดลง ผู้คนจะให้ความหมายมากขึ้นกับสิ่งที่คงอยู่ ยั่งยืน และการได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าเหนือกว่า ทั้งยังต้องดีต่อปัจเจกชน ดีต่อสังคมและดีต่อโลก

.

กานต์ได้สนทนาเป็นเวลาสั้น ๆ กับคุณปอ-ถวนันท์ ธเนศเดชสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด เจ้าของโครงการ ARNA พระราม 9 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ในขณะที่กำลังนำพาผมเดินชมบ้านตัวอย่างด้วยตัวเอง

.

ด้วยความที่คุณปอเป็นสถาปนิกมาก่อน ดังนั้นการออกแบบบ้านจะเกิดจากมุมมองทางสถาปัตยกรรมที่ ทวิสต์ไปสู่ลูกบ้าน เป็นการมองมุมกลับจึงทำให้บ้านมีดีไซน์สวยและรุ่มรวยฟังก์ชั่นไปในคราวเดียวกัน โครงการโอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว Signature Greenery กับต้นจามจุรีอายุกว่า 50 ปี ภายใต้แนวคิด “𝐏𝐫𝐢𝐯𝐚𝐭𝐞 𝐇𝐨𝐦𝐞, 𝐟𝐨𝐫 𝐏𝐫𝐢𝐯𝐚𝐭𝐞 𝐎𝐧𝐞” จึงดีไซน์บ้านออกมาในสไตล์ Modern Italian Design ที่มีความคลาสสิก ดูร่วมสมัย เหนือกาลเวลา (Timeless) สะท้อนความเป็นตัวตนของผู้พักอาศัย เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ “𝐌𝐲 𝐂𝐮𝐫𝐚𝐭𝐞𝐝 𝐒𝐚𝐧𝐜𝐭𝐮𝐚𝐫𝐲”

.

ที่สำคัญคือการส่งมอบประสบการณ์ความหรูหราใหม่ที่ลูกบ้านจะได้รับ มากขึ้นไปกว่าการซื้อบ้านหรูสักหนึ่งหลัง เนื่องจากโครงการวางเซกเม้นท์ไว้ชัดเจน พรีเซนต์คาแรคเตอร์ของลูกบ้านมีที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว ชอบการออกแบบที่มีรายละเอียด และมีพื้นที่ใช้สอยมากพอที่จะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้เข้ากับความชอบส่วนตัว เกิดเป็น Ultimate Privacy in Serene Community ที่แวดล้อมด้วยเพื่อนบ้านไลฟ์สไตล์คล้ายคลึงกัน

.

ดังนั้น บ้านในโครงการ ARNA พระราม 9 จึงมีเพียง 8 ยูนิต ตั้งอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ทว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองซึ่งสะดวกสบายในการเชื่อมต่อสู่ CBD ตอนเช้าส่งลูกไปโรงเรียนนานาชาติ แล้วไปเข้าออฟฟิศทำงานย่านสุขุมวิท ตกเย็นก็กลับบ้าน เข้าสู่โหมดไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคน – เหล่านี้ตรงกับนิยามความหรูหราใหม่ที่ทำให้เราเข้าใจได้ในทันทีระหว่างที่เดินชมบ้านตัวอย่าง โดยที่คุณปอไม่ได้เอ่ยถึงคำว่า “Luxury” เลยแม้แต่ครั้งเดียว

.

กานต์อยากชวนให้ไปชมภาพถ่ายพร้อมเรื่องราวของโครงการ ARNA พระราม 9 “บ้านที่เข้าใจคนโลก (ความสุข) ส่วนตัวสูง” อ่านต่อในแคปชั่นได้เลยครับ

“New Luxury ไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ชุมชน ค่านิยมที่เราแบ่งปัน ปรับตัวให้เข้ากับแบรนด์ที่สามารถช่วยปรับปรุงมุมมองโลกนั้นได้”

-Juan DeLeon
บรรณาธิการหนังสือ The New Luxury

ด้วยความที่กานต์พยายามจะเล่าถึงเรื่องราว นิยามใหม่ของคำว่า Luxury อยู่หลายครั้งว่า เพื่อที่จะบอกว่ายังมีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่าเรื่องของราคา เพราะว่าความหรูหราใหม่ คือการส่งมอบประสบการณ์ที่จะสะท้อนตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี บ่งบอกว่าเรามีไลฟ์สไตล์แบบไหน ชอบ ชื่นชมหรือหลงใหลเรื่องอะไร

ผมนึกไปถึงประโยคที่ Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกผู้บุกเบิกวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่พูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “God is in the Details” กลายเป็นแนวคิดหลักให้กับสถาปนิกทั่วโลกในเวลาต่อมา เพราะงานออกแบบของเขาเต็มไปด้วยรายละเอียดและความพิถีพิถัน ทว่านำเสนองานออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุด

ผมว่าบ้านในโครงการ ARNA พระราม 9 ก็เช่นกันครับ เพราะสัมผัสได้ถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นแตกต่างจากบ้านทั่วไป แปลนบ้านเป็นแบบ Open Plan ที่มีลูกเล่นในการออกแบบเยอะมาก เรียกได้ว่าทุกจุดผ่านกระบวนการคิดเชิงสถาปัตย์มาหมดแล้ว ภายในออกแบบสวย จัดวางฟังก์ชั่นได้ดี มีลิฟต์ภายใน มี Rooftop Garden ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวแก่สมาชิกทุกคน

“Doing what you really like is a true luxury” Motofumi Kogi ครีเอทีฟชื่อดังชาวญี่ปุ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อ Poggy the Man เคยพูดถึง “แก่น” ของความหรูหราเอาไว้

ซึ่งกานต์มองว่าปัจจุบัน นิยามความหรูหราใหม่ได้พัฒนาไปสู่การลงรายละเอียดรอบด้านมากขึ้น นำเสนอความแปลกใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนใจเฉพาะตัว และเหนือสิ่งอื่นใดคือการส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณภาพ

ทันทีที่ได้เข้าไปสู่โครงการ ARNA พระราม 9 กานต์ได้เข้าใจนิยามความหมายของคำว่าหรูหรา ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ชุดใหญ่ แชนเดอร์เลียร์สุดอลังการ หรือโซฟาบุหนังสัตว์จัดไว้ให้เรานั่งพัก

แต่กลับเป็นความสุขใจที่ได้อยู่ใต้ร่มไม้ต้นจามจุรีอายุกว่า 50 ปีที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมพื้นที่ด้านหน้าโครงการ พร้อมกับไม้ดอกไม้พุ่มน้อยใหญ่ ลมพัดมาปะทะใบหน้าเบา ๆ ทำให้เรารู้สึกเย็นกายสบายใจ นี่เป็นความหมายแท้จริงของคำว่า “บ้าน” ที่เราปรารถนา

โครงการ ARNA พระราม 9 ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 12 หรือเข้าจากถนนพระราม 9 ซอย 39 ก็ได้ บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษ เป็นย่าน Residential ของเหล่าบรรดาเศรษฐี คหบดีเก่า ภายในซอยจึงเต็มไปด้วยบ้านหลังใหญ่มีต้นไม้สูงปกคลุมดูร่มรื่นและมีความสงบเงียบ

ถือเป็นทำเล Rare Item ในการอยู่อาศัย เนื่องจากใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน เชื่อมต่อถนนได้หลายสาย ไม่ว่าจะเป็นพระราม 9 รัชดา อโศก สุขุมวิทต่อไปยังย่านไลฟ์สไตล์เอกมัย-ทองหล่อได้ง่าย ใกล้โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีส้มบริเวณด้านหน้าซอย ตลอดจนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยรอบ

บ้านตัวอย่างในโครงการ ARNA พระราม 9 มีด้วยกัน 2 แบบ Type A มีจำนวน 5 ยูนิต ที่ดินขนาด 44.20 – 45.60 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 515 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ

ส่วนแบบบ้านที่กานต์พามาชมกันในครั้งนี้คือบ้าน Type B ซึ่งมีเพียง 3 ยูนิต ที่ดินขนาด 56.40 – 56.80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 611 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ส่วนความพิเศษของบ้าน Type B คือมีลิฟท์ภายในบ้านและมีสระว่ายน้ำส่วนตัวยาว 10 เมตร

ภายในโครงการมีทัศนียภาพที่สวยงามเนื่องจากเอาสายไฟลงดินทั้งหมด มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม

รั้วประตูบ้านเป็นแบบรางเลื่อน โดยบ้านทุกยูนิตสร้างเต็มพื้นที่ เป็นแบบ Fully Fitted โดยมี Rooftop Garden เป็นหนึ่งในไฮไลท์

ภายในบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คัน ที่จอดรถเป็นโครงสร้างเดียวกับตัวบ้านทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการทรุดตัว อีกทั้งทางโครงการยังได้ติดตั้ง EV Charger สำหรับบ้านที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ

เปิดประตูเข้ามาดูภายในบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ ตัวบ้านดีไซน์ สไตล์ Modern Italian Design ทืี่มีความคลาสสิก ความร่วมสมัย เหนือกาลเวลา (Timeless) สถาปนิกออกแบบได้อย่างปราณีต

แน่นอนว่าด้วยความเป็นบ้านที่สถาปนิกเป็นเจ้าของโครงการ งานออกแบบจึงมีความ Exclusive Touch ที่แตกต่างจากที่ผมเคยเห็นที่อื่นในทันที ด้วยเป็นเพราะการเลือกสรรวัสดุจากแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เฟอร์นิเจอร์งานเวิล์ดคลาส เน้นการออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยจริง รองรับการใช้งานสำหรับสมาชิกภายในบ้านที่มีความต้องการหลากหลาย

ดังนั้น ฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในบ้านจึงค่อนข้างมีความยืดหยุ่นแม้ว่าที่เราเห็นจะเป็นบ้านที่ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วก็ตาม

ประตูทางเข้าเป็นบานเหล็กปิดลายไม้ของ TOSTEM แบรนด์ชื่อดังระดับโลก โดยได้ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ด้วยแล้ว ด้านบนเป็นกระจกเพื่อเปิดช่องแสงเข้ามาภายในบ้านได้

ส่วน Foyer ด้านหน้าจะดรอปลงจากพื้นบ้านด้านในเล็กน้อยเพื่อป้องกันฝุ่น พื้นปูแบบลายก้างปลาเพื่อให้เกิดรายละเอียดที่ชัดเจนบริเวณทางเดินที่สวยงาม แบ่งระยะด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เก็บรองเท้าเอาไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน ฝั่งตรงข้ามสามารถจัดวางที่นั่งสำหรับสวม-ถอด รองเท้าได้

ภายในเป็น Common Area ที่มีขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ชั้น 1 ซึ่งถือเป็นพระเอกของบ้านเลยครับ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว รวมถึงสามารถรับแขกได้

ภายในมีจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมกับเก้าอี้หลากหลายดีไซน์ พื้นที่ชั้นล่างออกแบบในลักษณะ Open Plan ที่เชื่อมต่อกันยาวไปตั้งแต่ส่วนโถงนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร Pantry ครัวยุโรป

ถัดไปเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่างออกแบบไว้สำหรับ 6 ที่นั่ง เราสามารถปรับขยายให้มากกว่านั้นได้ครับเพราะมีพื้นที่เพียงพอเหลือเฝือ

ด้านข้างติดตั้งชั้นโชว์แบบราวเหล็กทาสีทองเปิดโล่งเพื่อให้ดูโมเดิร์น สำหรับจัดวางหนังสือหรือสิ่งของต่าง ๆ

พื้นที่ชั้นล่างภายในบ้านแสดงถึงการเชื่อมต่อกันของฟังก์ชั่นในโซนด้านในที่เป็นมุมรับประทานอาหารและสังสรรค์ เพราะมีทั้งมุมนั่งเล่นแบบโซฟาเล้าจน์เอาไว้นั่งจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลง ก่อนที่เราจะไปทานอาหารมื้อหลัก และยังมีมินิบาร์พร้อมแพนทรี ที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับเจ้าบ้านและแขก หรือแม้แต่คนในครอบครัวด้วยกันเอง

นับว่าเป็นการออกแบบที่เป็นไปตามคอนเซปต์โครงการที่อยากจะเชื่อมต่อทุกคนภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน และให้บ้านเสมือนเป็นสถานที่ของทุกคน

ผนังและประตูกระจกเป็นบานสไลด์กระจกสีเขียวตัดแสงแบบนิรภัย 2 ชั้น สูงเกือบถึงฝ้าเพดานประมาณ 3 เมตร ทำให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่รายรอบบริเวณนี้ที่สามารถเปิดออกไปได้

บ้าน Type B จะมีความพิเศษคือมีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน ขนาด 2×10 เมตร เราสามารถเปิดประตูกระจกออกได้เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างมุมนั่งเล่นภายในและสระว่ายน้ำภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน หากว่ามีพูลปาร์ตี้หรือกิจกรรมภายในบ้านก็สามารถเปิดออกได้ โครงการได้เว้นพื้นที่ขอบสระว่ายน้ำสำหรับนั่งเล่นแช่น้ำจากในบ้าน หรือว่าติดราวกระจกกันตกกั้นเพิ่มได้สำหรับใครที่บ้านมีเด็กเล็ก

สระว่ายน้ำเป็นระบบน้ำแร่ Ionizer ข้อดีก็คือไม่เป็นอันตรายต่อผิว ไม่แสบตา จะมีความอ่อนโยนมากกว่า คงความบริสุทธิ์ชุ่มชื่นและมีสุขภาพดี ไร้สี ไร้กลิ่น และช่วยให้ไม่เหนียวตัวเมื่อขึ้นจากสระ มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคสูงกว่าสระคลอรีนและสระระบบเกลือ จึงเหมาะแก่การติดตั้งไว้ภายในบ้าน

นอกจากว่ายน้ำแล้ว ยังมี Terrace สำหรับออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้า เล่นมือถือในวันพักผ่อนสบาย ๆ ภายในบ้านก็ได้เช่นกัน ผมว่าเป็นมุมที่ Vibes มากครับ

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือภายในบ้านจะรายล้อมด้วยกระจกสูง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่

ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3.65 เมตร ถือว่าสูงมากกว่าบ้านปกติทั่วไป แต่ไม่ถึงกับ Double Volume ทำให้พื้นที่ชั้นล่างดูโอ่โถง กว้างขวางมาก ช่วยประหยัดไฟได้ดีกว่าและยังสามารถซ่อมแซมเปลี่ยนหลอดไฟได้เองโดยไม่ต้องเรียกช่าง ชั้นล่างออกแบบให้มีพื้นที่รองรับความเป็นส่วนตัว สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกแต่ละคนในบ้าน

ผมไปถ่ายรูปรีวิวบ้านตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ จึงทำให้เราได้เห็นมิติของแสงแดดจากธรรมชาติที่สะท้อนเข้าบ้านผ่านผนังกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน กลายเป็นเฉดสีที่สวยงาม สัมผัสได้ถึงฟีลลิ่งในการพักอาศัยจริง

อย่างไรก็ตามเราสามารถติดตั้งม่านโปร่งและม่านทึบเพิ่มเติมได้ ซึ่งหากเปิดม่านออกไป เราจะได้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านที่เชื่อมต่อพื้นที่พักผ่อนระหว่างภายในกับภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศสบาย ๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ด้านในสุดเป็นครัว ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งผนังเป็นกระจกใสไว้เพื่อให้บ้านดูโปร่งโล่ง เป็นสัดส่วนและเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ทั้งยังช่วยป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้ามาภายในบ้านได้

ด้วยความที่เป็นบ้านเพดานสูง High-Ceiling ทำให้ครัวดูมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง โดยทางโครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวยูมาให้เรียบร้อยแล้ว สามารถแยกฟังก์ชั่นการทำงานของแม่บ้านในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน ติดตั้งตู้เก็บของบน-ล่างเพิ่มเติมเอาไว้ให้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในครัวได้ติดตั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ ไมโครเวฟ ครบชุดเป็นของ Bertazoni นำเข้าจากอิตาลี เว้นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับติดตั้งตู้เย็นขนาดใหญ่แบบ 2 ประตูเอาไว้

ทั้งยังออกแบบให้มีประตูข้างฝั่งครัวเพื่อกั้นเป็นโซน Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน โดยห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านจะอยู่ฝั่งด้านขวาของบ้าน ซึ่งแม่บ้านจะไม่สามารถเปิดเข้าหน้าบ้านได้โดยตรงต้องเดินอ้อมไปเข้าทางประตูเล็กฝั่งห้องครัวครับ การออกแบบลักษณะนี้ทำให้เราสามารถแยกฟังก์ชั่นได้ชัดเจนดีและเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับแม่บ้าน

บริเวณชั้นล่าง มีห้องน้ำอยู่ระหว่างลิฟต์กับโถงบันได มีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน คือจะไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ แต่ได้ติดตั้งทั้งโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ จาก Novita เอาไว้ให้แล้ว

นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้เพิ่ม Well-being ทุกหลังด้วยการนำระบบเทคโนโลยี nanoe™ X ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากพลังของอนุมูลไฮดรอกซิลในการยับยั้งเชื้อไวรัสเกาะแน่น เชื้อไวรัสในอากาศ มลพิษและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสบางชนิดได้

โครงการได้ติดตั้งลิฟต์โดยสารภายในบ้าน เพื่อให้การขึ้นลงทั้ง 4 ชั้นเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น เพราะจริง ๆ แล้ว การติดตั้งลิฟต์โดยสารก็ทำให้สะดวกมากในการขึ้นลงหลายชั้น หรือแม้แต่บ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่อาศัยด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่

ขณะเดียวกัน ยังมีบันไดอยู่บริเวณด้านในเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งผมได้ลองใช้ทั้ง 2 แบบ

ส่วนตัวชอบการเดินขึ้นบันไดมากกว่าเพราะได้ฟีลของความเป็นบ้านที่มีชานพักระหว่างชั้น มีการเปิดช่องแสงจากด้านนอกเพื่อรับแสงธรรมชาติ ได้ออกกำลังกายเบา ๆ ภายในบ้านและเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว

ชั้น 2 บ้านของจริงจะประกอบด้วย 2 ห้องนอน ขณะที่บ้านตัวอย่างได้ลองนำเสนอไอเดียใหม่ เรียกว่า Pajamas Lounge เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่อาจจะไม่ได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทำให้ชั้นนี้ปรับการออกแบบมาเป็น 1 ห้องนอนและ 1 ห้อง Family Area เชื่อมต่อกันได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งทุกคนสามารถสวมชุดอยู่บ้านสบาย ๆ แล้วมาใช้พื้นที่ส่วนกลางภายในบ้านบริเวณนี้ได้ มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว

ขณะที่งาน Interior กานต์มองว่าสถาปนิกตั้งใจจะเน้นให้เกิดความโปร่งโล่งแบบ “Translucent Design” เพื่อให้เกิดสุนทรียแห่งการอยู่อาศัย ใช้หลักคิด Bauhaus ที่คลาสสิคและร่วมสมัยมาตั้งแต่ปี 1925 เป็นปรัชญาแห่งงานศิลปะต้นแบบของงาน Modern Style ที่ดูเรียบง่าย ชัดเจน ทว่ามีความตรงไปตรงมาด้วยการลดทอนองค์ประกอบต่าง ๆ ออกเหลือไป เหลือไว้แต่ส่วนสำคัญของงาน

ผมสังเกตว่าบ้าน ARNA พระราม 9 จะเน้นการออกแบบให้ได้รับความเป็นส่วนตีัวสูงที่สุด ดังนั้น เมื่อเดินออกจากลิฟต์มาถึงแต่ละชั้นจะพบกับ Foyer ก่อน จากนั้นถึงจะเป็นพื้นที่พักผ่อนแบบส่วนตัว

“Design is so simple. That’s why it’s so complicated.”

กานต์มองว่า ความที่สถาปนิกผู้ออกแบบเข้าใจฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่ายและลดทอนรายละเอียดบางอย่างออกไปและเติมฟังก์ชั่นบางอย่างเข้ามาโดยไม่ให้ดูเป็นการยัดเยียดจนรู้สึกถึงความปรุงแต่งที่เกินพอดีแบบนี้ ผมว่าคือเสน่ห์ที่แท้จริงของโครงการ ARNA พระราม 9 ครับ

“True luxury is being able to own your time – to be able to take a walk, sit on your porch, read the paper, not take the call, not be compelled by obligation.”

– Ashton Kutcher

โครงการออกแบบผังห้องเป็นแบบ Grids ขนาด 5×5 เมตร ทำให้ง่ายต่อการจัดวางผังและเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว

การตกแต่งภายในบ้านเลือกใช้สีพื้นฐานในการออกแบบและใช้รูปทรงเรขาคณิตทั้งโค้งและเหลี่ยมนำมาทับซ้อนให้บ้านดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นแก่นของงานออกแบบสไตล์โมเดิร์นในยุคปัจจุบัน ผสานเข้ากับความคลาสสิคของคิ้วบัวประดับผนังให้สมกับความเป็นบ้านสไตล์ Modern Italian Design

ห้องน้ำภายในห้องนอนรอง ถูกปรับมาเป็นห้องน้ำสำหรับใช้งานร่วมกันบริเวณ Family Area

บริเวณ Family Area ฝั่งด้านหน้าบ้านจะมีประตูเปิดออกสู่ระเบียงที่ยาวขนานไปกับความกว้างของหน้าบ้าน ผนังเป็นสี Texture ลายคล้ายกับการพ่นทราย เวลากระทบแสงแดดจะมีการสะท้อนลายระยิบระยับ ทำให้ออกมาดูมีมิติ ทำให้สัมผัสถึงงานออกแบบภายนอกที่ดูเรียบเท่มีสไตล์เฉพาะตัว

ดีเทลที่ใส่มาใน Facade ที่ไม่ใช่แค่สวยงามแต่ต้องใช้งานได้จริง ฟินสีดำบริเวณขอบหน้าต่างและประตูทำให้ดูแล้วเกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ชวนให้ค้นหาว่าข้างในบ้านมีอะไรซ่อนอยู่ และยังช่วยป้องกันฝนสาดเข้ามาภายในบ้านได้อีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ งาน Finishing พื้นเป็นกระเบื้องติดกับขอบวงกบประตูแทนการปูพื้นไม้ต่อเนื่องจากภายในบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำซึมทำให้พื้นบ้านบริเวณขอบประตูจะเสียหาย เป็นการลงรายละเอียดขั้นสุดจริง ๆ ครับ

ผมชอบการออกแบบของบ้านลักษณะนี้มาก เพราะอนุญาตให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแม้จะอยู่ภายในบ้านก็มีบรรยากาศของต้นไม้สีเขียว เนื่องจากโครงการลงไม้เลื้อยเป็นต้นลีกวนยูหรือชื่อไทยคือต้นตานหม่อน เอาไว้ในบ้านบริเวณระเบียงด้านนอกบ้านให้แล้ว ในอนาคตก็จะกลายเป็นม่านไม้ที่ให้ความร่มรื่นเลื้อยลงไปจนถึงชั้นล่าง

อีกด้านยังเป็นพื้นที่ของ Family Area เชื่อมต่อกัน บ้านตัวอย่างจัดให้มีชุดโซฟาดีไซน์ฟรีฟอร์มขนาดใหญ่วางเอาไว้ ให้เป็นที่นั่งอ่านหนังสือพักผ่อน หรือทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกภายในครอบครัว

ตลอดจนยังถือเป็นมุมพิเศษสำหรับแขกคนสำคัญที่อยากจะเชิญขึ้นมาบนบ้านเพื่อพูดคุยธุระ นั่งจิบกาแฟ ดื่มวิสกี้ สังสรรค์กันในบรรยากาศแบบส่วนตัว

มุมนี้ จัดวางเคาน์เตอร์บาร์สีขาวเอาไว้ดูเรียบหรู สามารถเปิดเพลงคลาสสิคจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงคลอไปเบา ๆ เพื่อเสริมบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

ที่ Family Area ชั้น 2 บริเวณมุมโถงนั่งเล่นเป็นเสมือนงานแสดงวงดนตรี Symphony Orchestra ที่วางเด่นอยู่ภายใน Common Area กำลังบรรเลงบทเพลง “The Marriage of Figaro” ของ Mozart ให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงเวลาเย็น ๆ หลังกลับจากไปทำงาน เพื่อเป็นการยืนยันว่า บ้านคือสถานที่แห่งความสุขที่แท้จริง

ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนที่ค่อนข้างกว้างพร้อมประตูบานกระจกใสที่สามารถเปิดออกไปยืนรับลมชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าได้ เพราะหันหน้าระเบียงไปทางทิศตะวันออก ประกอบกับการมีผนังบานกระจกโดยรอบ ทำให้รับแสงจากธรรมชาติได้ในทุกวัน

บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องในโทนสีน้ำตาลอ่อน ดีไซน์โมเดิร์น แยกส่วนพักผ่อนกับการใช้งานภายในห้องออกจากกันชัดเจน

ด้านในจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหัวเตียงและโคมไฟ มีพื้นที่โดยรอบเตียงเดินได้สบายเลยครับ ด้านข้างออกแบบให้มีชั้นโชว์วางของส่วนตัว พร้อมเก้าอี้มีที่พักเท้าสำหรับนั่งอ่านหนังสือก่อนเข้านอน ปลายเตียงมีที่นั่งเช่นกัน

ส่วนชั้นวางทีวีเป็นคาบิเนทแบบเตี้ย แนะนำให้ใช้วิธีแขวนทีวีไว้ที่ผนังแทน เพื่อทำให้ห้องดูเรียบหรูมากขึ้น สามารถติดตั้งทีวีจอใหญ่ได้เลยครับเพราะมีระยะห่างในการรับชมจากบนเตียงนอนเหลือเฟือ

ผนังกั้นภายในจะอยู่ตรงด้านขวามือของห้องซึ่งออกแบบเป็นตู้และชั้นวางของ เชื่อมต่อระหว่างส่วนพักผ่อนกับมุมแต่งตัวที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน มีห้องน้ำอยู่ด้านขวามือในสุด ภายในห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มาพร้อมกับหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้

บันไดของบ้านเป็นโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผมสังเกตว่าส่วนของลูกนอนหน้ากว้างและค่อนข้างลึกทำให้เดินขึ้นลงได้เต็มเท้า ปิดผิวหน้าบันไดด้วยไม้มะค่า

โครงการคิดละเอียดไปถึงขั้นที่ว่าลูกตั้งจะออกแบบให้เป็นแนวเฉียงเล็กน้อย ป้องกันการเดินเตะขอบบันได ออกแบบราวเหล็กกันตกสีเข้มดูเรียบนิ่ง บันไดระหว่างชั้นมีลูกเล่นที่แตกต่างกัน อย่างเช่นโถงบันไดจากชั้น 2 ขึ้นชั้น 3 ก็มีการประดับภาพถ่ายศิลปินคนโปรดเพื่อเติมชีวิตชีวาให้กับบ้าน

พื้นบ้านชั้น 2 และชั้น 3 ปูด้วยไม้สัก ผมว่าการเลือกใช้วัสดุจากไม้ช่วยให้บ้านดูเป็นกันเอง เฟรนด์ลี่ อบอุ่น เป็นอีกมุมหนึ่งของบ้านที่ดูโมเดิร์นดีครับ

เราเดินขึ้นบันไดไปชมชั้น 3 กันต่อครับ ซึ่งแนวคิดในการตกแต่งภายในบ้านตัวอย่างของชั้น 3 จะคล้ายกันกับชั้น 2 คือการเชื่อมต่อห้องนอน 2 ห้องเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นไอเดียในการออกแบบที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังออกแบบ Layout ได้อย่างเป็นสัดส่วน กว้างขวาง มีระยะ Dimension ที่เหมาะสมและเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ถึงกันได้

ห้องนอนรองซึ่งมาพร้อมกับห้องน้ำในตัว แต่ถูกออกแบบใหม่ให้กลายเป็นห้องทำงาน โดยมีประตูกั้นออกจากห้องนอนหลักเพื่อจะได้ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ภายในตกแต่งด้วยสีน้ำเข้มเป็นคู่สีที่ตัดกับสีส้มของโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ไม้บางส่วน

ผนังด้านในนำภาพเขียนมาประดับตกแต่งไว้ เป็นการสะท้อนรสนิยมของผู้พักอาศัยในระดับไฮ-เอนด์ที่นิยมสะสมงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซจากศิลปินชั้นนำ เพื่อบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ ความคิด ความอ่าน ความชอบของเจ้าของบ้าน ให้กับแขกที่มาเยี่ยมได้ทำความรู้จักไว้ในเบื้องต้นผ่านงานอาร์ต

“When you go all over the world for work, your dream vacation is your bedroom.”

ห้องนอนเตียงใหญ่และโซฟานั่งสบาย กลายเป็นมุมโปรดของคุณกานต์ไปเสียแล้วครับ

เอาจริงนะ ผมว่าบ้าน Type B ของโครงการ ARNA พระราม 9 มี Master Bedroom ที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่และออกแบบได้อย่างมีสัดส่วน ซึ่งถ้ารวมห้องนอนรองเข้าไว้ด้วยกันก็จะเป็นแบบ Penthouse เพราะมีแค่ห้องเราห้องเดียว

Master Bedroom แบ่งพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน ภายในห้องนอนดูโปร่ง กว้างขวางด้วยผนังกระจกเต็มบาน เราสามารถเปิดประตูกระจกออกเพื่อรับลมชมวิวจากภายในห้องได้เช่นกันและยังเป็นการเปิดช่องแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้อีกหนึ่งช่องทาง

ผมชอบผนังหัวเตียงที่บุนวมดูหรูหราน่าสนใจ ขณะที่เตียงนอนขนาดใหญ่ถูกจัดวางให้ขนานไปกับตัวบ้านด้านหลังแต่หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ในยามเช้าและสว่างไสวจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ แต่ถ้าอยากให้ได้ความมืดเราก็สามารถติดตั้งผ้าม่านมาปิดได้

ส่วนปลายเตียงจัดวางชุดโซฟานั่งเล่นสีเทาเบจ พร้อมโต๊ะกลางสีเทาเข้มซึ่งรับกันดีกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย เพื่อให้เป็นมุมดูหนังฟังเพลง อ่านหนังสือแบบส่วนตัว พร้อมทั้งติดตั้งชั้นวางทีวีขนาดใหญ่เอาไว้ให้นั่งพักผ่อนสบาย ๆ ในช่วงเวลาก่อนนอน

ห้องแต่งตัวมีขนาดใหญ่ราวกับห้องนอนก็มิปาน เป็น Walk-in Closet ที่เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นแนวสี่เหลี่ยมโดยรอบห้องได้ทุกด้าน

ด้านในจะมีหน้าต่างแบบเข้ามุมเปิดรับช่องแสงส่องสว่างเหมาะสำหรับจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมช่องแสงธรรมชาติด้านข้างอีกหนึ่งจุด และอีกด้านของห้องแต่งตัวยังมองเห็นต้นจามจุรีด้านนอกที่โตสูงขึ้นมาได้อีกด้วยผ่านช่องแสงขนาดใหญ่ที่ประดับไม้กระถางเอาไว้เพิ่มความสดชื่น

“A design isn’t finished until someone is using it.”

– Brenda Laurel

อีกหนึ่งดีเทลที่ผมชอบสำหรับการออกแบบห้องนอนหลักคือการติดตั้งเคาน์เตอร์พร้อมตู้ทรงสูงสำหรับเก็บของ ด้านล่างมีตู้แช่สำหรับเก็บไวน์ น้ำดื่ม ครีม เครื่องสำอางและยาที่ต้องแช่เย็น พร้อมมีอ่างล้างมือภายใน ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

ส่วนด้านในสุดเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องจากห้องแต่งตัวเลย มีอ่างล้างมือแบบ His & Her ของ Kohler พร้อมเคาน์เตอร์ Top เป็นหินอ่อน ด้านล่างสามารถเก็บของได้ สุขภัณฑ์ระบบอัตโนมัติให้เป็นของ Kasch

จากรูปภายนอกจะมองเห็นต้นไม้สูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านใบคอยให้ความร่มรื่นเข้ามาถึงตัวบ้านที่อยู่ติดกัน ทำให้เราได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติได้ แม้ตอนอยู่ในห้องส่วนตัว

Master Bathroom จะมีอ่างอาบน้ำในตัวด้วยพร้อมกับแยกส่วนเปียก-แห้งให้เรียบร้อย พร้อมกับหน้าต่างบานกระทุ้งสามารถเปิดออกไปเพื่อระบายอากาศและความชื้นภายในห้องน้ำได้

ความหรูหราอาจเป็นเรื่องง่ายมาก เช่นการได้นอนแช่อ่างอาบน้ำฟองโฟมนุ่มเบาๆ ให้เวลายาวนานขึ้นกับการปรนเปรอตัวเองในพื้นที่ส่วนตัวของเรา

จากชั้น 3 เราจะพาไปชมชั้น 4 ซึ่งเป็นพื้นที่เอนกประสงค์และ Rooftop Garden ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งลิฟต์โดยสารขึ้นมาถึงชั้นบนได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก

แต่เหตุที่ผมเลือกใช้วิธีเดินขึ้นบันได เพราะจะพาไปสัมผัสรายละเอียดของการออกแบบที่หลายโครงการมองข้ามไป แต่ที่ ARNA พระราม 9 กลับไม่ได้คิดแบบนั้นครับ

นี่เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่หลายคนเห็นแล้วอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ผมกลับคิดว่าเป็นกิมมิคที่น่าสนใจ

นั่นก็คือการออกแบบให้บริเวณชานพักชั้นบน มีที่นั่งพักผ่อน สำหรับเด็ก ลักษณะเหมือนห้องใต้หลังคาที่เปิดรับแสงผ่านกระจกฝ้าจากผนังด้านนอกเข้ามา เป็นมุมทำการบ้านอ่านนิทาน เล่นของเล่นสำหรับเด็กได้ น่าสนใจดีครับ

ชั้นบนสุดออกแบบให้เป็นพื้นที่การใช้งานเอนกประสงค์ โดยจัดให้เป็นห้องออกกำลังกายในร่มได้โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านไปฟิตเนสหรือจะทำเป็นสตูดิโอส่วนตัวก็ได้ ทั้งยังได้วิวสวนและต้นไม้สีเขียวผ่านกระจกใสมองออกไปเห็นกรุงเทพในมุมสูง

ติดกันเป็น Laundry ที่สามารถซักผ้าและตากบริเวณชั้นบนนี้ได้เลย รับรองว่าผ้าแห้งเร็วหอมสะอาดจากแดดบริเวณดาด

ผมชอบงานออกแบบที่คิดแบบทวิสต์ ก็คือเปิดให้มีพื้นที่สีเขียวบริเวณชั้นบนสุดของบ้าน กลายเป็น Rooftop Garden โดยสถาปนิกได้คำนวนน้ำหนักเผื่อเอาไว้สำหรับการปลูกต้นไม้ที่ด้านบนนี้เอาไว้แล้วพร้อมกับเดินระบบท่อน้ำไฟ เผื่อใครอยากติดสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ

ทำให้ภายในโครงการมีการผสมผสานกันระหว่างงานสถาปัตยกรรมและธรรมชาติเป็นสไตล์การออกแบบที่เข้ากับยุคสมัยมากครับ

บรรยากาศโดยรวมผมว่าสดชื่นดีมาก เป็น Private Living Area เพราะเราอยากมีชีวิตที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติแบบส่วนตัว แต่ไม่อยากออกไปข้างนอก ก็ยกเข้ามาไว้ในบ้านเสียเลย ทำให้อยู่บ้านได้อย่างสดชื่นและสวยงามไปพร้อมกับ ช่วย Boost Energy ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

“Luxury is attention to detail,
originality, exclusivity and above all quality.”

-Angelo Bonati

ตอนเช้าๆ ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศดีมาก เราสามารถเปิดออกไปนั่งเล่นรับลมหรือชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ได้ในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น มีชุดเก้าอี้สนามจัดวางเอาไว้ด้านนอก พร้อมกับจัดสวนเล็ก ๆ เอาไว้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณดาดฟ้า

Rooftop Garden จึงเป็นการคิดในมุมกลับสำหรับบ้านใจกลางเมืองที่อยากได้พื้นที่สวนสีเขียวแบบส่วนตัว มีความเงียบสงบขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่นั่งรับลมชมวิวแบบพาโนรามา เหมาะสำหรับให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทได้มานั่งเล่นนั่งพูดคุยสังสรรค์กัน โดยที่ไม่ต้องออกไปนอกบ้าน

#โดยสรุป ARNA พระราม 9 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กานต์ชอบมาก ด้วยความที่บ้านดีไซน์สวยต่างจากบ้านทั่วไป สถาปนิกลงรายละเอียดในการอยู่อาศัยมาให้ครบครัน สัมผัสแล้วรู้ได้ทันทีว่าผ่านกระบวนการคิดมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาก รายละเอียดของงานดีไซน์ทำให้ผมประทับใจ ARNA พระราม 9 ได้นำเสนอความเป็น Ultimate Privacy in Serene Community ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบการออกแบบที่มีรายละเอียด ต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากพอที่จะสามารถปรับการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ตลอดเวลา

อย่างที่บอกไปว่า พอเรามาชมโครงการที่เจ้าของเป็นสถาปนิก คุมเรื่องงานออกแบบด้วยตัวเองแล้วก็ทำให้การลงดีเทลในการดีไซน์สภาพแวดล้อมเพื่อให้อยู่อาศัยได้ทุก Generation ทั้งภายในและภายนอกบ้านทำได้ในระดับดีมาก ยอมรับว่ายากเกินกว่าจะอธิบายเป็นตัวอักษร อยากให้เข้ามาชมบ้านตัวอย่างกันก่อน เพราะผมว่าฟีลลิ่งต่างจากหลาย ๆ โครงการที่ได้ไปชมมา

สามารถนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการได้ที่ โทร. 02-821-6217 มือถือ 061-054-3939
Line : https://lin.ee/XOQuVX7

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน