“𝐀 𝐬𝐢𝐦𝐩𝐥𝐞 𝐥𝐢𝐟𝐞 𝐢𝐬 𝐢𝐭𝐬 𝐨𝐰𝐧 𝐫𝐞𝐰𝐚𝐫𝐝.” – George Santayana
.
กานต์อ่านประโยคนี้จบ ราวกับถูกเรียกสติกลับมาจากความฟุ้งเฟ้อในจิตใจ จนต้องกลับมาตั้งคำถามใหม่ว่า “แล้วความสุขที่แท้จริงของเราคืออะไรนะ?”
.
ถ้าตอบตามแบบ Minimalism ชุดคำตอบจะหมายถึง การให้คุณค่ากับความรู้สึกในจิตใจ ได้ใช้ชีวิตไปกับเรื่องราวที่สำคัญและมีความหมายกับเราอย่างแท้จริง ปราศจากอิทธิพลชี้นำจากผู้คนหรือสังคม โดยจะสังเกตว่าระยะหลังผู้คนมีไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของตัวเองมากขึ้น
.
แต่ถ้าตอบในภาษาของสถาปนิกผู้ทำหน้าที่ดีไซน์บ้านสักหลังให้กับเรา การใช้ชีวิตแบบ Minimalism จะตรงกับแนวคิด Less is More ของ Ludwig Mies van der Rohe ปรมาจารย์ของสถาปนิกทั่วโลก เน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ผูกพันกับธรรมชาติและวิถีชีวิต จัดฟังก์ชันตามแต่ที่จำเป็น ตัดทอนสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป
.
เช่นเดียวกับ Leo Babauta เคยบอกไว้ว่า “Minimalism เป็นหลักการออกแบบที่ช่วยขจัดความยุ่งเหยิงและสิ่งรบกวน ทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญ”
.
ผมเคยฟัง Podcast ของคุณพัทธมล เลาหพูนรังษี ผู้บริหารจาก Areeya Property ที่พัฒนาบ้านสไตล์ Minimal หลายโครงการซึ่งล้วนประสบความสำเร็จ Sold Out ไปตามๆ กัน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Lifestyle Property Developer”
.
วิธีคิดของ Areeya Property เริ่มจาก Space ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยจริงๆ การมีบ้านอาจจะไม่จำเป็นต้องมี 3 ห้องนอนก็ได้ หากว่าบ้านหลังนั้นอยู่กันเพียง 2 คน สามารถปรับให้เป็นห้องอเนกประสงค์เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนังฟังเพลง ปัจจุบัน บ้านไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัยแต่กลายเป็นจุดรวมศูนย์ของทุกคนในบ้านหลังเดียวกัน รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อมภายในโครงการที่จะดึงดูดผู้คนที่มีความสนใจ ไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน ให้มาอยู่ร่วมกัน
.
AREN X by Areeya Property เป็นโครงการล่าสุดที่กานต์เห็นว่ามีกลิ่นอายความ Minimal แบบสุดขีด เป็นบ้านทรงกล่องที่เน้นงานดีไซน์ควบคู่ไปกับฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้าน โดดเด่นด้วยการออกแบบให้เป็นสีขาวเกือบทั้งหมด มีเพียงสีเขียวของต้นไม้และสีฟ้าที่แซมเข้ามาช่วยให้ชีวิตได้มีสีสันในวันพักผ่อนสบายๆ
.
ไฮไลท์ที่เราชอบจะเป็นคอร์ทใจกลางบ้าน ดีไซน์เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว หรือเป็นสวนส่วนตัวสำหรับนั่งพักทำกิจกรรมและใช้เวลาร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว เปิดมุมมองภายในบ้านที่กว้างกว่า ได้รับแสงสว่างและสีสันจากธรรมชาติภายนอกส่องเข้ามา ฟังก์ชันภายในถูกดีไซน์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบ้านซึ่งมีความต้องการและความชอบแตกต่างกันไป สะท้อนแนวคิด Madly Minimal ได้เป็นอย่างดี
.
ชมภาพถ่ายและอ่านเรื่องราวของ AREN X โครงการสุด Minimal กันต่อที่ด้านในได้เลยครับ
.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3KVcghV
—
ในการเดินทางมาชมโครงการ กานต์ขับรถตรงมาทางถนนบางนา-ตราดแล้วกลับรถเข้าซอยมหาชัย
จากนั้นตรงเข้าไปอีกนิดหน่อย หรือใครสะดวกวิ่งทางวงแหวนกาญจนาภิเษกก็ได้เช่นกัน ดังนั้นข้อดีคือโลเคชั่นนี้สะดวกมากต่อการเดินทาง เพราะเข้าออกได้หลายเส้นทางมากครับ
.
ระหว่างที่ขับรถเข้ามา เราจะเห็นบ้าน Minimal Style หลากหลายโครงการจาก Areeya Property ที่มีทั้งยังเปิดขายอยู่และที่ Sold Out ไปแล้ว
บ้านในโครงการของ ซีรีส์ AREN ก็เช่นกัน จาก AREN 1 ค่อยมาถึง AREN 2 แล้วเราก็มาถึงที่ AREN X ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ More Madly Minimal
ในส่วนของแหล่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการถือว่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า Mega Bangna ซึ่งเรียกได้ว่าอยู่ใกล้โครงการมากที่สุด ยังมีห้างสรรพสินค้า Central Bangna, Central Village Outlet ตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ Community Mall ศูนย์การประชุม Bitec บางนา โครงการจึงรายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารและสถานบันเทิงมากมาย
ตลอดจนโรงเรียน สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนนานาชาติ ST.Andrew International School, โรงเรียนเซนโยเซฟ บางนา, โรงเรียนนานาชาติ Berkeley, โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ, โรงเรียนบางกอกพัฒนา และโรงเรียนลาซาล เป็นต้น
ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียงได้แก่ โรงพยาบาลศิครินทร์, โรงพยาบาลไทยนครินทร์, โรงพยาบาลบางนา และโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีเยี่ยมได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงหน้าโครงการจะพบกับ Main Gate ขนาดใหญ่เป็นผนังทึบเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว วางเป็นแนวยาวขนานไปกับถนนด้านหน้า เน้นสีขาวให้ดูเรียบง่าย ซึ่งออกแบบให้เห็นรายละเอียดของความเป็น Minimal Style เพื่อสะท้อนตัวตนความเป็นโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Main Gate ด้านหน้า เป็นมุมมอง Perspective นำสายตาเข้ามายังตัวอักษรชื่อโครงการ เพื่อมุ่งให้เราโฟกัสแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด เติมความสดชื่นด้วยสีเขียวของสนามหญ้าด้านหน้า
มาพร้อมกับระบบการรักษาความปลอดภัยด้านหน้าแบบ Double Security คือมีประตูกั้น 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัย ประกอบด้วยไม้กระดกกั้นซึ่งผ่านด้วยระบบ Easy Pass จากนั้นจะเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนซึ่งเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกระดับ
ทั้งนี้ Main Gate จะแยกช่องทางรถเข้า-ออกชัดเจน โดยออกแบบให้มีทางเท้าสำหรับคนเดินและประตูทางเข้าแยกต่างหากจากทางเดินรถเพื่อประโยชน์เรื่องความปลอดภัย โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV รอบโครงการเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้พักอาศัย
โลเคชั่นของโครงการถือว่ายอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะใครที่เดินทางบ่อย เพราะสามารถไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวก
โครงการยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท สถานีอุดมสุข สถานีบางนา และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองวิ่งจาก รัชดามาเชื่อมต่อสายสีเขียวที่สถานีศรีเอี่ยม เพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางสู่ตัวเมือง
ดังนั้น ความ X ที่ว่านี้ จึงมีความหมายถึงการเป็น Xclusive Private Residence เน้นดีไซน์สวย รุ่มรวย ฟังก์ชัน ภายในบ้านที่ใช้งานได้หลากหลายตรงตามไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านผู้อยู่อาศัย ในทำเลที่เชื่อมต่อกับเมืองได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีทางพิเศษหลายเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังทุกภูมิภาค
หลักคิด Minimalism ในมุมมอง Areeya Property คือ “Keep only the essential things” เป็นสิ่งที่กานต์มองว่าน่าสนใจในแง่ของคอนเซ็ปต์ เพราะความ Minimal จะช่วยขัดเกลาให้เราค่อยๆ ทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้เหลือแต่ “แก่น” ความชอบที่เป็นตัวเราจริงๆ
เมื่อเข้ามาภายในโครงการ สังเกตว่าดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะโครงการนำสายไฟทั้งหมดลงใต้ดิน ทำให้สื่อสารได้ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่เน้นความเรียบง่าย ถนนภายในโครงการกว้าง 8.5 เมตร และเมื่อเข้ามาด้านในติดกับ Main Gate จะเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางซึ่งอยู่ด้านหน้าขนานไปกับรั้ว
โครงการออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางดีไซน์ Minimal เน้นสีขาวดูเรียบง่าย โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางซึ่งมีหลังคาสำหรับกันแดดและกันฝน เพื่อให้เราได้เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งพักผ่อนนอกบ้าน ทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวและเพิ่มโอกาสได้ในการพบปะเพื่อนบ้านที่มีความชอบ ไลฟ์สไตล์ที่คล้ายคลึงกัน
“𝐌𝐢𝐧𝐢𝐦𝐚𝐥𝐢𝐬𝐦 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐚𝐫𝐭 𝐨𝐟 𝐥𝐞𝐭𝐭𝐢𝐧𝐠 𝐠𝐨, 𝐜𝐥𝐞𝐚𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐭𝐡𝐞 𝐜𝐥𝐮𝐭𝐭𝐞𝐫, 𝐚𝐧𝐝 𝐟𝐨𝐜𝐮𝐬𝐢𝐧𝐠 𝐨𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐞𝐬𝐬𝐞𝐧𝐭𝐢𝐚𝐥𝐬.”
เนื้อที่โครงการประมาณ 5 ไร่เศษ เป็นส่วนตัวเพียง 25 ยูนิต โครงการมีบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ
Private Courtyard* : บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 225 ตร.ม. 2 ห้องนอนใหญ่ 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถพร้อมสวนกลางบ้านซึ่งจัดแสดงอยู่บ้านตัวอย่างหลังถัดไป
ส่วนบ้านที่กานต์พามาชมจะเป็น Private Pool* : บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 247 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอนใหญ่ 3 ห้องน้ำ สามารถจอดรถได้ 3 คันมาพร้อมกับสระว่ายน้ำกลางบ้าน
ดังนั้น จะเห็นว่าทั้ง 2 แบบแตกต่างกันที่ฟังก์ชันของคอร์ทกลาง ว่าจะเลือกบ้านเป็นแบบที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวหรือเป็นสวนส่วนตัวตามแต่ไลฟ์สไตล์และความชอบของแต่ละครอบครัว
รั้วประตูบ้านเป็นแบบรางเลื่อนสีขาว เปิดปิดอัตโนมัติ ด้านข้างมีช่องสำหรับซ่อนถังขยะ เวลามีรถขยะมาเก็บจะได้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ทิ้งถังไว้หน้าบ้าน
ใกล้กันยังออกแบบให้มีตู้รับจดหมายและช่องรับพัสดุที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถหย่อนกล่องพัสดุได้ หากเราไม่อยู่บ้านรอรับ
บ้านทุกยูนิตมีพื้นที่รอบบ้านสามารถจัดเป็นสวนสไตล์ Minimal แบบเดียวกับบ้านตัวอย่างได้ พร้อมทั้งมีที่นั่งจัดวางเอาไว้ในสวนข้างบ้านและที่นั่งด้านหน้า
บ้านเป็นแบบ Flexible Space สามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลาย ภายในบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน ลานจอดรถลงเสาเข็มระดับเท่ากับตัวบ้านเอาไว้ให้
อีกทั้งทางโครงการยังได้ติดตั้ง EV Charger สำหรับบ้านที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ
ผมชอบการที่ภูมิสถาปัตย์จัดแลนด์สเคปโดยคำนึงถึงไอเดียคอนเซ็ปต์ที่ล้อไปกับโครงการ เลือกพันธุ์ไม้ที่มีความ Minimal มาตกแต่ง เช่น ตะบองเพชร ต้น Agave และปาล์ม Yucca ซึ่งเป็นไม้เมืองร้อนทนแดดได้ดีและมีฟอร์มของต้นดูเรียบๆ เท่ๆ
🅜🅞🅡🅔 🅜🅐🅓🅛🅨 🅜🅘🅝🅘🅜🅐🅛
เปิดประตูเข้ามาดูภายในบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ ตัวบ้านดีไซน์สไตล์ Minimal ขั้นสุดดูแล้วมีความเก๋ที่ผมชอบมาก น่าจะเหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ที่เพิ่งแต่งงาน ยังไม่มีลูกหรือลูกยังเล็ก เรียกได้ว่า AREN X เป็นโครงการที่ตอบโจทย์คนกลุ่ม Double Income No Kids หรือ DINKs โดยเฉพาะ
ประตูหลักของบ้านเป็นบานกระจกใส ทางโครงการได้ติดตั้ง Digital Door Lock ยี่ห้อ Kudos มาให้ รองรับการใช้งานได้มากถึง 5 ระบบ
สถาปนิกออกแบบแปลนบ้านเป็นรูปตัว U ปูพื้นชั้น 1 เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ ด้านหน้าดีไซน์ให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับแขก แยกออกเป็น 2 มุมได้ ตรงกลางเป็นทางเชื่อมเพื่อจะเดินไปยังโซนด้านหลังบ้านซึ่งเป็น Dining Area และพื้นที่ครัวโอบล้อมพื้นที่สระว่ายน้ำส่วนตัวเพื่อรองรับ Private Pool Party หรือสามารถเลือกฟังก์ชัน Private Courtyard เป็นสนามหญ้าเอาไว้พักผ่อนครับ
โจทย์ของการออกแบบบ้านที่ AREN X เป็นงานดีไซน์ เพื่อรองรับการออกแบบชีวิตของสมาชิกในบ้านที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การออกแบบให้มีสเปซในการใช้สอยที่มากกว่าและหลากหลาย สามารถใช้งานทุกตารางนิ้วในบ้านได้อย่างคุ้มค่า จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการใช้งานของเราได้อย่างเต็มที่
ภายในบ้านจึงดีไซน์แบบ Open Plan สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัว โดยพื้นที่ภายในบ้านบริเวณฝั่งด้านหน้าแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน
เริ่มจากบริเวณประตูหลักจะเป็นพื้นที่สำหรับรับแขก จัดวางชุดโซฟาสีขาวดีไซน์เก๋ สำหรับนั่งพูดคุยกันได้ประมาณ 4-5 ท่าน ถัดเข้าไปด้านในเป็น Living Area สำหรับสมาชิกในครอบครัว ได้นั่งอ่านหนังสือ ดูทีวีหรือทำกิจกรรมที่บริเวณชั้นล่าง และทั้ง 2 มุมก็พร้อมที่จะเชื่อมต่อกันได้ทันที หากมีความจำเป็น เช่น จัดงานเลี้ยงภายในบ้านหรือจัดเป็น Pool Party กับเพื่อนๆ โดยที่สามารถเปิดประตูกระจกออกได้รอบบ้าน รวมถึงฝั่งสระว่ายน้ำด้วยครับ
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือภายในบ้านจะรายล้อมด้วยกระจกสูง 3 เมตร ล้อมด้วยกรอบอลูมิเนียมสีขาวของ TOSTEM จากญี่ปุ่น สามารถเปิดประตูออกได้จากหลายจุด ทำให้เปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้เต็มที่ สัมผัสกับสีสันของธรรมชาติที่แตกต่างไปในแต่ละวัน พร้อมกับสีเขียวของต้นไม้ สีฟ้าของน้ำในสระและท้องฟ้ายามบ่าย เป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือน Art Gallery ที่สามารถแต่งแต้มสีสันให้กับชีวิตได้ในทุกช่วงเวลา และบ้านยังเป็นสถานที่ที่สามารถช่วยเติมพลังให้เราจากวันที่เหนื่อยล้าได้ดี
อย่างไรก็ตามเราสามารถติดตั้งม่านโปร่งและม่านทึบเพิ่มเติมได้ ลองดูไอเดียจากบ้านตัวอย่างที่ติดเป็นผ้าสีขาวเข้ากันกับบ้านได้ดี ซึ่งหากเปิดม่านออกไปเราจะได้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านที่เชื่อมต่อพื้นที่พักผ่อนระหว่างภายในกับภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศสบาย ๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
“𝐍𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐮𝐥𝐭𝐢𝐦𝐚𝐭𝐞 𝐦𝐢𝐧𝐢𝐦𝐚𝐥𝐢𝐬𝐭, 𝐨𝐟𝐟𝐞𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐮𝐬 𝐨𝐧𝐥𝐲 𝐰𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐧𝐞𝐜𝐞𝐬𝐬𝐚𝐫𝐲 𝐚𝐧𝐝 𝐛𝐞𝐚𝐮𝐭𝐢𝐟𝐮𝐥”
-Kant J.Smith
สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ จัดวางไว้กึ่งกลางบ้านทั้ง 2 ฝั่งวางแนวสระขนานกับกับตัวบ้าน
โครงการติดตั้งเป็นสระว่ายน้ำสำเร็จรูป โครงสร้างเป็นไฟเบอร์กลาส ทนความร้อน ไม่ยืดหรือหดตัว มีความแข็งแรงทนทานไม่ร้าวง่าย ทนต่อการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ แสงแดดและยูวี ไม่มีการรั่วซึม
ส่วนพื้นปูกระเบื้องและเป็นสระระบบเกลือ พร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้งระบบ Hydro Massage ควบคุมแรงดันในน้ำเพื่อให้เกิดน้ำวน เพื่อให้เราได้ใช้ประโยชน์ในการแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายได้
พื้นที่ด้านในและด้านนอกสระจะมีชานเอาไว้สำหรับจัดวางบีนแบ็คนั่งเล่น ตอนเย็นๆ หรือจะเป็นโต๊ะเตี้ย เก้าอี้สนาม พร้อมที่นั่งสำหรับจิบชากาแฟอ่านหนังสือนอกบ้านได้ ทั้งยังมองเห็นพื้นที่พักผ่อนบริเวณระเบียงชั้นบน ทำให้เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้
อีกฝั่งของบ้านชั้นล่างเป็นส่วนของห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมชอบคือจะได้ความสูงโปร่งแบบ Double Volume จรดห้องนอนรองของชั้นบน ความสูงประมาณ 7 เมตร ทำให้กลายเป็นจุดเด่นของบ้านหลังนี้คือมีผนังที่ติดตั้งกระจกด้านข้างหลายจุดทำให้เปิดรับแสงสว่างส่องเข้าบ้านได้เต็มที่ กลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลยครับ ช่วยให้เราเชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านข้างได้อย่างลงตัว
บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่และวางเก้าอี้ดีไซน์เก๋เอาไว้ประมาณ 4-6 ที่นั่ง สามารถปรับฟังก์ชันเป็นโต๊ะนั่งประชุมออนไลน์ คุยงานทำการบ้านหรืออ่านหนังสือได้ บริเวณนี้มีพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือ
ผมชอบโคมไฟดีไซน์ Minimal ที่แขวนลงมาจากฝ้าเพดานชั้นบน ช่วยดึงดูดความน่าสนใจให้กับโต๊ะรับประทานอาหาร ใกล้กันมี Pantry สำหรับจัดเตรียมอาหาร มาพร้อมเก้าอี้สตูลบาร์ทรงสูงเอาไว้นั่งปาร์ตี้กับเพื่อนเบาๆ ในบ้าน ก่อนเริ่มมื้ออาหารหลักได้
ในส่วนของครัวนั้นทางโครงการได้ติดตั้งผนังเป็นกระจกใสไว้เป็นไอเดีย ขณะที่บ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่เปิด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลยครับ ผมว่าติดเป็นกระจกใสกั้นเป็นผนังก็ดีเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้บ้านดูโปร่งโล่ง มีความเป็นสัดส่วนและเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ทั้งยังช่วยป้องกันกลิ่นย้อนกลับเข้ามาภายในบ้านได้
ด้วยความที่เป็นบ้านเพดานสูงโปร่ง ทำให้ครัวดูมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง โดยทางโครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกด้านเป็นเคาน์เตอร์สำหรับจัดเตรียมอาหาร ก่อนจะขึ้นโต๊ะเสิร์ฟ หรือเอาไว้จัดวางเครื่องดื่ม เครื่องชงกาแฟก็ได้เช่นกัน
อีกจุดที่ผมชอบคือเราสามารถแยกฟังก์ชันการทำงานภายในครัวได้ในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน บริเวณนี้ได้ติดตั้งตู้เก็บของชั้นล่างปิดหน้าบานด้วยสีขาวเพื่อให้เข้ากับโทนของบ้านเอาไว้ให้แล้ว ทั้งยังเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในครัวได้ติดตั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้้าในครัวไม่ว่าจะเป็นเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ตลอดจนอ่างล่างจาน และยังได้เว้นพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านนอกสำหรับติดตั้งตู้เย็นเอาไว้
Zero Waste เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ผมประทับใจใน Areeya Property ซึ่งปีนี้ได้วางกลยุทธ์ “Sustainable Happiness” และเดินหน้าสู่ Net Zero ในปี 2050 เพื่อร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับเมืองไทย ดังนั้น ทุกโครงการจะเป็นหมู่บ้านปลอดขยะ โดยต้องมีการจัดการขยะแบบครบวงจร ซึ่งจะตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่จะให้ความใส่ใจกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อย่างที่โครงการ AREN X นอกจากจะจัดเตรียมถังขยะแบบแยกประเภทไว้ด้านนอกลานซักล้างสำหรับบ้านทุกหลัง พร้อมกับออกแบบให้มีแอปพลิเคชัน “Recycle Time” ที่จะคอยบอกวันเวลาที่รถเก็บขยะแบบรีไซเคิลจะเข้ามารับขยะ
จากนั้นจะบอกจำนวนเงินที่ขายขยะรีไซเคิลได้จากบ้านของเรา แล้วก็โอนเงินกลับเข้ามาให้เราในแอปได้เลย เป็นการแปลงขยะให้มีมูลค่าได้จริงๆ ครับ
ปัจจุบันสามารถแยกขยะไปแล้วกว่า 266 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 4 หมื่นต้น นอกจากนี้ ทางโครงการยังให้เครื่องกำจัดเศษอาหารมาให้ที่บ้านด้วย เพื่อที่จะเปลี่ยนเศษอาหาร (ขยะเปียก) ให้กลายเป็นปุ๋ยได้ ตลอดจนส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว ปลอดสารพิษ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าโดยติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Charger รองรับยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการช่วยลดมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการก่อสร้างอีกด้วย
นอกจากนี้ ทางโครงการยังได้ติดตั้งระบบ Passive Airflow เทคโนโลยีที่จะช่วยเรื่องการถ่ายเทไหลเวียนอากาศภายในบ้านโดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเราไม่จำเป็นต้องเปิดประตูหรือหน้าต่าง
ระบบนี้จะทำงานร่วมกับ Active Airflow ที่ติดตั้งไว้อยู่บนชั้น 2 ซึ่งเป็นระบบเติมอากาศในบ้านและระบบเติมอากาศในบ้านผ่านตัวกรองระดับ HEPA สามารถกรองฝุ่นอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มาพร้อมกับจอควบคุมการทำงานและแสดงสถานะอากาศภายในบ้าน เช่น ค่า PM2.5 ค่าคาร์บอนไดออกไซน์ อุณหภูมิ และความชื้นภายในบ้าน ช่วยให้เราหมดกังวลปัญหาเรื่อง PM 2.5 ภายในบ้านได้เลยครับ
ขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กันบ้าง จะเห็นฟังก์ชันการใช้งานที่เชื่อมต่อกันของทั้ง 2 ชั้น เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ออกแบบเน้นการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของแต่ละบ้านจริงๆ ครับ
โถงบันไดเป็นสีขาวแบบเรียบง่าย แต่ถ่ายรูปออกมาดูสวยสไตล์ Minimal มาก ตัวโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกนอนเป็นกระเบื้องยาง SPC สีอ่อนลายไม้ ช่วยคุมโทนบ้านไม่ให้มีสีที่โดดเด่นจนเกินไป เป็นพื้นแบบเดียวกับบนชั้น 2 ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีก็คือมีความแข็งแรง ทนทาน ทนปลวก ทนต่อการขีดข่วน แรงกระแทก การกดทับได้ดี วัสดุไม่ลามไฟและไม่บวมน้ำ
ชั้นบนเมื่อเดินพ้นบันไดขึ้นมา จะเป็นพื้นที่ซึ่ง Areeya Property ครีเอทขึ้นมาใหม่เรียกว่า Private Barcony ซึ่งเป็นการสมาสกันของคำว่า Bar และ Balcony
ดีไซน์ให้เป็นโซนบาร์ลับส่วนตัวเพิ่มความชิลล์ในบ้าน ทำให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน สังสรรค์ มีเคาน์เตอร์บาร์ส่วนตัวพร้อมเก้าอี้สตูลทรงสูง ภายในบ้านเอาไว้นั่งจิบเบาๆ ก่อนเข้านอน
“𝐌𝐢𝐧𝐢𝐦𝐚𝐥𝐢𝐬𝐦 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐚 𝐬𝐭𝐲𝐥𝐞, 𝐢𝐭’𝐬 𝐚𝐧 𝐚𝐭𝐭𝐢𝐭𝐮𝐝𝐞, 𝐚 𝐰𝐚𝐲 𝐨𝐟 𝐛𝐞𝐢𝐧𝐠.”
– Linus Torvalds
ทั้งยังสามารถออกไปยืนจิบต่อที่บริเวณระเบียงด้านนอกได้ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ
นอกจากนี้ยังสามารถ วางเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นนอกบ้านพร้อมกระถางต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นได้ หรือเปิดประตูกระจกออกเพื่อทำเป็น Private Party ณ Private Barcony ได้เช่นกัน
ชั้นบนประกอบด้วย 2 ห้องนอน แต่อย่างที่บอกไปว่า เราสามารถปรับได้เองตามไลฟ์สไตล์
อย่างเช่นบ้านตัวอย่าง ทำเป็นพื้นที่ของ Family Area เชื่อมต่อกัน สำหรับนั่งพักผ่อน ดูทีวีร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว
ตลอดจนยังเป็นมุมพิเศษสำหรับแขกคนสำคัญที่อยากจะเชิญขึ้นมาบนบ้านเพื่อพูดคุยธุระ นั่งจิบกาแฟ ดื่มวิสกี้ สังสรรค์กันในบรรยากาศแบบส่วนตัว โดยจะเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์บาร์สีขาวเอาไว้ดูเรียบหรู สามารถเปิดเพลงคลาสสิคจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงคลอไปเบา ๆ เพื่อเสริมบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เป็นห้องนอนที่มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว
บ้านตัวอย่างจัดให้มีชุดโซฟาเบดขนาดใหญ่เอาไว้ เผื่อปรับเป็นห้องนอนแขกได้ทันที ในกรณีที่มีเพื่อนสนิทมาดื่มสังสรรค์ที่บ้าน
ทั้งยังออกแบบให้มีพื้นที่ว่างด้านข้างสำหรับติดตั้งตู้เสื้อผ้าหรือตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ พร้อมกันนี้ก็ได้จัดวางเก้าอี้ดีไซน์ฟรีฟอร์มวางเอาไว้ ให้เป็นโต๊ะทำงานหรือที่นั่งอ่านหนังสือพักผ่อน หรือทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกภายในครอบครัว
ห้องนี้จะมีกิมมิคคือช่องแสงที่เปิดโล่งลงไปจนถึงชั้นล่างบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร ขณะเดียวกันก็ยังมองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวกลางบ้านได้อีกด้วย
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนหลักหรือ Master Bedroom ที่ค่อนข้างกว้างพร้อมประตูบานกระจกใสรอบด้าน
สามารถเปิดออกไปยืนรับลมชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าหรือชมวิวพระอาทิตย์ตกดินก่อนพลบค่ำก็ได้ ด้วยความที่มีผนังบานกระจกโดยรอบ ทำให้รับแสงจากธรรมชาติได้ในทุกวัน
บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องนี้แบบไม่หลุดโทน คือยังคงใช้สีขาวเป็นหลัก เติมเฉดสีน้ำตาลอ่อนๆ ด้วยพื้น SPC เข้ามาทำให้ห้องพอดูจะมีสีสันอยู่บ้าง
บ้านตัวอย่างกั้นห้องแต่งตัวให้มีส่วน Walk in closet หน้าห้องน้ำ วางตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ตั้งแต่หน้าประตู ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์โมเดิร์น เน้นสีและวัสดุโลหะเพื่อให้ห้องดูมีมิติมากยิ่งขึ้น แยกส่วนพักผ่อนกับการใช้งานภายในห้องออกจากกันชัดเจน
ด้านในเป็นโต๊ะเครื่องแป้งสีขาวดีไซน์โมเดิร์น เน้นโชว์งานโครงสร้างให้เพื่อเปิดความรู้สึกเบาสบาย
ส่วนด้านในสุดเป็นห้องน้ำ ภายในมีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน เปิดช่องแสงส่องสว่างและระบายอากาศได้เต็มที่ช่วยให้ห้องน้ำไม่อับชื้น ติดตั้งอ่างล้างมือพร้อมเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังเป็นกระจกเงาเต็มบาน ฝั่งตรงข้ามเป็นอ่างอาบน้ำที่อยู่ติดกับ Shower Box โครงการยังได้ติดตั้งโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติเอาไว้ให้ด้วย เฟอร์นิเจอร์ในห้องน้ำทุกชิ้นล้วนคุมโทนสีขาวได้ดี
“Own less, live more.”
ถัดเข้าไปด้านในจะมีผนังกั้นเชื่อมต่อระหว่างมุมแต่งตัวกับส่วนพักผ่อน ภายในห้องนอนหลักมีขนาดกว้างขวาง บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่เอาไว้บนพื้นยกสูงคล้ายเตียงญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นตำรับงานดีไซน์ Minimal
Master Bedroom เปิดให้มีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินได้สบาย และยังสามารถจัดวางโต๊ะหัวเตียงพร้อมโคมไฟเอาไว้ ประดับด้วยงานศิลปะแบบจัดวางกับพื้น มีมุมนั่งเล่นพักผ่อนสบายๆ ภายในห้องนอน
หัวเตียงเปิดช่องแสงส่องสว่างเข้ามายังภายใน ทำให้ช่วงสายหลังตื่นนอนและตอนเย็น จะเป็นช่วงเวลาที่ห้องนอนดูมีสีส้มของแสงแดดเข้ามาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศและเติมสีสันใหม่ๆ ให้กับบ้าน
ห้องนอนจะมีระเบียงเป็นแนวกว้างขนานไปกับหน้าบ้าน เราสามารถเปิดประตูกระจกออกไปได้ และยังช่วยในเรื่องของการระบายอากาศ
ส่วนปลายเตียงติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังสีดำของทีวีตัดกับผนังสีขาวราวกับงานศิลปะ ผมชอบมากครับ ทำให้ห้องดู Less is More คือการออกแบบจัดวางข้าวของตามแต่ที่จำเป็น ตัดทอนสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป คงเหลือไว้เพียงการเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนที่แท้จริง
Marc Jacobs ดีไซเนอร์ชื่อดังก้องโลก เคยสรุปไว้ว่า “Less is not necessarily more; just enough is more.” แปลง่ายๆ ก็คือ “แค่พอเพียงก็เพียงพอ” กานต์ว่าเป็นไอเดียวิธีคิดที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิต
การเลือกบ้านสักหลังก็เช่นกัน นอกจากจะพิจารณาจากความชอบ ความสวยงาม สเปซภายใน ฟังก์ชันและดีไซน์ แล้ว ผมคิดว่าควรเลือกบ้านที่ Fit in กับเราที่สุด เลือกแต่พอดี เน้นการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการ หรืออย่างน้อยๆ ก็อาจจะเป็นบ้านที่พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์
ซึ่งผมว่า AREN X บางนา ซึ่งเป็น Xclusive Private Residence สไตล์ Modern Minimal ที่เข้าใจความต้องการของลูกบ้านได้ดี ที่สำคัญทำเลถือว่ายอดเยี่ยมมาก คืออยู่ใกล้ Mega Bangna ในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที ถือว่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรองรับได้ทุกความต้องการ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3KVcghV