STARBUCKS RESERVE ROASTERY TOKYO

CHECKED IN

STARBUCKS RESERVE ROASTERY TOKYO

_____________________________________________

☕️Starbucks Reserve® Roastery Tokyo

แล้วกานต์ก็ได้มาครับ …📍

.

นอนตีสาม ตื่นตีสี่กว่า ตีห้านิดๆ ไปขึ้นรถไฟ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง เผื่อเวลาเดินเท้า แวะถ่ายซากุระริมคลองเมกุโระอีกนิดหน่อย

.

กะว่ามาถึงก่อนร้านเปิด จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน เห็นแต่ละคนบ่นกันรอที 2-3 ชั่วโมง ยอมรับเลยว่าฮอตจริง!! เพราะมีคนมารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ผมว่าผมมาเร็วแล้วนะ 555

.

เป็น Starbucks Reserve® Roastery สาขาที่ 5 ของโลก สาขาแรกของญี่ปุ่น และใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่กว่าเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย) ออกเเบบโดย สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นอย่าง เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ผู้อยู่เบื้องหลังการออกเเบบร้านสตาร์บัคส์หลายร้านในญี่ปุ่น และเป็นผู้ออกแบบสนามกีฬาโตเกียวโอลิมปิค 2020 ด้วย

.

คอนเซปต์ของ Starbucks Reserve® ก็คือ เป็นสาขาพิเศษของสตาร์บัคส์ที่มีเมล็ดกาแฟพิเศษหายาก จะซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปชงเองที่บ้านก็ได้ หรือจะมานั่งดื่มที่ร้านก็ได้โดยจะชงทีละแก้วตามสั่งเลย แต่ช่วงเปิดตัวนี้อาจจะวุ่นวายหน่อย ไม่ค่อยได้ดื่มด่ำเต็มอารมณ์เท่าไร

.

เข้ามาด้านในกันดีกว่าครับ ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกับโบสถ์ ภายในจะมีเสาทองเเดงขนาดใหญ่ เป็นรูปเคารพเด่นสะดุดตา ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงมีลวดลายตกเเต่งเป็นดอกซากุระ เมื่อเเสงไฟตกสะท้อนจะปรากฎลายออกมาอย่างสวยงาม ส่วนของเพดานก็ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะการพับกระดาษ (origami)

ร้านมีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นล่างขายกาแฟนางเงือก เบเกอรี่ พิซซ่า สลัดไข่กะทะก็มี เป็นชั้นที่คิวยาวมาก แต่หากได้ที่นั่งแล้วจะเก๋มาก เพราะจะได้นั่งดูบาริสต้ายืนชงกาแฟให้ดื่มเหมือนกับแฟล็กชิปสาขาอื่นๆ แต่บรรยากาศอลังการกว่า

.

ชั้น 2 เป็นชา TEAVANA มีชาหลายตัวที่เบลนขึ้นมาใหม่ โดยได้นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในญี่ปุ่นมาผสมผสานและดึงเป็นจุดขายที่น่าสนใจ เป็นกลิ่นที่หอมดีมาก สร้างประสบการณ์ใหม่ในการดื่มชา ส่วนตัวผมชอบชั้นนี้ที่สุด

.

ชั้น 3 เป็นบาร์กาแฟ Arriviamo เป็นกาแฟผสมเหล้า คล้ายคอคเทล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสตาร์บัคส์หลายที่เริ่มขายแอลกอฮอลล์แล้ว เมนู Sigbature ของสาขานี้คือ Tokyo Pour Over ราคาแก้วละ 3,000 เยน

.

ส่วนชั้นบนสุด ชั้น 4 โรงงานกาแฟ โรงเรียนสอนการทำกาแฟ co working space เอ้อระเหยโซน จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าได้นั่งชั้นบน จะเจอคนคอสตาร์บัคส์เหมือนกันๆ เอาไว้เม้าท์ ว่าเราก็แฟนพันธุ์แท้นะแกร๋ …

.

ที่ชอบอีกอย่างคือของพรีเมียมต่างๆ ที่ทำขึ้นมาเพื่อ Starbucks Reserve® Roastery Tokyo เท่านั้น หาซื้อที่ไหนไม่ได้นะครับ ต้องมาที่นี่ ตอนนี้เป็นคอลเลคชั่นซากุระ น่ารักมาก แถมมี เป็น Starbucks Reserve® Roastery Tokyo CARD ก็คือบัตรสตาร์บัคส์ นั่นแหละ แต่เป็นลายพิเศษของที่ร้าน สามารถใช้ได้เฉพาะร้านสตาร์บัคส์ในญี่ปุ่นเท่านั้น

.

อ่ะ!! จัดมา 1 ใบ แถมเล็งไว้เป็นแก้วกาแฟ สมุดโน้ต สักพักต้องมีคนถามว่า ซื้อมาทำไม?

.

ก็ไม่รู้เหมือนกัน!?!! เหมือนต้องมนต์ว่า #ของมันต้องมี

.

ถ้ามีเวลาก็มาเถอะ ชอบกาแฟนั่งชั้น 1 อยากนั่งดมกลิ่นชามาชั้น 2 อยากลองเมาไปชั้น 3 อยากเม้าท์ให้ไปชั้นบนสุด

.

ดีงามที่สุดในชีวิตแดนอาทิตย์อุทัย

.

รูปทั้งหมดถ่ายโดย NikonZ7 ของดีอีกอย่างจากแดนซามูไร จับคู่กับ 24-70 จบในตัวเดียวเดินเที่ยว เบาๆ สบายใจ

#NIKON#NIKONTHAILAND#NIKONSALE

#STARBUCKS#STARBUCKSRESERVE#TOKYO

นั่งรถไฟมาลงสถานี Nakameguro Station เดินเท้าต่อมาเล็กน้อยตามแนวริมคลองเมกุโระ ก็จะเจอ STARBUCKS RESERVE(R) ROASTERY TOKYO

ริมคลองเมกุโระช่วงนี้กำลังสวยงามด้วยซากุระครับ มีงานประดับโคมไฟ บรรยากาศจะแตกต่างกันไปในยามกลางวันและกลางคืน

น้องใหม่ของย่านเมกุโระ ถนนของคนรักกาแฟ แม้จะมาทีหลังแต่ใหญ่กว่า ไม่ใช่แค่ใหญ่ธรรมดา แต่ใหญ่ที่สุดในโลก

Starbucks Reserve คือตัวเลือกของคนที่ชอบดื่มกาแฟที่หายากและพิเศษที่สุดที่สตาร์บัคส์นำเสนอให้ นำเสนอในรูปแบบศิลปะ ผสมเข้ากับการสร้างสรรค์และการดำเนินชีวิต เพื่อพัฒนาประสบการณ์ร่วมของทุกคนให้มีต่อร้านกาแฟนางเงือก

บริเวณหน้าร้านช่วงนี้มีซากุระบาน สวยงามดีครับ

ช่วงนี้มีคนมารอคิวเข้าร้านแต่เช้า ผมว่าผมมายังไม่ 7 โมงนี่ก็ว่าเช้าแล้วนะ ปรากฎว่ามีคิวมารอแล้ว

เริ่มเข้าคิวกันหลังป้ายนี้ครับ ใครมากลางวัน ไม่ต้องไปยืนคอยหน้าร้าน รอนุ้นนนนเลยครับ ปลายๆ คลอง ส่วนใครมาตอนเย็น อาจจะไม่ได้เข้า เพราะคิวยาวไปจนถึงร้านปิด

การแจกคิวจะมี QR เพื่อให้สามารถสแกนดูว่า ใกล้ถึงคิวเราหรือยัง ระหว่างนั้นก็สามารถไปเดินเล่นถ่ายรูปซากุระรอก่อนได้ หรือไม่ไกลนักก็มีห้างดองกี้ให้ช้อปปิ้งเล่นๆ ฆ่าเวลา

ความประทับใจแรกคือการได้มองเห็นอาคารที่ออกแบบโดย Kengo Kuma เน้นเรื่องความสว่าง ออกแบบให้เป็นลักษณะคล้านระเบียงลาดเชิงมุมดึงสายตาขึ้นและอาคารรู้สึกราวกับกำลังจะยกขึ้นจากพื้น โดยใช้ไม้ sugi หรือต้นซีดาร์ญี่ปุ่น เหมือนอาคารญี่ปุ่นอื่นๆ ข้อดีคือมีความทนทาน, มีกลิ่นหอม เป็นไม้สีอ่อนที่ดูแล้วอบอุ่น

การออกแบบที่มีเสน่ห์ของ Roastery ตั้งอยู่ในย่าน Nakameguro ที่มีชีวิตชีวาและสร้างสรรค์ของโตเกียวได้รับแรงบันดาลใจจากต้นซากุระที่โด่งดังเรียงรายไปตามแม่น้ำ Meguro ผนังกระจกและพื้นระเบียงของอาคารนั้นกลมกลืนไปกับผืนผ้าของย่านนั้นอย่างกลมกลืนทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับซากุระและแม่น้ำสี่ฤดูเพื่อสะท้อนความงามตามธรรมชาติและความกลมกลืนของญี่ปุ่น

ได้คิวเข้าร้านแล้วครับ จะมีพนักงานคอยเปิดปิดประตูให้ ตื่นเต้นจัง จะได้เห็นด้านในเสียที

ภายในออกแบบให้เป็น ท่อทองแดงขนาดใหญ่ เป็นจุดนำสายตาแรกหลังจากเดินเข้าประตูมา ถังทองแดงนี้สูง 17 เมตรใช้แผ่นทองแดง 121 แผ่นถูกตอกด้วยมือในเทคนิคซึชิเมะของญี่ปุ่น จากเพดานใช้เทคนิคการพับกระดาษแบบโอริกามิ ไปจนถึงโคมไฟกระดาษ washi เป็นศูนย์รวมสัญลักษณ์แห่ง “การเฉลิมฉลอง” ของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ส่วนดอกที่ห้อยลงมาเป็นซากุระ 2,100 ดอก เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อแม่น้ำเมกุโระที่โด่งดัง

ป้ายต้อนรับ เป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า มาต่อแถวซื้อกาแฟได้ที่นี่นะ แถวรอเข้าร้านยังไม่นานเท่าแถวรอสั่งกาแฟ คนเยอะจริง ๆ

โชว์ของกันสักหน่อย เป็นเครื่องชงกาแฟสุดล้ำ ดีไซน์สวยมาก บริเวณโดยรอบเป็นเคาท์เตอร์บาร์สำหรับนั่งจิบกาแฟ เหล่บาริสต้า ทว่าไม่ค่อยชิลหรอก เพราะคนยืนอยู่ข้างหลังเยอะมากกกกกกก

นอกจากขายกาแฟแล้ว ถัดไปด้านในเป็นโซนขายเบเกอรี่ ภายใต้การดูแลของเชฟเบเกอรี่อิตาเลียน Princi ซึ่งมีตัวเลือกเยอะมาก เลือกไม่ถูก แต่ถ้ายืนหน้าตู้แล้วไม่เลือกสักที ก็จะเจอสายตาพิฆาต จากคนข้างหลัง 555

มองจากชั้นบนลงมาจะเห็นบรรยากาศโดยรวมของชั้นกาแฟที่ชัดเจน ว่าคนเยอะ ทั้งแถวยืน แถวนั่ง ปลายๆ นั่นคือแถวรอเข้ามาสั่งกาแฟ แต่คงจะแล้วแต่ดวง ได้กาแฟแล้วมีคนลุกก็ดีไป ถ้าไม่มีก็ไปหาที่นั่งตรงจุดอื่นเอาเองนะครับ

ที่นั่งในร้านถือว่าเยอะ แต่เชื่อเถอะ เท่าไรก็ไม่พอ สมชื่อ Reserve กระเป๋าเอย ร่มเอย เสื้อโค้ท วางจองกันเพียบ!! ไม่ใช่อะไรหรอก ต่อแถวซื้อกาแฟแต่ละที รอนานมากกกก

ชั้นแรกซึ่งเป็นโฮสต์ของคอฟฟี่บาร์หลักซึ่งให้บริการกาแฟที่ไม่เหมือนใคร และเครื่องดื่มที่ทำจากกาแฟ โดยจะมีบาริสต้าให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวการปรับแต่งรูปแบบการชง เพื่อเข้าสอดคล้องกับรสนิยมการดื่มกาแฟของแต่ละคน ทำให้กาแฟสตาร์บัคส์จิบแล้วก็จะฟิน และคูณสองเมื่อจิบในสาขานี้ คูณสามเมื่อมีฉากหลังเป็นซากุระ

อีกมุมเพื่อให้เห็นว่าคนเยอะมาก หนีขึ้นไปกินบนชั้น 2 ดีกว่า เป็นชั้นของ Teavana

ซื้อบัตร Starbucks Card กันก่อนเป็นที่ระลึก เพราะเป็นลายสำหรับสาขานี้สาขาเดียวเท่านั้น เติมเงินขั้นต่ำ 5,000 เยนครับ สามารถใช้ซื้อกาแฟ อาหาร ในร้านได้ทันที

หอบข้าวของทุกอย่างที่มี หนีคลื่นมวลชน มานั่งทานที่ชั้นบนดีกว่าครับ พอหายใจหายคอได้บ้าง

ใครได้กาแฟก็ลองออกไปนั่งข้างนอกก็ (ร้อน) ดี มีซากุระริมคลองให้ชมในมุมสูง

กาแฟดี อาหารดี วิวดี บรรยากาศดี แดดก็ดี มีความฟินไปชั่วขณะ หัวใจเบ่งบานราวกับซากุระฟลูบลูม

อีกมุมที่อยากชวนมาถ่ายรูป คือผนังตรงทางขึ้นบันได ซึ่งแต่ละชั้น ตกแต่งไม่เหมือนกัน อย่างชั้น 2 จะเอาแก้วกาแฟสีขาวมาแขวนไว้ เป็นแถวเรียงยาวสวยมาก ผนังร้านเป็นกระจกใส มองออกไปเห็นซากุระ

ชั้น 2 เป็น ชั้นชา TEAVANA มีชาหลายตัวที่เบลนขึ้นมาใหม่ โดยได้นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในญี่ปุ่นมาผสมผสานและดึงเป็นจุดขายที่น่าสนใจ เป็นกลิ่นที่หอมดีมาก สร้างประสบการณ์ใหม่ในการดื่มชา ส่วนตัวผมชอบชั้นนี้ที่สุด มีเซ็ทกาและแก้วขาย สามารถซื้อไปพร้อมกับชาได้

Roastery ไม่ได้ จำกัด ตัวเองให้ดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียว ชั้น 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Teavana Tea Bar จะมอบประสบการณ์ที่ไม่แพ้กันด้วยชา 18 กลิ่น และเครื่องดื่มต่างๆ ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่โดยอาศัยส่วนผสมของชา

บรรยากาศที่ชั้น 2 เหมาะมากที่เอาชามาไว้ชั้นนี้ มีความกระจกใส มองเห็นปลายยอดซากุระที่โผล่พ้นมา ราวกับว่า จิบชาดอกไม้ที่มีความละมุนมาก

ผมชอบการจับคู่ชากับขนมมาก นัยนึงเพื่อส่งเสริมการขาย อีกนัยคือเลือกมาให้แล้วว่าดีย์ ผมเองก็ลองสั่งคู่นี้มาเป็นเค๊กเลมอน ทานคู่กับชากลิ่นซิตรัส สดชื่นหอมหวานอมเปรี้ยว เข้ากันดีครับ

ชาที่นี่กลิ่นหอมดีหลายตัวเลย แต่ราคาก็สูงพอสมควร

ทางขึ้นชั้น 3 เป็นการตกแต่งผนังโดยใช้กล่องมาชาเรียงต่อกัน ตัดสลับกับตัวอักษรคำว่า TOKYO สร้างสรรค์ดีครับ ชอบมาก

ชั้น 3 ตกแต่งผนังด้วยถังเบียร์ เพื่อที่จะบอกว่าชั้นนี้ แอลกอฮอลล์ล้วนๆ

ที่ชั้น 3 เป็นบาร์ Arriviamo ที่ให้บริการเต็มรูปแบบมีทั้งกาแฟและชาผสมค็อกเทลประยุกต์ในสไตล์ญี่ปุ่นทั้งแบบคลาสสิกและตามมาตรฐานสากล รวมถึงยังมีเครื่องดื่มบางตัวที่ไม่มีแอลกอฮอล์

พระเอกคือ Tokyo Pour Over (¥ 3,000) กาแฟจะถูกกลั่นและ ชงแบบค็อกเทลที่ทำจากวิสกี้ญี่ปุ่นและเสิร์ฟพร้อมสาเกโอเคโกะสองถ้วยสำหรับการแบ่งปัน เป็นการผสมผสานกาแฟและงานฝีมือค็อกเทลที่ดีที่สุด

เหล่าขุนพลในชั้น 3 ซึ่งเตรียมทำหน้าที่เสิร์ฟความสุขให้กับทุกคนที่เข้ามานั่งชั้นนี้

ข้างผนังมีติดปรัญชา Strabucks Reserve

มุมนี้สวยดีครับ เป็นการนั่งจิบกาแฟจากมุมสูง ที่คอยมองฟ้าและมองดูผู้คนผ่านไปมา

ส่วนชั้น 4 ชั้นบนสุด จะลานเลานจ์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Amu ซึ่งเป็นคำภาษาญี่ปุ่น คล้ายๆ กับว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจกันในการถักถอสายใยประมาณนี้

ซึ่งเอาเข้าจริงก็สามารถใช้ในการสื่อความหมายว่าเป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมชุมชนและการพูดคุย รวมถึงใช้เป็นพื้นที่ฝึกอบรมสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่อาชีพที่เกี่ยวข้องกับกาแฟของสตาร์บัคส์ด้วย

บรรยากาศของโรงคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ที่นี่จะสามารถผลิตกาแฟได้มากกว่า 750 ตันต่อปี และส่งไปขายยังสตาร์บัคส์ทั่วญี่ปุ่น ระหว่างคั่วก็จะมีพนักงานคอยพูดคุยอธิบายและให้ดมกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วใหม่ด้วยครับ

สามารถซื้อกลับบ้านได้เลย มีเมล็ดหลายชนิดให้เลือกมากครับ

นอกจากนี้ ยังมีของที่ระลึกจากสตาร์บัคส์ สำหรับซื้อกลับกัน มีคอลเลคชั่นซากุระ เฉพาะสาขานี้เท่านั้นด้วยครับ ส่วนตัวชอบผ้ากันเปื้อนของ Hardmill ผืนนี้มาก แต่ราคาสูงพอสมควร

ซ็ทแก้วกาแฟของ Starbucks Reserve

จักรยานก็มี เป็น Starbucks Reserve x Tokyo Bike

ผมชอบสะสมสมุดโน๊ตครับ เป็นคอลเลคชั่น Traveler พอดี ปกหนังคลาสสิคดีครับ เลยสอยมาเล่มนึง

การตกแต่งด้านนอก ที่จริงตรงนี้เป็นประตูเล็ก สามารถเข้ามาเพื่อซื้อเฉพาะเมล็ดกาแฟคั่วได้โดยตรง แต่ช่วงนี้คงปิด เพราะคิวยาวมาก เข้าประตูใหญ่ดีกว่า

จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ครับ ง่วงนอนมาก ตื่นแต่เช้าเลย

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน