Color of Tokyo

“For to be Happy in Life, choose Self the Colors of Life”

.

ผมเลือก Quote นี้มาเปิด เพราะผมเชื่อเช่นนี้ครับ

ชีวิตมีหลากหลายสีสัน ซึ่งเราเป็นคนแต่งแต้มมันเอง

.

ผมเลือกแต้มสีขาวแดงของญี่ปุ่น ไว้หนีมาเที่ยวหลบฝุ่นหนีร้อนครับ

ทริปนี้ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ในโตเกียวไม่ออกไปเที่ยวไหนไกล ไม่ย้ายเมืองตามประสา Leisure Travel ของกานต์

.

กานต์จองโรงแรมมูจิที่กินซ่าเอาไว้ จังหวะดีเลยครับเพิ่งเปิดตัววันแรกเลย โรงแรมแต่งเรียบง่าย เน้นสีน้ำตาลอ่อนของไม้ คลาสสิคดีครับ

ตั้งอยู่ย่านกินซ่า ย่านโปรดของผม

.

ที่ GINZA ก็มีท๊อปวิว สำหรับสาย IG ให้ถ่ายเหมือนกัน รูปออกมาเป็นสไตล์มินิมอลสมใจ สไตล์ขาวดำ

.

ทริปนี้ตั้งใจจะเดินเล่นไปดูซากุระ และหาร้านกาแฟสวยๆ นั่ง

ที่ชอบนอกจากจะมี Salon Bar ที่ MUJI Ginza ให้นั่งอ่านหนังสือ จิบกาแฟแล้ว ยังได้ไป Starbucks Reserve® Roastery Tokyo สตาร์บัคส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เหมือนเป็นมหาวิทยาลัยสตาร์บัคส์ก็มิปาน ผมชอบการแต่งร้านเน้นสีดำและทองแดง ดูขลังดี

.

ร้านตั้งอยู่ริมคลองเมกุโระ ทำเลยอดฮิตที่คนชอบมาถ่ายรูปซากุระกันครับ กำลังฟลูบลูมสีชมพูอมขาว ราวกับภาพระบายสี ซากุระบานสะพรั่งไปทั้งคลอง สวยงามมาก ยิ่งมองมุมสูงจากร้านสตาร์บัคส์ลงมา ยิ่งสวยครับ

.

นั่งรถไฟไปถ่ายรูปย่านโอไดบะ มี Hidden Place ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

The SOHO Odaiba เป็นอาคารสำนักงานสีสันสดใส ถ่ายออกมาตัดกับแสงไฟแล้วสีสวย เหมาะสำหรับสายอัพ IG เป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นก็ไปต่อที่ TeamLab อาร์ตสเปซเก๋ๆ ที่นำเสนอผลงานศิลปะในรูปดิจิตอล ถ่ายรูปกันเพลินมากครับ

.

ไปไหว้พระดูซากุระที่สวนชิบะแถวโตเกียวทาวเวอร์ จากนั้นก็เดินดูงานศิลปะย่าน Roppongi นอกจากจะมีแกลอรี่แล้ว ตลอดทางยังมีต้นซากุระบานสะพรั่ง รอทักทายเราอยู่

.

จากนั้นแวะไปเดินเล่นที่ย่าน “Shimokitazawa”

เป็นย่านวัยรุ่นเด็กแนว ฮิปสเตอร์ของญี่ปุ่น มีทั้งเสือผ้า เหมือนหลุดมาจากแคตตาล็อก มีของแต่งบ้าน ของกิน ของใช้ ขนกลับไทยเพียบ ตามประสา Shopaholic

.

ไปเดินเล่น ถ่ายรูปที่ศาลเจ้า Meiji

หน้าทางเข้ามี Café Morinoterasu ร้านกาแฟสไตล์จังเกิล

เพื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของธรรมชาติและต้นไม้สีเขียวล้อมรอบคาเฟ่

ทั้งเคาน์เตอร์และเก้าอี้ทำมาจากไม้ นั่งพักได้ฟีลดีครับ

จากนั้นไปเดินเล่น Harajuku กิน Luke’s Lobster

แวะไปถ่ายรูปที่ห้าง Tokyo Plaza Omotesando ใช้กระจกเงาเป็นตัวสะท้อนสีสันต่างๆ ออกมา แปลกตาดี

เลยไปช้อปปิ้งย่านชิบูย่า จากนั้นค่ำๆ ก็ไปหาอะไรกินที่ชินจูกุ

ย่านนี้กลางคืนครึกครื้นดี จะมีบางโซนอย่างคาบูกิโจ ที่ไม่น่าเข้าใกล้

โตเกียวเป็นเมืองที่คุ้นเคย อยู่กันมานาน เที่ยวยังไงก็สบายใจ

.

บางทีการใช้ชีวิตแค่อะไรที่ง่ายๆ หลากหลายได้ แต่ไม่ซับซ้อน

อยากเที่ยวก็ไป อยากกินก็จ่าย อยากได้ก็ซื้อ

แต่งเติมให้ชีวิตมีสีสันต่างกันไปในแต่ละวัน

.

ผมเอง อยู่กับ dtac มานาน คุ้นเคยกันจนได้เป็นระดับ Blue Member

มาญี่ปุ่นทริปนี้ก็เลยเปิดโรมมิ่ง dtac มาตามคอนเซปต์ worry-free สะดวกดีครับไม่ต้องเปลี่ยนซิม หรือต่อ Pocket Wifi ให้วุ่นวาย แถมยังสบายใจไม่ต้องกลัวเน็ตรั่ว หรือต่อเน็ตผิด คิดราคาเหมาจ่ายเป็นรายวัน worry free ไม่มีเกินแน่นอน

.

ที่ญี่ปุ่นสัญญาณดี 4G ตลอด ต่อเน็ตเร็วดีครับ

ผมเปิด map ค้น google ก็ไว ซอกแซกไปตามซอกซอยต่างๆ ได้ง่ายไม่หลง

เน็ตดีก็ทำให้เที่ยวโตเกียวสนุกขึ้นอีก 4 เท่า

สีฟ้าของ dtac ช่วยให้ทริปนี้มีสีสันขึ้นอีกเยอะ

.

ได้เวลามาเติมสีสันกับทริปโตเกียวของกานต์กันดีกว่าครับ

.

“If you’re to choose to paint your life today … What will it be?

Remember, you’re the artist, not the canvas.”

.

#dtac#dtacIR#ดีแทค#dtacRoaming

#KANT#leisuretravel#hotellifestyle

#JournalistTravel#hotelsblogger

#travelblogger#luxuryblogger#luxurytravel

เปิดพิกัด จุดเช็คอินแห่งใหม่ในโตเกียว
เที่ยวกันเพลินกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
มีที่เที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน
ตึกสีสันสดใส เหมาะสำหรับอัพ IG
มุมสูงข้ามทางม้าลายแบบ มินิมอล
พิกัดซากุระที่หาดูได้ยากแต่เดินทางง่าย
ญี่ปุ่นยังมีมุมให้ถ่ายรูปอีกเพียบ!!
ตามรอยมาถ่ายรูปได้ที่นี่

#dtacRoaming

มาเที่ยวทั้งที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้แบกกล้องใหญ่ แค่มีมือถือก็ถ่ายแล้วอัพลง IG ได้ทันที

ทริปนี้ ผมก็เลือกเปิดโรมมิ่งของ dtac (ซึ่งผมเป็นสมาชิกระดับ Blue Member อยู่) ก็ดูสะดวกดีนะ ไม่ต้องหาซื้อซิมใหม่ ไม่ต้องพกเครื่องรับสัญญาณอะไรให้มันวุ่นวาย เที่ยวทั้งที ก็ไม่อยากให้มีอะไรพะรุงพะรัง

อยากได้อารมณ์แบบแชะแล้วแชร์เลยอ่ะ

จากที่มาญี่ปุ่นหลายสิบครั้ง มั่นใจได้อย่างว่าเมื่อเครื่องบินแลนด์ดิ้งปุ๊บ ซิมจับสัญญาณปั๊บ ได้เน็ตได้ทันที ซึ่งสัญญาณที่นี่ดังสุดก็เห็นจะเป็น เครือข่าย SoftBank กับ NTT DOCOMO ซึ่งข้อดีอีกอย่างของ dtac คือนางเป็นพันธมิตรกับทั้ง 2 เจ้าเลยจ้า ถามว่าแล้วยังไงต่อ

ก็คือถ้าสัญญาณของบางเครือข่ายในบางจุดอ่อนหรือระบบล่ม มันก็จะไปจับสัญญาณของอีกเจ้าที่แรงอยู่ ทำให้การใช้งานไม่สะดุด

ผมชอบตรงนี้ เพราะเคยครั้งนึงเข้าไปเดินป่า ไม่มีสัญญาณ SoftBank เลยจ้า น่ากลัวมาก ดีนะที่มือถือไกด์ ใช้อีกเครือข่ายเลยขอต่อสัญญาณมาใช้ได้ จากนั้นมาเข็ดเลย ขอแบบ dtac ดีกว่า สบายใจสุด

#dtacRoaming

มาญี่ปุ่นช่วงซากุระ
มันก็จะพาสเทลหน่อยๆ
ต้องหาสีอะไรเด่นๆ มาตัด
เพิ่มความตื่นเต้น

เอาเข้าจริงแม้จะมาเที่ยว หน้าที่การงานก็ต้องไม่ให้เสีย
โดยเฉพาะนักธุรกิจแบบผม ที่ต้องดีลงานกับลูกค้า กับลูกน้องตลอดเวลา

บางทีก็ต้องอาศัยการอธิบายทางเสียง เพราะผมคิดว่าเป็นการสื่อสารที่รู้เรื่องกว่าเยอะ ซึ่งนับเป็นข้อดีอีกอย่างของการเปิดโรมมิ่งมาต่างประเทศ เพราะได้เน็ตแรง ใช้งานแบบไม่กระตุก สามารถโทร Line หรือ Call ผ่าน Massage ได้อย่างสบายใจไม่มีพลาด ไม่งั้นเกิดเสียหายอะไรขึ้นมา บางทีก็ตีค่าเป็นเงินลำบาก

ที่มากไปกว่านั้น คือการต้องไปนั่งทำงานตามร้านด้านนอกที่ไม่ใช่ในโรงแรม ครั้นเราจะไปขอ Free Wifi ก็ดูจะไม่ง่าย บางร้านก็ไม่มี บางทีก็ต้องรอคิวทำให้เสียเวลาดีลธุรกิจ ในเมื่อเรามีเน็ตของเราเองอยู่แล้ว ก็แค่แชร์ hotspot กับโน๊ตบุ๊ค เช็คเมลล์ตอบลูกค้าได้ทันทีอีกเช่นกัน

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราก็ทำงานได้เหมือนอยู่ใกล้กันตลอดเวลา

#dtacRoaming

ทริปนี้เปลี่ยนมาใช้บริการ Japan Airlines ดูบ้างครับ Business Class นั่งสบายดี แต่ที่ผมชอบคือโอโมเตะนาชิ เป็นการบริการด้วยจิตวิญญาณแบบญี่ปุ่น อุ่นเครื่องอุ่นใจก่อนมาถึงที่หมายครับ

โรงแรม MUJI GINZA เช็คอินได้ในเวลาบ่าย 3 ตามมาตรฐานญี่ปุ่น สามารถไปเดินเล่น อ่านหนังสือ กินกาแฟ รอก่อนได้ที่มูจิครับ

ดูรีวิวโรงแรมมูจิ กินซ่าแบบละเอียดที่นี่ครับ >> http://bit.ly/2FRyxvf

ชั้นที่เชื่อมต่อกับโรงแรม MUJI คือชั้น 6 ครับ ซึ่งเป็นร้านมูจิในคอนเซปต์ใหม่ เป็นชั้นไฮไลท์ด้วย มีทั้งห้องสมุดที่นั่งอ่านฟรีได้ทั้งวัน มีบาร์ มีซาลอนไว้คอยบริการเครื่องดื่ม มีร้านอาหาร WA ขายอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด และมี ATELIER MUJI แสดงนิทรรศการหมุนเวียนกันไปในแต่ละเดือน

ภายในห้องพักของโรงแรมมูจิกินซ่า ก็เป็นห้องสไตล์มินิมอลเช่นกันครับ ชอบมากครับ

สนใจดูรายละเอียดการจองห้องพักได้ที่นี่ครับ >>
https://hotel.muji.com/en/

ลงมาเดินเล่นย่านกินซ่า เจอร้าน COS ร้านเสื้อผ้าร้านโปรดของผมเอง COS ย่อมาจาก Collection of Style เป็นแบรนด์จากสวีเดน เจ้าของเดียวกับ H&M

ส่วนตัวชอบเสื้อผ้าของ COS เพราะงานดีไซน์มินิมอล (Minimal) ดีเทลน้อยๆ ใส่แล้วดูคูลๆ จับคู่กับเสื้อผ้าในตู้ได้ง่าย แพงหน่อยแต่เรียบง่ายใส่ได้ในหลายโอกาศครับ

กานต์ชอบรูปนี้ครับ

ใช้เวลาเกือบครึ่งวัน กว่าจะได้จังหวะกดรูปนี้มาฝาก

ชอบสีแดงของรถที่ตัดกันสีดำขาวของพื้นถนนครับ ดูมินิมอลดี

รูปนี้ถ่ายจากห้าง Tokyu Plaza Ginza กดลิฟท์ขึ้นมาชั้น 12 ได้เลยครับ

โตคิว พลาซ่า สาขากินซ่าเป็นห้างใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานครับ จุดเด่นคือชั้น 12 นี่แหละแต่ถ้ากดลิฟท์ขึ้นมาจะเห็นเป็นชั้น R นะครับ ซึ่งย่อมาจาก Roof ข้างบนจะเป็นลานโล่งๆ ให้คนมานั่งเล่นกัน แต่จะมีมุมนึงที่ยื่นออกไปยังแยกกินซ่า สามารถถ่ายรูปออกมาในสไตล์มินิมอลได้ครับ

เย็นๆ ไปเดินเล่นริมแม่น้ำสุมิดะ เป็นช่วงซากุระบานพอดี จะเห็นคนญี่ปุ่นมาแฮงค์เอ้าท์กันใต้ต้นซากุระ ริมแม่น้ำครับ ปูผ้านั่งกินสังสรรค์กันสบายๆ ที่นี่เรียกว่า “เทศกาลฮานามิ”

บ้างก็ปูผ้าใบนอนอ่านหนังสือ คุยกับเพื่อน ใต้ต้นซากุระ บรรยากาศดีมากๆ ครับ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ เป็นมุมที่ย้อนแย้งกันพอสมควรในสังคมญีปุ่น

ด้านหนึ่งคือตึกสูง เป็นตัวแทนของความรีบเร่ง แข่งขัน แต่อีกด้านคือชีวิตที่พักจากการทำงาน มานั่งชิลล์ๆ ริมแม่น้ำสุมิดะ

เช้าๆ มาเดินออกกำลังกาย ถ่ายรูปเล่นกัน ริมแม่น้ำสุมิดะกันต่อ แสงเช้านี่สวยดีครับ

ส่วนตัวชอบแสงแดดที่ญี่ปุ่น ดูอบอุ่นไม่แผดเผาเหมือนแดดบ้านเรา

เข้าวัดโซโจจิ (Zojoji Temple) กันบ้าง อยู่แถวโตเกียวทาวเวอร์ครับ เป็นวัดประจำตระกูลโชกุน ท่านโทกุกาว่า มีความเป็นมายาวนานกว่า 600 ปี เป็นวัดที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากนิยมมาไหว้พระขอพร และยังเป็นสถานที่ถ่ายรูปคู่ของโตเกียวทาวเวอร์กับต้นซากุระกันอีกด้วย

เดินทางมาวัดง่ายครับ ลงสถานี JR Hamamatsucho หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Onarimon, Shibakoen และ Daimon จากนั้นเดินต่อไปอีกเล็กน้อย

ไม่ไกลจากวัดเป็นสวนสาธารณะชิบะ สามารถมาถ่ายรูปซากุระคู่กับโตเกียวทาวเวอร์ได้ที่นี่อีกจุดนึงครับ

ทานอาหารกลางวันที่โรงแรม Tokyo Prince Park Tower Hotel ชื่อห้องอาหาร Yo Mei Den เป็นห้องอาหารจีนฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่นครับ เก๋ดี

ที่นี่จะเสิร์ฟเป็นแบบคอร์สเมนูครับ ทานไม่หนักจนเกินไป ไล่เรียงไปตั้งแต่ อาหารเรียกน้ำย่อย เป็นพวกหมู เป็ด ปลาหมึก กุ้ง

จากนั้นเสิร์ฟซุปหูฉลาม ในระดับดาชิที่เข้มข้นหอมมากครับ จานต่อมาเป็นผักรวมผัสซอสพร้อมหมูนุ่น อีกจานเป็นเนื้อปูปั้นเป็นก้อน ห่อด้วยแป้งคล้ามีทบอล แล้วก็มีถุงทอง เหมือนของไทยวางไว้ด้วย ซอสที่ราดมาเผ็ดดีครับ ผมชอบ ปิดท้ายด้วยข้าวผัดปลาตัวเล็ก

และมีของหวานเป็นพุดดิ้งมะม่วง ที่มีไวท์ช็อกโกแล็ตเขียนว่า HAPPY BIRTHDAY 9KANT เพราะเป็นวันเกิดผมเองครับ

รวมๆ บรรยากาศของซากุระมาให้ชมกัน ผมชอบโมเมนต์ของคนญี่ปุ่นจัง ดูเหมือนชีวิตยังมีความหวังและความสุขสามารถหาได้ง่ายๆ จากใต้ต้นซากุระ เราสามารถใชีชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีความสุขครับ

ไปเดินเล่นย่าน Roppongi กันบ้างครับ “รปปงหงิ” แปลว่าต้นไม้ทั้งหก” เป็นย่านที่อยู่ใจกลางโตเกียว เป็นที่ตั้งของสถานฑูตหลายประเทศครับ ย่านนี้มีหอศิลปที่ตั้งตระหง่าน มีสถานบันเทิงยามค่ำคืน และมีต้นซากุระที่บานสะพรั่งตลอด 2 ข้างทางครับ

มาเดินเล่นดูงานอาร์ตที่หอศิลป์กันครับ

เช้าของอีกวัน ผมยอมตื่นเช้ามากกกกก

ตื่นตี 4 กว่า พอตี 5 นิดๆ ก็ไปขึ้นรถไฟ จากจุดที่ผมอยู่ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง เผื่อเวลาเดินเท้า แวะถ่ายรูปริมคลองเมกุโระ อีกนิดหน่อยมาตอนเช้าๆ แบบนี้ก็ดีครับ ไม่ค่อยมีคน เพราะจุดนี้ถือเป็นมุมซากุระมหาชน

บรรยากาศตอนเช้า แสงสวยดี เป็นช่วงที่ผมชอบถ่ายรูปมากที่สุดครับ พอๆ กับช่วงเย็น ถ้าเป็นกลางวันอาจจะไม่ค่อยออกไปไหน เพราะร้อนแดด เค้ากลัวดำ

ซากุระริมคลองมากุโระ ตอนเช้านี่สวยไปอีกแบบนะครับ ตอนกลางคืนก็น่ามา เพราะมีเปิดไฟ แค่คนเยอะไปหน่อย

เดินเท้ามาเรื่อยๆ จนถึงทางแยก จะเริ่มเจอผู้คนครับ นอกจากต้นซากุระแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่น่าสนใจแห่งใหม่ ที่มีคนให้ความสนใจ มารอคิวกันตั้งแต่เช้า ผมว่าผมมาไวแล้วนะมาก่อนเวลา แต่มาถึงก็เริ่มต่อคิวกันแล้วครับ

☕️Starbucks Reserve® Roastery Tokyo เป็น Starbucks Reserve® Roastery สาขาที่ 5 ของโลก สาขาแรกของญี่ปุ่น และใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่กว่าเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย) ออกเเบบโดย สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นอย่าง เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ผู้อยู่เบื้องหลังการออกเเบบร้านสตาร์บัคส์หลายร้านในญี่ปุ่น และเป็นผู้ออกแบบสนามกีฬาโตเกียวโอลิมปิค 2020 ด้วย

คอนเซปต์ของ Starbucks Reserve® ก็คือ เป็นสาขาพิเศษของสตาร์บัคส์ที่มีเมล็ดกาแฟพิเศษหายาก จะซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปชงเองที่บ้านก็ได้ หรือจะมานั่งดื่มที่ร้านก็ได้โดยจะชงทีละแก้วตามสั่งเลย แต่ช่วงเปิดตัวนี้อาจจะวุ่นวายหน่อย ไม่ค่อยได้ดื่มด่ำเต็มอารมณ์เท่าไร

เข้ามาด้านในกันดีกว่าครับ ตัวอาคารมีลักษณะคล้ายกับโบสถ์ ภายในจะมีเสาทองเเดงขนาดใหญ่ เป็นรูปเคารพเด่นสะดุดตา ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงมีลวดลายตกเเต่งเป็นดอกซากุระ เมื่อเเสงไฟตกสะท้อนจะปรากฎลายออกมาอย่างสวยงาม ส่วนของเพดานก็ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะการพับกระดาษ (origami)

ร้านแห่งนี้สามารถผลิตกาแฟได้มากกว่า 750 ตันต่อปี มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นล่างขายกาแฟนางเงือก เบเกอรี่ พิซซ่า สลัดไข่กะทะก็มี เป็นชั้นที่คิวยาวมาก แต่หากได้ที่นั่งแล้วจะเก๋มาก เพราะจะได้นั่งดูบาริสต้ายืนชงกาแฟให้ดื่มเหมือนกับแฟล็กชิปสาขาอื่นๆ แต่บรรยากาศอลังการกว่า
.
ชั้น 2 เป็นชา TEAVANA มีชาหลายตัวที่เบลนขึ้นมาใหม่ โดยได้นำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในญี่ปุ่นมาผสมผสานและดึงเป็นจุดขายที่น่าสนใจ เป็นกลิ่นที่หอมดีมาก สร้างประสบการณ์ใหม่ในการดื่มชา ส่วนตัวผมชอบชั้นนี้ที่สุด
.�ชั้น 3 เป็นบาร์กาแฟ Arriviamo เป็นกาแฟผสมเหล้า คล้ายคอคเทล ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสตาร์บัคส์หลายที่เริ่มขายแอลกอฮอลล์แล้ว เมนู Sigbature ของสาขานี้คือ Tokyo Pour Over ราคาแก้วละ 3,000 เยน
.
ส่วนชั้นบนสุด ชั้น 4 โรงงานกาแฟ โรงเรียนสอนการทำกาแฟ co working space เอ้อระเหยโซน จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าได้นั่งชั้นบน จะเจอคนคอสตาร์บัคส์เหมือนกันๆ เอาไว้เม้าท์ ว่าเราก็แฟนพันธุ์แท้นะแกร๋ …
.
ที่นั่งในร้านถือว่าเยอะ แต่เชื่อเถอะ เท่าไรก็ไม่พอ สมชื่อ Reserve กระเป๋าเอย ร่มเอย เสื้อโค้ท วางจองกันเพียบ!! ไม่ใช่อะไรหรอก ต่อแถวซื้อกาแฟแต่ละที รอนานมากกกก

ใครได้กาแฟก็ลองออกไปนั่งข้างนอกก็ (ร้อน) ดี มีซากุระริมคลองให้ชมในมุมสูง

ไปเดินเล่นย่าน Shimokitazawa เป็นย่านน่ารักในโตเกียว สาวๆ คงจะชอบ เพราะมีร้านค้าเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่มาก กลิ่นอายวินเทจลอยมาเตะจมูกทันที

สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ที่นี่ เป็นของมือสองที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี เผลอๆ อาจจะเจอแบรนด์เนมราคาถูกก็ได้นะ ที่สำคัญเลยคือราคาไม่แพง แต่ได้สินค้าที่ดีและมีคุณภาพ เพราะไม่ใช่ของเหลือทิ้งแต่เป็นของที่ดี ที่คนต้องการส่งต่อเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อน

ที่ย่านนี้ ก็ถือเป็นแหล่งที่มีมุมถ่ายภาพสวยๆ ชิคๆ เยอะมากที่สุด ด้วยอาคารต่างๆ ที่อยู่ตรงกลางของการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมยุคเก่าและยุคใหม่ การดีไซน์การตกแต่งทั้งหน้าร้านและภายในที่ดูเก๋

จากนั้น จับรถไฟไปต่อกันที่เมืองใหม่โอไดบะ เป็นย่านเกิดใหม่ที่ถมทะเลแล้วสร้างเมืองขึ้นมา แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าคือที่ไหน นึกถึงกันดั้มไว้แล้วจะร้อง อ๋อออ เอง

ที่นี่ มีจุดถ่ายรูปนอกจากกันดั้ม สะพานสายรุ้ง ฟูจิทีวี เทพีเสรีภาพแล้ว ยังมี The SOHO เป็นอาคารสำนักงานสีสันสดใส เหมาะแก่การถ่ายรูปไปลง IG มาก

การเดินทาง ไปเริ่มต้นจากสถานี Shimabashi ก็ได้ครับ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายรุ้งหรือสาย Yurikamone เป็นรถไฟที่ไม่มีคนขับ ไปลงที่สถานี Fune-no-Kagakuken จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงที่ The SOHO

พอไปถึงอาจจะรอให้มีคนเข้าออกอาคารถึงจะตามเข้าไปแจมได้ เพราะประตูจะเปิดด้วยคีย์การ์ดเท่านั้น

ไม่ไกลจากโอไดบะ ก็จะมี teamLab Planets TOKYO ซึ่งจะเป็นคนละแห่งกับ teamLab Borderless / チームラボボーダレス นะครับ แต่อยู่ย่านเดียวกัน

เป็นนิทรรศการศิลปะแบบดิจิตอล ที่ดีเทลอาจจะแตกต่างกันไป ส่วนตัวเคยไปที่ Borderless มาแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นที่นี่บ้าง

คอนเซ็ปต์ของ teamLab Planets TOKYO คือ Body Immersive หรือการที่ให้เราเอาตัวไปคลุกคลีมีส่วนร่วมกับงานศิลปะ

บริเวณทางเข้าจะมีวีดีโอบอกไว้เลยว่า ต้องถอดรองเท้า ใส่กางเกงขาสั้น หากใครใส่ขายาวมาต้องพับขาขึ้น หรือใครจะยืมกางเกงขาสั้นมาเปลี่ยนก็ได้ มีให้บริการ ส่วนใครที่ใส่กระโปรงมา ต้องระวังรถดับเพลิงมา เพราะว่าที่พื้นเต็มไปด้วยกระจก ดังนั้น ชาวบ้านเขาจะมองเห็น กกน. เธอนะจ๊ะ อันนี้มาจากวีดีโอเตือนก่อนเข้าจริงๆ นะ

เส้นทางใน teamLab Planets TOKYO จะคล้ายกับเล่นเกมตะลุยด่าน

เริ่มจาก ห้องที่ก้าวลงไปบนพื้น แล้วยวบไปตามน้ำหนัก เหมือนดูดวิญญาณเราทันที กว่าจะฝ่าออกจากห้องนี้ไปได้ขอบอกว่าเหนื่อยมาก

มี “ห้องกระจก” ที่เป็นกระจกในทุกองศาที่เอามาเล่นกับเส้นไฟสะท้อนมิติ สวยดีครับ

มี “ห้องทะเลสาบ” ที่เมื่อเข้าไปจะเจอบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีการการฉายภาพปลาคาร์พและดอกไม้สีสดใสลงบนผิวน้ำ ให้เราไล่จับเล่น

มีห้องฉายภาพดอกไม้ในโดม ดูลายตา แต่สวยดี ถ่ายรูปยากไปหน่อย

ห้องลูกบอลยักษ์ก็สวยดีครับ แอบมึนๆ เวลามีคนผลักบอลกระแทกหน้า แต่ว่าก็สนุกดี ลองไปแวะเล่นกันดูนะครับ บัตรแอบแพงเล็กน้อย

วันต่อมาไปเดินเล่นที่ศาลเจ้าเมจิ ย่านฮาราจูกุ สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวและคนญี่ปุ่น

พอลงจากรถไฟข้ามสะพานมา ก่อนจะเลี้ยวขวาเป็นประตูวัด มองมาทางซ้ายมือจะเจอร้านกาแฟ สไตล์จังเกิ้ลคราฟท์ เก๋ๆ สามารถสั่งกาแฟแล้วมานั่งดูคนเข้าออกศาลเจ้าได้ พักขากันสักหน่อย

บรรยกาศช่วงนี้จัดว่าดีมาก เย็นสบาย มีแดดอ่อนๆ พอให้อบอุ่นหัวใจ

Free HUGS ก็มา

กด 1 ชิบูย่า
กด 2 ฮาราจูกุ

จาก ฮาราจูกุ เดินเล่นต่อมายัง Omotesando ย่านของคนรวยๆ เก๋ๆ เดินเลี้ยวเข้ามาที่ Cat Street เพื่อที่จะกิน Luke’s Lobster เดี๋ยวนี้มีหลายสาขา คนเลยซาลงไปบ้าง สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง แต่ราคาก็เป็นอย่างที่หลายคนบ่นกันว่า “แพง”

เดินเลยมาถ่ายรูปต่อที่ Tokyu Plaza Omotesando Harajuku เป็นมุมใหม่ของสาย IG มีความสะท้อนของกระจกเงา ลองสลับกันถ่ายกับเพื่อนดูนะครับ สวยดี

นั่งรถไฟต่อมาสั้นๆ มาเดินเล่นย่านชินจูกุ แต่ห้างที่ชอบมากคือ NEWoMan Shinjuku เป็นห้างใหม่ล่าสุดของย่านนี้ มีร้านรวงเก๋ๆ เพียบ เหมือนคัดมาแล้วว่าดี

ของเด็ดของดีที่ NEWOMAN คือร้านกาแฟขวดสีฟ้า ร้านโปรดของผม Blue Bottle Coffee Japan สาขา NEWOMAN คนเยอะมากกกกก จนต้องซื้อเมล็ดไปบดกินเองที่บ้าน เป็นสาขาที่คนเยอะพอๆ กับ AOYAMA และ Omotesando ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยว เพราะร้านนี้สายมินิมอล อัพ IG สวยดี

เย็นๆ ไปเดินเล่นดูแสงสีที่ชิบูย่า ตรงห้าแยกยังคนเยอะเหมือนเดิม หลังๆ เริ่มที่เทรนด์อะไรแปลกประหลาดเข้ามาเรื่อยๆ

โตเกียวยังคงเป็นเมืองที่มีสีสันเสมอครับ ไม่ว่าจะมาเดือนไหน ส่วนตัวมาแทบทุกเดือน เพราะชอบในความเป็นโตเกียวเป็นพิเศษ เที่ยวแล้วก็อุ่นใจ หนีความวุ่นวายจากกรุงเทพ มาเจอความวุ่นวายกว่าที่โตเกียว 555

อ่านจบ กดแชร์ กดไลค์ ให้ด้วยนะครับ จะได้มีกำลังใจมาเที่ยว เอ๊ยยย มาทำรีวิวต่อ

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน