GREEN LIFE
รวมพื้นที่สีเขียวสบายๆ ใจกลางกรุง
__________________________________
Green life is the perhaps really tells of we are a newfound talent for living together to protect the global environment.
.
คุณรู้ไหมครับ
.
กรุงเทพมหานคร เมืองที่มีแต่ตึก และความแออัดจนกลายเป็นป่าคอนกรีต ทำให้ผู้คนโหยหาสีเขียวให้มาเติมเต็มให้กับชีวิต
.
ในความเป็นจริงแล้ว กทม. มีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ยไม่ถึง 6 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งต่ำกว่าอัตราค่าเฉลี่ยขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่าอย่างน้อย 9 ตารางเมตรต่อคน ส่งผลต่อดัชนีเรื่องพื้นที่ชี้วัดความน่าอยู่ ซึ่งมีเกณฑ์เรื่องพื้นที่สีเขียว เป็นตัวสร้างสรรค์ให้เมืองมีชีวิตชีวาสำหรับผู้คน
.
ไม่นับว่า สภาพความเป็นอยู่ที่ไม่อาจจะไม่เอื้ออำนวยเท่าไร อาจทำให้เราหลายคน ลืมที่จะสนใจในเรื่องนี้
.
แค่ตอนเช้านั่งรถไฟฟ้าไปทำงาน กลับบ้านมาก็ดึกดื่น จะเอาเวลาที่ไหนไปสูดอากาศบริสุทธิ์ได้
.
ว่าไหมครับ
.
เอาแบบนี้ดีไหมกานต์ช่วยลิสต์พื้นที่สีเขียวหลากหลายสไตล์ในแนวรถไฟฟ้า BTS ไว้ให้ เผื่อเป็นไอเดียในวันสบายๆ สำหรับใครที่ต้องการไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ เอาแบบเดินทางง่าย ปล่อยตัวปล่อยใจไปอยู่กับพื้นที่สีเขียวกลางกรุงกันดูบ้างครับ
.
เริ่มจากแถวย่านที่กานต์อยู่ครับ คือฝั่งธน แล้วค่อยวนเข้าไปในเมือง
.
บางหว้าเมล่อนฟาร์ม – สถานีบางหว้า
Quartier Water Garden – สถานีพร้อมพงษ์
Naiipa Art Complex – สถานีพระโขนง
อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ – สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
.
เรียกได้ว่า ภายใน 1 วัน เราสามารถอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ตามเส้นทางรถไฟฟ้า BTS ได้ แถมในขบวนรถตอนนี้ยังติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ Plasmacluster จาก SHARP เอาไว้ให้ด้วย ช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ สูดลมหายใจได้สดชื่นเต็มปอดเลยครับ
.
ถ้าพร้อมแล้ว เรานั่ง BTS ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ
.
#BTS#SHARP#SHARPTHAI#SHARPPLASMACLUSTER
—
Being green is more than just buying ‘eco’. It is an unshakable commitment to a sustainable lifestyle.
#BTS#SHARP#SHARPTHAI#SHARPPLASMACLUSTER
“กรีนไลฟ์” (GREEN LIFE) เป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่ยึดถึงความเชื่อและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ลดการบริโภค การใช้ทรัพยากรธรรมให้น้อยลง ลดการสร้างของเสียมีพิษ และเพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างอากาศบริสุทธิ์ เติมธรรมชาติให้กับชีวิตของเรา
Location : โครงการ Naiipa Art Complex ในป่า อาร์ท คอมเพลกส์ – สถานีพระโขนง
ปัจจุบันรถไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญมากในการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ครับ เพราะรถติดมากกกกกก โดยเฉพาะย่านที่ผมอยู่คือจากฝั่งธน จะเข้าเมืองครับ
ข้อดีคือ เป็นการโดยสารสาธารณะที่เอื้อประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก ทำให้คล่องตัวมากในการเดินทาง สามารถกะเวลาได้ค่อนข้างแม่นยำ ไม่พลาดในการนัดหมาย หรือคำนวณได้ หากจะต้องมีการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ เพิ่มเติม
อย่างวันนี้เราจะเริ่มโดยสารรถไฟฟ้า BTS ไปเที่ยวตามพื้นที่สีเขียวที่เดินทางได้ง่ายโดยใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก
นั่งจากสถานีสะพานตากสิน ย้อนไปยังสถานีปลายทาง “บางหว้า”
กานต์ชวนมาสัมผัสธรรมชาติใกล้กรุงที่ “ฟาร์มเมล่อนบางหว้า” นั่งรถไฟฟ้า BTS มาได้ใกล้นิดเดียว
บางหว้าเมล่อนฟาร์ม Bang Wa Melon • บางหว้าเมล่อน เกิดจากความรัก ความทุ่มเทเอาใจใส่และสนใจในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพี่โหน่ง – ศราวุธ จันทะพรหม เจ้าของฟาร์มและเป็นผู้เขียนหนังสือ “ปลูกเมล่อนในโรงเรือน”
ที่นี่จึงมีไฮไลท์เป็นโรงเรือนเมล่อน มีกรงเลี้ยงไก่ บ่อเลี้ยงปลา แปลงผัก ผลไม้ปลอดสาร และแปรรูปมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายดีครับ
แต่ละวันมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมโรงเรือนเมล่อน มาพูดคุย มาถ่ายรูป มาซื้อเมล่อน อย่างต่อเนื่อง เพราะเดินทางมาง่าย ลงรถไฟฟ้าสถานีบางหว้าแล้วเดินมาประมาณ 10 นาทีก็ถึง หรือจะต่อแท๊กซี่มาก็ได้ครับ
ภายในโรงเรือน นอกจากจะเป็นระบบปิดแล้ว ยังมีการคลุมด้วยพลาสติกอีกที เพื่อกันลม กันนก กันแมลง และให้ได้เมล่อนที่มีคุณภาพ ปลอดสาร ซึ่งที่นี่สามารถพัฒนาพันธุ์เมล่อนให้มีรสหวานเป็นเอกลักษณ์ ลูกโต ลายสวยและปลูกได้มากถึง 4 ครั้งต่อปี
ที่นี่ยังมีแปลงผักปลอดสารด้วยครับ น่าเสียดาย ช่วงที่ไป เพลี้ยลง ผักไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่ก็การันตีได้ถึงความเป็นออร์แกนิคครับ
เป็นฟาร์มเมล่อนกลางกรุงเทพมหานครที่น่ามาแวะชม ชิมและช้อปเป็นอย่างมากครับ
จากสถานีบางหว้า กานต์จะพาเข้าสู่ใจกลางเมืองกันบ้างครับ กรุงเทพมหานคร แทบจะได้ชื่อว่าเป็นป่าคอนกรีต อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว และเราเคยตื่นตัวกันเป็นพักๆ เรื่อง PM 2.5 แต่ว่าตอนนี้ก็เงียบๆ หายไป
ทั้งๆ ที่ควรป้องกันไว้ตลอดเวลาน่าจะดีที่สุด โดยเฉพาะคนที่สัญจรอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ตลอดเวลา
ที่สถานีช่องนนทรี มี SHOP ของ SHARP ด้วยครับ ซึ่งโดดเด่นเรื่องความเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศ ด้วยเทคโนโลยี Plasmacluster เพื่อสร้างความบริสุทธิ์ภายในบ้าน อาคารสำนักงาน
นั่งรถไฟฟ้า BTS มาต่อกันที่สถานีพร้อมพงษ์ หรือ M District ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า The EmQuartier
ห้างที่ออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติโดยมีสีเขียวแซมตัวอาคารสีขาวครีม ทำให้เกิดเสน่ห์ของธรรมชาติที่สอดประสานไปกับความงามของสถาปัตยกรรม จนกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ เอ็มควอเทียร์ แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าทั่วไป และกลายเป็นโมเดลในการออกแบบอาคารที่สอดรับกับกระแสสังคมที่มองหาความงามของธรรมชาติใจกลางเมืองในปัจจุบัน
เมื่อเข้ามาในอาคาร The Helix บริเวณทางขึ้นไปยังสวนลอยฟ้าจะประดับด้วยแชนเดอร์เลียต้นไม้ (Rainforest Chandelier) ประดับด้วยต้นไม้กว่า 65 สายพันธุ์ ทิ้งตัวยาวลงมากว่า 100 เมตร เป็นฝีมือการออกแบบของ แพทริก บลังก์ (Patrick Blanc) นักพฤกษศาสตร์ระดับโลกชาวฝรั่งเศส เส้นโค้งของแชนเดอร์เลียจะสอดรับไปกับสถาปัตยกรรมภายในของอาคารที่มีลักษณะโค้งรับกันขึ้นไปเป็นวงรี
การมีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนลอยฟ้า ทำให้คนมาเดินห้างอย่างเรารู้สึกว่าไม่แห้ง ดูมีชีวิตชีวาดี เพราะสวนที่นี่มีลักษณะเปิดโล่งให้ความรู้สึกสบาย มองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้ในหลากหลายมุมมอง จึงเหมาะสำหรับคนที่เหนื่อยล้าจากการช้อปปิ้งหรือทำงาน ก็สามารถมานั่งพักผ่อนที่นี่ได้ ไม่เสียเงินครับ นับเป็นห้างที่รวมบรรยากาศธรรมชาติและความทันสมัยได้กลมกลืนทีเดียว
สวนลอยฟ้าแห่งนี้ได้รับการรับรองจากกรุงเทพฯ ด้าน CLEAN AND GREEN ด้วย
เดินข้ามสะพาน WINDING BRIDGE เพื่อจะลอดซุ้มต้นไม้ เพื่อออกไปยังบริเวณขอบอาคาร เพื่อชมวิวมุมสูงของกรุงเทพฯ เป็น Concept จากป่าสู่เมือง
มีพื้นที่ด้านนอกให้นั่งรับลมและชมวิวกรุงเทพฯ เย็นๆ
ฝั่งตรงข้ามเป็นห้างพี่น้องกันอย่าง The Emporium และมองขยับไปทางด้านขวาจะเห็นสวนเบญจสิริ
ตรงจุดนี้เรียกว่า THE ENCHANTED POND เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา สามารถมองเห็นสีเขียวจากสวนเบญจสิริ
บริเวณนี้จะมีเสียงน้ำไหลดังเอื่อยๆ มาจากบ่อน้ำเพิ่มความสดชื่นขึ้นไปอีก เป็นพื้นที่อันซีน ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนครับ
โซน BAMBOO PAVILLION เป็นลานเอนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่างๆ และในวันว่างๆ ก็จะมีเบาะ สตูล และโต๊ะเตี้ย มาวางไว้ให้ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ดูเนตฟลิกซ์เบาๆ ที่นี่ได้ครับ
QUARTIER WATER GARDEN นับเป็นความแปลกและแตกต่างในการเป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า เพราะใส่ใจในธรรมชาติ ช่วยลดโลกร้อน ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อสร้างโอโซนให้กับบรรยากาศ ลดความร้อนภายในอาคาร
จะเห็นว่า พื้นที่ที่ไม่มีสีเขียวของป่าไม้ กลายเป็นความแห้งแล้งมืดมน จนทำให้รู้สึกว่า คุณภาพชีวิตของเราหดหู่ ดูแล้วไม่สดชื่น หากขาดอากาศบริสุทธิ์สดใส
นั่งรถไฟฟ้า BTS ต่อไปยังสถานีพระโขนงกันบ้างครับ อยู่ในซอยสุขุมวิท 46 สามารถเดินเข้ามาจาก BTS พระโขนงได้ในระยะประมาณ 100 เมตร เท่านั้นเอง
เราจะเจอกับในป่า อาร์ท คอมเพล็กส์ (Naiipa Art Complex) เป็นพื้นที่สำหรับให้เช่าทำออฟฟิศ ห้องประชุม Co-working space หรือร้านค้า เปิดมาได้สักพักแล้วครับ ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสายรักธรรมชาติ เพราะเป็นพื้นที่สีเขียวที่เดินทางมาง่าย เหมาะแก่การพักผ่อนในวันสบายๆ ครับ
อาคารที่นี่ออกแบบตกแต่งโดยใช้วัสดุหลักคือโครงเหล็กสีดำและกระจกใส โดยมีต้นไม้สีเขียวคอยคุมโทน ทำให้ถ่ายรูปออกมาค่อนข้างสวยครับ
ภายในมีไฮไลท์คือร้านกาแฟสุดชิลล์ ไล-บรา-รี่ เปิดให้บริการด้วยครับ สามารถมานั่งจิบกาแฟท่ามกลางต้นไม้สีเขียวธรรมชาติกลางกรุงได้ ด้านในร้านเป็นห้องแอร์ แต่ที่นั่งมีไม่เยอะ สามารถมานั่งรับลมธรรมชาติได้ด้านนอกครับ
อย่าลืมสั่งวาฟเฟิล Signature ของทางร้านมาทานคู่กับกาแฟดีๆ สักแก้วนะครับ
โครงการ ในป่า อาร์ท คอมเพล็กส์ จึงเป็นคอมมูนิตี้ของคนที่ชอบถ่ายรูป รักธรรมชาติ หลงใหลในบรรยากาศสบายๆ ใจกลางกรุง ซึ่งย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่เราต้องแข่งขันสูง
การได้หนีออกมาอยู่เงียบๆ กับพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติสามารถเดินทางมาได้ ไม่ไกลนัก จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ
เย็นๆ นั่งรถไฟฟ้า BTS ย้อนกลับไปทางสถานีสยาม ก่อนจะเปลี่ยนสายเพื่อไปยังสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ
ด้านล่างรถติดพอสมควร ฝุ่นควันก็เยอะตามไปด้วยครับ
ดีที่นั่ง BTS มา เพราะว่าตอนนี้ รถไฟฟ้าได้ติดตั้งระบบฟอกอากาศเทคโนโลยี Plasmacluster จาก SHARP เรียบร้อยแล้ว
ซึ่ง Plasmacluster ที่ SHARP คิดค้นมานั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต่อต้านสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และกำจัดกลิ่น ทำให้เราสามารถหนีฝุ่นละออง ควันและมลพิษ เข้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ใน BTS ได้อย่างสดชื่นสบายใจ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในการติดตั้งระบบฟอกอากาศ SHARP Plasmacluster บนรถไฟฟ้าโดยสาร
รถไฟฟ้าขบวนที่ติดตั้งระบบฟอกอากาศแล้ว สามารถดูได้ที่ป้ายดิจิทัล และภายในขบวนรถ “รถไฟฟ้าขบวนนี้ติดตั้งระบบฟอกอากาศชาร์ปพลาสม่าคลัสเตอร์” ครับ
ระหว่างที่เดินต่อมาจากรถไฟฟ้า กานต์ชอบภาพนี้ครับ รู้สึกเรียลดีถึงความเป็นชีวิตคนเมืองที่ต้องบาลานซ์ ระหว่าง เทคโนโลยีกับธรรมชาติ และสามารถอยู่ร่วมกับมันได้อย่างมีความสุข
ช่วงเย็นวันสบายๆ มาที่ Chulalongkorn University Centenary Park หรืออุทยาน 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นที่กว่า 29 ไร่ อยู่ติดกับ I’m park จุฬาฯ เดินมาจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติได้เรื่อยๆ ครับ
กานต์ชอบไอเดียของการออกแบบสวนแห่งนี้ครับโดยมีแนวคิดในการออกแบบคือต้องการให้ “อุทยานจุฬาฯ 100 ปี เป็นดั่งรากจามจุรี” ซึ่งเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำจุฬาฯ และยังแผ่ความร่มเงาและความเขียวชะอุ่มของพืชพรรณจากจุฬาไปยังชุมชนเมืองด้วย
สีเขียวของธรรมชาติจะช่วยทำให้เมืองที่เป็นป่าคอนกรีตกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ อุทยานจุฬาฯ 100 ปี ยังมีอีกหนึ่งหน้าที่ในการกักเก็บน้ำทุกหยดไว้ใช้ในอนาคต ผ่านการออกแบบให้สวนถูกยกขึ้นจนลาดเอียงเพื่อให้น้ำฝนไหลมารวมกันที่สระน้ำด้านหน้า โดยมีต้นไม้และสนามหญ้าช่วยดูดซับน้ำ
เห็นหลายบ้าน พาเด็กๆ มาวิ่งเล่นกลางสนามหญ้าที่สวนแห่งนี้ เป็นภาพที่น่ารักดีครับ เพราะนับวัน เรายิ่งได้สัมผัสกับธรรมชาติในเมืองน้อยลงทุกที
เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ท่ามกลางสีเขียวของต้นไม้ ตัดสลับกับสีส้มของพระอาทิตย์ยามเย็น จึงเป็นบรรยากาศที่งดงามมากใจกลางกรุงแห่งนี้
อีกไอเดียที่ชอบคือการทำให้อุทยาน กลายเป็นห้องเรียนกลางแจ้งสำหรับชาวจุฬาฯ และบุคคลทั่วไป เราจึงได้เห็นพื้นที่สาธารณะแห่งนี้ คอยทำหน้าที่ต้อนรับหลายคนที่มาแวะเวียน ไม่ว่าจะเป็นการมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ มาออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมภายในครอบครัว หรือแม้แต่คนชอบถ่ายรูป ก็มักชวนกันมาที่นี่ เพราะออกแบบได้สวยดีมากๆ ครับ
เหมือนที่กานต์กำลังชวนทุกท่านอยู่ในตอนนี้ยังไงล่ะครับ
ด้านในสุดเป็นอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่คล้ายกับเนินดินยกสูงขึ้นมาเป็นหลังคา green roof ที่มีโครงสร้างไร้เสาที่ยาว 40 เมตร ออกแบบในดีไซน์ไทยร่วมสมัย สะท้อนเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมไทย ด้านในเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมและนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของจุฬาลงกรณ์และรัชกาลที่ 9
อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อมอบเป็น “ของขวัญอันยิ่งใหญ่ให้สังคม”
เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ที่สะอาด บริสุทธิ์ สดชื่นครับ