Please Do Not Disturb, I’m Sleeping … and even if I’m awake I probably don’t want to see you.
.
ทริปนี้กานต์ระเห็จลงใต้ไปที่ภูเก็ต พร้อมเพลงเด็ด จากพี่ป้อม-อัสนี โชติกุล
.
“ไม่อยากจะเจอหน้าใคร ไม่มีแก่ใจพบคน หนักใจเหลือทน ทุกครั้งที่พบใคร จะตอบยังไงเขาดี เวลาที่คนถามไถ่ ว่าเธอหายไป ทำไมไม่เห็นเธอ เจ็บใจที่ต้องคอยตอบ ว่าเธอนั้นมีคนใหม่ … “
.
ระหว่างที่นั่งเรือจากท่าเรืออ่าวปอแกรนด์มารีน่า ผมฮัมเพลงนี้มาด้วย โดยมีคลื่นกระเซ็นทำเป็นน้ำตาเทียม
.
ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เพลงจบท่อนสุดท้ายพอดี เรือของรีสอร์ตก็พาผมก็มาถึงที่ The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa, Phuket เกาะไม่ลับฉบับที่ใครมาภูเก็ตควรแวะมาพัก เพราะว่า มีความเป็นส่วนตัวสูงดีในแบบที่ไม่ต้องลำบากนั่งเรือทีละ 2-3 ชั่วโมง
.
One of the most magical places on Earth is a small island in the ANdaman called The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa. With brilliant beaches, warm water, and lush vegetation, this tiny green swath of land is my idea of paradise.
.
ผมอยากจะให้นิยามจำกัดความที่พักของผมในทริปนี้ไว้แบบนี้ เป็น 1 ในสถานที่ที่วิเศษที่สุดในโลก ด้วยความที่เกาะมีขนาดไม่ใหญ่ในทะเลแถบอันดามัน ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก หรูหราด้วยวิลล่าน้อยใหญ่ สวยงามไปด้วยชายหาดขาว ตัดสลับกับสีฟ้าของน้ำทะเล และสีเขียวของพืชพรรณอันชอุ่มบนที่ดินผืนเล็กๆ แห่งนี้
.
ผมอยากจะเรียกว่า “ที่นี่คือสวรรค์” และคิดว่ามันคงมีความสุขมากพอที่จะทำให้เรา ลืมเรื่องราวต่างๆ ทุกข์ร้อนต่างๆ ที่หอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯ เสียหมดสิ้น
.
คนมาทะเล ถ้าไม่หนีร้อน … ก็หนีรัก
.
แล้วคุณล่ะครับ??
.
/ the journalist /
LEISURE TRAVEL x HOTEL LIFESTYLE
.
fanpage : https://www.facebook.com/kantjournal
website : https://www.kantjournal.com
twitter : https://twitter.com/kantjournal
instagram : https://www.instagram.com/kantjournal
soundcloud : https://www.soundcloud.com/kantjournal
podbean : https://www.podbean.com/kantjournal
.
#TheNakaIsland#Aluxurycollection
#KANT#KΔNT#leisuretravel#hotellifestyle
#journalisttravel#luxurytravel
#ท่องเที่ยวพักผ่อน#ชอบนอนโรงแรมสวย
—
The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket
32 Moo 5, Tambol Paklok, Amphur Thalang, Naka Yai Island, Phuket 83110 Thailand
+66 76 371 400
Travel is seeking the lost paradise. It is the supreme illusion of love.
ทุกวันนี้เราต่างหลงใหลในการเดินทางไปเสียแล้ว
ภาพมุมสูงที่ไล่เรียงมาให้เห็นภาพรวม ตั้งแต่ท่าเรือ เรือมาจนถึงพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นวิลล่าต่างๆ
มีความตัดสลับกันของสีฟ้าของน้ำ สีเขียวของต้นไม้ แซมด้วยสีน้ำตาลของวิลล่า กลมกลืนกันดีมากครับ
ก่อนหน้านี้ The Naka Island ใช้แบรนด์ Six Senses ซึ่งเป็นเชนโรงแรมที่ออกแบบมาโดยให้ความสำคัญกับเรื่องการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติมาเป็นเรื่องแรก จากนั้นก็รีแบรนด์ มาเป็น A Luxury Collection ในสังกัดของ SPG ก่อนที่ Marriott จะมาเทคเข้าพอร์ตไป แต่ก็ยังมีกลิ่นไอของธรรมชาติและความหรูหราอยู่เต็มเปี่ยม
ภาพแบบนี้เราจะได้เห็นกันจนชินตา ถ้าพักรีสอร์ทที่นี่ เพราะว่าจะมีชาวบ้าน ชาวประมง ออกหาปลากันแต่เช้า ยาวไปจนถึงอ่าวพังงา
1 ชั่วโมงนั่งเครื่องลงใต้ไปภูเก็ต ต่อรถจากสนามบินอีก 30 นาทีไปที่ท่าเรืออ่าวปอ แกรนด์มารีน่า แล้วขึ้นเรือของรีสอร์ทไปอีก 5 นาที จะเจอกับสวรรค์บนเกาะนาคา
ตามมาพักผ่อน นอนโรงแรมสวยๆ ที่ภูเก็ตด้วยกันนะครับ
เรือจะมีเป็นรอบๆ ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง บนฝั่งจะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทรอต้อนรับอยู่ครับ จากนั้นจะพาขึ้นเรือ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ต่อด้วยรถบัคกี้อีก 1 นาที ก็จะถึงอีกโลกหนึ่งของความสุข
หาดสวยงามมากครับ ต้นไม้ร่มรื่นมาก ผมชอบสีเขียวของต้นไม้ ที่ตัดกันกันสีขาวขุ่นของหาดทราย ทักทายเราด้วยแดดจ้าๆ ท้องฟ้าและท้องทะเล
“มีเพียงแค่หาดทราย สายลม กับสองเรา” เหมือนที่เพลงพี่เบิร์ดว่า จริงๆ ครับ
เมื่อมาถึงจะยังไม่ได้เช็คอิน จะมีเวลคัมดริงก์น้ำใบเตยมาให้ก่อนครับ จากนั้น ก็จะต้องลั่นฆ้อง 2 ครั้งเป็นธรรมเนียม ว่า ต้องรายงานต่อพญานาคที่ปกปักดูแล เกาะนาคาได้รับทราบว่าเรามาถึงแล้ว โดยอีกความหมาย เป็นการแสดงความเคารพ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั่นเอง
จากนั้น ก็เข้าเช็คอินที่ล็อบบี้ ซึ่งเป็นด่านต่อไป อยู่บริเวณด้านหน้าเกาะเลยครับ เป็นพื้นที่รับรองแขกที่จะเช็คอินและเช็คเอ้าท์
ด้านในไม่ร้อนครับ ติดแอร์เย็นสบาย ตกแต่งในสไตล์ที่เรียบหรู ใช้วัสดุจากธรรมชาติ ไม้ ผ้า เป็นหลัก แต่หากมองไปด้านนอกจะเห็นวิวทะเล ร่มรื่นดีครับ
จากนั้นพนักงาน ขับรถบัคกี้ มาส่งที่บ้านพักครับ แต่ละวิลล่าก็จะมีวิวแตกต่างกันไป แต่หากจะให้ได้วิวที่ดีที่สุดต้องวิลล่าหมายเลข 47 เพราะจะเห็นวิวอ่าวพังงา ในระยะและมุมมองที่สวยที่สุดครับ
เปิดประตูวิลล่าไปก็จะพบกับวิวทะเลสีฟ้าเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติสีเขียว ที่กลมกลืนกันดี
วิลล่าที่กานต์พักเป็นประเภท Seaview Pool Villa ซึ่งมีอยู่ 25 หลัง ผมพักวิลล่า 47 ซึ่งวิวดีที่สุด (อย่าลืมรีเควสพนักงาน)
ลักษณะวิลล่าค่อนข้างโปร่งด้วย หลังคายกสูง ตัววิลล่าเป็นปูนเปลือยให้อารมณ์คล้ายบ้านดิน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตัววิลล่าแยกฟังก์ชั่นการใช้งานได้ดี มีพูลอยู่หน้าวิลล่าพร้อมศาลานั่งเล่น และเดย์เบด ส่วนด้านหลังเป็นห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ มุมแต่งตัวและอ่างแช่น้ำ เราสามารถเดินออกจากห้องนอนเพื่อเข้าห้องน้ำ หรือถ้าตัวเปียกๆ จะเดินจากด้านข้างก็ได้ครับ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมาก
ในตัววิลล่าให้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก กานต์ใช้เวลาแทบทั้งหมดพักผ่อนในตัววิลล่าแทบจะไม่ต้องออกไปไหนเลย สั่งอะไรเย็นๆ มานั่งดื่มอะไรแล้วมองวิวเพลินๆ อ่านหนังสือ หรือเล่นน้ำก็สบายใจแล้วครับ
ภายในวิลล่า ดูเรียบหรู ด้วยวัสดุที่ใช้ในการออกแบบตกแต่ง โทนสีที่ใช้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ สีขาวข่นเป็นสีของผนังห้อง และใช้สีน้ำตาลของไม้เป็นหลังคา และเฟอร์นิเจอร์ ห้องพักกว้างมาก มีพื้นที่ใช้สอยในห้องนอนเยอะ ฟังก็ชั่นหลากหลาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เตียงนอนหันหน้าออกทะเลครับ มันจึงเป็นความรู้สึกที่ดีมาก หากได้ตื่นมาแล้วเห็นวิวทะเลเต็มตาในทุกๆ เช้า
ส่วนตัวกานต์ชอบมุมนี้ครับ มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ ให้ลมทะเลพัดไอเย็นสลับร้อนระหว่างนอนพักผ่อนอยู่บนเดย์เบดริมสระ
ดูวิวทะเลนั่นสิครับ สวยงามมากๆ เป็นของขวัญที่ธรรมชาติสรรสร้างมาให้เรา
มุมศาลาริมเลข้างวิลล่าก็เก๋ดีครับ ผมใช้เวลาอยู่ด้านนอกตลอดทั้งวัน บางทีเราก็เบื่อแอร์คอนดิชั่นแล้วอยากได้ลมเลพัดบ้าง
“Existence is a priceless gift and the beauties of nature are the priceless gifts of the existence!”
Free Mini Bar
Amenity ของที่นี่ใช้ของ THANN ซึ่งเป็นแบรนด์โปรดของกานต์อยู่แล้วครับ ด้วยความที่ชอบกลิ่นตะไคร้ อย่างบอดี้โลชั่นนี่ผมจะมีติดบ้านไว้เลย
ส่วนของห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวก็สวยหรูครับ แยก 2 อ่าง จะได้ล้างหน้าพร้อมกัน
มุมอาบน้ำจะมีทั้งด้านใน ซึ่งห้องน้ำเรียบมาก แต่ผมชอบ ไม่ต้องตกแต่งให้หรูหราจนไม่กล้าใช้ แต่ต้องออกแบบให้มีความรู้สึกเป็นส่วนตัว
ส่วนด้านนอกเป็นฝักบัว อาบได้เหมือนกัน ไว้เปลี่ยนบรรยากาศครับ
ถัดจากห้องน้ำและเป็นกระโจมที่มีอ่างอาบน้ำอยู่ด้านใน ชอบฟีลแบบนี้ มีสปาร์กกลิ้งไวน์สักแก้ว แช่น้ำอุ่นๆ กลิ่นอโรม่าหอมๆ
ยอมใจรีสอร์ทนี้จริงๆ ครับ
ถัดจากห้องน้ำและเป็นกระโจมที่มีอ่างอาบน้ำอยู่ด้านใน ชอบฟีลแบบนี้ มีสปาร์กกลิ้งไวน์สักแก้ว แช่น้ำอุ่นๆ กลิ่นอโรม่าหอมๆ
ยอมใจรีสอร์ทนี้จริงๆ ครับ
ข้างบ้านผมเป็น Z Bar ครับ ที่อยู่ติดกันเพราะเป็นวิวที่มุมสวยที่สุดนั่นเอง Z Bar จะเปิดโล่งไม่มีแอร์ เน้นสัมผัสธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริงสามารถมาจิบเครื่องดื่มชมพระอาทิตย์ตกได้ที่นี่
Enjoy Sunset กับเครื่องดื่ม signature cocktails ทั้ง 3 ตัวที่น่าสนใจ อย่างที่เห็นจะเป็น The Last Cocktail (Luxury Collection Signature), Vada Gimlet (Luxury Collection Thailand) และ
Naka Coco Rum (Naka Island Signature)
Z Bar เปิดตั้งแต่บ่ายสามจนถึงเที่ยงคืน ที่นี่จะเน้นเสิร์ฟเครื่องดื่ม ค็อกเทลและของว่างพวกทาปาซ สั่งอาหารทานได้เหมือนกัน อย่างเมนู Endless Tapas ที่นำอาหารทะเลมาฟิวส์ชั่นก็น่าสนใจ ที่นี่ชิลมากในช่วงพระอาทิตย์ตก แนะนำให้จองโต๊ะไว้ก่อนครับ
มื้อค่ำ ดินเนอร์ที่ my grill เปิดตอนหกโมงเย็นถึงสี่ทุ่มครึ่ง เป็นหนึ่งใน 2 ห้องอาหาร แต่ my grill จะมีมุมไพรเวทที่เหมาะกับการดินเนอร์ร่วมกับคนพิเศษครับ เป็นห้องอาหารริมทะเลเปิดโล่งโปร่งสบาย
ที่ห้องอาหาร my grill หากเป็นที่นั่งด้านนอกซึ่งโอบล้อมด้วยสายน้ำและวิวทะเล อาจจะต้องจองที่นั่งล่วงหน้าสำหรับแขกที่เข้าพัก เพราะมีแค่ 4 โต๊ะเท่านั้น
my grill เป็นห้องอาหารที่ เน้นเสิร์ฟพวกปิ้ง ย่าง ตามชื่อเลยครับ มีสลัดและอาหารยุโรปบ้าง แต่จานใหญ่พอสมควร มาคนเดียวอาจจะทานไม่หมด ถ้าสั่งเยอะ
Signature Dish ของที่นี่ รวมซีฟู๊ด
ส่วนอีกห้องอาหารชื่อ ต้นไทร เน้นอาหารไทยและอาหารนานาชาติ และเป็นห้องอาหารหลักที่ทานอาหารเช้าที่นี่ด้วย
ส่วนช่วงค่ำ บางวันห้องอาหารต้นไทร จะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม สามารถนั่งชมจาก my grill ก็ได้ เพราะอยู่ติดกัน
ห้องอาหารต้นไทร เป็นห้องอาหารแบบ all day dining ที่สามารถมาทานอาหารได้ทุกเวลาทั้งเช้า กลางวัน และค่ำครับ
เน้นโอเพ่นแอร์โปร่งโล่ง ส่วนห้องที่เห็นนี้เป็นห้องส่วนตัว สำหรับใครที่ต้องการจิบไวน์ แบบเงียบๆ
มื้อกลางวัน กานต์ สั่งมาลองทานหลายอย่างเหมือนกัน แต่ที่อยากแนะนำคือ ข้าวผัดสัปปะรด ครับ ซึ่งอร่อยมากครับ หอมเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้นดี ส่วนเครื่องดื่มก็สั่งม็อคเทลมาทานหลากหลายตัว เพิ่มความสดชื่น
Signature Dishes
ของหวานจานเด็ดคือ สังขยาฟักทอง ที่ต้องสั่ง
อย่าปลุกฉัน ให้ตื่นจากความฝัน ผมว่ามันคือรีสอร์ทที่วิเศษมากแห่งหนึ่งจากหลายร้อยพันที่เคยไปเข้าพัก จนไม่อยากจะกลับออกไปจากที่นี่
คิดดูสิครับ ตื่นมาก็วิวนี้เลย แม้ช่วงที่ไปอากาศบางวันอาจจะไม่เป็นใจ แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติที่รายล้อม ซึ่งเป็นเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น
เช้านี้ ไม่ได้ไปทานที่ห้องอาหารต้นไทร เพราะอยากสบายๆ แช่น้ำ ทาน Floating Breakfast กลางแสงแดดอ่อนๆ ยามสาย
Your morning sets up the success of your day. So many people wake up and immediately check text messages, emails, and social media. I use my first hour awake for my morning routine of breakfast and swimming to prepare myself.
เป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดมาก หากได้ใช้ชีวิตติดเกาะ แต่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง
อยากทานอาหาร ก็สั่งมาทานที่วิลล่าได้เลยครับ
Floating Breakfast
ออกไปเดินเล่นตามจุดต่างๆ ของรีสอร์ทกันบ้าง ที่นี่มีความเป็นธรรมชาติของสีเขียวสูงมาก มีต้นไม้ใหญ่และเยอะ เต็มพื้นที่ จึงรู้สึกได้ถึงการพักผ่อนที่แท้จริง โดยไม่ต้องดิ้นรนจะออกไปไหน
เพราะเห็นหลายคนบ่นว่าไปแล้วไม่มีอะไรทำ แนะนำให้หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ ติดมือไปสักเล่ม หาเก้าอี้ริมชายหาด มุมร่มๆ ก็สามารถทอดอารมณ์และปล่อยเวลาไปกับตัวหนังสือและทะเลสีฟ้าได้แล้วครับ
ถ้าเบื่อก็มี Water Sport Center ไว้บริการ จะพายเรือคายัคก็ได้
หรือถ้าจะเอาแบบสไตล์เท่ห์ๆ ต้องแพดเดิ้ลบอร์ดครับ กำลังมาแรง
หรือใครชอบออกกำลังกายในยิม ก็มีบริการ ยิมที่นี่เพิ่งรีโนเวทใหม่ สวยและหรูหรา เหมือนยิมโรงแรม 5 ดาวในเมืองเลยครับ
มีร้านขายของภายในรีสอร์ท ผมชอบตัวอาคาร เป็นสีน้ำเงินโดดอยู่ตึกเดียวจากทั้งหมด โดดเด่นดีครับ
โดยสรุปแล้ว The Naka Island Resort ตอบโจทย์ผมในหลายๆ เรื่อง
การเดินทาง ไม่ไกล ไม่ลำบากมาก นั่งเรือไปแปบเดียว เหมาะสำหรับคนอยากไปติดเกาะ แต่เมาเรือ เหมือนผม 555 แต่ได้สัมผัสธรรมชาติแบบเต็มๆ แถมวิวดีด้วย อย่าลืมจองวิลล่าหมายเลข 47 เห็นว่ากำลังจะปรับราคาวิลล่าหลังนี้ใหม่ เหตุเพราะวิวสวยเกินหน้าเกินตา
เป็นรีสอร์ทที่เหมาะกับการพักผ่อน เข้าแล้วออกอีกทีวันเช็คเอ้าท์ จากนั้นค่อยเข้าเมืองภูเก็ตไปเที่ยวต่อครับ