The Haute ,Kanchana-Sathorn

Haute อ่านออกเสียงแบบฝรั่งเศสว่า โอ๊ท มีที่มาจากรากศัพท์คำว่า High ที่แปลว่า สูง นั่นเองเรามักจะได้ยินคำนี้ในการบอกเล่าความเป็นชนชั้นสูง สินค้าที่มีคุณภาพสูง ดูยโสนิดๆ ตามจริตฝรั่งเศส โดยเฉพาะศัพท์ในวงการแฟชั่นที่เรียกว่า Haute Couture ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นดีเข้ากับสัดส่วนรูปร่างของผู้สวมใส่ จนกลายเป็นรากฐานของแฟชั่นมาจนถึงทุกวันนี้

.

พอมาได้ยินชื่อนี้อีกครั้งในวงการอสังหาริมทรัพย์ กานต์กลับคิดว่า “ใครกันนะช่างกล้าตั้งชื่อเช่นนี้” อย่ากระนั้นเลยอยากนัดหมายขอเข้าไปชมโครงการสักทีดูซิว่าจะมีดีไซน์สวยและหรูหราขนาดไหน

.

The Haute กาญจนา-สาทร เป็นโครงการล่าสุดที่กานต์มาเยี่ยมชมและอยากจะนำมาเล่าต่อ เพราะว่าความ Haute ของโครงการนั้น เริ่มตั้งแต่การเป็นวิลล่าที่ออกแบบในแนวตั้ง มีด้วยกัน 5 ชั้น (แน่นอนว่าสูงสมชื่อ นับเป็นการเล่นกับความหมายของคำที่ดี)

.

การออกแบบแนวตั้งแบบนี้ช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ได้สูงสุด คู่ขนานไปกับงานดีไซน์ที่ต้องบอกว่าสวยงามหรูหรา ด้วยฝีมือของสถาปนิกมือรางวัลคุณอยุทธ์ มหาโสม ออกแบบโดยผสมผสานพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมียมและยูนิตพักอาศัยสุดหรูเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็น Vertical Biz Villa ที่ดู Unique และเงียบสงบเพราะ Exclusive เพียง 10 ยูนิตเท่านั้น

.

แน่นอนว่าโครงการต้องตั้งอยู่บนทำเลที่ทำให้เราสามารถนำพากิจการเข้าถึงศูนย์กลางธุรกิจแหล่งช้อปปิ้ง และความบันเทิงที่สำคัญของเมืองได้อย่างสะดวกง่ายดาย The Haute กาญจนา-สาทร ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการเชื่อมต่อธุรกิจ สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง

.

ส่วนตัวผมชอบ Garden Panorama Living งานดีไซน์ให้กลายเป็นพื้นที่โถงรับรองส่วนตัว สำหรับครอบครัวและแขกคนสำคัญระดับ VIP บนชั้น 4 ถือว่า Exclusive มาก ๆ ได้วิวสวนแบบพาโนรามาผ่านประตูบานเลื่อนกระจกที่สามารถเปิดออกไปได้ และในเวลาพักผ่อนปกติก็เป็นมุมที่ทำให้เราได้ผ่อนคลายอยู่ภายในบ้านได้อย่างสบายๆ

.

อีกทั้งยังออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืน โดยใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงการไหลเวียนอากาศภายใน ช่วยให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นในโลกปัจจุบัน

.

ไปชมภาพในคอลเลคชั่น The Haute กาญจนา-สาทร ที่กานต์เก็บมาฝากกันพร้อมกับอ่านเรื่องราวในแคปชั่นด้านในต่อเช่นเคยครับ

.

วันที่ 25 มีนาคม 2023นี้ โครงการ The Haute จะมีการจัดงาน Unveiling Day

หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับงานได้ที่ http://bit.ly/3Y74t4Z

หรือโทร : 02-821-5653

The Haute กาญจนา-สาทร เป็นโครงการ Vertical Biz Villa 5 ชั้น ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์และเป็นที่พักอาศัยไปด้วยในตัว

ถือเป็นโครงการแรกของพอยส์ คอร์ปอเรชั่น ทว่าผู้บริหารมีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานาน โครงการนี้ออกแบบโดย คุณอยุทธ์ มหาโสม (AAD )ซึ่งเป็นสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงของไทย

ที่ดินโครงการขนาด 2-1-35.22 ไร่ ทำให้กลายเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว เพราะมีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น บริเวณโดยรอบรายล้อมด้วย Residential พื้นที่พักอาศัยแนบราบ ถือว่าสงบเงียบไม่วุ่นวาย

อาจจะมีรถราเข้าออกมากหน่อยในช่วงเวลากลางวันเพราะออกแบบมาให้เป็นออฟฟิศได้ด้วย แต่คิดว่าไม่มีปัญหาเรื่องการจราจรเพราะถนนหลักในโครงการมีความกว้างถึง 12 เมตร

วิลล่าจะเรียงรายกันไปไม่มีซอยย่อย ทำให้การรักษาความปลอดภัยทำได้สะดวกรัดกุมและสร้างความอุ่นใจให้กับผู้พักอาศัยได้ตลอด 24 ชม.

ดีไซน์ภายในของ The Haute กาญจนา-สาทร ออกแบบให้เป็นบ้านหน้ากว้าง อาคารเป็นแนวตั้ง และมีพื้นที่ใช้สอยภายในมากถึง 556 ตร.ม ที่ดินเริ่มต้น 60-86.7 ตร.ว.

ฟังก์ชั่นภายในบ้านเป็นแบบ Open Plan ให้เราปรับเปลี่ยนได้ตามใจ บ้านตัวอย่างดีไซน์ให้เป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องครัว 2 Office Working Space 1 ห้องประชุมหรือเป็นห้องทำงานส่วนตัวสำหรับ CEO ก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้เราสามารถปรับฟังก์ชั่นให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานได้ตามความต้องการสำหรับคนทุก Generation ภายในบ้านเลยครับ

The Haute กาญจนา-สาทร งานดีไซน์ภายนอกให้มี Pocket Garden ระหว่างชั้น ถ้ามองเข้ามาเราจะเห็นว่าสถาปนิกออกแบบให้มีต้นไม้และธรรมชาติสีเขียวคอยแทรกอยู่ในทุกส่วนของบ้าน ผสานเข้ากับการเลือกสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมนำมาใช้เพื่อให้บ้านมีความหรูหรา ทว่ากลมกลืนกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อม

The Haute กาญจนา-สาทร ตั้งอยู่บนที่สุดของทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันตก ใกล้ถนนใหญ่กาญจนาภิเษก ช่วงเวลาปกติที่กานต์ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็สามารถเข้าสู่ CBD ย่านสาทรได้ทันที เชื่อมต่อถนนถนนกัลปพฤกษ์, ถนนเพชรเกษม บางแคและพระราม 2 ได้ง่าย ทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน MRT บางแค, MRT หลักสอง และ Interchange บางหว้า หรือถ้าใครจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจในต่างจังหวัดสามารถใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกได้เลยครับ ผมว่าสะดวกกว่ามาก

อีกทั้งโลเคชั่นนี้ ยังมีห้างสรรพสินค้า Creative Community ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ ๆ ตลอดจนสถานที่สำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรายรอบโครงการ อาทิ โรงเรียนนานาชาติเลิศหล้า โรงเรียนนานาชาติ SISB ธนบุรี โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี มหาวิทยาลัยสยาม โรงพยาบาลพญาไท 3 โรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค เป็นต้น 

งาน Exterior ออกแบบสไตล์ Modern Classic Luxury เป็นแบบเล่นระดับที่มีความโดดเด่นของ Facade ที่คงความเรียบหรูที่ดูโมเดิร์นและช่วยพรางสายตาให้กับผู้อยู่อาศัยให้ได้รับความเป็นส่วนตัว และยังทำให้เกิดเงาและมิติแห่งการใช้พื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของโครงการ

ข้อดีอีกอย่างก็คือช่วยในเรื่องของแสงและความร้อน เป็นการนำเทคนิคการออกแบบมาเพื่อประหยัดพลังงานแบบ Green Building เพราะเมื่อเราเปิดช่องแสงรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านก็จะลดปริมาณการใช้ไฟส่องสว่างได้

อีกทั้งการออกแบบ Ventilation System ที่ให้เกิดการไหลเวียนของอากาศภายใน ทำให้ลดการพึ่งพาระบบทำความเย็น เมื่อใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านจะรู้สึกสบาย ไม่ร้อน ไม่อึดอัดแม้ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศในบางเวลา เพราะเราสามารถเปิดประตูกระจกให้ลมพัดผ่านเข้ามาภายในบ้านได้แทน

บ้านตัวอย่างออกแบบให้พื้นที่ชั้น 1-3 เป็นออฟฟิศ จึงเนรมิตให้ชั้น 1 บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนต้อนรับ โดยจัดให้เป็นเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น ปูด้วยหินอ่อนลายแบล็กแพนดา ด้านหลังมีโลโก้บริษัทติดไว้และหันออกไปทางด้านหน้าบ้าน พื้นที่โดยรวมตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวเพื่อให้เกิดความเบาสบาย ผ่อนคลาย หลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ

เนื่องจากเป็นบ้านหน้ากว้าง ช่วยให้มี Space มากขึ้นกว่าเดิม พื้นที่ด้านหน้าจึงดูกว้างขวาง สังเกตได้จากการ ติดตั้งเคาน์เตอร์ต้อนรับ ชั้นโชว์ และยังมีพื้นที่เหลือสำหรับวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ สำหรับรับรองแขก จัดวางไว้ใน

บรรยากาศเป็นกันเองสบายๆ รู้สึกโปร่งโล่งด้วยช่องแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ผ่านกระจกใสที่ติดตั้งไว้โดยรอบ

บริเวณหน้าบ้านเป็นพื้นกระเบื้องลายหินสีดำ สามารถจอดรถได้มากถึง 6 คัน เพื่อรองรับผู้มาติดต่อประสานงานธุรกิจ พร้อมติดตั้งไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อรองรับ EV Charger สำหรับใครที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า หน้าบ้านติดตั้งประตูรั้ว Automatic Sliding Gate พร้อม Remote Control 

เช่นเดียวกับพื้นที่รับรองด้านหลังซึ่งจัดวางชุดที่นั่งเอาไว้ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวกว่า สามารถปรับเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัวได้ด้วยในช่วงเวลาวันหยุดหรือตอนที่ไม่มีแขก มีประตูที่สามารถเปิดเดินออกไปสู่พื้นที่ด้านหลังและบันไดหนีไฟ หรือใช้สำหรับอ้อมไปยังประตูหน้าบ้านได้ในกรณีที่มีแขก

นอกจากนี้ยังใช้เป็น Back of House แยกทางเข้าออกของแม่บ้านจากตัวบ้านส่วนพักอาศัยเพื่อไม่ให้รบกวนกัน บริเวณนี้จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกด้วยครับ

บ้านทุกหลังมีระยะถอยร่นโดยรอบที่กว้างขวางเพียงพอต่อการจัดสวนด้านข้างและด้านหลัง พร้อมจัดวางพื้นที่นั่งเล่นที่เปิดรับวิวของสวนภายใน บรรยากาศจึงดูร่มรื่นดีมากเหมาะกับการมาครีเอทงานหรือมานั่งวันพักผ่อนสบายๆ ของทุกคนในครอบครัว

แนวคิดหลักในการออกแบบจะเน้นคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้สอยภายใน กิจกรรมที่หลากหลายระหว่างพักอาศัยของสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ดังนั้นทุกพื้นที่ของบ้านสามารถเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ได้อย่างสมดุล โดยเชื่อมโยงฟังก์ชั่นให้ต่อเนื่อง ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ โดยมีบันไดและลิฟต์เป็นตัวเชื่อมทั้ง 5 ชั้นเข้าไว้ด้วยกัน ในส่วนของลิฟต์โดยสารจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ Private Access Control ลิฟต์โดยสารอัจฉริยะเราจะต้องทาบการ์ดขึ้นหรือลงเพื่อเป็นการจำกัดชั้น ให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างพนักงานกับผู้พักอาศัยและยังเสริมความปลอดภัย ตลอดจนเป็นการแยกสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่ทำงานในแต่ละชั้นได้อีกด้วย

เราเดินขึ้นบันไดไปชมบริเวณชั้น 2 กันบ้าง บ้านตัวอย่างออกแบบเป็น Office Area จริงๆ แล้วผมว่าชั้นนี้ครีเอทมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดี เพราะมีพื้นที่ว่างให้สร้างสรรค์ได้ตามใจ เป็น Multi Functional Space ทั้งพักอาศัย ทำงานและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกัน

พื้นที่ตรงนี้ผมว่าสามารถทำเป็นห้องประชุมได้เลย เพราะมีขนาดใหญ่มาก รองรับได้หลายสิบคนได้สบายๆ ใช้สำหรับจัดงานสัมมนากลุ่มย่อย หรือเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ก็ได้เช่นกัน

งานออกแบบภายใต้การดีไซน์ที่สวยเก๋ ปูพื้นกระเบื้องเซรามิกลายหินโทนสีเทา-ดำ ตัดกับผนังสีขาว เป็นการเล่นกับ Shape และ Form ที่ดูแล้วโมเดิร์นดี ด้านหน้าและด้านข้างเปิดรับช่องแสงธรรมชาติเอาไว้ และสามารถเปิดประตูออกไปเพื่อรับลมหรือรดน้ำต้นไม้ที่กระถางบริเวณระเบียงได้ เป็นการเพ่ิมพื้นที่สีเขียวให้กับภายในบ้านได้อีกหนึ่งจุด

ด้านหลังแยกเป็นอีกหนึ่งห้อง จริงๆ แล้วสามารถเชื่อมต่อพื้นที่ร่วมกันได้เลยครับ แต่หากใครต้องการปรับฟังก์ชั่นเป็นการพักอาศัยก็สามารถทำเป็นห้องนอนใหญ่แบบเหมาทั้งชั้นได้เช่นกัน เพราะมีห้องน้ำในชั้นนี้แบบส่วนตัว แยกออกไว้บริเวณด้านหลัง แต่เป็นแบบ Powder Room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำ

ทางโครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือมาให้แล้วครับหากมีการพักอาศัยผมว่าเราอาจจะต้องวางระบบน้ำใหม่โดยติดตั้งฝักบัวเพิ่มเข้ามาซึ่งสามารถทำได้เลย เพราะทางโครงการจัดเตรียมติดตั้งระบบน้ำไฟเอาไว้ให้ครบทุกชั้นเพื่อรองรับทุกฟังก์ชั่นการใช่้งานจริงอยู่แล้วครับ

บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นสตูดิโอถ่ายงานในแบบที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือจะทำเป็นห้องแยกสำหรับพนักงานแผนก Back Office เช่นบัญชี การเงิน ก็ได้เช่นกัน มีการเปิดช่องแสงขนาดใหญ่ไว้จากบริเวณด้านหลังเป็นหน้าต่างที่เลื่อนเปิด-ปิดได้

ขึ้นมาบริเวณชั้น 3 ก็ยังคงเป็นฟังก์ชั่นของ Working Floor อยู่ สามารถเลือกใช้วิธีขึ้นบันไดหรือโดยสารลิฟต์ก็ได้ครับ

ถ้าไม่บอกแทบจะดูไม่ออกว่าเป็นออฟฟิศ เพราะดูจากการตกแต่ง สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นได้ดีเลยครับ

บ้านตัวอย่างเน้นตกแต่งให้ดูโมเดิร์น มีโต๊ะกลางเอาไว้ทำงานร่วมกัน เช่น Brainstrom ดูอาร์ตเวิร์คหรือ ทำสตอรี่บอร์ด

ผมว่าเป็นมุมที่เก๋ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าเอาเข้าจริง สมัยนี้บริษัทไม่ค่อยเน้นเรื่องนั่งโต๊ะทำงานกันแล้วครับ มีโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่องก็สามารถนั่งทำงานได้ทุกที่ ทำให้โฮมออฟฟิศของเราดูโปร่ง สบาย สไตล์โมเดิร์น สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตลอดเวลา

อีกด้านเป็นเก้าอี้ดีไซน์โมเดิร์นวินเทจ เอาไว้นั่งหาไอเดียในบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย เปิดช่องแสงจากภายนอก พร้อมวิวสบายตา ทว่ามี Facade เป็นระแนงบังไว้ทำให้คนนอกมองเข้ามาด้านในไม่ได้ จึงเป็นพื้นที่เอกเขนกที่ให้ความเป็นส่วนตัว

โซนนี้จัดให้เป็น Working Area สุด Creative ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่พอสมควรครับ สามารถปรับให้บริเวณนี้เป็น Living Area เพิ่มเติมได้

“Don’t wait for inspiration. It comes while working.”

– Henri Matisse

เราเดินผ่านโถงกลางบริเวณชั้น 3 ของบ้านเพื่อจะขึ้นไปยังชั้น 4 และ 5 ซึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่พักอาศัยหลักของบ้าน

ผมใช้วิธีเดินขึ้นบันได สังเกตได้ว่าบันไดมีความเปลี่ยนไป คือจากพื้นกระเบื้องหินอ่อน ได้เปลี่ยนมาเป็นพื้น Engineering Wood เพื่อให้ผิวสัมผัสที่อบอุ่นมากยิ่งขึ้นเหมือนไม้จริง อารมณ์เหมือนเรากำลังเดินขึ้นบันไดบ้านไม้

รายละเอียดของชั้นนี้ที่ผมชอบมากก็คือเนื่องจากออกแบบให้เป็นชั้นสำหรับพักอาศัย ทำให้ประตูเป็นแบบล็อคอีกชั้น ต้องเปิดประตูจากบันไดเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นบนทำให้เกิดความปลอดภัยและได้ความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องด้านหน้าของชั้น 4 ออกแบบให้เป็น Living Area สำหรับครอบครัว เป็นพื้นที่พักผ่อนสบายๆ ในบรรยากาศแบบส่วนตัว สงวนไว้สำหรับสมาชิกในครอบครัวและแขกคนพิเศษเท่านั้น

ภายในห้องเปิดช่องแสงไว้สามด้านคือผนังด้านข้างทั้งสองฝั่งและด้านหน้าเป็นประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงเพิ่มความสว่างให้ส่องผ่านเข้ามา

ห้องนี้ตกแต่งให้มีชุดโซฟาสีเทาควันบุหรี่ ซึ่งรับกันดีกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่ายพื้นภายในห้องนั่งเล่นปูด้วยลามิเนตลายไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสัมผัสแบบธรรมชาติ ออกแบบให้ห้องนี้เป็น Open Plan เพื่อให้เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เก๋ได้ตามใจ หรือจะจัดให้มีผนังเป็นตู้โชว์ก็ได้

ภายในตกแต่งให้มีเคาน์เตอร์บาร์เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารอยู่บริเวณเดียวกัน น่าจะเป็นอีกมุมโปรดในบ้านของผมครับ

เอาจริงผมว่าเป็นฟีลลิ่งที่ดี เพราะบางทีเราก็มีเพื่อนหรือแขกที่มาคุยงานเสร็จแล้วก็อยากมาปาร์ตี้ทานข้าวกัน ก็สามารถใช้พื้นที่นี้รับรองได้เลย โดยที่ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนความเป็นส่วนตัวแต่อย่างใด

นั่นเป็นเพราะการออกแบบที่จัดวางฟังก์ชั่นภายในบ้านได้ดี Relate กับทั้งแขกและสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวได้อยู่ เป็น Home Office ที่อบอุ่นกันเองมากเลยครับ

ภายนอกมีระเบียงขนาดใหญ่ สามารถเปิดประตูกระจกออกไปได้ ระเบียงมีฟังก์ชั่นแบบ Semi-Outdoor ทางโครงการเรียกว่า Garden Panorama Living เป็นพื้นที่โถงรับรองส่วนตัว ระดับเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นได้ทั้งพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่รับรองแยกส่วน อาจจะหา Bean Bag หรือเก้าอี้มาวางสักชุดพร้อมโต๊ะเตี้ย เพื่อนั่งจิบชา กาแฟ อ่านหนังสือในวันสบายๆ อิ่มเอมกับความเป็นไปภายในโครงการในมุมส่วนตัว ทางโครงการได้ติดตั้งราวกันตกที่ระเบียงด้านนอกมาให้แล้วเรียบร้อยครับ

บริเวณระเบียงด้านนอก ผมไปลองยืนๆ เดินๆ มาแล้วค่อนข้างกว้างเลยครับ หน้าบ้านโดดเด่นด้วย Facade วัสดุเป็นอะลูมิเนียมแนวตั้ง Powder Coat สีเงิน ดีไซน์ไว้เป็นฟังก์ชั่นสำหรับบังสายตาสร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

มองจากระเบียงด้านนอกเข้ามาจะเห็นเงาสะท้อนของแมกไม้ที่ปลูกไว้รายรอบบ้านไม่เว้นแม้แต่ระเบียงของแต่ละชั้น ซึ่งส่วนตัวผมชอบฟีลลิ่งของบ้านแบบนี้มาก ออกแบบมาให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแม้จะอยู่ภายในบ้านก็มีแสงแดดส่องผ่านและมีบรรยากาศของต้นไม้สีเขียว ให้ความร่มรื่น ผ่อนคลายสบายตาสบายใจ

ห้องครัวหลักของพื้นที่พักอาศัยจะอยู่บนชั้น 4 เชื่อมต่อกับ Living Area ขนาดใหญ่ในดีไซน์แบบ Open Space ให้เราได้ครีเอทฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตามใจ ทางโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวครบชุดขนานกับผนังเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) มาให้แล้ว พร้อมตู้เก็บของบนล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ส่วนบ้านจริงจะเป็นห้องเปิดโล่ง พื่้นปูกระเบื้องแผ่นใหญ่เพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและมีหน้าต่างบานเลื่อนไว้สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ ทั้งนี้ทางโครงการได้จัดเตรียมงานระบบไฟฟ้าและประปามาให้เรียบร้อยแล้วครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือเป็นห้องน้ำที่จะไม่มีพื้นที่อาบน้ำ สำหรับทุกคนในบ้านใช้งานร่วมกัน โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นแนวยาว ส่วนสุขภัณฑ์ที่ทางโครงการติดตั้งให้จะเป็นของ Kohler แบรนด์หรูจากเยอรมัน

เดินขึ้นบันไดไปชมชั้น 5 กันต่อครับ ซึ่งจะสังเกตว่า โถงบันไดที่เชื่อมต่อกันในส่วนพื้นที่พักอาศัยจะมีความโอ่อ่า เพดานยกสูง ได้ฟีลลิ่งเหมือนเดินขึ้นบ้านชั้นบน บริเวณชานพักประดับด้วยงานศิลปะและฝ้าเพดานแขวนโคมไฟห้อยลงมาให้ความรู้สึกว่าโมเดิร์นดีครับ

ชั้นนี้ประกอบด้วย 2 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวเช่นกัน โดยเราจะเริ่มจากห้องนอนรองที่อยู่ฝั่งด้านหลังบ้านกันก่อน การวางแปลนบ้านคล้ายกันกับห้องบนชั่นอื่นๆ ที่อยู่บริเวณเดียวกันนี้

บ้านตัวอย่าง ออกแบบให้ห้องนี้ดูมีความมินิมอล ดูโมเดิร์นด้วยโทนสีที่เลือกใช้สีขาวเป็นหลัก เสริมความโดดเด่นด้วยชุดเครื่องนอนสีขาว-น้ำเงิน จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ค่อนผนังด้านในซึ่งมีช่องแสงขนาดใหญ่สามารถเปิดหน้าต่างออกไปเพื่อระบายอากาศและรับลมได้

ปลายเตียงจัดวางตู้คาบิเนททรงเตี้ยสำหรับวางทีวี ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งติดตั้งตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะทำงานเอนกประสงค์เอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ผมดูแล้วห้องนี้ตกแต่งเป็นวัยรุ่นที่ชอบความเรียบ นิ่ง เท่ มากกว่าครับ

มีห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามห้อง ซึ่งทางโครงการจัดการเตรียมระบบน้ำไฟเอาไว้รองรับการปรับเปลี่ยนทุกฟังก์ชั่น ของแต่ละครอบครัวเอาไว้ให้อยู่แล้วครับ

ภายในห้องน้ำหรูหราด้วยหินอ่อนสีขาว ภายในติดตั้งสุขภัณฑ์จาก Kohler พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกแห้งด้วย Shower Boxเอาไว้ให้ พร้อมติดตั้งพัดลมระบายอากาศแบบฝังฝ้า

บนชั้น 5 ฝั่งด้านหน้าบ้านจะเป็น Luxury Master Bedroom ห้องนอนขนาดใหญ่กินพื้นที่เกินครึ่งชั้น ทำให้ห้องดูกว้างมากครับ ตกแต่งในบรรยากาศแบบเปิดโล่งด้วยหน้าต่างทรงสูงแบบ Full Height สามารถเลื่อนเปิดออกได้ เพื่อให้เราได้สัมผัสกับแสงแดดยามเช้าและสายลมเบาๆ

พื้นที่ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 3 โซนคือมุมแต่งตัวและห้องน้ำที่อยู่บริเวณทางเข้า ด้านในเป็นโซนพักผ่อน มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างชนิดที่ว่า สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size พร้อมจัดวางโต๊ะหัวเตียงแล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือๆ อีก

ผมชอบโคมไฟหัวเตียงที่แขวนลงมาจากฝ้าเพดานดูสวยเก๋แปลกตาดีครับ เตียงนอนจัดวางอยู่ริมผนังที่เป็นกระจกเต็มบาน ทำให้เปิดรับแสงจากธรรมชาติผ่านเข้ามาได้สบาย หรือหากอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดตั้งผ้าม่านเพิ่มได้

ปลายเตียงเป็นโซนนั่งเล่นจัดเป็น Armchair ขนาดใหญ่ดีไซน์โมเดิร์นพร้อมชั้นวางทีวีขนานไปกับผนังและติดตั้งให้เป็นตู้เก็บของไปในตัว เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือเบาๆ ก่อนเข้านอน เนื่องจาก พื้นที่พักผ่อนในห้องนอนใหญ่ออกแบบให้อยู่ชิดกับผนังกระจกฝั่งหน้าบ้าน ทำให้เปิดรับช่องแสงธรรมชาติขณะพักผ่อนได้สบายเลยครับ

ด้านหน้าห้องนอนฝั่งตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นห้องแต่งตัว Walk-in Closet ผมว่าออกแบบสวยดีครับ โดดเด่นด้วยโครงเหล็กสีทองที่ทำให้ห้องดูโมเดิร์น พร้อมจัดชั้นวางและแขวนเสื้อผ้าเป็นรูปตัวยู (U-Shape) เรียกได้ว่า เป็นห้องแต่งตัวที่จัดเต็มมาก น่าจะถูกใจคุณผู้หญิงที่รักการแต่งตัวเป็นที่สุด

ด้วยความที่ออกแบบให้ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ใช้พื้นที่ต่อเนื่องกัน ทำให้สะดวกเวลาออกจากห้องน้ำมาก็สามารถแต่งตัวต่อได้เลย จบในจุดเดียว

ห้องน้ำภายใน luxury Master Bedroom มีขนาดค่อนข้างกว้าง ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เป็นสัดส่วนดีครับ โดดเด่นด้วยอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ที่มีดีไซน์โมเดิร์นดีรับกับผนังโมเสคสีเข้ม

ทั้งนี้ภายในห้องน้ำจะไม่มีอ่างอาบน้ำ แต่จะติดตั้ง Shower Box พร้อมฝักบัวและ Rain Shower มาให้ ส่วนอีกด้านจะเป็นอ่างล่างหน้าและติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้เรียบร้อย

“Simplicity is the ultimate sophistication.”

– Leonardo Da Vinci

Karl Lagerfeld เคยกล่าวว่า “Extreme luxury isn’t the most bling-bling, it’s extreme refinement, which is couture at its finest.”

“ความหรูหราไม่ใช่สิ่งที่ดูระยิบระยับที่สุด แต่เป็นความประณีตขั้นสุด ซึ่งเป็นกูตูร์ที่ดีที่สุด”

เปรียบได้กับโครงการ The Haute กาญจนา-สาทร ที่นำเสนอความหมายของ “บ้าน” ในมุมมองที่มีความแตกต่างออกไปจากเดิมทั้งการออกแบบที่สร้างสรรค์ ดีเทลของดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ผสมผสานระหว่างพื้นที่ธุรกิจกับพื้นที่ชีวิตเข้าด้วยกัน ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและที่สำคัญคือมีสไตล์ที่ชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดีที่สุด

วันที่ 25 มีนาคม 2023นี้ โครงการ The Haute จะมีการจัดงาน Unveiling Day หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับงานได้ที่ http://bit.ly/3Y74t4Z
หรือโทร : 02-821-5653

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน