อากาศหนาวทีไร คิดถึงชายเหมี่ยง-เชียงใหม่ ทุกที
ไปนอนเล่นริมปิงที่ sala lanna Chiang Mai สุดไพรเวท
KΔNT The #COLLECTION104 x SALA Hospitality Group
.
กรุงเทพฯ แทบจะมีแค่หน้าร้อนกับร้อนมาก
กานต์จึงอยากหนีไอร้อนระอุไปเชียงใหม่
อยากเจออะไรเย็นๆ ใจบ้าง อยากดับร้อน
จะว่าไปเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มาบ่อยที่สุดละเนอะ
มาทีไรก็เหมือนได้กลับบ้านหลังที่ 2
.
ทริปนี้จองโรงแรมศาลา ล้านนาเชียงใหม่ ไว้ครับ
เลือกที่นี่เพราะอยากจะได้ feel แตกต่างจากโรงแรมตึกใหญ่
เปลี่ยนมาเป็นอะไรที่ “น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้” ดูบ้าง
ออกแนว Minimalism ครับ
เหมือนไม่มีอะไร … แต่ดูมีอะไร
.
“มี เหมือน ไม่มี”
“ไม่มี คือ มี”
ผมว่านี่คือหัวใจในการทำงานของโรงแรมในเครือศาลาทุกแห่งครับ
.
SALA ไม่ใช่เครือโรงแรมน้องใหม่
แต่ด้วยความที่ Design ปัง Concept เป๊ะ
ทำให้โรงแรมดังปั๊วะ!!
ความฮอตของโรงแรมศาลาไม่เคยลดลง
ยังคง “ความบุ๊คกิ้งเต็ม” ตลอดเกือบทุกแห่ง
โรงแรม sala lanna ก็เช่นกันครับ
.
ที่นี่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบเยอะมาก
โดยเฉพาะงานสถาปัตยกรรมที่นำเสนอความเป็นล้านนา
มาในสไตล์โมเดิร์น เป็นการทวิสต์กันได้อย่างลงตัว
ถ่ายรูปออกมาก็สวยดี มีความเกร๋ในทุกมิติ
.
โลเคชั่นก็จัดว่าดีมากครับ อยู่ใกล้ใจกลางเมือง
ทว่าเงียบสงบเพราะอยู่ย่านชุมชนคนบ่าเก่า
ตอนเช้ามาสามารถเดินไปไหว้พระวัดเกตุการามได้
สายหน่อยแอบไปจิบชาที่ Vieng Joom On Teahouse – เวียงจูมออน ทีเฮ้าส์
.
บ่ายไปเดินเล่นฝั่งตรงข้ามเป็นกาดต้นลำไยและกาดวโรรส
เย็นๆ ขึ้นมาเล่นน้ำจิบคอคเทลที่ดาดฟ้า
แถมค่ำๆ ยังมีบาร์ริมน้ำปิงให้มานั่งทิ้งอารมณ์กันอีกด้วย
.
ถือว่าลงตัวนะครับ สำหรับคำว่า “พักผ่อน”
อยากชวนมานอนเล่นที่ชายเหมี่ยง-เชียงใหม่
ในบรรยากาศแบบ “เมียงแต้ๆ “
เอาละ ตามผมมาครับ
จะพาไปเดินชมโรงแรมขนาดไม่ใหญ่
แต่ดีต่อใจเมื่อได้เข้าพัก
เหมาะสำหรับคนเหนือที่คิดถึงบ้านแบบผมครับ
—
เนื่องจากโรงแรมด้านหน้าค่อนข้างแคบ
โถงทางเข้าจึงเน้นความโปร่ง สูงของเพดานแบบ double volume
พรางตาด้วยไม้ระแนงซี่ตีแนวตั้ง สลับกับลายฉลุและภาพเขียนผนังโมเดิร์นล้านนา
มีความโดดเด่น แปลกตาและมีเอกลักษณ์มากครับ
SALA LANNA CHIANG MAI
49 Charoenrat Road, Wat Gate, Mueang Chiang Mai, 50000 Thailand
RESERVATIONS
T : +66-53-242-588, +66-93-583-0050
F : +66-53-242-589
E : stay@salalanna.com
สัมผัสแรกที่เราเจอ
at first sign คือความ art ความ chic ความเกร๋ของพรอพที่นำมาตกแต่ง
สีเทาทึมๆ ของ lobby ที่มีขนาดไม่ใหญ่
แต่ก็เพียงพอสำหรับแขกทั้ง 15 ห้องของโรงแรมที่จะมาเช็คอิน
นี่แหละคือเสน่ห์ความเป็นโรงแรม ”SALA” อย่างแท้จริง
น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
โรงแรมอื่นจะมีตะกร้าหรือกระเป๋าให้หิ้วไปเดินริมชายหาด
แต่ที่นี่มีย่ามทอมือครับจากชนเผ่าต่างๆ ให้ยืมใส่ของแล้วออกไปเดินเที่ยวกัน
กะว่าเดินไปไหว้พระวัดเกตุการาม
เสร็จแล้วไปจิบชาที่เวียงจุมออน
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นกาดต้นลำไยและกาดวโรรส
เหมาะแก่การไปซื้อของฝาก
น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว งี้ จัดมา
ส่วนตัวชอบน้ำพริกน้ำปู๋จ้าาาาา
lobby ที่ดูไม่ค่อยเหมือน lobby
มีความยูนีค ว่าเราจะเช็คอินที่นี่
หรือออกไปข้างนอกดี
อารมณ์เหมือนสาวเมืองกรุงนุ่งผ้าซิ่น
มันจะเกร๋ๆ หน่อยนะแก
จุดเด่นของโรงแรมขนาดไม่ใหญ่ โดยเฉพาะที่ sala lanna Chiang Mai แห่งนี้ คือพนักงานที่นี่จะต้อนรับด้วยท่าทางยิ้มแย้มเป็นอย่างดี
เรามีหน้าที่แจ้งชื่อ ยื่นบัตรประชาชนพร้อมบัตรเครดิตเพื่อทำการการันตีห้องไว้
แม่บ้านมาเสิร์ฟ welcome drink เป็นน้ำสมุนไพร หวานๆ ฉ่ำๆ ทำให้พอคลายร้อนจากอากาศด้านนอกลงไปได้บ้าง
จากนั้น พนักงานจึงให้กุญแจ พร้อมพาขึ้นลิฟต์เพื่อไปส่งที่ห้องพัก
โถงที่นั่งรอบริเวณ lobby
ใช้เก้าอี้หวายเพื่อเพิ่มความโปร่งสบาย เป็นกันเอง
ลดความอึดอัดเนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด
ตัวโถงอาคารเลือกใช้สีเทาและตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบล้านนาประยุกต์
ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่เราเดินเข้าไปในวิหารตามวัดในภาคเหนือ
บริเวณโถงทางขึ้นบันได ตกแต่งได้สวยงามมากครับ
มีเพียงความมืดของสีเทาดำที่ประดับด้วยงานฉลุลายสามเหลี่ยม
เพิ่มแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาเพียงเล็กน้อย
แต่ทำให้เกิดมิติในการพักอาศัยมาก
ตัดกับสีแดงสดของโคมไฟ
ให้ความรู้สึกเหมือนขึ้นบันไดของบ้านคนเมืองสมัยก่อน
การตกแต่งโถงหน้าลิฟท์ของแต่ละชั้นจะคล้ายคลึงกันครับ
ยังเน้นโทนสีเข้มขรึม
โดดเด่นด้วยพรมผ้าพื้นเมืองที่ทอจากฝีมือของชาวบ้านครับ
มีกรอบรูปประดับงานศิลปะแขวนไว้พอให้ดูได้เพลินๆ รอหว่างรอลิฟท์ครับ
การตกแต่งภายในบริเวณส่วนเตียงนอน
จะมีการนำผ้ามาเป็นวัสดุหลักในการประดับ
ให้เกิดความพริ้วไหว นุ่มนวลชวนฝัน
ในขณะเดียวกันก็สื่อสารความเป็นผ้าฝ้ายล้านนา
ออกมาในงานตกแต่งด้วยครับ
ห้องที่ผมพักจะเป็นแบบ riverview deluxe balcony
ที่นี่ตกแต่งเป็นแบบ Minimalism ครับ ผสมความเป็นล้านนามากับผ้าโปร่ง
ที่นำมาประดับ
เดินเข้าห้องไปจะเจอกับ Jacuzzi ก่อนเป็นอย่างแรกนะครับ อยู่กลางห้องเลย
ส่วนอาบน้ำและห้องสุขา จะอยู่ทางด้านซ้ายของห้อง
ระหว่างพื้นที่ของ Jacuzzi กับห้องนอน จะมีผ้าม่านให้ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว
มีผลไม้เป็น Complimentary ไว้ให้ในห้อง พร้อมน้ำเปล่าซึ่งเสิร์ฟขวดแก้วมานานแล้วครับ
ส่วน ตะกร้าใบนี้สวยมาก
จนอยากถามพนักงานว่า “ไปซื้อที่ไหน”
มันใส่ของได้พอดีเลยครับ
โรงแรมนำมาประยุกต์ใส่พวกเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เหล่านี้เสียเงินนะครับ
ส่วนชากาแฟ มีให้ดื่มฟรีครับ
ก่อนนี้จะมีน้ำมะตูมสมุนไพรวางไว้ให้จิบครับ
หน้ากระจกบริเวณอ่างล้างหน้ามีขนาดไม่ใหญ่
แต่ก็เพียงพอที่วางข้าวของเครื่องใข้ส่วนตัวได้ครับ
ส่วน amenity kit in bathroom ของโรงแรมก็มีครบครันครับ ชอบครีมอาบน้ำ กลิ่นหอมดีมาก มีความธรรมชาติสูง
ถ้าไม่ติดว่าขนาดเล็กพอดีสำหรับ 1 คน
จะชวนมาแช่อ่างด้วยกันครับ
^ ^
ความโดดเด่นอีกอย่างของโรงแรม sala lanna คือ
“ที่นอนหนานุ่ม” มากครับ ชมวิวเชียงใหม่ยามค่ำคืนไปด้วย ทำเองตื่นเต้นจนไม่อยากนอนหลับ แต่พอหลับก็สบายจนไม่อยากตื่น 555
อีกอย่างสิ่งที่ผมชอบมากของที่นี่คือ ส่วนระเบียงครับ
วางเก้าอี้โยก เนื้อไม้หนาปึ้ก นั่งสบาย โยกไปเพลินๆ ฟังเพลงจากลานริมน้ำด้านล่าง
บางวันอาจจะมีอีเวนท์บ้าง ก็สนุกสนานดี
เป็นการพักผ่อนที่แทบไม่ต้องเสียราคาค่างวด แต่ได้คุณค่าทางอารมณ์และจิตใจมากๆ ครับ
ภาพถ่ายจากโรงแรมที่มองเห็นชุมชนวัดเกตุครับ
ถนนเส้นนี้มีสเน่ห์เฉพาะตัว มีความเงียบสลงบ มีอาคารเก่าๆ สวยๆ ซ่อนตัวอยู่มากมาย
เสียดายตรงที่มีสายไฟระโยงระยางบดบังความสวยงามไปเยอะครับ
สระว่ายน้ำของที่นี่จะอยู่ที่ชั้นสี่ ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
สระว่ายน้ำมีขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับการมาแช่น้ำแล้วจิบคอคเทลเบาๆ ริมสระ
ชมวิวดอยสุเทพไป ฟังเพลงไป เพราะที่นี่มี pool bar อยู่ด้วยครับ
เป็น rooftop bar ริมน้ำปิงที่เก๋และเป็นกันเองที่สุดแล้วในย่านนี้
ดึกๆ ถ้านอนไม่หลับก็แวะลงมาจิบเครื่องดื่มเบาๆ ที่สักแก้วก่อนนอนที่บาร์ครับ
มองผ่านแม่น้ำปิงไปจะเป็นชุมชน บ้านคนและกาดวโรรสครับ
มีนางเงือกน้อยมาเล่นน้ำถึงในห้อง
อาหารเช้าที่นี่ มีให้ทานที่ห้องอาหาร หรือใครจะขอให้นำขึ้นมาเสิร์ฟบนห้องก็ได้ครับ
เน้นเป็น A La Carte 1 คนสั่งได้ 1 เซ็ต
มีทั้งไลน์อินเตอร์และล้านนา ครับ
ผมสั่งมาทั้ง 2 แบบเลย
แต่ส่วนตัวชอบน้ำพริกตาแดง ทานคู่กับจิ้นปิ้ง ไข่ต้ม ผักนึ่งและข้าวเหนียวมากครับ
ลำแต้ลำว่า
#โดยสรุป ส่วนตัวชอบความเรียบง่าย
ไม่มีจริตของที่นี่
เป็นโรงแรมที่เหมาะแก่การปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
มีหนังสือน่าอ่านสักเล่มติดมือมาก็พอครับ
ที่ sala lanna Chiang Mai ทำให้เราได้หวนย้อนกลับไปคิดถึงบรรยากาศของ “เวียงบ่าเก่า” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ท่ามกลางเมืองที่เจริญ ซึ่งมีของแถมคือความวุ่นวาย เร่งรีบ
แต่เรากลับสามารถเอนกายปล่อยใจไปอย่างช้าๆ
เฝ้ามองดูเข็มนาฬิกาที่เดินผ่านไปได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
ถ้ามาเชียงใหม่แล้วอยากได้ฟีลล์แบบ “คนเมืองกรุงนุ่งซิ่น” แวะมาพักที่ sala lanna นะครับ