Luxury Khao Kho

“ฝนนี้ ไม่เหงา เที่ยวเขาค้อ”

กานต์เพิ่งกลับจากไปพักผ่อนที่เขาค้อ เพชรบูรณ์มาครับ

เป็นเขาค้อช่วงต้นฝนแต่หลังโควิด

คิดแต่เพียงว่าอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด

ให้ธรรมชาติโอบกอดเรา

“เขาค้อ” จึงเป็นตัวเลือกแรกที่นึกถึง

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก

ใช้เวลาขับรถยังไม่ทันจะเหนื่อยก็ถึงแล้ว

แถมมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย

ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม

และแน่นอนว่า ไอหมอกยามเช้า อากาศหนาวเย็นสบาย

จะกลายเป็นปัจจัยชั้นดีที่ทำให้เราเลือกจัดทริปลักชูรี่เขาค้อ

ออกจากกรุงเทพแต่เช้า

กานต์ว่าเขาค้อ-เพชรบูรณ์ใช้เวลาสัก 3-4 วัน กำลังดีครับ

เพราะตามสไตล์ของเราคือเน้นเที่ยวแบบพักผ่อน

หรือ Leisure Travel

มากกว่าจะไปตระเวนเช็คอินถ่ายรูปแล้วกลับ

ดังนั้น เราจะให้เวลากับแต่ละสถานที่ค่อนข้างนาน

เพื่อรับเอาประสบการณ์ใหม่ในการมาเที่ยวเขาค้อ-เพชรบูรณ์

แถมยังได้ซึมซับเอาความรู้ทางประวัติศาสตร์กลับไปด้วย

กานต์แนะนำเส้นทางและวางโปรแกรมให้คร่าวๆ ดังนี้ครับ

ออกจากกรุงเทพ แวะเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพก่อนเลย

เพราะเราจะผ่านทางนี้

จากนั้น จะได้เวลาอาหารกลางวันพอดี

แน่นอนว่าต้องเป็นไก่ย่างวิเชียรบุรีเท่านั้น

ช่วงบ่ายถึงจะไปไหว้พระเอาฤกษ์ที่วัดธรรมยาน

สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง

แล้วค่อยเลี้ยวเข้าไปยังเขาค้อ

ที่เขาค้อก็มีรีสอร์ทสวยๆ บรรยากาศดีให้เลือกพักกันมากมาย

กานต์เลือกที่ The BlueSky Resort KhaoKho ครับ

ได้อารมณ์เหมือนพักผ่อนอยู่ต่างประเทศ

พอจะทดแทนในช่วงโควิดที่ติดล็อกห้ามบินไปเมืองนอก

เพราะที่นี่เค้าตกแต่งสวยจริงๆ

เหมาะสำหรับ Luxury Lifestyle อย่างเรา

เช้าวันต่อมา ถึงจะไล่เก็บแถบเขาค้อให้หมดก่อน

ไม่ว่าจะเป็น ทานกาแฟ ชมทะเลหมอก

ไหว้พระวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

บ่ายๆ ไปจิบกาแฟกลางป่าสน

แล้วไปชมสวนดอกไม้ GB และทุ่งกังหันลมที่อยู่ติดกัน

จากนั้นค่อยเข้าโรงแรม

หรือใครจะเปลี่ยนไปนอนในตัวเมืองเพชรบูรณ์สักคืน

ก็เป็นไอเดียที่ดีครับ

แนะนำให้พักที่ โรงแรมเอสอาร์ เรสซิเด้นซ์

เข้ามาในตัวเมืองมะขามหวานก็ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาธาตุ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

และหอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัยที่อยู่ใกล้กัน จะได้รู้ที่มาที่ไป

ผมว่า ที่นี่จัดพรีเซนต์เทชั่นผลงานมาแสดงได้น่าตื่นตาตื่นใจดีครับ

รับรองว่า จะได้เห็นเพชรบูรณ์ในมุมใหม่ที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

งานนี้ต้องยกนิ้วให้ ททท.สำนักงานพิษณุโลก หน่วยงานหลัก

และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ที่ช่วยดูแลให้เขาค้อ-เพชรบูรณ์กลายเป็นอีกเมืองที่น่าเที่ยวครับ

ถ้าไม่เชื่อ กานต์อยากชวนให้เปิดดูรูปที่ถ่ายมาฝาก

เพื่อที่จะได้เดินทางไปเที่ยวเขาค้อ-เพชรบูรณ์พร้อมๆ กันเป็นไอเดีย

พอดูจบก็จัดการตะลุยเที่ยวด้วยตัวเองได้เลย

แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันด้วยนะครับ

#LuxuryKhaoKho #TAT #เขาค้อ #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เที่ยวเขาค้อ- เพชรบูรณ์กันครับ
งานนี้ได้รับข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวเยอะเลยจาก ททท.สำนักงานพิษณุโลก ใครอยากเที่ยวพิษณุโลก vs เพชรบูรณ์ สอบถามที่เพจ https://www.facebook.com/TAT.Phitsanulok/ ได้เลยครับ

ออกจากกรุงเทพ เช้าหน่อย ขับรถสบายๆ ไม่นานก็ไปถึงเพชรบูรณ์ครับ

การเดินทางครั้งใหม่ของกานต์ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในเช้าวันที่อากาศดี เป็นใจ

ก่อนจะเข้าตัวเมืองเพชรบูรณ์และเขาค้อ จะต้องผ่าน “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” แนะนำให้แวะเที่ยวที่นี่ก่อนเลยครับ เพราะเป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย ปัจจุบันยังปรากฎร่องรอยหลักฐาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทวารวดี และเขมรตามลำดับ ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไป

ในส่วนอุทยาน จะมี “ปรางค์สองพี่น้อง” เป็นสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมเขมร มีลักษณะเป็นปราสาทที่ก่อด้วยอิฐ สององค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน ไม่ไกลกันจะเป็น “ปรางค์ศรีเทพ” อนุมานได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยเนื่องในศาสนาฮินดู (พราหมณ์) ลัทธิไศวนิกาย และต่อมาคงมีการพยายามซ่อมแซมดัดแปลงแต่ยังไม่แล้วเสร็จเพื่อใช้เป็นศาสนสถานเนื่องในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เช่นเดียวกันกับปรางค์สองพี่น้อง

ตลอดจน “เขาคลังใน” เป็นศาสนสถานสำคัญประจำเมืองที่มีขนาดใหญ่ในวัฒนธรรมทวารวดี เพื่อเป็นศาสนสถานพุทธศาสนาลัทธิหินยานก่อนจะเปลี่ยนเป็นมหายาน

“ปรางค์ฤาษี” เป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเขมรโบราณ ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐไม่สอปูน ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดไม่สูงนัก และมีอาคารขนาดเล็กในบริเวณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยแนวกำแพงก่อด้วยศิลาแลง พบโบราณวัตถุเนื่องในศาสนาฮินดู ได้แก่ ศิวลึงค์ ฐานประติมากรรม และชิ้นส่วนโคนนทิ

“ปรางค์สองพี่น้อง”

ที่นี่มีบริการรถรางรับส่งด้วยครับ สะดวกสบายมากๆ

กานต์ นั่งรถรางเที่ยวไปในหลายจุด ศึกษาประวัติศาสตร์กัน เพราะที่นี่ยังมีอาคารหลุมขุดค้นทางโบราณคดี ที่มีโครงกระดูกมนุษย์และโครงกระดูกช้าง เป็นหลักฐานสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานของชุมชนในระยะแรกเริ่มสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ภายในเมืองโบราณศรีเทพที่มีมากว่า 2000 ปี ก่อนที่จะมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นสังคมเมือง โดยการรับวัฒนธรรมทวารวดีและเขมรตามลำดับ ส่วนโครงกระดูกช้าง เป็นหลักฐานสำคัญประการหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการใช้สอยโบราณสถานในวัฒนธรรมทวารวดีมาถึงวัฒนธรรมเขมรในทางใดทางหนึ่ง เนื่องจากมีการพบอยู่ในระดับเดียวกันกับฐานโบราณสถานชั้นล่างสุด

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งของจังหวัดเพชรบูรณ์

ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพมา ก็จะได้เวลาใกล้เที่ยงครับ ขับรถต่อมายังอำเภอวิเชียรบุรีอีกราว 25 กิโลเมตรก็จะถึงร้าน ไก่ย่างตาแป๊ะ วิเชียรบุรี, ต้นตำรับไก่ย่างวิเชียรบุรี ชื่อดัง

ที่ผมทานจะเป็นสาขาแรกนะครับ เลี้ยวเข้าตัวอำเภอมาราว 50 เมตร

แต่ตลอดเส้นทางจะมีร้านไก่ย่างมากมาย นอกจากตาแป๊ะแล้วก็ยังมีร้านบัวตอง ที่น่าสนใจ ผมทานไก่ย่างอีกครั้งตอนขากลับเข้ากรุงเทพครับ

ช่วงบ่าย เราไปต่อกันที่ วัดธรรมยาน ตั้งอยู่ที่ บ้านห้วยน้ำบ่อ ต.นาเฉลียง อ.หนองไผ่ ที่นี่มีหลวงพ่อวิรัช โอภาโส ซึ่งเคยเป็นพระเลขาของพระหลวงพ่อฤาษีลิงดำแห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ เป็นเจ้าอาวาสที่วัดธรรมยาน

บรรยากาศสวยงาม รายล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ กานต์เก็บภาพมุมสูงมาฝากกัน จากภาพนั้นเราจะเห็น พระอุโบสถวัดธรรมยาน เป็นสถานที่สำคัญของทางวัด

ความงดงามของรูปทรงของพระอุโบสถหลังนี้เป็นศิลปะที่ไม่อาจหาที่เปรียบได้ รอบพระอุโบสถ จะมีระเบียงคด 3 ด้านตลอดแนวของระเบียงคด เป็นที่ประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้า 28 พระองค์โดยรอบ

ด้านหน้าเป็น “พญานาคพ่นทรัพย์” คือ พญาศรีสุนันท์ และ พญาศรีสุธน ความยาวตัวละ 35 เมตร ซึ่งมีลักษณะโดดเด่น เป็นแลนด์มาร์คที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปและสักการะ

พญานาคจะพ่นน้ำหันหน้าเข้าหากัน ว่ากันว่าเปรียบเสมือนได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว พร้อมกับมีการร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคทั้ง 2 องค์จนได้ชื่อว่าเป็น พญานาคพ่นทรัพย์ เนื่องจากมีผู้คนไปขอพร แล้วได้โชคลาภกันกลับบ้านไป 

ภายในพระอุโบสถของวัดธรรมยาน ตกแต่งด้วยไม้ไม่เน้นลวดลายจากกระจกหรือแก้วมากนัก เป็นงานพุทธศิลป์แบบเรียบง่าย ไม่มีภาพจิตรกรรม แต่กลับมีความสวยงามจนน่าประทับใจแก่ผู้ที่มาพบเห็น

พระประธานวัดธรรมยาน เป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามมากประดิษฐานซ้อนกันอยู่ 2 องค์

กำแพงทางเข้าวัด เป็นอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงกันเป็นแถวยาว งดงามมากครับ

จากนั้น ก่อนเข้าเขาค้อจะเป็น “อนุสาวรีย์เทิดพระเกียรติพ่อขุนผาเมือง”

สร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงเกียรติคุณความดี วีรกรรม ความกล้าหาญ ความเสียสละของ พ่อขุนผาเมือง (เจ้าเมืองราด) วีระกษัตริย์ไทย ปัจจุบันกลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวเพชรบูรณ์ รวมทั้งผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา

แนะนำให้มากราบสักการะขอพรก่อนเดินทางไปเขาค้อครับ

เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 1800 พ่อขุนผาเมือง เป็นผู้ทรงร่วมกับพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยางพระสหาย ในการสถาปนาราชอาณาจักรสุโขทัย โดยการนำไพร่พลทำสงครามขจัดอำนาจการปกครองของขอมให้พ้นจากดินแดนสุโขทัย

อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมืองในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาทรงดาบปักลงดิน พระหัตถ์ซ้ายชี้ลงพื้น พระรูปทำด้วยโลหะ
ตั้งเด่นเป็นสง่า แม้วันเวลาจะผ่านไปนานเพียงไร ก็ยังคงความแข็งแกร่งและมั่นคง เป็นที่สักการะบูชาของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ และผู้เดินทางผ่านไปมาเส้นทางนี้

The BlueSky Resort KhaoKho โรงแรมที่ออกแบบเป็นหมู่บ้านชนบทเล็กๆ สไตล์อังกฤษที่อยู่ทามกลางหุบเขาและสายหมอก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสวนสวย อยากหามุมถ่ายภาพหวานและหรูหรา มีสวนดอกไม้และดอกหญ้าพริ้วไหว แถมช่วงไหนฝนตกจะได้พบกับสายหมอกบางได้บรรยากาศโรแมนติกชวนฝันเป็นอย่างมาก

กานต์ไปถึงโรงแรมช่วงเย็นพอดี จึงมีโอกาสเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ลานชมวิว 360 องศา มาฝากกัน บรรยากาศโรแมนติกมากๆ ครับ

รูปแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากหมู่บ้านชนบทจริงๆ การตกแต่งเน้นสีขาวตัดสลับกับสีเขียวของต้นไม้และสีฟ้าสบายตา เหมาะแก่การมาพักผ่อนสบายๆ

ของตกแต่งในโรงแรมจะเป็นสไตล์วินเทจ มีความโมเดิร์นอิงลิชพอประมาณ ส่วนตัวกานต์ชอบดอกหญ้าที่เลือกนำมาใช้ตกแต่ง ต้องการให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกเหมือนกำลังเดินในหมู่บ้านชนบทจริงๆ มีความพร้ิวไหวยามสายลมพัดสบายๆ ตลอดเวลา

ห้องพักจะตกแต่งแบบอิงลิชวินเทจ เก๋ๆ เหมาะแก่การเปลี่ยนบรรยากาศความวุ่นวายในเมืองมาพักผ่อนที่นี่

Good Morning Khao Kho

เช้านี้ที่เขาค้อ เรารีบตื่นแต่เช้า เพื่อจะไปชมทะเลหมอกซึ่งเป็นไฮไลท์ของเขาค้อ จุดชมวิวที่น่าสนใจมีมากมายครับ กานต์เลือกไปจิบกาแฟที่ Pino Latte Resort & Cafe

มองจากร้านกาแฟ ซึ่งจะอยู่ท่ามกลางวิวขุนเขาน้อยใหญ่ลดหลั่นกันไป และจะได้ภาพอีกมุมของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่ดูแล้วก็แปลกตาดีครับ ซึ่งนับว่าเป็นมุมที่มีความงดงามมาก ด้วยแสงอาทิตย์สีทองที่ต้องประกายกับตัววัด ทำให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

สำหรับการมาเที่ยวเขาค้อ ผมขอแนะนำว่าให้เตรียมเมมโมรี่การ์ด ชาร์จแบตมาให้พร้อมครับ เพราะมุมไหนก็สวยน่าถ่ายรูปไปเสียหมด

ช่วงเช้า เราใช้เวลาไปกับการตระเวนถ่ายรูปทะเลหมอกในหลายจุด ซึ่งที่จึุดชมวิวทะเลหมอกสาธารณะในตัวอำเภอเขาค้อ ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมหาชนที่ผู้คนนิยมมาเก็บภาพกันที่นี่ครับ

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว เป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดอีกอย่างของการมาเที่ยวเขาค้อครับ

ตัววัดตั้งอยู่บริเวณเนินเขาซึ่งมีความโดดเด่นมาก สามารถมองเห็นได้จากถนนสายหลัก

ส่วนสาเหตุที่เรียกกันว่า “ผาซ่อนแก้ว” นั้น เนื่องจากมีภูเขาสูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณวัด รวมไปถึงศาลาปฏิบัติธรรม และยอดเขา มีถ้ำอยู่บนปลาย ตามตำนานเล่าว่า เคยมีชาวบ้านหลายคนที่ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา จึงพากันเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา จึงเรียกได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความมงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกต่อๆ กันมาว่า “ผาซ่อนแก้ว”

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ให้ได้มาพักกายพักใจในที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยหุบเขาที่แสนสงบเงียบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรม

นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย เพราะแรงศรัทธาที่มหาศาล ตลอดจนความสวยสดงดงามและตำนานในการก่อสร้างวัด ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนที่นี่ได้อย่างไม่ขาดสาย

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สร้างขึ้นเพื่อเพื่อเป็นการร่วมน้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหาวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนม์มายุ 85 พรรษา ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบต่อไป

นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานของ “มหาวิหาร พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” เป็นพระพุทธรูปสีขาวซ้อนกัน 5 องค์ มีความใหญ่โตโอ่อ่า ทำให้เกิดภาพอันงดงามที่ไม่สามารถหาชมได้จากที่ไหน

ตลอดจน ด้วยทัศนียภาพรอบด้านที่มองทางไหนก็เห็นทิวเขาและสายหมอกรายล้อมตลอดเวลา จึงเปรียบราวกับสวรรค์ชั้นฟ้าที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม

ชั้นที่ 1 และ 2 ได้จัดเป็นที่พักของผู้เข้าปฏิบัติธรรม ส่วนบริเวณอื่นๆ นั้น ใช้เป็นที่ประกอบศาสนากิจ ได้แก่ การสวดมนต์ ฟังธรรม และการปฏิบัติภาวนา

ตรงข้ามเป็น เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต สร้างถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็นที่สืบพระศาสนา ให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ส่วนบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์จะเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ในทริปนี้ เป็นบุญของผมที่ได้รับเมตตาเป็นกรณีพิเศษจากพระครูปลัดปารมี สุรยุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ให้ได้เข่้าไปชมในศาลาปฎิบัติธรรม(ศาลาพระหยกเขียว) เป็นศาลารูปทรงจัตุรัสโปร่งรายรอบด้วยบานกระจกขนาดใหญ่เพื่อให้สัมผัสกับธรรมชาติของขุนเขาอันเขียวชอุ่ม พร้อมทั้งมีสวนดอกไม้ นานาพันธุ์โดยรอบ ภายในประดิษฐานพระพุทธเลิศรัตนโชติมณี หรือ “พระหยกเขียว” เป็นพระพุทธรูปหยกปางมารวิชัย ซึ่งเป็นศิลปะสมัยเชียงแสน มีขนาด หน้าตัก 65 นิ้ว ทั้งองค์พระถูกแกะสลักจากหยกเขียวทั้งก้อน ที่พระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็น พระสารีริกธาตุที่รับเมตตาประทาน จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณา

พระครูปลัดปารมี สุรยุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ยังได้เมตตานำชมลานพระสยามเทวาธิราช

กานต์ยังได้มีโอกาสร่วมปลูกป่ากับภิกษุสามเณรอีกด้วยครับ

ช่วงบ่าย เราขับรถต่อกันไปยังแคมป์สน จะเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟน้องใหม่แห่งเขาค้อ Cedar ป่าสน cafe’ at เขาค้อ เป็นเรือนไม้ยกสูง ท่ามกลางป่าสน บรรยากาศดี

เหมือนทานกาแฟอยู่กลางป่าสน อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ถ้ามาช่วงเย็นจะยิ่งสวยครับ สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกดินได้ที่นี่

ไร่ GB เขาค้อ เป็นอีกสถานที่ยอดฮิตของการมาพักผ่อนที่นี่ สีสันของดอกไม้สวยสดงดงามสบายตา

ตอนนี้มีทุ่งดอกไม้สีม่วง ดอกเวอร์บีน่า ท่ามกลางวิวทิวเขาสลับซับซ้อน ซึ่งหากต้องการชมทุ่งดอกเวอร์บีน่า ซื้อบัตรที่ประตูทางเข้าในราคา 10 บาท ก็จะพบกับทุ่งดอกเวอบีน่าสีม่วงกำลังบานสะพรั่ง รวมถึงทุ่งดอกเสี้ยนฝรั่งสีชมพูที่ปลูกอยู่ใกล้กัน

ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย ทางไร่ได้จัดให้มีช่องทางเดินเป็นแถวเอาไว้ สามารถเดินหามุมถ่ายกันได้ตามใจ คนอาจจะเยอะนิดหน่อยก็ต้องทำใจ

แต่ขอความกรุณาระวังอย่าไปเหยียบหรือจับดอกไม้แรงจนเกินไป ดอกไม้จะได้ไม่ช้ำและอยู่นานๆ เพื่อให้คนมาทีหลังได้ถ่ายภาพต่อนะครับ 

ภายในไร่ GB นอกจากมีทุ่งดอกไม้หลากสีแล้ว ยังมีชิงช้าแบบโบราณให้ถ่ายรูปสวยๆ มีระเบียงจุดชมวิวให้นั่งหย่อนใจด้วย ใครคอกาแฟก็มีร้าน Mongker ไว้บริการ

มองจากไร่ GB เราจะเห็นกังหันลมขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่าน ไว้รอให้เราถ่ายรูปจากมุมไกลแบบนี้ครับ

คึนนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวในตัวเมืองเพชรบูรณ์กันบ้าง จากอำเภอเขาค้อ กลับเข้าไปในเมืองราวๆ 40 กิโลเมตร ขับรถสบายๆ ไม่รีบครับ

คืนนี้พักที่โรงแรม SR Residence Hotel เป็นโรงแรมหรูสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศรอบล้อมด้วยทุ่งกว้างและทิวเขา บรรยากาศสดชื่นสบายๆ สามารถรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมได้เลยครับ

กานต์เลือกจอง Room Type President เอาไว้ เป็นห้องใหญ่ที่สุดของที่นี่ ซึ่งภายในจะแยกโซนพักผ่อนกับเตียงนอนออกจากกัน ความเก๋คือเสิร์ฟ์น้ำแร่เพอร์ร่าในห้องพักจ้า หรูหราไปอีก แต่ที่ชอบอีกอย่าง คือมีบริการเก้าอี้นวดไฟฟ้าตั้งไว้ในห้องนอนเลย ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าจากการขับรถไปมาได้ดีมาก

โรงแรมเอสอาร์ เรสซิเด้นซ์ เป็นอีกโรงแรมที่อยากจะแนะนำสำหรับใครที่จะมาพักในตัวเมืองเพชรบูรณ์ครับ

ในตัวเมืองมะขามหวาน เพชรบูรณ์มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งครับ

กานต์แนะนำว่าให้ตั้งหลักจากศาลหลักเมืองก่อน ขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคล ที่นี่ เป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากเมืองศรีเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2447 คาดว่ามีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 1112 ลงมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 1718

เสาหลักเมืองตั้งอยู่ในศาลาไทยตรีมุข มีลักษณะเป็นแท่งเสาหินทราย จารึกด้วยอักษรขอม และภาษาสันสกฤต ประดิษฐานอยู่ในตู้กระจก อาจจะมองเห็นจารึกยากนิดหน่อยเพราะมีแสงสะท้อน

อย่างไรก็ตาม สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นไปตามความเชื่อโบราณ ซึ่งหมายถึงการก่อตั้งชุมชนและเมืองเพื่อเป็นมิ่งขวัญและเป็นที่ยึดถือทางจิตใจให้ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก

โดยแต่ละวันที่ศาลหลักเมืองแห่งนี้จะมีผู้คนเดินทางมาสักการะขอพร และบนบาน ยามที่มีปัญหาทุกข์ร้อนหรือต้องการสิ่งใด ก็จะมากราบขอพรจากองค์เจ้าพ่อหลักเมือง และหากสมความปรารถนาจะมีการมาแก้บนด้วยการแสดงมโหรสพตลอดทั้งปี

ใกล้กันเป็นประติมากรรมมะขามหวาน สัญลักษณ์ของเมืองเพชรบูรณ์

จากนั้น เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งจะเป็นที่ตั้งของ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ซึ่งเป็นพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสอันดับที่ 72 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

แต่เดิมอาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า โดยจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคศรีเทพ และจัดแสดงในช่วงต่อมาคือ สมัยสุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ จนถึงยุคร่วมสมัย

ภายในอาคารมีห้องสมุดทางวัฒนธรรมของเพชรบูรณ์และห้องจัดนิทรรศการหมุนเวียน

การจัดแสดงแบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่
ห้องที่ 1 โรงหนังไทยเพชรบูรณ์เป็นการจำลองโรงหนังแห่งแรกของเพชรบูรณ์
ห้องที่ 2 ห้องจากเขาคะนาถึงศรีเทพจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเพชรบูรณ์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคศรีเทพ
ห้องที่ 3 จัดแสดงเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองเพชรบูรณ์ในสมัยสุโขทัย พบหลักฐานสำคัญให้ทราบว่าชื่อเดิมของเพชรบูรณ์คือเพชบุระ และ
ห้องที่ 4 จัดแสดงเกี่ยวกับแผนการให้จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นเมืองหลวงของไทย มีห้องหลักเมือง ห้องเพชรบูรณ์เมื่อวันวาน ห้องตำนานเพชรบูรณ์ และห้องครัวเพชรบูรณ์

วัดมหาธาตุ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ ที่ควรค่าแก่การมาสักการะเยี่ยมชม

วัดมหาธาตุมีฐานะเป็นพระอารามหลวง ภายในมีพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย สูงประมาณ 4 วาเศษ ซึ่งตามประวัติแล้ว สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ทางกรมศิลปกรได้บูรณะพระเจดีย์องค์นี้ ได้ขุดพบลานทองจารึกในพระเจดีย์องค์ใหญ่หลังพระอุโบสถ และได้นำโบราณวัตถุที่บรรจุเจดีย์นั้นขึ้นมาด้วย มีสิ่งหนึ่งที่ได้มาพร้อมกับพระเครื่อง พระบูชา เป็นรูปช้าง รูปหมู ในท้องหมูมีลานทองจารึกอยู่ 3 แผ่น มีข้อความตามจารึกว่า “พระเจ้าเพชรบุรเป็นลูกพระญาอนรงปรดิสถาแล” เขียน เป็นคำปัจจุบันได้ “พระ เจ้าเพชรบุรเป็นลูก พระยาอันรงประดิษฐานไว้”จึงทำให้เราทราบว่า”เพชรบูรณ์”แต่เดิมนั้นคือ “เพชรบุร”

นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ตอนต้น ๒ องค์ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 36 นิ้ว 2 องค์

องค์ที่ 1 ประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ คือหลวงพ่องาม องค์ที่ 2 ประดิษฐานในวิหารวัดมหาธาตุ คือหลวงพ่อเพชรมีชัย

ถ้ามีโอกาสอยากให้เผื่อเวลามานั่งทานกาแฟและขนมที่ร้าน Meng Bekery & Coffee เป็นร้านกาแฟและขนมที่อยากชวนแวะให้มาทานหากใครได้ผ่านเข้ามาในตัวเมืองเพชรบูรณ์ครับ เป็นร้านที่ติดอันดับ 1 ใน Tripadvisor ซึ่งมีเบเกอรี่อร่อยๆ หลายอย่างให้เลือกทานในบรรยากาศแบบสวนหลังบ้าน แต่ที่ต้องบอกว่าห้ามพลาดคือ Signature ของทางร้าน “ฮอร์นครีม” หรือขนมก้นหอย แป้งนุ่มมาก ครีมไม่หวานจนเลี่ยน ทานกับกาแฟขมๆ เข้ากันดี มีหลายรสชาตให้เลือกทั้งวานิลลา ใบเตย ช็อคโกแลตและชาไทย แถมราคายังไม่แพงจนเกินไป กานต์ซื้อกลับไปฝากที่กรุงเทพหลายชิ้นเลยครับ 

#โดยสรุป เขาค้อและเพชรบูรณ์ เป็นอีกจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับใครที่ต้องการมองหาสถานที่พักผ่อนในบรรยากาศแบบธรรมชาติสบายๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก สามารถขับรถชวนคนรัก หรือมากับเพื่อน ครอบครัวได้เลยครับ กับไลฟ์สไตล์ที่หรูหรามีระดับ เป็นการเที่ยวแบบไม่ต้องเร่งรีบมากนัก เพื่อที่จะได้พักผ่อน ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ นอกจากธรรมชาติที่สดชื่นสมบูรณ์แล้ว เพชรบูรณ์ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมดีๆ ติดกลับไปอีกด้วย

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเขาค้อและเพชรบูรณ์ได้ที่ ททท.สำนักงานพิษณุโลก หรือที่ https://www.facebook.com/TAT.Phitsanulok/

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน